สรุปแล้วก็คือ ฐานะของเขานั้นมันต่ำต้อยเกินไป ความสามารถยังไม่มากพอ
ถึงแม้ิอวี่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าจะอยู่ในจุดที่ไม่พ่ายแพ้แก่ใคร แต่ว่า ต่อให้ไม่นับผู้กล้าสายอื่นอีกแปดสายในสำนักเทพอัคคี แค่ในสายเลี่ยนเหยียนสายเดียวก็มีผู้กล้าที่เก็บซ่อนความสามารถเอาไว้มากมายแล้ว
ลองคิดดูนะว่า เด็กใหม่อย่างเซินถูเจ๋อก็สามารถทำให้ิอวี่รู้สึกว่ารับมือได้ยากแล้ว ถ้าเมื่อสิบปีก่อนก็มีคนที่มีความสามารถเฉกเช่นเดียวกับเซินถูเจ๋อแล้วฝึกต่อไปอีกสักสิบปีล่ะ?
พวกเขาจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ!
แน่นอนว่าิอวี่นั้นมีความสามารถแฝงที่เปี่ยมล้น แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่เขาไม่รู้จักพวกนี้นั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ไม่รู้เลยว่าต่อไปเขาจะต้องไปเจออันตรายอะไรที่ยากที่จะรับมืออีกไหม เื่นี้มันเริ่มทำให้ิอวี่เกิดความรู้สึกกลัวและไม่สบายใจ
เส้นทางสายยุทธ์ ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ ผู้แข็งแกร่งมีอำนาจมีบารมี ผู้อ่อนแอกลับต้องได้รับความอยุติธรรมและความอัปยศ!
หากิอวี่ไม่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่มีทางได้กลับไปเอาชนะต้วนอู๋ซวงและกว่างหานอ๋องที่ราชวงศ์ต้าิได้ หรือต่อให้อยู่แค่ในสายเลี่ยนเหยียนก็อาจจะกลายเป็เป้ารังแกของศิษย์ที่แข็งแกร่งกว่า
เพื่อต้าิและเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ิอวี่จึงคาดหวังในความสามารถที่สูงมากยิ่งขึ้น
พริบตาเดียว สายตาของิอวี่ก็เริ่มหนักแน่นขึ้น!
เขามองไปยังซุนเหิงที่ถูกเขาตีอีกครั้งแล้วก็ไม่แยแสอีกเลย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเ็าสั้นๆ ว่า “ไป”
เดิมซุนเหิงอยากจะพูดอะไรอีก แต่เมื่อมองสายตาของิอวี่แล้วเขาก็รู้สึกกลัว ทั้งๆ ที่เขาเป็ถึงผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง แต่ว่าเขากลับไม่กล้าลงมือด้วยเลย
ในปีที่ผ่านมา ซุนเหิงเข้ามาเพื่อเป็ตัวตลก การต่อสู้จริงจังสักครั้งก็ไม่มีเลย วุฒิภาวะทางด้านจิตใจก็แย่จนเกินบรรยาย เมื่อครู่เขาถูกิอวี่ตะคอกแค่ทีเดียว ถึงแม้จะรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรม แต่แม้แต่ผายลมเขายังไม่กล้าปล่อยเลย ทำได้แค่จ้องตาเขม็งใส่ิอวี่เท่านั้น จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วจากไปแบบทุลักทุเล
ส่วนเจียวเจียวที่มองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นก็รู้ดีว่าสถานการณ์แบบนี้ตนเองเป็คนผิด นางอับอายจนหน้าแดงไปหมด
อยู่ต่อไปก็ขายหน้าเปล่าๆ นางเลยรีบไปในทันที
