“เ้าเดรัจฉานชั่ว!” ฉู่จื่ออวี้เห็นเ้าแมวอ้วนข่วนเซียวเจวี๋ยจนาเ็ ก็แทบอยากเอาตัวมันมาจากชิงอี และฟาดให้ตายอยู่ที่นี่เสีย
แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ชิงอีก็ก้าวมายืนอยู่ตรงหน้าเขา และเอ่ยว่า “ถ้าเ้าฆ่ามัน ข้าก็จะฆ่าเ้า”
ฉู่จื่ออวี้แทบไม่อยากเชื่อ ว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากนาง
นอกจากคำพูดหยาบคายของนางจะทำให้เขาใแล้ว ยังรู้สึกเหมือนโดนนางเหยียบย่ำเกียรติยศและศักดิ์ศรี นี่สายสัมพันธ์ของเขากับนาง สู้สัตว์เดรัจฉานไม่งั้นหรือ?
เ้าแมวอ้วนออดอ้อน คลอเคลียอยู่ข้างๆ ทว่า ก็โดนเท้าของนางเตะจนปลิวไปไกล
“เ้าโง่ นอกจากจะอ้วนแล้วยังไร้สมองอีก คิดจะข่วนคนก็ต้องข่วนที่หน้าสิ ไม่รู้หรือไง?”
ฉู่จื่ออวี้ได้แต่อึ้ง “...”
แล้วเขาคิดว่า สาเหตุที่ทำให้พี่หญิงของตนมีท่าทีแปลกประหลาดในค่ำคืนนี้ หรือจะเป็เพราะการตายของตู้ิเยวี่ย จึงทำให้นิสัยของนางเปลี่ยนไปขนาดนี้? นางเสียสติไปแล้วหรือ?
“ปล่อยไปเถอะ ไม่จำเป็ต้องไปเอาเื่กับเดรัจฉานโง่ๆ เพียงตัวเดียวหรอก” เซียวเจวี๋ยกล่าว โดยจ้องไปที่ชิงอีอย่างไม่วางตา
ชิงอีเองก็ส่งยิ้มเย็นคืนไป
“เอาชนะไม่ได้แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉาน เทพาอะไรกันไม่เห็นจะเท่าไรเลย” พูดจบนางก็หันหลังกลับไปโดยไม่มองหน้าเซียวเจวี๋ยแม้แต่น้อย ภาพแผ่นหลังของนางให้บรรยากาศหยิ่งผยอง แต่แฝงด้วยเสน่ห์อย่างร้ายกาจ
ฉู่จื่ออวี้ถึงกับพูดไม่ออก ยิ่งเห็นเซียวเจวี๋ยมีท่าทางเงียบขรึมราวกับกำลังใช้ความคิด ฉู่จื่ออวี้รู้สึกละอายใจ จนต้องเอ่ยปากว่า “พี่เซียว ท่านก็เห็นแล้วว่าพี่หญิงของข้า นาง นางยังเด็กนัก สมัยเด็ก นางโอหังมาก แต่พอไปอยู่ที่เมืองหย่งเย่ และกลับมาวังหลวงเมื่อหนึ่งปีก่อน นางก็เปลี่ยนไป”
“จะตรัสว่าตอนนี้นางไม่ได้โอหังแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ฉู่จื่ออวี้ถึงกับสำลัก เพราะตอนนี้ไม่เพียงแค่โอหัง แต่ยังกำเริบเสิบสานเสียจนน่าตีนัก
“เมื่อก่อนนางขี้ขลาดตาขาวราวกับหนู เื่คืนนี้คงจะกระทบจิตใจนางไม่น้อย”
ขี้ขลาดตาขาว ราวกับหนูงั้นหรือ?
เซียวเจวี๋ยมองดูรอยข่วนบนมือ ว่ากันว่าสัตว์เลี้ยงจะเหมือนกับเ้านาย ขนาดสัตว์เลี้ยงข้างกายนางยังเป็เช่นนี้ แล้วตัวนางล่ะจะขนาดไหน?
