ขณะเหอตังกุยเดินกลับเรือนตงฮวาฝั่งตะวันออกก็พลางคิดถึงเื่แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นเย็นวันนี้ มันจะบังเอิญเพียงนี้เชียวหรือ?
ก่อนหน้านี้นางเห็นต่งซื่อและหลัวไป๋เส่าบุกเข้ามาด้วยความเดือดดาลเต็มอก ทว่าขณะนั้นนางไม่ค่อยสบายนัก เหล่าไท่ไท่จึงไล่พวกนางกลับไป รอวันที่ตนอารมณ์ดีค่อยพูดคุยกันอีกครั้ง ทันใดนั้นนางก็นึกถึงภาพศพอีกากองเกลื่อนเต็มพื้น จึงแสร้งเป็เทพชั่วร้ายลึกลับเช่นเดียวกับไป๋หยางไป่แล้วทำนายถึง “หายนะนองเื” เหอตังกุยคิดว่าเมื่อมีคนพบอีกานอนตายนอกสวนหลังเรือน ด้วยนิสัยเชื่อเื่โชคลางของเหล่าไท่ไท่ นางจะต้องเชื่อเื่ “การทำสมาธิเพื่อพ้นทุกข์ในเวลาสองวัน” อย่างไม่ต้องสงสัย วิธีเหล่านี้จะทำให้เหอตังกุยมีเวลาพักผ่อนและรักษาตัว
คิดไม่ถึงว่าจากนั้นไม่นานป่าไผ่ขมจะเกิดเพลิงไหม้ เหอตังกุยจึงประหลาดใจเล็กน้อย หรือเป็เพราะอากาศแห้ง สิ่งต่าง ๆ ติดเพลิงง่าย เมื่อประกายเพลิงปลิวออกจากห้องครัวจึงทำให้เกิดเพลิงไหม้? เมื่อเื่เพลิงไหม้สิ้นสุด จู่ ๆ หลัวไป๋อิ่งก็ปรากฏตัวราวกับผีจนฉานอีพลั้งเอ่ยวาจาล่วงเกิน เหอตังกุยกังวลไม่น้อย เนื่องด้วยหลัวไป๋อิ่งเป็คนจริงจัง ไม่รู้นางจะจัดการฉานอีอย่างไร เอาเถิด แม้เื่ที่หลัวไป๋อิ่งตกน้ำจะเป็อุบัติเหตุไม่คาดคิด แต่ป้ายพระราชทาน...เหตุใดจึงตกลงมาพอดิบพอดี?
เหอตังกุยส่ายหัวเบา ๆ กับความบังเอิญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาจเป็เื่บังเอิญก็เป็ได้ อย่างไรก็ตาม นางสามารถไล่ต่งซื่อและหลัวไป๋เส่าออกไปตามใจปรารถนาแล้ว จากนี้นางอาจใช้เวลาว่างคิดหาข้อบกพร่องของต่งซื่อ หากดูจากท่าทีของเหล่าไท่ไท่ก็น่าจะเดาออก ต่งซื่อตามหาคนร้ายที่ทำให้ลูกชายนางเสียชีวิต เหล่าไท่ไท่เลือกไพ่สี่ใบระหว่างคุณชายเว่ย ต่งซื่อ ซุนซื่อและเด็กโง่เช่นคุณหนูอี้ ซุนซื่อคือสิ่งล้ำค่าของเหล่าไท่ไท่จึงถูกตัดออก ประการที่สอง ไม่ว่าจะเป็คุณชายเว่ยหรือต่งซื่อ เื่ “คนของครอบครัวสาขาแรกยกหินทับเท้าตน” ก็จะแพร่กระจายกลายเป็เื่ขบขันของคนในจวน ดังนั้นเหล่าไท่ไท่จึงเลือกสตรีเด็กที่ไร้ความสำคัญเช่นนาง
แม้จะสมเหตุสมผลและเป็ดังคาด แต่นางก็เสียใจที่เห็นเหล่าไท่ไท่พยายามปกปิดความจริงที่คุณชายจูฟื้นคืนชีพต่อหน้าธารกำนัล อันที่จริงนางควรจะคิดได้นานแล้ว เหอตังกุยระบายยิ้มขมขื่นบนใบหน้า นางไม่ได้เพิ่งรู้จักนิสัยแย่ ๆ ของคนตระกูลหลัวเป็วันแรกเสียหน่อย แล้วตนรอคอยอันใดเล่า?
