“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงไม่พาข้าไปพบท่านป้า?” เหยียนรั่วฟางเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ท่านแม่ทำใจทนให้ฟางเอ๋อร์ถูกองค์หญิงใหญ่ทรมานได้หรือ?”
“ฟางเอ๋อร์ วันนี้เ้าทำผิดต่อองค์หญิงใหญ่ หรือว่าเ้ายังไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนนี้อีกหรือ?” ฮูหยินเหยียนโกรธบุตรสาวยิ่งนัก และแอบโทษตนเองที่ไม่สามารถสั่งสอนนางให้ดีได้ ทำให้นางมีนิสัยที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
“ท่านป้าเป็ไทเฮา นางเป็เพียงองค์หญิง หากยึดตามหลักาุโแล้ว นางไม่มีอำนาจมากเท่าท่านป้า ท่านป้ากล่าวว่าฟางเอ๋อร์มีนิสัยไร้เดียงสาและไม่จำเป็ต้องถูกควบคุมตามกฎระเบียบ ดังนั้นจึงไม่ยอมส่งนางกำนัลาุโไปที่จวน นางมีสิทธิ์อันใดที่จะเอ่ยปาก!”
“ฟางเอ๋อร์!” ฮูหยินเหยียนโกรธบุตรสาวเสียจนแทบเป็ลมหมดสติ ทว่าก็ไม่อาจลงไม้ลงมือกับนางได้ เพราะเกรงว่าบุตรสาวจะนำเื่ไปกราบทูลไทเฮาและตนเองจะถูกตำหนิได้
“ท่านแม่อย่าโกรธไปเลย” เหยียนรั่วฟางรู้ดีว่าฮูหยินเหยียนโมโหนางมากจริงๆ จึงรีบปลอบว่า “ฟางเอ๋อร์ผิดไปแล้ว ลูกให้หนิงหรูอี้ปักผ้าเช็ดหน้าที่งดงามอย่างยิ่งให้ท่าน ท่านแม่เห็นแก่ความกตัญญูของลูก อย่าโกรธลูกได้หรือไม่?”
ฮูหยินเหยียน้าจะเอ่ยบางอย่าง ครั้นเมื่อเงยหน้าเห็นเหยียนอู๋อวี้ยืนอยู่ไม่ไกลนัก นางจึงหยุดไม่เอ่ยสิ่งใดอีก จากนั้นจึงตบเหยียนรั่วฟางเพื่อส่งสัญญาณให้นางหยุดพูด นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทาย ทว่ากลับถูกเหยียนรั่วฟางขัดขวางไว้
เหยียนรั่วฟางโชคไม่ดีเพราะทะเลาะกับเหยียนอู๋อวี้ นางกำลังโมโหอย่างยิ่ง เมื่อเห็นผู้ยั่วยุก็ยิ่งรู้สึกโกรธอยู่ในใจอีกครั้ง นางพยุงฮูหยินเหยียนขึ้น พลางเชิดหน้าแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านเป็ฮูหยินขั้นหนึ่ง ต้องคำนับอันใดให้กับฉายเหรินขั้นสี่!”
เหยียนอู๋อวี้ยืนนิ่งแย้มยิ้มเล็กน้อย และค่อยๆ เดินไปหาพวกนาง ราวกับสายลมพัดอยู่ใต้ฝ่าเท้า กลีบดอกไม้ปลิวไปตามนาง จากนั้นจึงกล่าวว่า “องค์หญิงก็ขั้นหนึ่งเช่นเดียวกัน เหตุใดฮูหยินเหยียนยังต้องคำนับทักทายอีกเล่า?”
สีหน้าที่ยโสโอหังของเหยียนรั่วฟางมลายหายสิ้น และตอบอย่างไม่พอใจว่า “องค์หญิงเป็เหมือนกิ่งทองคำ ย่อมไม่เหมือนกันเป็ธรรมดา”
เหยียนอู๋อวี้ตอบอย่างไม่เร่งรีบ “ทว่าเมื่อครู่คล้ายข้าได้ยินเ้าเอ่ยว่าองค์หญิงใหญ่ไม่มีสิทธิ์ที่จะสอนเ้ามิใช่หรือ?”
