ในวันแรกที่ทำงาน สถานการณ์ยังคงคงที่
“นี่ ช่วยข้ายกไปหน่อยสิ ข้าจะพักสักหน่อย” น้ารองวางอำนาจบาตรใหญ่สั่งคนงานที่ถูกจ้างระยะยาว
คนงานคนนั้นอายุยังน้อย ต่างกันเหล่าผู้ใหญ่ที่มีอดกลั้น
เมื่อเห็นท่าทีที่น้ารองแสดงออก เด็กหนุ่มคนนั้นจึงทิ้งจอบลงทันที “เ้าคิดว่าตนเองเป็นายหรืออย่างไร ก็ทำงานด้วยกันทั้งนั้น ทำไมข้าจะต้องยกไปให้เ้าด้วย ก้อนหินก้อนนี้อยู่ตรงหน้าเ้า ทุกคนต่างก็กำลังบุกเบิกที่ดิน ทำไมข้าจะต้องมาทำตัวเหมือนเป็หลานของเ้าด้วย ถุย ทำตัวเป็นาย อยากเป็นาย กลับไปเป็ที่บ้านเ้าเถอะ ถ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำงานหาเงินกินข้าว ก็ไม่ต้องมาทำงานนี้”
ปกติน้ารองเป็คนี้เีคนเคยตัว การบุกเบิกที่ดินเป็งานที่เหน็ดเหนื่อยมาก ก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้านี้มีน้ำหนักราวๆ 60-70จิน หากให้เขาเคลื่อนย้ายมันไปเขาสามารถทำได้ แต่มันกินแรงเกินไป จึงได้ใช้เด็กหนุ่มข้างๆ ให้ช่วยยก
เรียกให้คนอื่นช่วยเหลือ แต่ยังวางท่าแสดงออกด้วยท่าเหมือนคนเป็นาย ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีคนยินยอมจะทำให้
อีกทั้งเขาพูดแค่ประโยคเดียวก็ทำให้เด็กหนุ่มโกรธใส่เขาเป็ฟืนเป็ไฟ
น้ารองได้ฟังก็ตกแขนเสื้อแสดงท่าทีโเี้ใส่เด็กหนุ่มคนนั้น “ไอ้หนุ่ม เ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็ใคร ข้าเป็น้ารองของซูฉีเฉียวนะ ซึ่งก็หมายความว่าพวกเ้าต่างก็เป็คนที่หลานสาวของข้าเชื้อเชิญให้มาทำงานทั้งนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าให้เ้าทำอะไร เ้าก็ต้องทำตาม เร็วๆ เข้า ยกก้อนหินก้อนนี้ออกให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะเอาเื่นี้ไปบอกหลานสาวของข้า”
เด็กหนุ่มคนนั้นที่ได้ฟังก็ยิ่งไม่พอใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“แหม แหม เ้ามันพวกี้เี ญาติผู้ยากจนที่ชอบหาเื่ให้ปวดหัวทั้งวัน คนโง่เขลาที่คิดว่าตนเองเป็นายนี่เป็ญาติใครกัน รู้สึกอย่างกับพวกหนอนที่มาเพื่อหาข้าวกิน ลุงเ้าใหญ่นายโต ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเ้าจริงๆ เลย เถ้าแก่ของพวกเราเป็คนดี เขาไม่มีทางที่จะไม่รู้หรอกว่าใครถูกใครผิด เ้าเป็อะไร มาจากที่ใดก็ไสหัวกลับไปเสีย หากอยากเป็เ้านายสำหรับข้า เ้ายังเป็ไม่ได้หรอก”
น้ารองได้เห็นก็ไม่ไว้หน้าอีกต่อไป
เขากำลังจะระบายออกมาอย่างไร้สติ แต่กลับได้ยินคนเอ่ยเรียก “เถ้าแก่”
เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็จางเฉาิที่กำลังเดินหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เหล่าเอ้อคิดว่าอย่างไรตนเองก็เป็น้ารองของซูฉีเฉียว เมื่อเห็นจางเฉาิเดินเข้ามาก็ต้อนรับด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
