“ว่าอย่างไรนะ? ไม่มีทาง! เื่นี้ไม่มีทางเป็ไปได้!”
ตรงข้ามกับหลินเมิ้งหยาชายคนหนึ่งที่มีลักษณะท่าทางเหมือนแม่ทัพตบโต๊ะเสียงดัง
ชายคนนั้นมีอายุราวสามสิบกว่า เคราหนาเตอะรกรุงรังเพียงได้เห็นก็รู้ว่าเป็คนอารมณ์ร้อน
“จูเฉียง เ้าเป็ผู้รับผิดชอบตามหารังของเถาฮวาอู๋มาโดยตลอดหากมีปัญหาอันใดจงพูดออกมา”
ร่างสูงโปร่งสง่างามปรากฏขึ้นในแนวสายตาของหลินเมิ้งหยา
ชายถือพัดสวมชุดสีเขียว ใบหน้ารูปไข่อ่อนโยนไร้ซึ่งพิษภัยลักษณะภายนอกดูเข้ากับคนอื่นได้ง่ายและเปี่ยมไปด้วยความสามารถ
เพียงมองปราดเดียวหลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ทันทีว่า ชายคนนี้คือลูกน้องที่ฉลาดหลักแหลมของหลงเทียนอวี้
“เ้าพวกสารเลวเถาฮวาอู๋เ้าเล่ห์เพทุบายนักหากซ่อนตัวอยู่บริเวณรอบๆ เมืองหลวงจริงก็จะต้องมีร่องรอยปรากฏให้เห็นสายลับของพวกเราออกค้นหาทุกซอกทุกมุมในเมืองหลวงแล้วแบบนี้จะมีปลาหลุดจากตาข่ายได้อย่างไร!”
คำพูดของจูเฉียงทำให้มีคนพยักหน้าเห็นด้วยเป็จำนวนมาก
หลินเมิ้งหยากลับหยักยิ้ม หยิบชาหอมบนโต๊ะขึ้นจิบ
“แม่ทัพจู เคยได้ยินนิทานเื่หลอดไฟในความมืดหรือไม่?” คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ชายสวมชุดเขียวไขว้เขวจูเฉียงเป็แม่ทัพพิทักษ์เขตจิงจี เหตุใดพระชายาจึงล่วงรู้ถึงตัวตนของเขากัน?
“หลอดไฟใต้ความมืด?” จูเฉียงเป็นักต่อสู้ดังนั้นเขาจึงไม่เคยสนใจนิทานหรือเื่เล่าใดๆเขาจึงหันไปมองหลินเมิ้งหยาด้วยความสงสัย
เขาจับจ้องอย่างเอาเป็เอาตาย ราวกับว่าหากนางไม่อธิบายให้เข้าใจเขาจะไม่มีวันปล่อยนางไปอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าเคยเข้าไปในรังของเถาฮวาอู๋แล้ว หากนั่งรถม้า เวลาในการเดินทางเพียงสองเค่อ1เท่านั้นต่อให้เป็ม้าของเทพเซียนก็คงมิอาจเดินทางไกลกว่านี้ได้”
รังของเถาฮวาอู๋?
ทุกคนในห้องอ่านหนังสือล้วนมองหน้ากันเลิ่กลั่กนี่เป็ความลับของเจียงหู!
“อีกอย่าง เถาฮวาอู๋มิใช่เพียงเรือลำหนึ่ง จากการคาดเดาของข้ามันน่าจะเป็สิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ที่ถูกสร้างเอาไว้ใต้น้ำส่วนเื่เล่าที่ว่าอยู่บนท่าเรือนั้นเป็เพียงการตบตา”
ต่อให้ท่าเรือจะมั่นคงขนาดไหนทว่าเมื่อถูกคลื่นซัดก็ยังคงสั่นไหวเล็กน้อยอยู่ดี
ประสาททางด้านการรับรู้ของหลินเมิ้งหยาได้รับการฝึกฝนจากอาจารย์ดังนั้นนางจึงมั่นใจว่าที่แห่งนั้นมิได้อยู่บนเรืออย่างแน่นอน
ขณะนี้นอกจากหลงเทียนอวี้และชายสวมใส่ชุดสีเขียวแล้วทุกคนล้วนสูดลมหายใจเย็นะเืเข้าปอด
“บนโลกนี้จะมีคนอาศัยอยู่ใต้น้ำได้อย่างไร? แม้จะอาศัยอยู่ได้แต่ก็ต้องมีรูระบายอากาศด้วย!”