“องค์รัชทายาททรงเคยคิดไหมพ่ะย่ะค่ะ ว่าบางทีที่เห็นคืนนี้อาจจะเป็ตัวตนที่แท้จริงของพี่หญิงของพระองค์ก็เป็ได้ ตู้ิเยวี่ยตายไปแล้ว การที่นางมาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ ไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เป็ไปไม่ได้!” ฉู่จื่ออวี้ปฏิเสธทันควัน “อย่างอื่นข้าไม่อาจจะรับประกันได้ แต่ว่านางไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่!”
“นางไม่มีทางทำเื่เช่นนั้นได้หรอก ขนาดแค่ไก่ตายตรงหน้า นางยังเป็ลมล้มพับไปเลย แล้วนับประสาอะไรกับการฆ่าคน!”
ยิ่งไปกว่านั้น นางกับตู้ิเยวี่ยเองก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน จะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร
ทว่า คำพูดเหล่านี้ฉู่จื่ออวี้ไม่ได้พูดมันออกมา ด้วยยังคงไว้หน้าพี่หญิงของตนอยู่บ้าง
เซียวเจวี๋ยเองไม่ได้โต้เถียงอะไรต่อ แต่กลับหยิบจี้หยกออกมาจากอกเสื้อ และเอ่ยถาม “องค์รัชทายาททรงรู้จักสิ่งนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“จี้หยกนี่ ท่านได้มาจากไหนหรือ?” ฉู่จื่ออวี้เอ่ยถาม พลางขมวดคิ้วแน่น
“เก็บได้พ่ะย่ะค่ะ”
แววตาของฉู่จื่ออวี้ไหววูบเล็กน้อย คิดว่าเซียวเจวี๋ยคงจะเก็บได้บริเวณใกล้ๆ กับศาลาชุนชิว แน่นอนว่าเขารู้จักจี้หยกชิ้นนี้ ตอนนั้นที่ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่ชิงอีแตกกันก็เพราะสิ่งนี้แหละที่เป็ชนวน!
เป็ของที่ตู้ิเยวี่ยให้นางไว้ เป็สื่อแทนความรักของพวกเขา!
โชคชะตานี้ก็จริงๆ เลย...ทำไมคนที่เก็บเ้าสิ่งนี้ได้ จะต้องเป็เซียวเจวี๋ยด้วย?
แต่พอฉู่จื่ออี้คิดอีกที กลับรู้สึกโล่งใจ เพราะหากจี้หยกชิ้นนี้ถูกพบในบริเวณที่เกิดเหตุนี้ละก็ สู้ให้เซียวเจวี๋ยเป็คนเก็บได้ดีกว่า...ดีกว่าให้มันตกไปอยู่ในมือของฮองเฮาอำมหิตนั่น
ยามนั้น เกรงว่าฉู่ชิงอีจะต้องรับโทษ เพราะสิ่งนี้น่ะสิ!
“จี้หยกนี้เป็ของข้าเอง ข้าน่าจะเพิ่งทำตกไปโดยไม่รู้ตัว ดีจริงๆ ที่ท่านเก็บได้” ฉู่จื่ออวี้พูด พลางยื่นมือจะไปคว้ามันมา
ทว่า เซียวเจวี๋ยก็รวบจี้หยกนั้นเก็บไป
ฉู่จื่ออวี้จึงคว้าได้เพียงอากาศ
“พระองค์ทรงแหย่กระหม่อมเล่นแน่ จี้หยกนี้คือรางวัลของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
รางวัล? รางวัลอะไรกัน?
เซียวเจวี๋ยไม่ได้คิดจะอธิบายอะไรให้ฉู่จื่ออี้อฟัง และขอตัวจากไปเฉยๆ
พลันมุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มแปลกๆ
เขาเคยพูดเอาไว้แล้วนี่ ว่านางหนีไม่รอดหรอก!
...
หลังจากที่ชิงอีกลับไปถึงห้องนอน นางไม่พูดพร่ำทำเพลง จับเ้าแมวอ้วนโยนลงบนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนตั่งนุ่มอย่างวางท่า
“หุบปาก!” นางหลับตาลงครู่หนึ่ง ผีสาวที่กำลังพูดพล่ามอยู่ข้างๆ ก็เงียบลงทันที
“เหมียว เ้าหนุ่มนั่นมันอะไรกัน!” เ้าแมวอ้วนะโลงมาจากเตียงพร้อมขนที่ฟุ้งกระจาย พลางต่อว่าชายหนุ่มผสมกับร้องเหมียว “เ้านั่นคงไม่ใช่คนที่ซวย โดนท่านขืนใจใช่ไหม?”