“หลานเขยมาแล้วหรือ พอดีเลย เ้าเด็กคนนี้ไม่ตั้งใจทำงาน ข้าก็เลยสั่งสอนเขาแทนพวกเ้า ข้าว่าพวกคนงานระยะยาวแบบนี้ หักเงินไปเลยน่าจะดีที่สุด”
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังจางเฉาิ แม้ว่าปกติแล้วสองสามีภรรยาคู่นี้จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยความยุติธรรมเสมอ แต่เป็ใครก็คงกังวล ว่าครั้งนี้เขาจะตัดสินเข้าข้างญาติพี่น้องของตนเองไหม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” จางเฉาิไม่ได้แสดงท่าทีอารมณ์ออกไปมากนัก เขาเพียงแค่หันไปถามเด็กหนุ่มผู้นั้นด้วยสีหน้าเป็มิตร
เด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้คิดกลัว เขาได้เล่าเื่ที่น้ารองรังแกคนอื่นออกมา
“น้ารอง ดูท่าทางท่านจะไม่อยากจะทำงานใช่ไหม” จางเฉาิมองไปยังน้ารองด้วยท่าทีไม่พอใจและไม่ไว้หน้าเขาสักนิด
เมื่อถูกจางเฉาิจ้องมองเช่นนี้ เหล่าเอ้อที่นึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้ตนเองยังไม่ได้สูตรลับมาไว้ในมือ หากถูกไล่ออกไป เขาก็คงไม่รู้จะต้องทำเช่นไร ดังนั้นเขาจึงรีบเกาหัวยิกๆ ทันที “ไม่ ไม่ใช่สักหน่อย ข้าตั้งใจทำงาน ไม่ได้เกียจคร้านเลย”
“ข้าจะไปแล้ว จะไปแล้ว หลานเขยเ้าอย่าโกรธเลยนะ ข้าจะรีบไปทำงานเลย เ้าดูสิ ข้าก็ทำงานได้ดีไม่ใช่หรือ โอ๊ย เอวของข้า…”
เขาตั้งใจร้องออกมาเสียงดัง แต่กลับเห็นเพียงแค่แผ่นหลังที่เฉยชาของจางเฉาิ
“เฉินเหล่าเอ้อ เพราะโกงในการทำงาน ดังนั้นวันนี้ต้องถูกหักเงินค่าแรง หากใครทำผิดอีกก็จะถูกหักเงินเหมือนเฉินเหล่าเอ้อ”
ก่อนเดินไป จางเฉาิก็ได้ประกาศความผิดของน้ารองออกมาด้วยท่านิ่งเฉย เขาโกรธเฉินเหล่าเอ้อจนอยากจะด่า แต่ก็นึกว่าตอนนี้ตนเองจะต้องทำตัวเป็หลาน เขาจึงต้องระงับความโกรธนี้เอาไว้!
เมื่อทุกคนเห็นว่าเถ้าแก่ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ไม่เห็นดีเห็นงามไปกับพวกคนเกียจคร้านจึงตั้งใจทำงานมากขึ้น
ส่วนพวกญาติพี่น้องเ่าั้ ทุกคนต่างได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็คนงานที่จ้างระยะยาวหรือแรงงานชั่วคราว ต่างก็ทำงานเพื่อนายจ้างทั้งนั้น
ทำงานมาหลายวันครอบครัวของเหล่าต้าก็เริ่มทนไม่ไหว ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเหมือนจะขาดใจตายทุกวันก็ยังไม่เห็นได้เงิน สำหรับพวกเขาแล้ว เื่แบบนี้เป็เื่ที่ยากจะยอมรับจริงๆ
“ไอ้หยา แม่ เ้าเบาๆ หน่อย ข้าเจ็บขาอยู่”
ภรรยาที่กำลังเป่ายา[1] ให้กับเขาก็แสดงท่าทีไม่สบอารมณ์ออกมา “โอ๊ย ข้าก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังจะต้องมาเป่ายาให้เ้าอีก เ้านี่ดีไปทุกอย่างเลยนะ ไม่พอใจนั่นไม่พอใจนี่ ถ้าเก่งนักก็ทำเองเถอะ ข้าไม่ทำแล้ว”
เมื่อเหล่าต้าเห็นภรรยาโกรธเคืองจึงยอมอ่อนลง
เขาดึงภรรยามาปลอบโยนอยู่นาน จนภรรยาของเขาเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา
“วันนี้ข้าไปหาท่านพี่ เพื่อบอกให้นางช่วยพูดกับฉีเฉียว ให้ข้าไปช่วยทำงานตรงอื่น หรือไปตรงที่ได้เงินเยอะสักหน่อย ข้าจึงได้ยินว่าทางนั้นกำลังทำการคำนวณเงิน ทำงานหนึ่งเดือน ได้เงินสี่สิบตำลึงเชียวนะ แม่เ้า เ้าว่านังหนูฉีทำงานอะไรกันที่หลังบ้านกันแน่ คนหนึ่งได้ค่าแรงถึงสี่สิบตำลึง หากพวกเรามีสูตรลับนั้น พวกเราคงร่ำรวยไปจนตาย”
แค่เอ่ยขึ้นมาเฉินเหล่าต้าก็ฮึกเหิมขึ้นมา “ใช่แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นข้าจะยอมอยู่ที่นี่หรือ เ้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม แค่ค่าแรงได้เงินถึงสี่สิบตำลึงเลยหรือ”
“ใช่สิ!” ภรรยาของเหล่าต้าถึงกับกลอกตา รู้สึกโมโหสามีที่ไม่เอาไหนของตนเอง “มันเป็เื่จริง ตอนที่ข้าได้ยินก็ใมาก ต้องเป็งานแบบใดที่สามารถหาเงินได้มากเพียงนี้ แต่ว่า หากไม่ใช่เพราะพวกเขาได้เงินมากมาย พวกเขาจะซื้อูเาตั้งหลายลูก และจ้างคนงานระยะยาวจำนวนมากเช่นนั้นได้อย่างไร ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในมือของพวกเขาจะต้องมีสูตรลับอะไรแน่นอน ข้าเคยไปตรวจสอบดูแล้ว ข้างหลังบ้านพวกเราสามารถไปเจาะรูตรงโพรงหญ้าด้านหลังได้ หากไม่โชคร้าย ก็คงไม่ถูกใครเห็นเข้า”
หลังจากเฉินเหล่าต้าได้ฟังจำนวนเงินสี่สิบตำลึงแล้ว เขาก็ไม่สนใจความเ็ปบนร่างกายอีก ก่อนจะถือท่อนเหล็กเพื่อเดินออกไป “เ้าคอยดูต้นทางให้ข้า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแค่เจาะรูจะเป็เื่ยากเย็นอะไร เริ่มพรุ่งนี้เลย เ้าไปเฝ้าข้างนอกให้ข้า แอบๆ เรียนรู้มีละนิด ขอแค่พวกเรารู้วิธีทำ…”
ทั้งสองคนมองตากันก่อนจะยิ้ม หากพวกเราเรียนรู้สูตรลับนั้นแล้ว พวกเขาก็จะมีชีวิตดีๆ
……
น้ำตาลทรายแดง ผ่านกรรมวิธีจนกลายเป็น้ำตาลทรายขาว แม้ว่าน้ำตาลหนึ่งจินจะได้เงินไม่มาก แต่เมื่อรวยกันก็จะเป็ปริมาณที่มาก และค่อยๆ สะสมเป็จำนวนไม่น้อย
เมื่อคำนวณดูแล้ว ในระยะนี้มีการกลั่นน้ำตาลเป็รายได้ทางเดียว นอกจากจะมีค่าจ้างคนแล้วก็ยังมีต้นทุนที่ต้องถูกนำไปใช้
“สามร้อยตำลึง เฮ้อ มันน้อยเกินไปแล้ว ซูฉีเฉียวโยนลูกคิดออกไป เธอเท้าคางก่อนจะครุ่นคิด
จางเฉาิที่กำลังปอกเปลือกลิ้นจี่ก็ฟัง ก่อนจะยิ้มปลอบโยนภรรยา “ภรรยา พวกเราได้ที่ดินบนเขามาจำนวนไม่น้อยไม่ใช่หรือ แม้ว่ามันจะเป็พื้นที่รกร้าง แต่อย่างไรมันก็เป็ทรัพย์สินนะ บวกกับที่ดินเกือบร้อยหมู่อีก แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกเราเป็ครอบครัวที่มีรายได้อยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะ”
เขารู้สึกพึงพอใจกับชีวิตในตอนนี้แล้ว คนที่เมื่อก่อนกินข้าวก็กินไม่อิ่ม ตอนนี้กลับมีอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กและกลายเป็เถ้าแก่ขึ้นมา
