ในที่สุดฉินซีก็ได้รับอนุญาตจากคุณหมอและทำเื่ออกจากโรงพยาบาลได้อย่างราบรื่น โดยมีเจี่ยงถิงเฟิงเป็ผู้ช่วย หลังจากนั้นก็กลับมายังห้องพักเล็กๆ โดยปลอดภัย เขาไม่ได้กลับมาที่นี่สักพักแล้ว ภายในห้องคงเต็มไปด้วยฝุ่น ทว่าเมื่อเดินเข้าไป มันกลับสะอาดสะอ้านจนเขาถึงกับตะลึง
คนสวมชุดพนักงานทำความสะอาดที่อยู่ดีๆ ก็บุกเข้ามาพวกนี้หมายความอย่างไร?
ฉินซียังไม่ทันได้เปิดปากพูดอะไร ชายวัยกลางคนคนหนึ่งในนั้นก็เดินเข้ามาพูดกับฉินซีอย่างยิ้มแย้ม “คุณคือคุณชายฉินใช่ไหมครับ? ผมเป็คนของบริษัทรับจ้างทำความสะอาดหัวรุ่นครับ”
“คุณชายฉิน ผมเป็คนของบริษัทจัดแต่งบ้านชิงหยางค่ะ” มีหญิงวัยกลางคนอีกคนเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน
นี่ทำเอาฉินซีมึนงงไปหมด เขาไม่ได้สนใจว่าพวกเขาเป็คนทำความสะอาดหรือจัดแต่งอะไร บุกเข้ามาในบ้านของเขาโดยไม่มีกุญแจได้แบบนี้ ความปลอดภัยในการอยู่ที่นี่คงไม่อาจรับประกันได้อีกแล้วสินะ?
ใบหน้าของฉินซีเรียบนิ่งโดยไม่ได้สนใจมองทั้งสองเลยแม้แต่น้อย เขาหันหน้าไปบอกกับเจี่ยงถิงเฟิงทันที “แจ้งตำรวจเถอะ ที่นี่มีคนบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลครับ"
ทั้งชายวัยกลางคนและหญิงวัยกลางคนรีบขยับเข้ามาอย่างร้อนรน พวกเขาะโออกมา
“อย่านะครับ/ค่ะ!”
“คุณชายฉินอย่าแจ้งตำรวจนะคะ! ฟังพวกเราอธิบายก่อนเถอะ! คุณชายฉิน!”
“ใช่แล้ว! คุณชายฉิน พวกเราถูกคุณเฉินส่งมาครับ...”
เมื่อหูของฉินซีได้ยินคำว่า ‘คุณเฉิน’ เขาจึงยกมือขึ้นแสดงให้เจี่ยงถิงเฟิงวางโทรศัพท์มือถือลง เจี่ยงถิงเฟิงเม้มปากแน่น ก่อนเก็บโทรศัพท์มือถือลงอย่างไม่พอใจนัก
“คุณเฉินสั่งให้พวกคุณมาเหรอครับ?” ตอนแรกฉินซีตั้งใจจะถามพวกเขาว่าไปเอากุญแจมาจากไหน แต่เมื่อคิดไปถึงความสามารถของเฉินเจวี๋ย การจะหากุญแจของเขาก็คงไม่ยาก อย่างไรอพาร์ตเมนต์นี่ก็ไม่ได้หรูหราอะไร การรักษาความปลอดภัยก็แสนจะธรรมดา
“ใช่ครับๆ คุณเฉินบอกว่าวันนี้คุณชายฉินจะออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับมาที่บ้าน ก็เลยให้คนในบริษัทของพวกเรามาทำความสะอาดให้ก่อน ทั้งเอาผ้าห่ม ผ้าคลุมโซฟา อะไรพวกนี้ไปซักทั้งหมดเลยครับ”
“ค่ะ คุณเฉินให้พวกเราเข้ามาแก้ไขรายละเอียดบางส่วนของห้องแทนคุณชายฉินเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณชายฉินเองค่ะ”
เส้นเอ็นบริเวณหน้าผากของฉินซีปูดออกมา แก้ไขรายละเอียด? แก้บ้าแก้บออะไร! จะทำความสะอาดก็ทำไป! แต่จะมาแก้ไขอะไร? เขาเช่าห้องนี้มานะ! เช่ามา! แค่! เช่า! มา! นะ!