สายตาคมราวกับมีดของชิงอีมองไปที่มันแวบหนึ่ง เ้าแมวอ้วนก็สงบปากสงบคำทันที
“ข้าไม่ได้ขืนใจฟรีๆ เสียหน่อย ข้าให้เงินเขาไปด้วยเถอะ!”
“จุๆ ท่านเป็ถึงราชินีแห่งภูตผี โดนท่านขืนใจเกรงว่าอายุขัยของเขาจะลดลงสิบปีน่ะสิ แค่จี้หยกชิ้นเดียวจะมีค่าเทียบกับอายุขัยสิบปีได้หรือ?”
ชิงอีกลอกตามอง พลางพูดขึ้นด้วยท่าทางยโส “บนโลกมนุษย์มีประโยคที่ว่า ไม่ว่าจักรพรรดิจะลงโทษหรือให้รางวัลก็ล้วนแต่คือความเมตตาที่พระองค์ทรงมอบให้นี่”
เ้าแมวอ้วนส่งเสียงเฮอะออกมา “เ้าหนุ่มนั่น มีจิตสังหารรุนแรงนัก ไม่รู้ว่าฆ่าไปมากน้อยเท่าไหร่แล้ว แค่ตอนที่เขาเข้ามาใกล้ ข้ายังรู้สึกไม่สบายตัวเลย มันคือมารร้ายชัดๆ ข้าว่าเ้าควรอยู่ให้ห่างจากเขาเอาไว้หน่อย ที่แน่ๆ ไม่มีพวกผีเล็กผีน้อยตนไหนกล้าเข้าใกล้เขา”
“ข้าเป็ผีเล็กผีน้อยหรือไง?” ชิงอีพูดพลางมีสีหน้าไม่สนใจ ก่อนที่สายตาจะกลับไปอยู่ที่ผีสาว พลันหัวเราะออกมา “ตอนนี้ควรจัดการกับเ้าผีไร้ประโยชน์นี่ก่อนสินะ”
จู่ๆ ผีสาวตัวสั่นเทิ้ม ภายในใจสับสนวุ่นวายไปหมด จนต้องตัดสินใจยอมแพ้ และเอ่ยขึ้นพร้อมฝืนยิ้ม “ความปรารถนาของหม่อมฉันเป็จริงแล้ว ในเมื่อหม่อมฉันไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ จะทำกับหม่อมฉันเช่นไร ก็แล้วแต่ท่านจะตัดสินเถิด”
“เ้าคิดซะสวยหรูเชียวนะ” ชิงอีปรายตามองแล้วเอ่ยต่อว่า “ในปรโลกมีกฎระเบียบ ข้าต้องทำผิดกฎเพราะเ้า พอได้ดั่งใจเ้าแล้วก็คิดจะแตกดับไปง่ายๆ งั้นเหรอ?”
ผีสาวตัวสั่นมองชิงอีด้วยสายตาบ่งบอกว่า ‘แล้วจะทำเช่นไรเล่า’
“ในเมื่อเ้าได้พลังมา หากไม่ใช้ประโยชน์ก็น่าเสียดาย” จู่ๆ ชิงอีก็เดินเข้าไปหาผีสาว ใช้ปลายนิ้วจรดลงกึ่งกลางระหว่างคิ้วของนาง ทันใดนั้น โซ่ตรวนสีดำก็ผุดออกจากพื้นเลื้อยขึ้นมาที่แขนของผีสาวราวกับงู “เป็หนี้ก็ต้องใช้หนี้ เกิดใหม่น่ะเป็ไปไม่ได้อยู่แล้ว หลังจากนี้ เ้าจงตั้งใจทำงานเป็ผีรับใช้ข้า เพื่อใช้หนี้ก็แล้วกัน หากวันใด เ้าใช้หนี้หมดแล้ว ข้าจะพิจารณาเื่การไปเกิดใหม่ของเ้าอีกที”
“ข้า ข้ายังมีโอกาสที่จะได้ไปเกิดใหม่จริงๆ หรือ?”
