่เที่ยงของวัน ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย รู้สึกแน่นอกเล็กน้อยก็ก้มมองดูพบว่าไลล่ากำลังนอนกอดแขนซ้ายตน
ส่วนอีฟหลับบนตัวเฟนริล เ้าตัวขมวดคิ้วไม่คิดว่าอีฟจะกล้าทำแบบนี้ ไม่สิ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายดื่มเหล้าไปเยอะพอสมควรเพราะยังไม่ได้อาบน้ำแต่เ้าตัวไม่ได้คิดมากเพราะตนเองไม่ได้รักความสะอาดขนาดนั้น
‘ระบบ…’
เฟนริลเรียกหน้าต่างข้อมูลแต่ไปสามวินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชายหนุ่มถอนหายใจ ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ต่างจากเดิมมากนัก
เขาไม่สามารถเรียกระบบเหมือนที่คนอื่นทำได้ คิดได้เช่นนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกท้อเพราะการจะเข้ามหาวิทยาลัยต้องใช้วุฒิจบการศึกษา และความสำเร็จผืนผ้าใบ
‘เหลือแค่วิทยาลัยเอกชนสินะ’
ขณะที่เขากำลังจะเลิกคิดเพราะอยากทำตัวชิวๆ จุ้บ! เวลานั้นก็สะดุ้งขึ้น พบว่าสาวงามผมสีชมพูหอมแก้มตนด้วยรอยยิ้มน่ารัก ทรงเสน่ห์ ชายหนุ่มเขกหัวนางไปหนึ่งทีนึกมันเขี้ยวที่โดนฉวยโอกาสแบบนี้
“ (ปึก) โอ๊ย…เคาะทำไมเนี่ย เดี๋ยวจับเย็ดตูดซะหรอก”
เฟนริลรู้สึกอายกับคำพูดนั้น
“เป็ผู้หญิงซะเปล่า”
หญิงสาวยิ้มเ้าเล่ห์
“อยากเช็กดูไหมคะ?” นางถกเสื้อขึ้นจนเต้านมทะลักออกมา เฟนริลกัดฟันแน่น ควยแข็งกระดิกไปมา เ้าตัวพยายามตั้งสติก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมหัวนาง
“งะ! เฟนริลอะ คลุมทำไมเนี่ย…เป็ผู้ชายซะเปล่า”
เขากัดฟันแน่นเหมือนโดนยั้ว
พึบ เวลานั้นไลล่าก็มุดหัวออกจากผ้าห่ม
“ว่าแต่เฟนริลๆ …นายอยากเข้ามหาวิทยาลัยไหน?”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จินตนาการไม่ออก
“พอมีอะไรแนะนำไหม? ฉันอยากเข้าของเอกชน หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ต้องแสดงหน้าต่างความสำเร็จให้ดู”
ไลล่าเอียงคอเล็กน้อย เธอทำหน้าไร้เดียงสาราวกับไม่สนใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงขอแบบนั้นแต่ใจจริงของเธอ ไลล่ารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกสำหรับเฟนริล เมื่อคิดได้แบบนี้เธอก็ทดลองยิ้มเล่น ๆ กล่าว
“ได้สิ! แต่ฉันอยากดูหน้าต่างนายได้ไหม?”
เธอทำเป็ออดอ้อน เขารีบส่ายหน้า
“ไม่ได้! ก็มีแค่ระดับฝันร้าย…จะดูทำไม?”