“น้องหญิง สวัสดียามเย็น เ้ากินข้าวหรือยัง?”
เหอตังกุยขมวดคิ้วเงยหน้ามองพบว่าเป็เฟิงหยาง ด้านหลังคือชายหนุ่มขี้โรคหน้าตาเหมือนลู่เจียงเป่ย นางเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ยังเ้าค่ะ พวกท่านล่ะ?”
“พวกข้ากินแล้ว” เฟิงหยางตอบ
เหอตังกุยพยักหน้าพลางเอ่ย “พวกท่านรีบพักผ่อนนะเ้าคะ คืนนี้จวนมีเหตุเพลิงไหม้ โปรดอภัยหากข้าทักทายหรือดูแลไม่ทั่วถึง”
เฟิงหยางเอ่ย “ไม่เป็ไร”
เหอตังกุยเลิกคิ้ว “คุณชายเฟิงเป็หวัดเพราะถูกลมหนาวหรือไม่เ้าคะ? เสียงของท่านฟังดูแหบกว่าก่อนหน้านี้มาก หากท่าน้าหมอหรือยา ที่จวนของพวกเรามีบ่าวรับใช้พร้อมดูแล เพียงสั่งสาวใช้ในเรือนของท่านก็พอเ้าค่ะ”
เฟิงหยางััลำคอก่อนกระแอมแล้วเอ่ย “น้องหญิงช่างใส่ใจจริง ๆ ระหว่างทางข้าถูกลมเย็นจึงเป็หวัด น่าเสียดายที่ไม่สามารถรักษาหายภายในหนึ่งเดือน ข้าขอพูดความจริงแล้วกัน ข้าเกลียดการพบหมอและกินยามาตลอด ดังนั้น...ข้าคงเสียงแหบเช่นนี้ไปถึงเดือนหน้า หากน้องหญิงไปพบเหล่าไท่จวิน ได้โปรดบอกเื่นี้แก่นางด้วย นางจะได้เข้าใจ”
เขาพูดจาไร้สาระอันใดกัน? เดือนไหนจึงจะเหมาะแก่การรักษาหวัด? แววตาของเหอตังกุยจดจ่อใบหน้าของเฟิงหยางครู่หนึ่ง ก่อนเฟิงหยางจะเบนหน้าหนีอย่างเขินอาย นางเต็มไปด้วยความสงสัย เหตุใดเขาทำตัวเช่นนี้? เฟิงหยางในตอนเช้านั้นร่าเริงและพูดเก่ง แต่ตกกลางคืนกลับแสดงท่าทีเขินอายประหนึ่งหญิงสาวแรกแย้ม? ช่างเถอะ อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับนาง เหอตังกุยพยักหน้ากล่าว “เช่นนั้นข้าปล่อยให้พวกท่านเพลิดเพลินกับการชมพระจันทร์ดีกว่า ข้าน้อยขอลาเ้าค่ะ” กล่าวจบก็เดินมุ่งหน้าไปทางเรือนตงฮวาฝั่งตะวันออก
ขณะเดียวกันบุคคลข้างเฟิงหยางผู้นั้นก็เอ่ยกะทันหัน “นี่ เ้าชื่ออะไร” คนแปลกหน้าเอ่ยถามชื่อสตรียังไม่ออกเรือนอย่างไร้มารยาท เหอตังกุยจึงตอบออกไปส่ง ๆ โดยตั้งชื่อใหม่ให้เรียกเฉพาะ
หลังอีกฝ่ายเดินไปไกลแล้ว หนิงยวนก็ขมวดคิ้วก่อนจับจ้องเฟิงหยางพลางเอ่ย “การแสดงของเ้าย่ำแย่นัก ตลอดบ่ายไม่ได้ฝึกซ้อมหรืออย่างไร? คุยกับคนธรรมดาเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำไม่ได้หรือ?”
เฟิงหยางเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น “องค์ชาย นิสัยข้าแตกต่างกับคุณชายฉางสิ้นเชิง จะให้เรียนรู้ทักษะพูดคุยและวิ่งไล่ตามสตรีเหมือนเขาในเวลาเพียงไม่นานได้อย่างไร”
หนิงยวนก้มหน้าครุ่นคิดก่อนถอนหายใจพลางเอ่ย “ฉางนั่วเป็คนเช่นนั้น ไม่รู้จะปลอมตัวเป็ข้าได้ดีหรือไม่ หวังว่าจะไม่เกิดเื่เหนือความคาดหมายอันใด”
“องค์ชาย” เฟิงหยางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดเมื่อครู่ท่านต้องทำให้ป้ายพระราชทานของตระกูลหลัวหล่นลงมาด้วย?”
ดวงตาหนิงยวนฉายแววเย็นเฉียบ ก่อนเอ่ยเ็า “เพราะมันขัดหูขัดตา ข้าเกลียดทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทอี้เหวินจนเข้ากระดูก หากไม่ใช่เพราะเขา เสด็จแม่ของข้าก็คงไม่ตายอย่างน่าอนาถ!”
เหอตังกุยรีบร้อนกลับไปที่ห้อง เหตุเพราะฉานอียังไม่กลับจากรับใช้หลัวไป๋อิ่ง เหอตังกุยจึงเริ่มค้นหาสัมภาระอย่างเร่งรีบ ก่อนหยิบขวดโหลที่ข้างในมีพุทราสีม่วงขนาดเท่าไข่ไก่เก้าลูก เป็พุทราที่ทำจากสมุนไพรชั้นดียี่สิบสี่ชนิดขณะนางอยู่ในวัด หลังล้างและอบสามรอบแล้วก็นำไปแช่เหล้ารสเข้มข้น ก่อนเพิ่มพุทราซาอวี้จากฝั่งตะวันตกลงไป ในที่สุดก็กลายเป็พุทราม่วง ริมฝีปากบางของเหอตังกุยขยับหัวเราะเบา ๆ เมื่อนางมีสิ่งเหล่านี้ก็จะสามารถยืนหยัดในตระกูลหลัวได้อย่างมั่นคง
......
“คุณหนูสาม ไปไหนมาเ้าคะ?” หยางมามาเข้ามาต้อนรับด้วยความร้อนใจ ขณะที่เหอตังกุยกำลังจะเอ่ย เสียงของเหล่าไท่ไท่ก็ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของห้องโถง “เสี่ยวอี้ รีบเข้ามา ยายมีเื่จะพูดกับเ้า”
เหอตังกุยเดินผ่านฉากกั้นก่อนพบเหล่าไท่ไท่ที่มีท่าทางอ่อนแรงมาก นางเอ่ยด้วยความกังวลอย่างอดไม่ได้ “ท่านยาย เหตุใดจึงหน้าซีดเช่นนี้ การดูแลร่างกายนั้นสำคัญกว่าสิ่งใด ตอนนี้ข้ามี…”
“เด็กดี เข้ามานี่” เหล่าไท่ไท่กวักมือเรียกพลางเอ่ย “มาให้ยายดูเ้าหน่อย”
เหอตังกุยเดินเข้าไปอย่างเชื่อฟัง นั่งลงบนตั่งตัวเล็กมีผ้าปูข้างเท้าของเหล่าไท่ไท่ นางก้มศีรษะ สายตาจับจ้องเหล่าไท่ไท่พลางกะพริบตาปริบ ๆ “ท่านยายไม่สบายหรือเ้าคะ?”