ชีวิตเช่นนี้ ทำให้เขากลายเป็เ้าของที่ดิน อันที่จริงมันก็อาจจะแตกต่างจากพวกเ้าของที่ดินทั่วๆ ไปอยู่เล็กน้อย ซึ่งตัวเขารู้ดี
ซูฉีเฉียวจ้องมองเขา ก่อนจะเชิดค้างขึ้นและครุ่นคิด “ไม่ได้ พวกเราจะต้องคำนวณว่าจะใช้เงินสามร้อยตำลึงนี้อย่างไร จะเข้าไปซื้อบ้านในเมือง ตั้งร้านค้า หรือจะไปซื้อที่ดินไร่นารอบๆ เมือง เื่นี้เราจะต้องคำนวณกันให้ดีๆ”
ที่ดินทำไร่นา คือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของชาวนา และคนในยุคปัจจุบันก็เคยถูกปลูกฝังกันว่า การถือครองที่ดินคือสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็อย่างมาก
“ภรรยา เอาเป็ว่าพวกเราซื้อที่ดีไหม หากมีที่ดินหลังจากนั้นค่อยซื้อทรัพย์สิน” จางเฉาิเสนอความคิดเห็นด้วยความร่าเริง
“ซื้อที่หรือ หากพวกเราซื้อที่ดินในเมือง ก็จะต้องปล่อยเช่าให้คนดูแล หากเก็บค่าเช่าในหนึ่งปี…เดี๋ยวข้าดูก่อนว่าเงินสามร้อยตำลึงสามารถซื้อที่ดินเพิ่มได้มากน้อยเพียงใด ที่ดินอุดมสมบูรณ์หนึ่งหมู่ ราคายี่สิบตำลึง ที่นามีตั้งมากมาย ถ้าเช่นนั้นที่ดินที่เล็กลงก็จะมีราคาแปดตำลึง…เอ้อ จะว่าไปแล้วเงินสามร้อยตำลึงเนี่ยมันน้อยเกินไปนะ สามารถซื้อที่ดินได้ยี่สิบกว่าหมู่เอง ค่าเช่าที่ดินหนึ่งหมู่…ประมาณยี่สิบจิน หนึ่งปี ที่ดินยี่สิบหมู่ เก็บเกี่ยวได้แค่สี่พันจินเท่านั้นเอง
หากซื้อร้านค้าในเมือง พวกเราให้เช่าเป็รายเดือน หนึ่งเดือนก็น่าจะได้เงินเกือบๆ หนึ่งตำลึง ในหนึ่งปีก็จะได้เงินประมาณสิบเอ็ดตำลึง นี่พ่อ เก็บเกี่ยวได้หนึ่งร้อยจินนำไปแลกเป็เงินได้เท่าไรกัน คำนวณแล้วพืชผลสี่พันจินก็คงแลกเงินได้ราวๆ สิบตำลึง ข้าว่าพวกเรา…สู้ซื้อร้านค้าไม่ดีกว่าหรือ”
พูดกันตามตรง รายได้จากการซื้อร้านค้าเพื่อปล่อยให้คนเช่ากับการซื้อที่ดินนั้นไม่ต่างกันเท่าไรนัก แต่ซูฉีเฉียวที่มีความรู้ของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งเธอรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณเลยว่าการซื้อร้านค้าที่มีที่หน้าร้านนั้นจะได้เงินสูงกว่า
โดยเฉพาะในเมืองนี้ เพราะการค้าขายของทางเหนือและทางใต้ ดังนั้นจึงค่อนข้างคึกคักมีชีวิตชีวา หากมีวันหนึ่งที่เกิดเื่อะไรขึ้น พวกเธอก็ยังสามารถเข้าไปทำธุรกิจในเมืองได้ จางเฉาิที่เป็คนมีนิสัยตามใจเธออยู่แล้ว เมื่อได้ฟังเธอคำนวณในเื่นี้ เขาจึงพยักหน้า “ได้สิ ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปหา พี่โจวซานกัน เขาเป็นักเจรจาที่มีชื่อเสียงในตอนนี้เลย” นักเจรจาทำหน้าที่เป็พ่อค้าคนกลางประจำเมือง
“ตกลง พวกเราไปหาเขา ให้เขาช่วยเหลือเราสักหน่อย”
เมื่อทั้งคู่หารือกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงคนเรียกมาจากด้านนอก “หลานสาว เ้าอยู่บ้านไหม น้าอยากจะมาคุยเล่นกันเ้าสักหน่อย”