คิ้วขมวดเข้าหากัน ชายสวมชุดเขียวเอ่ยปัญหานี้ออกมา
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้ม
“ข้าเคยได้ยินมาว่าชาวเขาบางพื้นที่ได้ขุดเจาะพื้นดินเพื่อสร้างทางหลบหนีพวกโจรโดยอุโมงค์เหล่านี้มีมากถึงสิบแปดโค้ง แต่ละโค้งยังมีทางเชื่อมอีกด้วยอีกทั้งใต้ผืนดินยังมีรูระบายอากาศอีกมากมายหรือเ้าจะบอกว่าคนขุดดินเ่าั้จะไม่เคยออกมาเผยความลับเลยแม้แต่น้อย?ดังนั้นข้าจึงคิดว่ารังของเถาฮวาอู๋จะต้องนำแิเช่นนี้มาปรับใช้อย่างแน่นอน”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยออกมาโดยไร้ซึ่งความตื่นเต้นในสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อทำให้เหล่านักศึกษาสำนึกรักประเทศชาติดังนั้นอาจารย์จึงเปิดหนังาสมัยโบราณให้ดู
เห็นได้ชัดว่าประเทศเรืองอำนาจในสมัยนี้ยังมิมีผู้ใดรู้เื่ราวในประวัติศาสตร์เมื่อห้าพันปีก่อนเหมือนนาง
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ทุกคนในห้องอ่านหนังสือตกอยู่ในความว่างเปล่า
จะบอกว่านางพูดจาเพ้อเจ้อก็ได้ หรือจะบอกว่านางสติเลอะเลือนก็ดี
ทว่าคำพูดของพระชายากลับทำให้พวกเขาฉุกคิดขึ้นมาได้
“คือว่า...เพราะเหตุนี้เมื่อปีก่อนตอนที่ข้าพาทหารเข้าไล่ล่ามือลอบสังหารของเถาฮวาอู๋จนจนมุมเขาจึงะโลงน้ำไปและไม่กลับขึ้นมาอีกเลย พวกเราส่งทหารหลายร้อยคนลงไปงมหาแต่กลับไม่พบสิ่งใด อีกทั้งยังมีคนเล่าขานกันว่าพวกภูตผีปีศาจมาชิงิญญาของมือลอบสังหารเถาฮวาอู๋ไป”
หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเื่เล่าขานเช่นนี้
อันที่จริงเื่ภูตผีปีศาจล้วนเป็เื่ที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้น
แม้แต่คนที่ฉลาดเฉลียวอย่างหลงเทียนอวี้ยังอดที่จะสงสัยไม่ได้ในบางครั้ง
“พระชายาละเอียดรอบคอบมิเคยมองข้ามแม้เพียงเศษฝุ่นป๋ายหลี่อู๋เฉินผู้นี้ขอน้อมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ”
ชายสวมใส่ชุดสีเขียวโค้งคำนับพร้อมทั้งจดจำชื่อของหลินเมิ้งหยาให้ขึ้นใจ
ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลาชวนมอง หากมองอย่างผิวเผินจะรู้สึกแค่ว่าเขาเป็เพียงคุณชายเ้าสำอางคนหนึ่งเท่านั้น
ทว่าทุกคนภายในห้องล้วนเลื่อมใสในทัศนคติของเขาเป็อย่างมากดูท่า...ชายคนนี้มิใช่คนธรรมดาอย่างที่คิด
“ท่านป๋ายหลี่เอ่ยชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่มีวาสนาดีดังนั้นจึงได้บังเอิญรู้เื่นี้เข้า”