“นี่เ้ากำลังสงสัยข้างั้นหรือ?”
ผีสาวไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกไป
“ลงนรกไปได้แล้ว” ชิงอีโบกมืออย่างรำคาญ แล้วหลุมที่ตรงกลางมีรอยร้าวสีดำก็ปรากฏขึ้น มีเสียงร่ำไห้ของเหล่าภูตผีและเสียงโหยหวนของหมาป่าดังออกมาจากรอยร้าวนั่น
ผีสาวตัวสั่นเทิ้ม ชิงอีไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสหนี และใช้เท้าถีบผีสาวลงหลุมไป
“หลังจากลงไปแล้ว ก็ตั้งใจฝึกฝนตนเอง หากเ้ากล้าทำให้ชิงอีเตี้ยนเสียหน้าละก็ ข้าจะโยนเ้าลงไปทอดในกระทะซะ!”
ผีสาวส่งเสียงร้องไห้ ฮือ ฮือ ฮือ~~~
หลังจากจัดการปัญหาเสร็จ ชิงอีดูสดชื่นขึ้นเล็กน้อย
เ้าแมวอ้วนที่อยู่ข้างๆ จึงล้อเลียนนาง “หายากนะเนี่ย ที่ท่านไม่ขับไล่นาง แถมยังเลือกตำแหน่งให้ด้วยตัวเองอีก หลังจากที่นางขี้แยไปที่นั่นแล้ว ต่อให้ทำอะไรไม่ได้ แต่ได้รับการแนะนำจากท่านมา ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรรุนแรงกับนางล่ะมั้ง? ท่านจิตใจดีเช่นนี้ั้แ่เมื่อไหร่กัน?”
ดวงิญญาของฉู่ชิงอีฆ่าคนในโลกมนุษย์ ทั้งยังมีสัญญาณว่าอาจจะเปลี่ยนเป็ผีร้าย ตามกฎของปรโลกควรปะาทันที อีกทั้งถึงจะถูกนำตัวลงไป ก็จะถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
การที่ชิงอีมอบตำแหน่งให้ผีสาวด้วยตัวเอง เท่ากับได้ชำระบาปที่นางฆ่าผู้คนในโลกมนุษย์ไปแล้ว การให้นางทำหน้าที่รับใช้ ถือเป็การฝึกฝน สะสมความดีความชอบไปในตัว นับเป็โอกาสดีจะตาย! พอมีความดีความชอบก็ค่อยไปเกิดใหม่ ด้วยบุญที่แสวงมาได้ แม้นชาติหน้าไม่ได้เกิดมาร่ำรวยมีฐานะ แต่อย่างน้อยก็มีความเป็อยู่ที่ดีและมีผู้คนรักใคร่
“จิตใจดีหรือ? มันกินได้หรือไง?” ชิงอีกลอกตา พร้อมอ้าปากหาวหวอดๆ “ดูให้ดีสิ ตอนนี้ผีสาวนั่น มีใบหน้าเหมือนกับข้า ข้าจะกล้าลงมือกับ ‘ตัวเอง’ ได้ยังไงกัน”
“อีกอย่าง นางยังสละร่างให้ข้า ยามเป็ผี ข้าก็ควรจะดูแลนางเสียหน่อยไม่ใช่หรือ? ั้แ่เมื่อไหร่ที่ข้าจะยอมให้พวกผีเล็กผีน้อยข้างล่างนั่นมารังแกคนที่ข้าคุ้มหัวอยู่?”
“ถ้าจะรังแก ก็มีแค่ข้าเท่านั้นที่จะทำได้”
เ้าแมวอ้วนมองนาง พลางยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทางประหลาด ขนบนกายพลันตั้งชัน ที่แท้ในใจของนางก็ไม่เคยมีคำว่า ‘ใจอ่อน’ เลยสินะ
“แล้วท่านจะเอายังไงกับเ้าหนุ่มนั่น?” เ้าแมวอ้วนเปลี่ยนประเด็น
“เขาหรือ...” ชิงอีคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงคิ้วเลิกขึ้น ก่อนจะพูดต่อว่า “หากเขาฉลาดพอ ก็คงจะไม่มายุ่งวุ่นวายอะไร”