หลังเหล่าไท่ไท่ตำหนิต่งซื่อเมื่อครู่ เมื่อคิดดูแล้วก็รู้สึกไม่เหมาะสมนัก นางจำได้ว่าทุกเดือนสิบ ตระกูลต่งจะส่งคนมาเยี่ยมต่งซื่อในเมืองหยางโจว หากต่งซื่อเล่าเื่เลวร้ายทั้งหมดให้คนสกุลเดิมฟัง คนนอกอาจครหาได้ว่าตระกูลหลัวปฏิบัติต่อลูกสะใภ้ย่ำแย่เกินไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต่งซื่อ้าความยุติธรรมให้คุณชายจู จะดีกว่าหากแก้ปัญหาด้วยวิธีที่นางวางแผนไว้ นั่นคือขอให้เสี่ยวอี้ขอโทษในความผิดที่เกือบฆ่าคุณชายจู
เหล่าไท่ไท่หยิบลูกประคำออกจากแขนเสื้อก่อนหมุนมันทีละเม็ด “เสี่ยวอี้ ครั้งนี้เ้ามีส่วนช่วยชีวิตคุณชายจูอย่างมาก ด้วยการแลกเปลี่ยนิัของเ้ากับเซียนผู้เฒ่า เดิมทีเ้าควรได้รับรางวัล แต่เมื่อคิดอย่างละเอียด เื่ของเซียนผู้เฒ่าไม่สามารถเปิดเผยให้ใครรู้ได้ หากคนนอกรู้ว่าคุณชายจูได้รับการช่วยชีวิตจากทวยเทพ พวกเขาจะคิดว่าตระกูลของพวกเราซ่อนยาอายุวัฒนะล้ำค่าไว้ เช่นนั้นตระกูลหลัวจะมีชีวิตปลอดภัยหรือไม่? แม้้าตอบแทนเ้า แต่พวกเราก็ไม่สามารถทำได้ด้วยเหตุผลข้อนี้”
เหอตังกุยพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “ท่านยายท่านคิดมากเกินไปแล้ว แม้แต่คนบริสุทธิ์ก็ยังเดือดร้อนเพราะมีของล้ำค่าอยู่กับตัว เื่ทวยเทพนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด”
เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นนางเข้าใจก็โล่งอก นางหมุนลูกประคำเป็ครึ่งวงกลมก่อนเงยหน้ามองหยางมามา จากนั้นก็ย้ายเก้าอี้ผ้าไปนั่งข้างเหอตังกุยพลางพูดคุยเสมือน้าปรึกษา “คุณหนูสาม หากไม่สามารถพูดเื่ทวยเทพได้ เช่นนั้นบุญคุณอันใหญ่หลวงของท่านก็จะถูกเก็บเป็ความลับ ความเมตตาของท่านที่มีต่อครอบครัวคุณชายจูก็จะมีเพียงพวกเราไม่กี่คนที่รู้”
“ตังกุยทำเื่นี้โดยไม่หวังเกียรติยศ ตอนนี้คุณชายจูกลับมามีชีวิตแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดสำคัญกว่านี้แล้วเ้าค่ะ” เหอตังกุยมองหยางมามาพลางเอ่ยตรงไปตรงมา
หยางมามาปรบมือก่อนเอ่ย “แม้จะเป็เช่นนั้น ทว่าต่งซื่อกลับไม่ยอมเลิกราโดยง่าย ท่านยังจำสิ่งที่ข้าเคยบอกขณะอยู่ในวัดสุ่ยซังได้หรือไม่? ท่านเป็เ้าของเรือนซีคั่ว ดังนั้นท่านต้องรับผิดชอบเื่หนูระบาด เหล่าไท่ไท่และข้าพูดคุยเื่นี้แล้ว เราทั้งคู่คิดว่าท่านควรยอมรับผิดต่อต่งซื่อ วิธีนี้จะสามารถลดความโกรธของนางได้ คุณชายจูก็จะได้รับความยุติธรรม คนในครอบครัวเดียวกันรักใคร่กลมเกลียว เหล่าไท่ไท่เห็นเช่นนั้นก็จะมีความสุข” เมื่อหยางมามาเห็นใบหน้านิ่งสงบของเด็กสาวจึงเอ่ยถามด้วยความกังวล “คุณหนูสามคิดเห็นอย่างไร?”