ตอนคืนห้อง เ้าของห้องคงต้องเกลียดเขาถึงขนาดอยากสับให้ละเอียดแน่!
ฉินซีรู้สึกว่าความจริงเฉินเจวี๋ยตั้งใจจะมาทำร้ายตัวเองขึ้นมาในทันที
เมื่อเห็นสีหน้าของฉินซีผิดปกติไป ทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน จากนั้นก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “คุณชายฉินอย่าคิดมากเลยนะครับ พวกเราจัดการใกล้จะเสร็จแล้ว คุณชายฉินไปพักก่อนอีกสักครู่ก็เรียบร้อยครับ”
ในตอนนั้นฉินซียิ่งรู้สึกเหมือนทุกอย่างจบสิ้นแล้ว เหอๆ แบบนี้ก็หมายความว่า ห้องของเขาถูกแก้ไขเสร็จเรียบร้อยจนไม่เหลือหนทางให้แก้ไขกลับเป็เหมือนเดิมได้อีกแล้วสินะ?
ไม่กี่นาทีต่อมา ทุกคนในห้องต่างก็หยุดการทำงาน เมื่อฉินซีมองไปยังพื้นที่ที่เปล่งประกายวิบวับ หน้าต่างที่ใสสะอาดราวกับล่องหนได้ ผ้าคลุมโซฟาก็ถูกเปลี่ยนไปเป็อีกชุดที่เข้ากันมากขึ้น แม้แต่กำแพงที่ก่อนหน้านี้เริ่มจะกลายสีเหลืองก็ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็สีขาวสะอาดอย่างนี้ได้อย่างไร
ฉินซีนวดขมับที่ปวดตุบๆ หวังว่าหลังจากที่เ้าของห้องได้เห็นแล้ว จะชอบใจที่ห้องนี้เปลี่ยนไปเหมือนใหม่อีกครั้ง แล้วก็ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับเขา
บรรดาผู้คนที่อยู่เต็มห้องในตอนแรกต่างก็พากันแยกย้ายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที
เจี่ยงถิงเฟิงนั่งลงบนโซฟาอย่างไม่พอใจนัก เขาถามฉินซีขึ้นมา “คุณเฉินนี่คือ คุณเฉินที่มาจากฮ่องกงนั่นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เจี่ยงถิงเฟิงเคยเจอกันเฉินเจวี๋ยมาก่อน แต่เขาไม่กล้ามั่นใจว่าคนที่ดูแลใส่ใจฉินซีมากขนาดนี้คือเฉินเจวี๋ย
ในใจของเขารู้สึกมั่นใจทว่ายังเจือความคลุมเครือเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหากได้รับการยืนยันแล้ว ความหวังในใจของเขาก็คงต้องสูญเสียไป
“อืม เขานั่นแหละครับ” ฉินซีไม่ค่อยอยากจะคุยเื่นี้นัก ตอนนี้เขาถอดเฝือกและที่ดามออกแล้ว ขอเพียง่นี้ไม่ขยับตัวมากนักก็น่าจะไม่มีปัญหา เขาลองขยับแขนไปมา ยังดีที่กลับมาคล่องแคล่วบ้างแล้ว
“ทำไมเขาถึงมีกุญแจที่นี่ได้?” เมื่อเจี่ยงถิงเฟิงพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาก็แฝงความหึงหวงจนแม้แต่ตัวเขายังต้องใ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองใช้น้ำเสียงแบบนี้
แน่นอนว่าฉินซีไม่อาจบอกว่าเฉินเจวี๋ยใช้วิธีการใดๆ หากุญแจมาจนได้ เขาจึงเอ่ยออกไปอย่างคลุมเครือ “ผมเองก็จำไม่ได้แล้ว ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะเคยให้เขาไปน่ะครับ”
ในใจของเจี่ยงถิงเฟิงรู้สึกไม่ดีขึ้นมา จึงไม่ได้พูดต่อให้ตัวเองรู้สึกแย่อีก
อย่างไรที่นี่ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว เจี่ยงถิงเฟิงจึงดึงหน้าน้อยๆ พร้อมทั้งลุกขึ้นพูด “ฉันมาส่งนายถึงบ้านแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ” ตอนที่เจี่ยงถิงเฟิงพูดออกมา ก็ยังอยากให้ฉินซีรั้งไว้สักนิด