หญิงสาวฉายแววประหลาดใจชั่ววูบแต่เป็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เธอเริ่มรู้สึกแล้วว่าเฟนริลมีความลับมากกว่านั้น
หากมันมีแค่ระดับฝันร้ายจริงทำไมต้องปกปิดด้วย ในเมื่อเราสองคนก็ผ่านมาด้วยกัน แต่นี่ไม่กล้าแสดงออกมา
นั่นหมายความว่าเฟนริลอาจอายุเกิน 18 ปีั้แ่แรกใช่รึเปล่า? เพราะคนที่อายุ 18 ปีแล้วทุกเดือนธันวาคมจะเข้าสู่ผืนผ้าใบเป็ครั้งแรก
ต่อจากนั้นเมื่อสำเร็จผืนผ้าใบ ‘อันที่หนึ่ง’ คนคนนั้นจะเข้าผืนผ้าใบอีกรอบเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้…แต่ในทุกปีจะต้องเข้า ‘หนึ่งครั้ง’ เป็อย่างน้อย
ไม่งั้นผืนผ้าใบจะบังคับเข้าสู่่เดือนธันวาคมอีกครั้ง และหากเป็งั้นจริง แสดงว่าเฟนริลจะต้องผ่านผืนผ้าใบมาไม่ต่ำกว่าหนึ่ง
และด้วยเหตุผลที่ว่าระดับวิตกกังวล กับความน่าสะพรึงไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้นหากมีคนแบกดี ๆ แต่กับระดับสยดสยอง หรือฝันร้ายอาจต้องใช้โชคช่วย
ไลล่ายิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความใจเย็นตอนที่เฟนริลเจอระดับฝันร้ายเป็ครั้งแรกในความคิดเธอ ใช่!!! เธอเข้าใจแล้ว!
อีกฝ่ายจะต้องผ่านฝันร้ายมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งแน่นอน เธอรู้สึกตกตะลึงอย่างมากจนเกือบเก็บสีหน้าไม่อยู่
แม้นั่นจะเป็เพียงสมมติฐานแต่มันกลับโดดเด่นและสอดคล้องทุกอย่างที่เอ่ยมา นางมุดหัวลงไปในผ้าห่ม
จู่ ๆ ภาพลักษณ์ของเฟนริลก็สูงมากขึ้นในหัวใจเธอ…ว่าแต่เขาผ่านฝันร้ายมากี่ครั้งแล้ว? หนึ่ง สอง หรือสาม? ยิ่งไลล่าคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
เธออยากรู้เหลือเกินว่าฝันร้ายที่เฟนริลเจอมันมีอะไรบ้าง นั่นทำให้เธอนึกถึงสิ่งที่เฟนริลเคยคุยกับเฮเลน
สาวั์ตาสีแดงในตอนนั้นถามด้วยความสงสัย ขณะพูดออกมาว่า
“ภาพวาด Starry Night เป็ของจิตรกรวินเซนต์ แวนโก๊ะจากที่ไลล่าอธิบายก่อนหน้านี้ ฉันสงสัยว่าเขาคือใคร ในชีวประวัติรวมถึงหนังสือรวมผลงานทางศิลป์ไม่มีชื่อบุคคลนี้ นายหาความรู้นี้มาจากไหน? ในบ้านเหรอ?”
ตอนนั้นเฟนริลก็ทำเป็ครุ่นคิดและตอบ
“แถวบ้านฉันเรียกว่า…บันทึกต้องห้ามหอศิลป์ ในนั้นกล่าวถึงจิตรกรหลายคนเลย”
ไลล่ารู้สึกตื่นเต้น และอยากอ่านบันทึกดังกล่าวนั่นมาก บันทึกนั่นคืออะไร? ทำไมถึงถูกเรียกว่าต้องห้าม? ขนาดเธอไม่ได้ชอบความลึกลับ พิศวงยังรู้สึกชอบค้นหาขนาดนี้
หากเป็เฮเลนมารู้สมมติฐานเธอที่คิดว่าเฟนริลผ่านฝันร้ายมากกว่าหนึ่ง เฮเลนจะหลงใหลอยากอ่านมันมากแค่ไหน ไลล่าดิ้นไปมา ตื่นเต้นๆ
ชายหนุ่มมองร่างนูนจากผ้าห่มกลิ้งไปมาก็ถอนหายใจ
“งอแงไปไม่ช่วยอะไรหรอกนะ…จะตอบคำถามได้รึยัง?”
พึบ หญิงสาวโผล่หน้ามาด้วยสายตาเปล่งประกาย
“ได้สิ ฉันแนะนำว่าให้ไปมหาวิทยาลัยบัญญัติ”
เฟนริลนึกถึงใครบางคน “ที่เดียวกันกับแอนนาน่ะเหรอ?”