ฮูหยินเหยียนรู้ว่านางได้ยินสิ่งที่นางกับบุตรสาวพูดกันเมื่อครู่ นางรู้สึกคล้ายจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้น จึงรีบดึงบุตรสาวมาทำความเคารพพร้อมเอ่ยว่า “บุตรสาวของหม่อมฉันยังเด็กและพูดจาไม่ทันคิด ขอเหยียนฉายเหรินอย่าถือโทษหรือสนใจเลย”
เหยียนอู๋อวี้ส่ายศีรษะแล้วตอบว่า “คล้ายฮูหยินเหยียนจะมีความจำไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้ในงานเลี้ยง ข้าเคยบอกว่า บุตรสาวของท่านอายุน้อยกว่าข้าเพียงหนึ่งปีเท่านั้น องค์หญิงใหญ่ยังบอกอีกว่า อายุน้อยเช่นนี้ไม่รู้จักกฎเกณฑ์ ดังนั้นจึงต้องสั่งสอนให้ดีๆ ทว่าเมื่อครู่ข้าได้ยินว่า บุตรสาวของท่านคล้ายจะไม่ยินยอม?”
“ข้าไม่ยอม แล้วจะเป็อย่างไรหรือ!” เมื่อเห็นมารดาถูกกดดัน ทำให้เหยียนรั่วฟางรู้สึกหมดความอดทนและรีบตอบกลับทันที
รอยยิ้มของเหยียนอู๋อวี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางเงยหน้ามองไปทางด้านหลังนางพลางเอ่ยถามเสียงเบา “น้องหญิงซูเฟยช่วยองค์หญิงใหญ่จัดงานเลี้ยงร้อยบุปผาในวันนี้ ไม่เช่นนั้นรบกวนซูเฟยจัดการเื่นี้เองเถิด? ก่อนหน้าพี่หญิงซูเฟยกล่าวว่า ในวังหลวงมีกฎเกณฑ์ในวังหลวง ไม่แยกแยะตำแหน่งและฐานะสูงต่ำ จะต้องโบยห้าสิบไม้”
สีหน้าของเหยียนรั่วฟางเปลี่ยนไปเล็กน้อยพลางก้าวถอยหลัง เมื่อเห็นฮวารั่วซียืนอยู่ด้านหลังจริง สีหน้าของนางจึงไม่สู้ดีนัก
ฮวารั่วซีสังเกตเห็นซ่งอี้เฉินหายไปนานแล้ว เดิมทีสงสัยว่าเขาไปทำอันใดกันแน่ จึงเดินตามไป จู่ๆ กลับพบกับสถานการณ์นี้ ก่อนหน้านี้ก็เพราะ ‘ไม่แยกแยะตำแหน่งและฐานะสูงต่ำ’ นางจึงโบยเหยียนอู๋อวี้ แม้ว่าจะไม่ได้โบยจนครบ ทว่าก็ได้โบยไปแล้วจริงๆ ยามนี้เหยียนอู๋อวี้นำเื่เก่าขึ้นมาพูดอีกครั้งต่อหน้าตนเอง น่าขยะแขยงยิ่งนัก
ตามหลักแล้วนางเป็คนของไทเฮา ดังนั้นจึงควรจะปฏิบัติต่อตระกูลเหยียนอย่างผ่อนปรน เพียงแต่วันนี้นางช่วยองค์หญิงใหญ่จัดงานเลี้ยง เหยียนรั่วฟางก็ดูิ่องค์หญิงใหญ่ หากไม่ลงโทษเช่นนั้นจะกลายเป็ว่านางจงใจเป็ศัตรูกับองค์หญิงใหญ่ ทว่าหากลงโทษแล้วก็จะทำให้ตระกูลเหยียนขุ่นเคืองเช่นกัน!
เหยียนรั่วฟางไม่คำนึงถึงสิ่งใดมุ่งเป้าไปที่เหยียนอู๋อวี้พร้อมเอ่ยด้วยความโกรธ “เหยียนอู๋อวี้ เ้าก็เป็เพียงฉายเหรินซึ่งไม่เป็ที่โปรดปรานของฝ่าาแล้ว กล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ข้าได้อย่างไร ข้าต้องฟ้องท่านป้า.....”