หลังจากได้ระบายอารมณ์แล้ว ในใจของิอวี่ก็สงบลงชั่วคราว เขารู้ว่าความโกรธมันไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ จะต้องพัฒนาไปมากกว่านี้เท่านั้นถึงเป็การกระทำที่ถูกต้องที่สุด
หลังจากแก้ไขเื่นี้ไปแล้วิอวี่ก็สามารถเข้าแถวต่อได้อย่างสบายใจ และเมื่อลมพายุผ่านไปแล้วทุกคนเองก็เริ่มเข้าแถวต่อ ปัญหาเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเป็เพราะทุกคนไม่รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของิอวี่ แต่พอเห็นเขาลงมือก็เหมือนจะเป็ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง สำหรับทุกคนแล้วมันก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร
ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วยามใต้แสงอาทิตย์ ท้องฟ้าเริ่มค่อยๆ มืดลง ในที่สุดก็มาถึงคิวของิอวี่แล้ว
ผู้าุโตรวจสอบสถานะของิอวี่แล้ว และยืนยันว่าในตัวของเขามีตราประทับไฟกับบัตรแก้วแห่งเปลวเพลิง ถึงได้ปล่อยเขาเข้าไปในอุโมงค์เพลิง
เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว ิอวี่ก็รู้สึกเลยว่ามีพลังงานธาตุไฟหมุนเวียนอยู่จำนวนมาก
สิ่งที่แตกต่างออกไปจากการทดสอบเมื่อเช้านี้ก็คือ พลังงานความร้อนในการทดสอบครั้งแรกนั้นถูกปล่อยออกมาจากในถ้ำเขาหินเพลิง แต่ในอุโมงค์เพลิงนี้มีพลังงานเพลิงที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่แค่ความร้อน แต่ผู้กล้ายังสามารถดูดซับมันได้อย่างง่ายดาย
อยู่แค่ปากอุโมงค์เพลิงิอวี่ยังััได้ถึงลมปราณที่หนาแน่น ไม่รู้ว่าภายในอุโมงค์นั้นจะเป็แบบไหนกันนะ
ตอนที่ิอวี่เข้ามาด้านใน ถึงได้พบว่าในอุโมงค์เพลิงนั้นแตกต่างออกไป
ภายในอุโมงค์เพลิงนั้นมีพื้นที่กว้างมาก ซึ่งล้วนแต่มีพลังงานพวยพุ่งออกมา เพราะมันเป็สถานที่ที่สะสมพลังงานจำนวนมาก มันเลยทำให้พลังงานธาตุไฟนั้นหมุนเป็พายุอย่างต่อเนื่อง
และรอบเสารวมไปถึงผนังใสที่หนา มีการร่ายลายเส้นอักขระเฉพาะเอาไว้ มันสามารถถ่ายพลังงานไฟออกมาได้ตามอัตราที่กำหนด
มีห้องฝึกแบบปิดตายห้องเล็กๆ จำนวนมาก บนผนังใสปรากฏรูปร่างเกลียวแผ่กระจายอยู่เต็มผนัง
นั่นคือ อุโมงค์เพลิงมีขั้นบันไดเป็แบบบันไดวน และเวียนลงไปด้านล่างอย่างต่อเนื่อง
เพราะพลังงานเพลิงที่สั่งสมมันอยู่ลึกเข้าไปด้านในของอุโมงค์เพลิง และค่อยๆ แผ่กระจายออกไป้า ดังนั้น ห้องฝึกที่อยู่้าจะได้รับพลังงานค่อนข้างน้อย ส่วนห้องฝึกที่อยู่ด้านล่างลึกลงไปนั้นก็จะได้พลังงานที่เยอะมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงต้องจ่ายค่าผลงานที่เยอะมากขึ้น
ด้านข้างห้องฝึกจะมีเครื่องสอดบัตร เมื่อนำบัตรแก้วแห่งเปลวเพลิงเสียบเข้าไปแล้วลายเส้นอักขระก็จะทำงาน จากนั้นระบบก็จะหักค่าผลงานตามระยะเวลาการใช้งานห้องฝึก เมื่อดึงบัตรออกหรือค่าผลงานในบัตรหมดลง ลายเส้นอักขระก็จะหยุดทำงานทันที
