เมื่อมีการปรับความเข้าใจจากซูอิน ทำให้การรับประทานอาหารในมื้อนี้เป็ไปอย่างราบรื่น
ด้านความรู้สึกจำเป็ต้องใช้เวลา ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์กันทางสายเื ั้แ่เกิดจนถึงตอนนี้ซูอินมีอายุสิบหกปี พวกเขาไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกันเลย ต่างฝ่ายมีเื่ยุ่ง ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายังไม่ถึงขั้นลึกซึ้งนัก
โชคดีที่ทั้งสองฝ่ายต่างรู้สึก้าชดเชย ภายใต้ปฏิสัมพันธ์ที่มีแนวโน้มในเชิงบวก ทำให้หลังจากรับประทานอาหารจึงไม่รู้สึกห่างเหินเหมือนแต่ก่อน
แต่ว่าหากจะให้เรียกพ่อกับแม่ ซูอินยังไม่สามารถทำใจ อีกฝ่ายไม่ได้บังคับ ั้แ่แรกจนถึงตอนนี้มีการรักษาขอบเขตที่ดีมาโดยตลอด
นั่นคือสิ่งที่ซูอินปรารถนาจะได้เห็น
เธอโหยหาความรู้สึกที่จริงใจ เพราะจิตใจที่แท้จริงของเธอในตอนนี้เทียบเท่าผู้หญิงอายุยี่สิบห้าปี หากจะให้เธอแสดงท่าทีสนิทสนมกับสองสามีภรรยาแปลกหน้าคงทำไม่ได้ เธอไม่ใช่นักแสดง ไม่สามารถทำแบบนั้น
หลังจากกินข้าว ทั้งสองฝ่ายรู้สึกพอใจมาก เมื่อเห็นว่าได้เวลา เธอจึงขอออกมาเข้าห้องน้ำ และลงไปจ่ายค่าอาหารที่ชั้นล่าง
เมื่อรู้ว่าเธอจ่ายค่าอาหารแล้ว สองสามีภรรยาไม่เห็นด้วยอย่างมาก ยืนยันจะคืนเงินให้ การให้เงินเธอย่อมดีกว่าให้เธอเสียเงินหลายสิบหยวน
“หนูบอกั้แ่แรกแล้วนี่คะ ว่ามื้อนี้หนูจ่ายเอง…”
เมิ่งเถียนเฟินแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย “ลูกเป็เด็ก มากับพ่อ…มากินข้าวกับผู้ใหญ่ มีที่ไหนกันให้เด็กเป็คนจ่าย”
“ไม่เป็ไรค่ะ หนูมีเงิน เป็เงินที่หนูหามาเอง”
เอ่ยมาถึงตรงนี้เมิ่งเถียนเฟินก็แสดงท่าทีมากกว่าเดิม “ทั้งที่ใกล้สอบเข้ามัธยมปลาย แต่ลูกกลับไปทำงานอย่างยากลำบากเพื่อเงินน้อยนิด เก็บเงินไว้ซื้ออะไรดีๆ กินเถอะ เป็เด็กดี ผู้ใหญ่ให้ก็รับไปเถอะจ้ะ”
ซูอิน : …
การหาเงินของเธอไม่ได้ยากลำบากเลย
แต่จากการััสองสามีภรรยาคู่นี้ทำให้เธอรู้ว่าพวกเขาเป็คนบ้านนอกที่ซื่อสัตย์ คงรับไม่ได้กับการหาเงินโดยซื้อลอตเตอรี่ฟุตบอลซึ่งถือเป็การพนันอย่างหนึ่ง
ในสถานการณ์ที่จนใจเช่นนี้ เธอจึงทำได้เพียงรับไว้ เพียงแต่เมื่อหันไปมองอาหารที่เหลือและห่อกลับมากมายเ่าั้ก็รู้สึกหงุดหงิด
“หากรู้ว่าเป็แบบนี้ ก็จะไม่สั่งของพวกนั้น”
“สั่งแล้วก็ไม่เป็ไร จะได้เอากลับไปให้คุณย่ากับคุณลุง คนบ้านนอกอย่างพวกเราไม่ถือหรอก ของดีแบบนี้เอากลับไป พวกเขาต้องดีใจมากแน่ๆ”
คำพูดมากมายก่อนหน้านี้ของซูอินซับซ้อนเกินไป ทำให้เมิ่งเถียนเฟินยังไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจน
แต่มันอาจเป็ความรู้สึกพิเศษระหว่างแม่กับลูกสาว หรืออาจเป็เพราะเด็กสาวตรงหน้าเป็เด็กดี หน้าตาสะสวย เรียนเก่ง การเจอกันในแต่ละครั้งไม่ได้พูดคุยกันมาก แต่เมิ่งเถียนเฟินก็รู้สึกว่าเต็มไปด้วยความสุข
ไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง มีเพียงความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ความปลื้มปริ่มและความสุขที่ออกมาจากใจ
มือหิ้วกล่องอาหารที่ห่อกลับบ้านลงมาจากชั้นบน ซูอินเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปส่งสองสามีภรรยาที่สถานีขนส่ง
ตอนที่กินข้าวเธอพูดไปแล้วว่า หลังจากสอบเสร็จที่โรงเรียนยังมีเื่ให้จัดการอีกนิดหน่อย ต้องใช้เวลาสองสามวันถึงจะกลับไปได้ อีกทั้งเธอก็ได้ขอช่องทางติดต่อของตระกูลซูไว้ บ้านตระกูลซูไม่มีโทรศัพท์ แต่บ้านพี่ชายของสามีได้ติดตั้งโทรศัพท์บ้านเมื่อสองปีก่อน เมื่อ้าใช้ก็ค่อนข้างสะดวก
รถแท็กซี่หยุดหน้าสถานีขนส่ง ซูอินซื้อตั๋วรถให้ทั้งคู่และไปส่งพวกเขาขึ้นรถด้วยตนเอง
“เดินทางปลอดภัยนะคะ รอให้เื่ทางนี้เสร็จ หนูจะโทรหา”
เมิ่งเถียนเฟินพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะพูดกำชับ “เด็กสาวตัวคนเดียวอย่างลูกก็ต้องระวังตัวด้วย โดยเฉพาะ…หากตอนกลางคืนต้องรีบกลับที่พัก จะไปไหนก็อย่าเลือกไปในที่เปลี่ยวลับตาคน”
เมื่อถึงเวลา คนขับเริ่มสตาร์ตรถ ตบหลังมือของอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อปลอบโยน ซูอินโบกมือลา ก่อนจะมีบางอย่างถูกยัดใส่ในกระเป๋าของเธอ
เธอก้าวขาข้างหนึ่งลงมาจากรถบัสแล้ว เมื่อล้วงออกมาดูก็พบว่ามันคือเงิน ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยด้วย
“นี่คือ?”
เมิ่งเถียนเฟินกลับเข้าไปในรถตามเสียงเรียกของคนขับรถ ก่อนจะโผล่ศีรษะออกมาทางหน้าต่าง
“รับไปเถอะ อยากกินอะไรก็เอาไปซื้อ อยู่คนเดียวข้างนอกแบบนี้ ไม่มีคนคอยดูแลเื่อาหารการกิน อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดี”
รถบัสคันนั้นกลับรถและออกไปจากสถานีขนส่ง เมิ่งเถียนเฟินทอดสายตามองเด็กสาวร่างเพรียวบางที่ยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยจิตใจสับสน
เธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากอินอิน ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเป็เพราะอะไร ในตอนแรกที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเมิ่งเมิ่ง และต้องส่งเธอกลับมา แน่นอนว่าเธอย่อมรู้สึกไม่อยากจากกัน แต่ความรู้สึกนั้นไม่เคยรุนแรงเช่นนี้
ซูอินยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนเมื่อรถบัสพ้นสายตา เธอจึงก้มมองธนบัตรที่อยู่ในมือ
เลขธนบัตรเรียงกัน เหมือนกับเงินค่าอาหารที่ซูเจี้ยนจวินยัดใส่มือเธอ ต้องเป็เงินที่เบิกมาจากธนาคารแน่ๆ ดูเหมือนว่าที่พวกเขาบอกว่าเข้ามาในเมืองรอบนี้ นำเงินมาด้วยคงเป็ความจริง
นอกจากนั้นแล้วยังมีเงินย่อยอีกจำนวนหนึ่ง
ห้าหยวน หนึ่งหยวน สองเหมา หนึ่งเหมา ธนบัตรถูกจัดเรียงเป็ปึกอย่างมีระเบียบ
รวมกับเงินค่าอาหารก็มากกว่าห้าร้อยหยวนแล้ว
เงินก้อนนี้ สำหรับครอบครัวที่มีอาชีพทำไร่ทำนา ถือว่าเป็จำนวนไม่น้อย