“เพียะ!” นางยังไม่ทันเอ่ยจบกลับถูกตบอย่างแรง รอยนิ้วมือสีแดงปรากฏบนใบหน้าที่สวยงามของนาง เหยียนรั่วฟางยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง จนกระทั่งความเ็ปทำให้นางได้สติคืนกลับมาพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม นางทั้งโกรธและอับอายไปพร้อมกัน “เ้ากล้า.....ตบข้า......”
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าา ทว่าข้าก็ยังเป็ฉายเหรินระดับสี่ที่ฝ่าาแต่งตั้ง ให้เ้ามาสั่งสอนและออกคำสั่งข้าได้อย่างไร? เ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา เท่ากับไม่เห็นฝ่าาอยู่ในสายตาเช่นกัน!” เหยียนอู๋อวี้จ้องไปทางเหยียนรั่วฟางด้วยสายตาเ็า “การดูิ่ฝ่าาก็เหมือนกับการสมรู้ร่วมคิดก่อฏ คุณหนูเหยียน เ้าช่างบังอาจยิ่งนัก!”
เหยียนรั่วฟางตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ตั้งสติและรีบแก้ตัวว่า “เ้า......เ้าพูดจาไร้สาระ......”
“พี่หญิงซูเฟย ข้าจะรายงานเื่นี้ต่อไทเฮาและองค์หญิงใหญ่ ดังนั้นการจัดการเื่นี้ขอให้พี่หญิงซูเฟยรายงานต่อไทเฮาและองค์หญิงใหญ่” หลังจากเหยียนอู๋อวี้กล่าวจบ นางหันไปทำความเคารพต่อฮวารั่วซีก่อนจะจากไป ชายกระโปรงพลิ้วไหวตามสายลม พัดพาให้กลีบดอกไม้ม้วนตัวลอยขึ้นรอบกายนาง
การตบฉาดนั้นของเหยียนอู๋อวี้ยังทำให้ฮวารั่วซีใ นางไม่คาดคิดว่าเหยียนอู๋อวี้จะกล้าลงมือจริงๆ นั่นคือบุตรสาวของเหยียนเฉิงเซี่ยงและเป็หลานสาวของไทเฮา ดังคำกล่าวที่ว่าการตีสุนัขนั้นต้องดูเ้าของ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงญาติทางสายเื
หลังจากนางสั่งสอนเสร็จ ก็ทิ้งเื่ยุ่งๆ ไว้กับนางและเพียงแค่คำว่า ‘ไม่แยกแยะตำแหน่งและฐานะสูงต่ำ’ เพียงด่าทอกันก็ได้แล้ว ทว่ากลับดึงนางเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสมรู้ร่วมคิดก่อฏอีก จู่ๆ ฮวารั่วซีพลันรู้สึกคล้ายตนเองกำลังขี่บนหลังเสืออย่างไรอย่างนั้น
ฮูหยินเหยียนมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยท่าทางลังเล เมื่อเห็นใบหน้าของบุตรสาวเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ภายในใจนางบีบรัดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนนางจะก้าวไปด้านหน้าพลางคุกเข่าลงและเอ่ยว่า “ซูเฟย แม้นางไม่รู้ความ ทว่านางไม่มีทางทำเื่ฏอันใดแน่เพคะ ซูเฟยโปรดเมตตาด้วย”
ฮวารั่วซีไม่คิดว่าฮูหยินเหยียนจะถ่อมตัวถึงเพียงนี้ นางรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงฮูหยินลุกขึ้น ทว่าฮูหยินเหยียนกลับคว้าแขนนางแล้วเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ยามนี้มีเพียงท่าน ข้า และเหยียนฉายเหรินเท่านั้นที่รู้เื่นี้ หากท่านเมตตา เพื่อรักษาชื่อเสียงของตระกูลเหยียน ตระกูลเหยียนจะจดจำบุญคุณของท่านไว้อย่างแน่นอน”