เมื่ออ่านกฎระเบียบบนผนังห้องโถงใหญ่ชั้นบนจนเข้าใจแล้ว ิอวี่ก็ค่อยๆ เดินลงบันไดมา
ตรงบันไดของชั้นบน มีศิษย์เข้าๆ ออกๆ หลายคน เหมือนบริเวณนี้จะมีศิษย์ฝึกเยอะมากที่สุด
ิอวี่ลองเข้าไปฝึกในห้องที่มีเขียนไว้ว่า “ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้า” ที่อยู่ชั้นบนสองสามนาที ก็พบว่าพลังงานด้านในห้องนั้นหนาแน่นมาก แต่ว่าไม่ยังไม่ตรงตามที่เขา้า
ดังนั้นเขาก็เลยเดินลงไปตามบันไดวนและลองเข้าไปในห้องฝึกที่เขียนเอาไว้ว่า “ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง” เขาพบว่าพลังงานภายในนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก เขาััได้ว่ามันทำให้รูขุมขนของเขาเปิดออก และดูดพลังงานบริสุทธิ์เ่าั้อย่างบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ิอวี่ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ยัง ขาดอีกหน่อย” ิอวี่บ่นพึมพำ
เขาออกจากห้องฝึกไปในทันที และเดินลงลึกไปยิ่งขึ้น
ผู้กล้าบริเวณนี้ค่อยข้างน้อย ลายเส้นอักขระเกิดเสียงดังขึ้นเล็กน้อยที่หน้าห้องฝึกแบบปิดที่มีอักษรที่เขียนว่า “ขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง” และเหมือนจะมีศิษย์ฝึกอยู่ด้วย
ิอวี่เดินเข้าไปด้านในก็บังเอิญเห็นห้องฝึกห้องหนึ่งประตูเปิดอยู่ เขาจึงรีบเดินเข้าไป และนั่งอยู่บนเบาะรูปวงกลมในห้องแคบๆ นั้นทันที
นอกผนังใสเหมือนมีพลังงานไฟที่หมุนดั่งพายุ และบนผนังก็เหมือนจะมีแสงของลวดลายสีทองอ่อนที่สวยงามอยู่ ...
ลายเส้นอักขระเริ่มทำงาน!
ประตูห้องปิดลง
พลังงานที่หนาแน่นจากบนผนังพรั่งพรูออกมา และกระจายตัวออกไปทั่วห้องแคบๆ นั้น
ิอวี่ััได้ทันทีว่าพลังงานความร้อนดังกล่าวกำลังหมุนรอบตัวของเขาอยู่
“กำลังดีเลย ระดับพลังงานเป็ระดับสูงสุดที่ข้าดูดซับได้!”
สายตาของิอวี่นั้นดีใจอย่างมาก เขาสูดลมหายใจเอาอากาศร้อนนั้นเข้าไปตามหลักเคล็ดลับในการฝึก จากนั้นก็ดูดเอาพลังงานความร้อนรอบตัวเข้าสู่ร่างกาย เขารู้สึกว่าพลังงานทั้งหมดนั้นกำลังให้ร่างกายของเขาแผดเผา สถานะหยางถูกเปิดใช้งานขึ้นเองโดยทันที ทำให้เขาเหมือนนั่งขัดสมาธิอาบน้ำในท่ามกลางทะเลเพลิง
หากมีใครมาเห็นิอวี่ในสภาพนี้จะต้องตกตะลึงจนสติหลุดแน่
ปกติแล้ว ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าเข้ามาฝึกในห้องนี้ครั้งแรกได้ครึ่งชั่วยามก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ถ้าอดทนจนได้สามชั่วยามถือว่าเป็ผู้มีความสามารถ
แต่ว่าิอวี่เหมือนจะยังไม่พอ เขากลับมาดูดซับเอาพลังงานของผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สองแทน!
เื่นี้เดิมก็เป็เื่ที่น่าเหลือเชื่อมากอยู่แล้ว!