เธอไม่สนใจว่าจะเป็เงินมากหรือน้อย ประเด็นสำคัญคือตลอดสองชาติที่ผ่านมา นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนใส่ใจเธอว่าอยู่ข้างนอกจะหนาวไหม หิวไหม และใช้เป็ข้ออ้างเพื่อยัดเงินใส่ในมือเธอ
ความรู้สึกที่มีคนใส่ใจ นับว่าไม่เลวจริงๆ
ทำให้เธอเริ่มรู้สึกคาดหวังจากใจจริงที่จะได้กลับไปยังตระกูลซู
ความรู้สึกอบอุ่นในใจยังคงอยู่จนถึงตอนที่เธอเรียกรถแท็กซี่กลับที่พัก มุมปากของเธอยังคงยกขึ้นอยู่เช่นนั้น
จากนั้นเื่ราวดีๆ ก็กำลังรอเธออยู่
เมื่อกลับถึงห้องพัก เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ลงไปยังชั้นล่างด้วยความสบายใจ ตอนที่กำลังจะเดินไปที่ร้านพี่หง และดูว่ามีอะไรที่พอจะช่วยเหลือได้หรือไม่ เธอก็พบฉินหล่างที่กำลังเดินมา
ครั้งก่อนที่พวกเขาพบกันเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ก่อนเดินลงไปยังชั้นล่าง เธอนึกถึงน้ำตาลทรายแดงถุงที่เพิ่งจะเปิด ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในห้องนอน ใบหน้าของเธอแดงเพราะท่าทีประหม่า
เด็กสาวที่เพิ่งจะอาบน้ำอุ่นมามีผิวแดงอมชมพู ผมสีดำยาวยังไม่แห้งแผ่อยู่ด้านหลัง กับผมไม่กี่เส้นที่ห้อยลงมาถึงหน้าอก เป็ความงามบริสุทธิ์ในแบบที่แตกต่างออกไป
ฉินหล่างตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว
แต่ก็เป็เพียงชั่วขณะหนึ่ง เขาเกิดมาในตระกูลใหญ่ ั้แ่เล็กจนโตออกกำลังกายมาตลอด หลังจากนั้นก็เข้ารับราชการทหาร ร่างกายจึงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ถึงแม้ตอนนี้จะปลดประจำการแล้ว แต่ก็ยังออกกำลังกายตลอด แม้แต่ตอนนอน เขาก็ตื่นตัวอยู่เสมอ
“สอบเสร็จแล้วหรือ ร่างกายดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
กาน้ำใบไหนไม่เดือดหยิบอันนั้น[1] ซูอินก้มหน้า แก้มของเธอแดงระเรื่อ
สูดหายใจเข้าลึก เมื่อสติกลับมา จู่ๆ เธอก็นึกถึงเื่อื่น
คำพูดที่แสนเย่อหยิ่งของสองแม่ลูกตระกูลหลิงยังคงดังอยู่ในหู เมื่อเงยหน้าเธอได้สบตากับชายหนุ่มก่อนเอ่ยเบาๆ ว่า “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณยังไม่กลับหรือคะ”
“ใกล้แล้ว น่าจะสองวันนี้แหละ”
อาการาเ็ของเพื่อนร่วมงานในตอนนี้ควบคุมได้แล้ว เขาจึงกลับไปที่ศูนย์ได้ ฉินหล่างจึงกลับมายังที่พักเพื่อเก็บของ
ซูอินตกตะลึงเล็กน้อย “อ้อ เร็วจังเลยนะคะ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ ฉินหล่างก็รู้สึกดีโดยไม่ทราบสาเหตุ และดูเหมือนว่าบรรยากาศรอบๆ จะสดชื่นมากขึ้นด้วย
เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกเช่นนี้หมายถึงอะไร แต่เขาไม่ใช่คนงุ่มง่ามเคอะเขิน ในเมื่อเจอสาวน้อยน่ามองคนนี้ เขาจึงใส่ใจเป็พิเศษ
“เสร็จเื่ยุ่งๆ แล้ว ใช่ เื่เมื่อเช้าวันนั้น ฉันถามให้เธอแล้ว”
-----------------------------------------------------------------------
[1] กาน้ำใบไหนไม่เดือดหยิบอันนั้น หมายถึง พูดในเื่ที่ไม่ควรพูดหรือทำในเื่ที่ไม่ควรทำ