แต่ฉินซีเผยยิ้มออกมา ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “โอเคครับ เอาไว้จะเลี้ยงข้าวขอบคุณพี่นะ”
เจี่ยงถิงเฟิงเองก็ทำได้เพียงจากไปอย่างอึดอัดใจ แต่เมื่อคิดได้ว่าฉินซียังจะพาเขาไปทานข้าวอีก ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
เมื่อเจี่ยงถิงเฟิงกลับไป ฉินซีก็ไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วนอนหลับอย่างสบายในห้องของตัวเองไปหนึ่งตื่น เขานอนที่โรงพยาบาลอยู่นาน จนในจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แม้เขาจะเป็คนหลับง่ายแค่ไหน เวลาอยู่ที่นั่นก็ไม่อาจนอนอย่างสบายที่สุดได้
หลังจากตื่นก็เป็วันต่อมาแล้ว บังเอิญฉินซีนัดพบเจอกับหวังตันของบริษัทกวงิฟิล์มเพื่อเซ็นสัญญาตอน 10 โมงพอดี
ทางฝั่งฉินซีขึ้นรถแท็กซี่ไปด้วยความภาคภูมิใจ ส่วนทางอีกฝั่ง...
โทรศัพท์มือถือของเหลียนเหล่ยมีสายเรียกเข้าจากบริษัทจัดการโทรเข้ามาจนแทบะเิ ทั้งยังมีสายโทรเข้ามาจากรองประธานด้วย ก่อนหน้านี้แม้เธอจะโด่งดังขึ้นมา แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพวกระดับสูงจะมีท่าทีที่ดีกับเธอ เหลียนเหล่ยรับสายด้วยความมึนงง และในตอนนั้นเธอก็ถูกรองประธานสั่งให้กลับประเทศทันที!
เหลียนเหล่ยจะยอมกลับไปก่อนแบบนี้ได้อย่างไร? โฆษณาที่เธอจะต้องถ่ายนี้สำคัญมาก! ต้องเป็คนโง่เท่านั้นถึงยอมปล่อยโอกาสแบบนี้ไป!
หลังจากที่เหลียนเหล่ยทะเลาะกับรองประธานคนนั้นจนวุ่นวายเสียยกใหญ่ จู่ๆ ผู้จัดการของเธอก็เข้ามาหาด้วยใบหน้าขาวซีด “เหลียนเหล่ย เมื่อสักครู่ทางโฆษณาติดต่อมาบอกฉันว่าพวกเขา้ายกเลิกสัญญากับคุณค่ะ”
“นี่พูดบ้าอะไร?” เหลียนเหล่ยถึงกับหน้าถอดสี
ทว่าต่อมาสัญญายกเลิกข้อตกลงก็ถูกส่งมาถึงตรงหน้า
“คุณเหลียนเหล่ย คุณทำผิดข้อตกลงในสัญญาของเรา ตอนนี้ภาพลักษณ์ของคุณย่ำแย่เกินไปแล้ว! นี่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อบริษัทของเราเป็อย่างมาก!”
……
บริเวณที่ไกลออกไป ฝ่ายต้อนรับของกวงิฟิล์มเห็นเด็กชายสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ ั้แ่ทำงานอยู่ที่นี่ ฝ่ายต้อนรับสาวก็ได้เจอนักแสดงหน้าตาดีมาไม่น้อย แต่เธอก็เพิ่งเคยเจอเด็กชายที่หน้าตาโดดเด่นขนาดนี้เป็ครั้งแรก
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้นัดมาก่อนหรือเปล่าคะ?” ตอนที่พูดคุยกับเขา ใบหน้าของพนักงานต้อนรับก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ
“สวัสดีครับ ผมชื่อฉินซี ผมนัดกับคุณหวังตันเอาไว้ครับ”
“อ้อ รอสักครู่นะคะ” พนักงานต้อนรับสาวโทรศัพท์ภายในออกไป ไม่นานก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เธอวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะถามฉินซีขึ้นอย่างอดไม่ได้ “คุณเป็คนหน้าใหม่ที่จะมาเซ็นสัญญากับบริษัทของพวกเราหรือเปล่าคะ?”