พวกเขาไม่รู้เลยว่า ิอวี่ฝึกเคล็ดวิชาหยินหยางขั้นสูง มีกายเหล็กสุริยัน มีชีพจรัเฉินจิน มีกระดูกชุบทอง มีผลาญโลหิต มันทำให้ร่างกายของเขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและหนาแน่น หลังจากนั้นิอวี่ยังสร้างร่างแห่งหยินหยางขึ้นมาอีก ภายใต้สถานะหยาง พลังงานคุณภาพแห่งเปลวไฟในตัวของเขามันก็ไปถึงขีดสุดด้วย
ดังนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับพลังงานความร้อน เขาถึงได้สามารถอดทนต่อไปได้เรื่อยๆ !
ถึงอย่างนั้น ิอวี่ก็ยังััได้ว่ารอบตัวของเขานั้นร้อนมาก
ถึงแม้พลังงานความร้อนพวกนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไฟแห่งหยางในร่างกายเขา แต่ว่า พลังงานความร้อนพวกนี้เป็พลังงานบริสุทธิ์ที่มีความหนาแน่น ในด้านปริมาณมันจึงมีมากกว่าของิอวี่มาก
ดังนั้น เขาจึงยังรู้สึกทรมานเพราะความร้อน!
พริบตาเดียว บริเวณหน้าผากของิอวี่ก็มีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด และเมื่อเหงื่อมันหยดลงมาก็ถูกความร้อนเผาจนระเหยหายไปหมด
ในสภาวะแบบนี้ิอวี่จึงเริ่มปรับสภาพจิตใจ หลังผ่านไปครึ่งชั่วยามเขาก็เริ่มค่อยๆ ชินกับอุณหภูมิความร้อนแบบนี้
จากนั้นิอวี่ถึงได้ปรับดึงพลังงานความร้อนั้แ่แขนขา ค่อยๆ ถ่ายไปตามชีพจรต่างๆ แล้วไปรวมเอาไว้ที่บริเวณหัวใจ
วินาทีที่พลังงานความร้อนเ่าั้ััหัวใจของิอวี่ เขาก็รู้สึกเสียววาบ
ต่อให้ิอวี่จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ได้ฝึกอวัยวะภายในทั้งหมด พวกมันจึงยังคงอ่อนแออยู่ วินาทีที่พลังงานความร้อนมันพุ่งเข้าไปสู่หัวใจิอวี่เลยรู้สึกทรมานอย่างมาก
แต่ิอวี่เตรียมใจมาก่อนแล้ว เขารู้ดีว่าคิดอยากจะผ่านด่านนี้ไปจะต้องผ่านความเ็ปแบบนี้
ระหว่างที่ตัวไหมกำลังจะกลายเป็ผีเสื้อนั้นลำบากมาก แต่ว่าเมื่อมันสยายปีกได้มันก็จะกางได้ออกมาได้อย่างงดงามที่สุด!
“อดทนไว้!”
ิอวี่ใช้พลังจิตในการควบคุมพลังงานความร้อน ควบคุมระดับการปล่อยถ่ายให้ค่อยๆ เข้าไปในหัวใจและเริ่มก่อตัวเป็กระแสลมปราณที่อยู่ในหัวใจของเขา
ค่อยๆ เพิ่มพลังงานทีละเล็กละน้อยเข้าไปในโพรงอากาศ ก่อตัวเป็มุมแสงสีแดงทองประกายระยิบระยับ
ถึงแม้มันจะเป็เส้นๆ แต่ิอวี่กลับรู้สึกว่ามันมีความร้อนเป็ก้อนๆ อยู่ในหัวใจของเขา มันกำลังกระตุ้นเืเนื้อบริเวณรอบๆ หัวใจอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขารู้สึกเ็ปจนตัวสั่น
หากเป็ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าทั่วไปเจอแค่พลังงานไฟบริสุทธิ์แบบนี้เพียงหยดเดียว หัวใจก็น่าจะถูกเผาจนไหม้เละไปหมดแล้ว แต่ิอวี่อาศัยร่างกายและิญญาที่แข็งแกร่งและจิตที่ไม่เหมือนคนปกติอดทนไปได้
เวลาล่วงเลยไปิอวี่ก็เริ่มเข้าสู่สถานะลืมตัว
ดวงจิตเทวะค่อยๆ เป็รูปเป็ร่างขึ้นมาชัดเจนขึ้นแล้ว!