แววตาเป็ประกายสีดำขลับของเหอตังกุยราวกับซ่อนแสงดาวที่แตกกระจายไว้ก็ไม่ปาน หยางมามาเห็นเช่นนั้นก็ใทันที ทว่าเมื่อจ้องมองอีกครั้งก็สงสัยว่าตนคงตาลาย เพราะแม้แต่เปลือกตาของคุณหนูสามก็แทบไม่ได้ยกขึ้น
เหอตังกุยเอ่ยตอบอย่างเชื่อฟัง “ข้อเสนอของมามาดีมากเ้าค่ะ หากจบลงด้วยดี ข้าก็มีความสุขเช่นกัน”
“เสี่ยวอี้ ข้ารู้ว่าเ้าน้อยใจ เ้าถูกบ่าวรับใช้เ้าเล่ห์รังแกนานกว่าครึ่งปี ครั้งหน้าตอนที่ข้าจัดการแม่บ้านหวังฉี ข้าจะบอกนักบัญชีให้จ่ายเงินคืนเ้าหลายร้อยตำลึง พร้อมให้เครื่องประดับเงินทองอีกหลายชุดแก่เ้า เช่นเดียวกับที่พี่รองของเ้าสวมใส่บ่อย ๆ ” ลูกประคำในมือของเหล่าไท่ไท่หยุดชั่วขณะ นางพูดต่อช้า ๆ “ข้าได้ยินว่าครั้งนี้พี่สะใภ้ของเ้าทุกข์ทรมานมากจากอาการป่วยของคุณชายจู ซ้ำยังถูกคุณชายเฉียนพี่ชายของเ้าทุบตีต่อหน้าบ่าวรับใช้ในเรือน ตอนนี้นางรู้สึกด้อยค่าและมักคิดว่าบ่าวรับใช้หัวเราะเยาะลับหลัง หากเ้าขอโทษนางแทนพี่ชายของเ้าด้วยการยกน้ำชาและก้มหัวคำนับนางต่อหน้าธารกำนัลคืนเกียรติให้แก่นาง ได้หรือไม่?"
เหอตังกุยต้องใช้แรงทั้งหมดยับยั้งเสียงหัวเราะเยาะเ็าที่แทบทะลักออกจากลำคอ พวกเขารับปากจะให้เงินทองแก่นางเพื่อให้นางชดใช้ความผิดแทนหลัวไป๋เฉียน ทั้งยังให้นางขอโทษเพื่อกู้หน้าต่งซินหลันกระนั้นหรือ? ให้เด็กสาววัยสิบปีข้องเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นของสองสามีภรรยา เฮอะ ๆ เมื่อใดที่ตนกลับมายังจวนตระกูลหลัวซึ่งเป็สถานที่ที่ตนฝันถึงมากที่สุดก็มักจะได้ยินเื่ตลกที่สุดที่เคยได้ยินบนโลกใบนี้เสมอ
เมื่อหยางมามาเห็นเหอตังกุยไม่พูดจาจึงคิดว่านางคงขายหน้า หยางมามาพลันเอ่ยเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดังคำที่ว่าไว้ พี่สะใภ้ก็เหมือนแม่ ต่งซื่อก็นับเป็ผู้าุโของคุณหนูสาม คุณหนูสามอายุยังน้อย การโขกหัวคำนับผู้าุโก็ไม่ใช่เื่ไม่เหมาะสมอันใด ตอนนี้คุณชายใหญ่และพี่สะใภ้ของเ้าทะเลาะกัน ต้าไท่ไท่ก็ไม่สามารถจัดการเื่นี้ได้เพราะอาการปวดหัวของนาง ในฐานะน้องสาว เหตุใดเ้าไม่ใช้โอกาสนี้เป็ตัวกลางไกล่เกลี่ยเล่า? ประการแรก ท่านได้ขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณชายจู ประการที่สอง ความสัมพันธ์ของท่านกับต้าเส่าไหน่ไหน่ก็จะใกล้ชิดกันมากขึ้น ต่อไปเมื่อมีพี่สะใภ้ที่รักท่าน ชีวิตของท่านจะมีความสุขเพียงใด? ความจริงพวกเรา...”