“เพียงแค่กระหม่อมยังไม่เข้าใจเคยได้ยินมาว่านายน้อยแห่งเถาฮวาอู๋จิตใจโเี้อำมหิตอีกทั้งยังมีฝีมือในการต่อสู้ พระชายาถูกลักพาตัวไปยังรังของเถาฮวาอู๋แต่เพราะเหตุใดเขาจึงปล่อยพระชายากลับมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ความเงียบเข้าครอบงำห้องอ่านหนังสือหลินเมิ้งหยาเหลือบมองชายผู้ซึ่งเอ่ยคำพูดแทงใจออกมารอยยิ้มยิ่งเย้ายวนและทรงเสน่ห์มากขึ้น
“เหตุเพราะ...ข้าคือคนสอดแนมของเถาฮวาอู๋ที่กลับมาก็เพื่อทำลายท่านอ๋องของพวกเ้า”
จ้องตาป๋ายหลี่ผู้นั้นอย่างไม่สะทกสะท้านแววตาไร้ซึ่งความกระวนกระวาย
บรรยากาศเริ่มกดดันมากขึ้นทัศนคติที่มีต่อหลินเมิ้งหยาในเวลานี้ล้วนแฝงไว้ซึ่งความคลางแคลงใจ
ขอเพียงมีคนออกคำสั่ง ร่างของหลินเมิ้งหยาจะท่วมไปด้วยเืในทันที
“พระชายาได้โปรดอธิบาย อู๋เฉินสงสัยมากเหลือเกิน”
น้ำเสียงของป๋ายหลี่อู๋เฉินนุ่มนวล ทว่ากลับซ่อนความอำมหิตเอาไว้
แม่ทัพที่ฉลาดหลักแหลมมักจะระมัดระวังทุกเื่เกินกว่าเหตุเสมออีกทั้งยังไม่วันเชื่อใจใครง่ายๆ
หลินเมิ้งหยาเข้าใจ หากไม่สามารถเอาชนะป๋ายหลี่อู๋เฉินคนนี้ได้ หลงเทียนอวี้ก็คงไม่เชื่อนางเช่นกัน
การขายชีวิตให้กับเ้านายที่ไม่เชื่อใจตนเองก็มิต่างอะไรกับการเต้นรำบนปลายมีดหากไม่ระวังให้ดีก็จะถูกแทงตายเอาได้
“เพราะว่าข้ากับนายน้อยชิงหูแห่งเถาฮวาอู๋ได้สร้างเงื่อนไขต่อกันเอาไว้ส่วนเงื่อนไขเป็เช่นไรนั้น นอกจากท่านอ๋องและป๋ายหลี่อู๋เฉินแล้วข้ามิอาจป่าวประกาศออกมาได้!”
ชั่วอึดใจต่อมา นางลากป๋ายหลี่อู๋เฉินและหลงเทียนอวี้ขึ้นมายังจุดสูงสุดขณะเดียวกันนางได้สร้างความสัมพันธ์อันซับซ้อนให้กับป๋ายหลี่อู๋เฉินกับคนอื่นๆ อย่างแยบยล
ั์ตาของป๋ายหลี่อู๋เฉินสั่นไหวผู้หญิงคนนี้มีทักษะขั้นสูงในการควบคุมหัวใจผู้อื่น
“เหตุใดจึงไม่สามารถบอกพวกเราได้? แม้ข้าจูเฉียงจะเป็คนหยาบคายแต่ถึงอย่างนั้นก็จงรักภักดีต่อท่านอ๋องเสมอมาข้าจูเฉียงเป็คนแรกที่ไม่อาจรับได้กับสิ่งที่พระชายารับสั่งไปเมื่อครู่”
จูเฉียงส่งเสียงะโออกมา เขามิรู้เลยว่าคำพูดของตนเองกำลังทำให้ป๋ายหลี่อู๋เฉินพ่ายแพ้
หลินเมิ้งหยาทำเพียงหัวเราะ ก่อนจะราดน้ำมันเข้ากองไฟ
“พูดออกมาได้หรือไม่ ขอให้ท่านป๋ายหลี่เป็ผู้ตัดสินใจก็แล้วกันหากท่านป๋ายหลี่เอ่ยว่าได้ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะพูดออกมาตอนนี้เสียเลย”
แอบวางหลุมพรางให้กับป๋ายหลี่อู๋เฉินหลินเมิ้งหยากำลังสร้างความยุ่งยากที่ไม่ใหญ่หรือไม่เล็กจนเกินไปขึ้นมา
หากป๋ายหลี่พูดว่าได้ เช่นนั้นความลับก็จะถูกแพร่งพรายออกไปเมื่อถึงเวลานั้นสถานการณ์อาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา
หากพูดว่าไม่ได้ เช่นนั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขามิได้เชื่อใจทุกคน