คนที่เอ่ยคือภรรยาของเหล่าต้า แม้ว่าลับหลังน้าสะใภ้ใหญ่จะพูดจาอะไรมากมาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉีเฉียว นางก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดอะไร ตอนนี้เป็ฝ่ายมาหาเองเลยหรือ
ซูฉีเฉียวและจางเฉาิครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ซูฉีเฉียวจะเดินไปเปิดประตู
“ท่านน้าสะใภ้ มานั่งตรงนี้เถอะค่ะ”
“อืม ดี ดีสิ…” นางหลัวเผยรอยยิ้มที่ดูใจดีเป็พิเศษ แววตานั้นช่างเต็มไปด้วยความห่วงใยจนเกือบทำให้รู้สึกอึกอักราวกับจะจมน้ำ
ซูฉีเฉียวถูกแววตานั้นโอบล้อมเอาไว้ เธอรู้สึกว่าร่างกายไม่เป็ตัวของตัวเอง เธอไม่ได้เป็หลานสาวแท้ๆ ของน้าสะใภ้คนนี้เสียหน่อย แต่ต่อให้เป็หลานสาวของนางจริงๆ เธอก็ไม่เคยได้รับความรักความเอ็นดูจากครอบครัวของนางเลยสักนิด
“ท่านน้าสะใภ้ ดื่มชาก่อนค่ะ” ซูฉีเฉียวยกชาเก๊กฮวยแก้วหนึ่งมาวางเอาไว้เบื้องหน้าเธอ
นางหลัวเองก็ไม่เกรงใจ นางยกชาขึ้นมาดื่ม ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง นางหลัวจึงโน้มตัวเข้าไปหาซูฉีเฉียวและเอ่ยพูดด้วยท่าทีลึกลับ
“หลานสาว วันนี้เ้าเห็นภรรยาของเหล่าซานออกไปไหม”
เอ่ยถามจบ นางหลัวจึงขยิบตาให้เธอด้วยท่าทีลึกลับอีกครั้ง
ซูฉีเฉียวเลิกคิ้ว “อ๋อ เื่ที่ออกไป…มีอะไรให้พูดอีกคะ” ปกติแล้วหากภรรยาของชาวนาออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ถือว่าเป็เื่ใหญ่อะไร แต่จากท่าทีของนางหลัว แสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่าจะต้องมีเบื้องหน้าเื้ัในการพูดถึงภรรยาของเหล่าซานแน่นอน
……
ตอนนี้อย่างไรก็ว่างอยู่ ฟังเื่ซุบซิบนินทาคนอื่นสักหน่อยก็คงจะไม่เป็อะไร
นางหลัวเห็นว่าเธอดูมีท่าทีสนใจ นางจึงพยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น “อืม ข้าจะบอกอะไรเ้านะ ภรรยาของเหล่าซานเนี่ย ปกติแล้วมักจะชอบแต่งตัว เป็สะใภ้ชาวนาชีวิตจะมีงานให้ทำยุ่งวุ่นวายทั้งวัน แล้วทำไมนางต้องเอาแต่แต่งตัวสวยแบบนั้นด้วยล่ะ นางเอาแต่ดูแลตนเอง แต่กลับไม่ดูแลคนในบ้านของตนเองเลย”
ซูฉีเฉียวรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย คนอื่นเขาแต่งตัวสวยแล้วมันผิดตรงไหนหรือ
แต่ว่าเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พูดอะไรมาก
“อันที่จริงนางเนี่ย หน้าตาก็ธรรมดานะ แต่ว่าเป็คนแต่งตัวดีสะอาดสะอ้าน เห็นได้ชัดเลยว่ามันมีกลิ่นตุๆ ตอนนางอยู่ที่บ้าน เอาแต่คอยผลักดันให้สามีออกไปทำงานข้างนอก ส่วนตัวนางก็เอาแต่วิ่งเต้นไปทั่ว ออกนอกลู่นอกทางกับชายหนุ่มคนอื่น แม้ว่าพวกเราจะจับไม่ได้ แต่นางก็ชอบเล่นหูเล่นตากับชายอื่นเสมอ”
—-------------------------------------------------------------
[1] เป่ายา หมายถึง การนำยาจีนมาบดให้เป็ผงละเอียดและละลายง่าย เป่าเข้าไปใน ลำคอ ช่องปาก ฟัน รูจมูก บริเวณใบหูที่เป็แผลหรือรูหู บริเวณอื่นๆ ที่เ็ป เพื่อดับร้อนถอนพิษ ลดอาการบวม ระงับปวด