“เสียวอิ่ง” เหล่าไท่ไท่เอ่ยขัดจังหวะหยางมามา ทอดตามองหญิงสาวในเสื้อสีแดงและกระโปรงสีเขียว นางเลิกคิ้วถามหลัวไป๋อิ่งที่ยืนเงียบข้างฉากกั้น “เหตุใดจึงใส่ชุดเช่นนี้? เหมือนดอกท้อสีแดงปนในใบหลิวสีเขียว”
หลัวไป๋อิ่งพยักหน้าตอบ “เมื่อครู่ข้าหนาว นี่คือเสื้อผ้าที่อบอุ่นที่สุดที่ข้านำมา... นี่ ข้าขอยืมสาวใช้ของเ้าสักสองสามวัน” สิ่งหนึ่งที่หลัวไป๋อิ่งคล้ายต่งซื่อคือนางมักใช้คำว่า “นี่” เรียกเหอตังกุย ทั้งยังพูดว่า “ข้าขอยืมสาวใช้ของเ้าสักสองสามวัน” โดยไม่ถามหรือปรึกษาแม้แต่คำเดียว แต่เมื่อพบเ้านายของสาวใช้ผู้นั้นโดยบังเอิญจึงแจ้งให้ทราบ หรือแม้จะไม่พบเ้านาย อย่างไรก็ยังจะขอยืม
เหอตังกุยมองแมวน้อยที่หดตัวอยู่หลังฉากกั้น พลางส่งสายตาขอความช่วยเหลือ เมื่อเห็นหัวไป๋อิ่งยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ เหอตังกุยจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางกล่าว “หากจะยืมก็ไม่มีปัญหา แต่ได้ยินว่าพี่ใหญ่ชอบความสะอาด แม้แต่สวนอู่ซังของท่านก็ยังต้องทำความสะอาดด้วยน้ำกุหลาบวันละสามครั้ง… สาวใช้ของข้าไม่ได้เลือกซื้อจากตลาดชิงเฉ่าหนิว นางไม่ได้รับการฝึกฝนเป็ทางการ แต่นี่ยังไม่ใช่ปัญหาสำคัญนัก นางมีปัญหาเล็กน้อยอย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่จะอภัยได้หรือไม่...”
หลัวไป๋อิ่งขมวดคิ้วแน่น ก่อนแค่นเสียงเ็ากล่าว “ข้าเพียงยืมสาวใช้ เหตุใดต้องพูดมากเช่นนี้ นางมีปัญหาอันใด?”