ผู้หญิงคนนี้เ้าเล่ห์ยิ่งนัก
“ข้าน้อยไร้ความสามารถ ทั้งหมดขอให้ท่านอ๋องเป็ผู้ตัดสินใจ”
ป๋ายหลี่อู๋เฉินอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะขมขื่นในใจ เฮ้อมิรู้ว่าจะต้องควักกระเป๋าตัวเองจ่ายเงินค่าเหล้ามากมายขนาดไหนจึงจะปลอบใจเหล่าพี่น้องของเขาได้
“กำแพงมีหูประตูมีช่อง”
หลงเทียนอวี้ที่นั่งเงียบตลอดเวลาเอ่ยเพียงเท่านี้ทว่าทุกคนกลับเงียบกริบมิส่งเสียงคัดค้าน
หลินเมิ้งหยานั่งประจำตำแหน่งของตนเองจิบชาพลางก้มหน้าสะกดกลั้นความภาคภูมิใจของตนเอง
คิดจะต่อกรกับนาง? รอชาติหน้าก็แล้วกัน!
ทุกคนไม่มีเื่อื่นใดปรึกษากันนอกจากเื่วัวหายล้อมคอกหลินเมิ้งหยาทำเพียงนั่งฟังเงียบๆ ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทุกคนจึงพากันแยกย้ายกลับไปภายในห้องอ่านหนังสือเหลือเพียงป๋ายหลี่อู๋เฉิน หลงเทียนอวี้และหลินเมิ้งหยาที่กำลังนั่งด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“พวกเ้าทั้งสองตามข้ามา” สายตาของหลงเทียนอวี้ตกลงบนร่างของทั้งคู่ลุกขึ้น เปิดประตูห้องลับในห้องอ่านหนังสือ
หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นเดินตามหลังทั้งสองเข้าไปอย่างเชื่อฟัง
ห้องลับไม่ใหญ่ การตกแต่งมิต่างอะไรจากห้องอ่านหนังสือชั้นวางหนังสือไม้สีแดงมีจดหมายวางอยู่เป็จำนวนมาก
เมื่อเทียบกับห้องอ่านหนังสือที่ถูกตกแต่งเพื่อเป็การตบตาแล้ว
ที่นี่ดูจะเป็ห้องทำงานที่แท้จริงของหลงเทียนอวี้
“พูดมาซิ เ้าทำข้อตกลงอันใดกับชิงหู?”
หลงเทียนอวี้เอ่ยเพียงสั้นๆ แต่ได้ใจความใช่ว่าเขาจะมองการปะทะกันระหว่างหลินเมิ้งหยาและป๋ายหลี่อู๋เฉินไม่ออก
แม้ภายนอกอู๋เฉินจะเป็คนอ่อนน้อมถ่อมตน ทว่าในใจกลับหยิ่งผยองและดื้อรั้น
ควรจะมีใครสักคนกำราบเขาเอาไว้
“ร่างกายของชิงหูโดนยาพิษ บังเอิญหม่อมฉันสามารถถอนพิษของเขาได้ดังนั้นหม่อมฉันจึงทำสัญญาให้เขาปกป้องคุ้มครองชีวิตหม่อมฉันเป็เวลาสามปีเพื่อแลกกับชื่อยาถอนพิษเ่าั้นี่คือเงื่อนไขที่หม่อมฉันได้ทำการตกลงกับเขาเอาไว้ หากพระองค์ไม่เชื่อหม่อมฉันสามารถตามตัวเขามายืนยันได้”
หลงเทียนอวี้และป๋ายหลี่อู๋เฉินสบตากัน พวกเขาตามล่าเถาฮวาอู๋มานานหลายปีแต่กลับไม่เคยได้ยินข่าวลือนี้มาก่อนเลย
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกท่านไม่มีทางเชื่ออีกสามเดือนชิงหูจะมาคอยปกป้องข้างกายข้าเมื่อถึงเวลานั้นพวกท่านอย่าตื่นตระหนกก็เพียงพอแล้ว”
มือลอบสังหารอันดับหนึ่งของเจียงหูทำสัญญาปกป้องคุ้มครองหญิงสาวคนหนึ่งเป็เวลาสามปีนี่มันเป็เื่เหลวไหลเพ้อเจ้อที่สุด!