ฮูหยินเหยียนพูดได้ถูกต้อง ขณะเกิดเื่ขึ้น นอกจากเหยียนอู๋อวี้และนางกำนัลข้างกายของนางแล้ว ก็มีนาง มั่วหนงและฮูหยินเหยียน สองแม่ลูกล้วนเป็ผู้ที่น่าเชื่อถือ หากนางแสร้งทำเหมือนไม่มีเื่ใดเกิดขึ้น ต่อให้เหยียนอู๋อวี้จะเอ่ยถึงเื่นี้ นางก็สามารถปฏิเสธได้ ทำเช่นนี้นอกจากนางจะได้เป็ผู้มีพระคุณต่อตระกูลเหยียนแล้ว ยังไม่ทำให้ไทเฮาต้องขุ่นเคืองอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แล้วเหตุใดจึงไม่ทำเล่า
ฮวารั่วซีรีบคิดแผนการทันทีพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินกล่าวเกินไปแล้ว เมื่อครู่เกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นหรือ ข้าเพิ่งมาถึงและไม่รู้ว่าเกิดเื่อันใดขึ้น”
ฮูหยินเหยียนและเหยียนรั่วฟางมองหน้ากันด้วยความโล่งอก ทั้งคู่กำลังจะโค้งคำนับขอบคุณ
ชั่วขณะนั้นเสียงเ็าพลันดังมาจากด้านหลังของพวกนาง “ซูเฟยไม่รู้ ทว่าข้าสามารถเล่าให้ท่านฟังได้”
ร่างกายของฮวารั่วซีสั่นเทา เมื่อนางหันกลับมา ก็พบองค์หญิงใหญ่ยืนอยู่ที่นั่นด้วยสายตาเ็า นอกจากนางกำนัลส่วนตัวแล้วยังมีเต๋อเฟยที่มีสีหน้าบึ้งตึงอีกด้วย
“องค์หญิง......องค์หญิงใหญ่...…” ฮวารั่วซีรีบคุกเข่าลงด้วยท่าทีตื่นตระหนก ฮูหยินเหยียนและบุตรสาวที่อยู่ด้านหลังจะกล้ายืนนิ่งอยู่ได้อย่างไร
“ไม่แยกแยะตำแหน่งและฐานะสูงต่ำ ดูิ่ฝ่าา เพียงคำพูดว่า ‘ไม่ทราบ’ ก็ยังพูดออกมาได้” องค์หญิงใหญ่ยิ้มเยาะพลางเอ่ยอย่างเชื่องช้า “มิน่าฮ่องเต้จึงได้ริบอำนาจการดูแลตำหนักหลังของเ้า”
“องค์หญิงใหญ่โปรดให้อภัยหม่อมฉันด้วยเพคะ” ฮวารั่วซีทำได้เพียงร้องขอความเมตตาด้วยเสียงต่ำ ดวงตาที่สิ้นหวังของซวี่หรงในวันนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง ความหวาดกลัวได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างของนางแล้ว
ฮูหยินเหยียนยังคงสารภาพผิด เหยียนรั่วฟางพลันล้มลงกับพื้น
องค์หญิงใหญ่ไม่ใส่ใจฮูหยินเหยียนและบุตรสาว นางมองฮวารั่วซีพร้อมเลิกคิ้ว “นี่เรียกว่าคานบนไม่ตรงคานล่างก็เบี้ยว หากคนข้างบนประพฤติตนไม่ดี คนข้างล่างก็จะทำชั่วไปด้วย ที่แท้ต้นตอความวุ่นวายในตำหนักหลังใน่นี้ก็คือตัวเ้านี่เอง เ้าเป็เด็กกำพร้าที่ไม่มีกำพืด จะเข้าใจอันใดได้? แม้ว่าเต๋อเฟยจะเกิดมาต่ำต้อย ทว่านางเติบโตในวังหลวง ดังนั้นหากเสด็จแม่เปลี่ยนคน ก็นับเป็การกระทำที่ชาญฉลาดแล้ว”
จู่ๆ เต๋อเฟยก็ถูกเอ่ยชื่อขึ้นมา เปลือกตานางพลันกระตุกด้วยความใ ซึ่งแสดงถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี องค์หญิงใหญ่ถามขึ้นว่า “เต๋อเฟย ข้าอยากถามเ้าว่า ไม่แยกแยะตำแหน่งและฐานะสูงต่ำ รับสินบน การเล่นพรรคเล่นพวก ควรลงโทษเยี่ยงไร?”