เหอตังกุยมองฉานอีพลางส่ายศีรษะด้วยความท้อใจ “นางฉี่รดเตียงนอน”
“ฉี่รดเตียงนอน?” หลัวไป๋อิ่งมองเหอตังกุยเป็ครั้งแรกด้วยความประหลาดใจ
“ใช่เ้าค่ะ” เหอตังกุยกะพริบตาปริบ ๆ “เป็เื่ปกติสำหรับเด็กวัยนี้ อีกสองวันข้าจะไปนำยาสมุนไพรที่โรงยาหนานหยวนให้นางกินเสียหน่อย”
หลัวไป๋อิ่งมองฉานอีด้วยความรังเกียจก่อนเอ่ยเปลี่ยนใจ “เช่นนั้นข้าไม่ขอยืมนางแล้ว แต่ข้า้าให้นางถือโคมไฟนำทางกลับ ข้าไม่ชอบเดินคนเดียวตอนกลางคืน”
“นางเพิ่งมาใหม่ ไหนเลยจะรู้ทาง มีแต่จะพาคุณหนูใหญ่หลงทางเปล่า ๆ ” แม่นางจีเดินออกจากฉากกั้นพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ให้บ่าวไปดีกว่าเ้าค่ะ ข้าสามารถนำทางให้ท่านและคุยเป็เพื่อนท่านได้ คุณหนูใหญ่จะได้ไม่อึดอัดเ้าค่ะ”
หลัวไป๋อิ่งเดินออกจากห้องโถงใหญ่โดยไม่ลังเล หยางมามารีบเอ่ยถาม “เมื่อครู่คุณหนูใหญ่บอกว่าอยากพบเหล่าไท่ไท่ ไม่ทราบว่ามีเื่ด่วนอันใดหรือเ้าคะ” หลัวไป๋อิ่งไม่ได้มองกลับมา นางเพียงตอบห้วน ๆ “ข้าลืมแล้ว” ก่อนเดินมุ่งหน้าไปยังประตูใหญ่ แม่นางจีดึงแขนซ้ายของฉานอี ขณะมือขวาก็ถือโคมไฟตามคุณหนูใหญ่ด้วย
เมื่อเห็นทั้งสามจากไปไกลแล้ว หยางมามาจึงหันกลับไปเอ่ยบทสนทนาเมื่อครู่ต่อ นางอธิบายด้วยเสียงทุ้มต่ำ “อันที่จริงเหล่าไท่ไท่และบ่าวคุยกันว่าจะนำเื่ที่เ้าช่วยชีวิตคุณชายจูไปบอกต่งซื่อให้นางยอมรับน้ำใจของเ้า ต่อไปจะได้รักเ้ามากยิ่งขึ้น ทว่าเดือนหน้าญาติ ๆ ตระกูลต่งและคุณชายหลายท่านจะมาเป็แขกที่ตระกูลหลัว พวกเรากลัวว่าต่งซื่อจะพลั้งปากบอกเื่น่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลัว พวกเราจึงตกลงว่าจะปิดบังเื่นี้ก่อน รออีกสองเดือน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยหาโอกาสบอกเื่นี้กับนางอย่างชัดเจนและให้นางเก็บเป็ความลับ ดังนั้นก่อนต่งซื่อจะรู้ความจริง คุณหนูสามได้โปรดรับความไม่เป็ธรรมนี้ก่อนเถิดเ้าค่ะ!”
“ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายเว่ยก็เป็หลานชายเ้า” เหล่าไท่ไท่เอ่ยเสริม “เป็หน้าที่ของเ้าที่ต้องแนะนำเขาในทางที่ถูกต้อง แต่เ้ากลับปล่อยให้เขาเล่นสิ่งเ่าั้เป็เวลาครึ่งปี ทั้งยังไม่เคยควบคุมเขา เ้าก็ควรขอโทษพี่สะใภ้ของเ้าสักครั้ง”
หลังเหอตังกุยนั่งฟังจนจบประโยคจึงเอ่ยตอบ “หยางมามากล่าวถูกต้องแล้วเ้าค่ะ ท่านยายก็อธิบายมีเหตุผล ตังกุยรู้สึกผิดกับพี่สะใภ้และควรขอโทษนางต่อหน้าธารกำนัลจึงจะดีที่สุด ไม่ทราบว่าจะไปตอนไหนเ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้