ฉินซีเผยยิ้มบางๆ ขึ้น “ถ้าไม่เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นนะครับ”
รอยยิ้มของเขามีพลังทำลายล้างสูงมาก ใบหน้าที่สดใสนี้ทำให้หญิงสาวยังต้องรู้สึกด้อยกว่า ใบหน้าของพนักงานต้อนรับสาวยิ่งแดงก่ำ “ยินดีต้อนรับค่ะ”
ระหว่างที่พูดคุยกันอีกเล็กน้อย หวังตันที่สวมรองเท้าส้นสูง 9 เิเก้าวเดินออกมาจากลิฟต์ เธอสวมชุดทำงานแบบสาวออฟฟิศ ด้วยท่าทางอย่างพวกสาวมั่น และยังให้อารมณ์เหมือนปีศาจสาวสไตล์แบรนด์ปราด้าอยู่เล็กน้อย
ฉินซีเป็ฝ่ายเดินเข้าไปหา “สวัสดีครับ”
“สวัสดีฉินซี เรียกฉันว่าอาจารย์หวังก็ได้ เชิญตามฉันมาเลย” เมื่อเทียบกับน้ำเสียงเยือกเย็นและหนักแน่นตอนที่คุยโทรศัพท์ครั้งแรก หวังตันก็ดูเหมือนรุ่นพี่ที่เข้าถึงได้ยาก บางทีอาจจะมีเพียงตอนที่คนในสังกัดสามารถพัฒนาไปในทางที่ดีเท่านั้น เธอถึงจะแสดงความอ่อนโยนออกมาได้ด้วย
ฉินซีตามหวังตันขึ้นมาถึงชั้นสาม
กวงิฟิล์มเป็บริษัทที่มีชื่อเสียงด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ที่นี่ถือเป็ที่หนึ่งในเมืองมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นสภาพแวดล้อมภายในตึกจึงสวยงามอลังการ โชคดีที่เมื่อชาติก่อนฉินซีเองก็ได้พบเห็นอะไรมามาก ดังนั้นตอนที่เขาเดินตามหลังหวังตันมา ก็ไม่ได้แสดงความตื่นเต้นออกมาแม้แต่น้อย
สำหรับจุดนี้ คนที่เป็ ‘มือใหม่’ อย่างเขาก็ถือว่าทำให้หวังตันพอใจได้มากแล้ว
ฉินซีไปที่ห้องทำงานของหวังตัน ในตอนนั้นเขาเพิ่งได้รู้ว่าเธอคือหัวหน้าแผนกการจัดการคนหน้าใหม่ รวมทั้งการอบรมคนหน้าใหม่ด้วย ฉินซีใขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าหวังตันจะเป็คนพูดคุยเื่เซ็นสัญญากับเขาเอง สัญญาของกวงิฟิล์มมีอยู่หลายระดับ สัญญาที่หวังตันให้เขาคือสัญญา 5 ปี ส่วนแบ่งคือ 3:7 เขา 3 /บริษัท 7
หนังตาของฉินซีกระตุกขึ้นมาอย่างแรง ก่อนจะต้องถอนใจอย่างไร้เหตุผล ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงบอกว่าบริษัทในวงการบันเทิงต่างก็ใจดำทั้งนั้น! แม้ว่าเมื่อชาติก่อนในตอนแรกเขาก็ตกหลุมพรางของเทียนหม่าหยูเล่อ แต่หลังจากได้รู้จักกับจี่อวี้เซวียนอย่างมึนงง สุดท้ายเขาก็ได้อาศัยอำนาจของจี่อวี้เซวียนทำให้ส่วนแบ่งของเขาเป็ 6:4 เขา 6 บริษัท 4
แต่เมื่อคิดไปถึงว่าพวกศิลปินของประเทศเกาหลีต้องลำบากมากกว่า ฉินซีก็เบาใจลงเล็กน้อย เขาอ่านสัญญาอย่างละเอียด และมันก็ไม่ได้มีกับดักหรือช่องโหว่อะไร ข้อตกลงทุกข้อเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน และใน 5 ปีนี้ก็จะแก้ไขส่วนแบ่งไปตามความโด่งดังของตัวศิลปินในทุกๆ ปี
แม้ว่าสุดท้ายบริษัทจะจัดการทุกอย่างเอง แต่เมื่อคิดไปถึงชื่อของกวงิฟิล์ม และสายสัมพันธ์ในวงกว้าง หรือแม้แต่นักแสดงที่ตัวเองชอบ สุดท้ายฉินซีก็เซ็นชื่อตัวเองลงไป
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริษัทของเรา” มุมปากของหวังตันโค้งขึ้นปรากฏเป็รอยยิ้มออกมา
ฉินซีจับมือกับเธอ และรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองได้เปลี่ยนทิศทางไปแล้ว… และเส้นทางนี้จะต้องสว่างสดใสอย่างแน่นอน!