หลินเมิ้งหยาแอบยิ้ม เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องใจนอ้าปากค้าง
“ท่านอ๋อง หรือว่าเมื่อถึงตอนนั้นพวกเรา...”
ั์ตาของป๋ายหลี่อู๋เฉินเผยให้เห็นความพยาบาทเขาอยากอาศัยโอกาสนี้ในการจับกุมตัวชิงหู
ทว่าหลงเทียนอวี้กลับส่ายหน้า เขามีแผนการใหญ่สำหรับชิงหูแล้ว
“ไม่ อู๋เฉิน เ้าออกไปก่อนเถิด”
ป๋ายหลี่อู๋เฉินยังอยากโน้มน้าวต่อไปแต่เขาเหลือบไปเห็นพระชายาที่เคยเอาชนะเขามาแล้วกำลังยืนอยู่ข้างๆ
เขารีบหมุนตัวแล้วออกจากห้องลับไป
ภายในห้องลับจึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้
“เ้าคงทำความเข้าใจในตัวลูกน้องของข้าแล้วใช่หรือไม่?”
“หม่อมฉันได้มองเพียงผิวเผินเท่านั้นแต่ถึงกระนั้นหม่อมฉันกลับมองออกถึงปัญหาบางอย่าง ท่านอ๋องแม้ว่ากลุ่มคนของท่านจะแข็งแกร่งและมีความสามารถ แต่กลับมิอาจพึ่งพาได้”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยตามความจริง อีกทั้งยังพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ลองพูดมาสิ” หลงเทียนอวี้กลับไม่โกรธแต่เขามองหลินเมิ้งหยาด้วยความสนใจและคาดหวังว่านางจะพูดอะไรบางอย่างที่เหมือนกับคนอื่นออกมา
“แม่ทัพของพระองค์แต่ละคนมีทักษะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาแต่กลับไร้ซึ่งกลยุทธ์ จือเจียง2 ฉลาดหลักแหลม จิตใจดีทว่าขาดความตรงไปตรงมาและความใจกว้าง อีกทั้งยังเชื่อมั่นในตนเองสูงใจมิได้กว้างมากพอจะรับฟัง”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงนุ่มนวล แต่กลับพูดสิ่งที่หลงเทียนอวี้เป็ห่วงที่สุดออกมาทั้งหมด
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่คนเราไม่อาจสมบูรณ์เพียบพร้อมไปได้ทั้งหมดอีกทั้งคนเหล่านี้ยังเป็คนมีพร์
หากเขาละทิ้งไปไม่เก็บเอาไว้ใช้งาน มันก็น่าเสียดาย
“ท่านอ๋องมิต้องเป็กังวลอันที่จริงการทำให้พวกเขาพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นนั้นช่างง่ายดายท่านเพียงแค่ต้องสอนพวกเขาตามความถนัดเท่านั้นให้พวกเขาได้ฝึกฝนในสิ่งที่เหมาะสมกันตนเองแลอย่าได้เห็นพวกเขาเป็เพียงแขกของตำหนักเท่านั้น”
สอนตามความถนัด! หลงเทียนอวี้เองก็มีความคิดเช่นนี้ แต่เพราะยังมีเื่ให้ต้องกังวลดังนั้นจึงยังไม่ได้ทำการฝึกฝนพวกเขาก็เท่านั้น
วันนี้เมื่อได้รับคำตอบจากปากของหญิงสาวตรงหน้าเขาเองก็รู้เสมือนได้รับความเห็นชอบในวิธีการแก้ไขปัญหา
****************************
1 1 เค่อเท่ากับ 15 นาที
2 จือเจียงเปรียบได้กับมันสมองของกองทัพ