ขณะนั้นหน้าผากของเต๋อเฟยเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ นางรู้ว่าทันทีที่นางเอ่ย องค์หญิงใหญ่ก็จะใช้คำพูดนางยืนยันในการลงโทษ ทว่าหากเอ่ยออกไป ตัวนางเองก็จะเข้าสู่สถานการณ์เดียวกับฮวารั่วซี ถึงอย่างไรฮวารั่วซีก็ทำงานได้ดีเมื่ออยู่ต่อพระพักตร์ไทเฮา ทว่าแล้วนางเล่า?
“อันใดกัน เต๋อเฟยก็ไม่รู้เช่นกันหรือ? หรือว่าข้าต้องเรียกเหยียนฉายเหรินกลับมา นางน่าจะตอบคำถามนี้ได้เหมาะสมกว่าเต๋อเฟยกระมัง”
“ทูลองค์หญิง ตามกฎของวังหลวง ผู้ที่ไม่แยกแยะตำแหน่งและฐานะสูงต่ำควรลงโทษด้วยการโบยห้าสิบไม้ ผู้ที่รับสินบนควรลงโทษด้วยการโบยเจ็ดสิบไม้ ผู้ที่เล่นพรรคเล่นพวกและทุจริตควรถูกลงโทษด้วยการโบยเจ็ดสิบไม้” เต๋อเฟยเอ่ยจบแล้ว ร่างกายนางพลันสั่นเทาขึ้นมาทันที ขาของนางถึงขั้นอ่อนแรงเล็กน้อย
องค์หญิงใหญ่มองนางพลางเลิกคิ้วคล้ายพึงพอใจยิ่งนัก “เช่นนั้นเต๋อเฟยคิดว่าควรทำอย่างไร?”
เต๋อเฟยกัดฟันแล้วตอบว่า “ลงโทษทันที”
องค์หญิงใหญ่หัวเราะเสียงดัง “ผู้คนต่างกล่าวกันว่าเต๋อเฟยมีจิตใจดีงาม ทว่าข้ากลับไม่เห็นความเมตตานั้นแม้แต่น้อย”
เต๋อเฟยระงับความวิตกกังวลไว้ภายในใจ “ในวังหลวงมีกฎเกณฑ์อยู่ แม้หม่อมฉันสงสารเพียงใดก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้เพคะ”
นางหันไปมองทั้งสามคนบนพื้น ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ชั่วขณะนั้นราวกับคิดบางอย่างขึ้นได้จึงกล่าวว่า “ฮูหยินเหยียนชราภาพแล้ว การลงโทษโบยเจ็ดสิบไม้นั้น เห็นแก่ที่ซูเฟยช่วยข้าจัดงานเลี้ยงร้อยบุปผา ดังนั้นจึงลดโทษให้โบยเพียงครึ่งหนึ่ง”
เหยียนรั่วฟางที่คลานอยู่บนพื้น นิ้วมือจิกพื้นดินเป็หลุมลึก เล็บที่ทาสีสันสดใสหักไปนานแล้ว นางคาดหวังไว้เต็มที่ว่าองค์หญิงใหญ่จะลดโทษนางลงครึ่งหนึ่ง ไม่คาดคิดว่ากลับไร้ซึ่งวี่แวว นางรีบเงยหน้าขึ้นแล้วทูลถามว่า “องค์หญิงใหญ่ สตรีชาวบ้านอย่างหม่อมฉันนั้น......”
ทันทีที่เหยียนรั่วฟางพูดขึ้น ฮูหยินเหยียนรีบแอบร้องเตือนทันที แม้อยากจะรีบปิดปากบุตรสาว ทว่าก็สายไปแล้ว
องค์หญิงใหญ่มองใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเหยียนรั่วฟางพลางยกยิ้มมุมปากกล่าวว่า “ราชสำนักยึดความกตัญญูเป็หลัก โทษโบยครึ่งหนึ่งของมารดาของเ้า ก็ให้เ้าช่วยรับไปเถิด ถือว่าเป็การลงโทษเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะเ้า มารดาของเ้าก็คงไม่ต้องรับโทษโบยเช่นนี้”
ทันทีที่กล่าวจบ เหยียนรั่วฟางพลันหมดสติไปในทันที