“ฉันจำได้ว่าคุณเคยพูดว่า คุณชอบอาจารย์จางชิวลิ่งมากใช่ไหม?” อยู่ดีๆ หวังตันก็พูดออกมา
“ใช่ครับ” ฉินซีพยักหน้าตอบรับทันที จางชิวลิ่งก็คือเทพบุตรในกวงิฟิล์ม ชื่อจางชิวลิ่งฟังดูอ่อนโยนมาก เพราะเขาเกิดในตระกูลนักวิชาการ ทั้งที่บ้านยังให้อารมณ์โบราณเก่าแก่ ดังนั้นจึงตั้งชื่อให้เขาโดยมีกลิ่นอายโบราณแฝงอยู่มาก
“แบบนั้นก็พอดีเลย วันนี้อาจารย์จางเข้ามาที่บริษัท ฉันพาคุณไปพบเขาได้นะ” หวังตันพูดเซอร์ไพรส์กับฉินซีด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง!
“ขอบคุณมากครับอาจารย์หวัง!” ดวงตาของฉินซีพลันสาดประกาย เขาเริ่มจะยับยั้งความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
อย่าพูดถึงชาตินี้เลย แม้แต่ชาติก่อนเขาก็ไม่เคยได้พบกับจางชิวลิ่งมาก่อน ตอนนั้นจางชิวลิ่งเป็นักแสดงระดับสูงยิ่งกว่าจงซิงอู๋นัก ส่วนเขาก็เป็แค่นักแสดงที่ไม่ได้โด่งดังอะไร แล้วอย่างเขาจะไปควรค่าต่อการรู้จักกับจางชิวลิ่งได้อย่างไร?
หวังตันพาเขาขึ้นไปชั้นบนอีก จนกระทั่งถึงชั้น 7 ในพริบตาเดียวฉินซีก็เห็นจางชิวลิ่งที่อยู่ข้างๆ ผู้จัดการในบริเวณไม่ไกลออกไป
จางชิวลิ่งเป็ผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก เขาสวมชุดสูทและผูกเนกไทเอาไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้าหล่อเหลาอบอุ่นมีริ้วรอยจางๆ ปรากฏขึ้นมา ทว่ามันกลับไม่สามารถส่งผลใดๆ ต่อท่าทีและบุคลิกของเขาได้ เมื่อเขาเดินอยู่กับคนอื่นก็ไม่มีใครสามารถ่ชิงความสง่างามจากเขาไปได้แม้แต่น้อย
หวังตันเดินตรงเข้าไป ฉินซีนิ่งไป ก่อนจะทำได้เพียงเดินตามเข้าไปด้วยความลังเล ความรู้สึกที่ได้พบกับศิลปินในดวงใจ… นี่มันแตกต่างกันเกินไปแล้ว! ตอนที่เขาเจอกับจงซิงอู๋ก็เพียงใอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อได้พบกับจางชิวลิ่ง เขากลับรู้สึกตื่นเต้นคล้ายกับได้เจอบุคคลในตำนานปรากฏขึ้นตรงหน้าเช่นนั้น
“สวัสดีครับอาจารย์จาง!” ฉินซีทักอีกฝ่ายออกไปอย่างไม่อาจอดกลั้น ทั้งยังเอ่ยปากก่อนหวังตันเสียอีก เ้าของเสียงใสที่พูดออกไปเมื่อครู่ ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ
จางชิวลิ่งหันไปมอง จากนั้นก็ได้เห็นฉินซีล้มคะมำดัง “ตุบ” ลงไปต่อหน้าตัวเอง
จางชิวลิ่ง “...”
ฉินซี “...”