นางพยักหน้าหงึก ๆ
“ถูกต้อง…ที่นั่นเป็ของเอกชน ไม่้าความสำเร็จอะไรเลย พวกเขามักวัดผ่านขอบเขตร่างกายไม่ใช่การเคลียร์ผืนผ้าใบแต่เฟนริลต้องผ่านขอบเขตร่างกายระดับแรกก่อน"
"ไม่งั้นจะเป็ปัญหาแต่เฟนริลคงไม่ต้องคิดมากเพราะแกนนำของฝันร้ายมักถูกเพิ่มพลังพิเศษให้ขึ้นหนึ่งระดับเสมอ คราวนี้ทางสะดวกแน่นอน”
ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ
‘นั่นหมายความว่าหากฉันอยากแข็งแกร่งขึ้น และไม่ถูกจำกัดขอบเขตร่างกายจะต้องเป็แกนนำฝันร้ายให้ได้บ่อย ๆ ไม่งั้นมากสุดตอนนี้ก็เป็เพียงระดับหนึ่งขั้นปลายเพราะพลังพิเศษไม่ใช่ระดับสอง’
ไลล่าเห็นชายหนุ่มเงียบก็ทำเป็อธิบาย
“โดยพื้นฐานแล้ว พลังพิเศษระดับยิ่งสูงก็ยิ่งโกง…คนทั่วไปมักคิดว่า พลังพิเศษที่สูงจะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งไว"
"แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย การเติบโตที่รวดเร็วของร่างกายมาจากวัตถุดิบ อาหาร การกิน และทรัพยากรต่าง ๆ ที่ตระกูลประเคนให้”
“อีกทั้งเหตุผลที่ทุกคนชอบพลังพิเศษระดับสูง ๆ เพราะพลังมันโกงและไม่จำกัดอนาคตของขอบเขตเกินไป"
"ส่วนเหตุผลว่าทำไมทุกคนมักไม่ชอบพลังพิเศษต่ำก็ตามที่กล่าวไป โกงน้อย พลังไร้ประโยชน์ ไม่มีประสิทธิภาพ ขาดความสามารถ ต่อให้เป็แกนนำก็รอเป็ชาติกว่าจะผ่านฝันร้ายได้หนึ่งอัน"
"แต่ในโลกใบนี้ไม่มีเคยมีใครผ่านฝันร้ายเกิน 2 ครั้ง แม้พวกพลังพิเศษระดับเก้า ระดับสิบก็ยังตายจากการไปยังฝันร้ายเป็หมูเป็หมา"
"ดังนั้นพลังพิเศษต่ำ ๆ จึงเป็เื่น่าอายสำหรับคนอื่นที่จะลงมือลงทุน แม้อีกฝ่ายจะเคยผ่านฝันร้ายมาก็ตาม"
"เว้นแต่ตอนนั้นทุกคนจะอยู่ในระดับฝันร้าย หรือชักชวนให้แกนนำมาสอนเอาตัวรอด เวลานั้นพวกที่มีประสบการณ์จากฝันร้ายจะสำคัญเป็พิเศษ”
ชายหนุ่มเข้าใจโลกมากขึ้น ไลล่าเหลือบมองนาฬิกาก็เผยยิ้ม
“ฉันต้องฝึกต่อแล้ว ถ้าอยากได้อะไรติดต่อมาหานะ ่นี้เราคงจะยุ่ง”
เฟนริลพยักหน้าเข้าใจ เมื่อไลล่าออกไปด้วยเสื้อผ้าตัวเดิมของเมื่อวาน เ้าตัวก็มองอีฟที่หลับตาพริ้มอยู่บนอก
“แล้วจะทำอย่างไงต่อดี?”
ชายหนุ่มโบกมือกลางอากาศเรียกระบบหลายรอบก็ไม่มีการตอบสนอง ตอนนี้เขา้าใช้คลังของมันมากเพราะมันมีสามอย่างที่เขาได้รับจากฝันร้าย
พึบ วินาทีนั้นการ์ดสามใบก็ปรากฏในมือ เฟนริลนิ่งไปครู่นึงก่อนจะเผยยิ้ม
"สงสัยจะต่างจากคนอื่น”
คนทั่วไปดึงออกมาเป็ชิ้นเป็อันแต่ของเขาถูกจัดเก็บอยู่ในรูปแบบการ์ด เ้าตัวพยักหน้าพึงพอใจอย่างน้อยก็สามารถซ่อนได้ง่าย พกพาสะดวก ชายหนุ่มมองการ์ดทั้งสาม
เพียงหนึ่งความคิด 'ไพ่สัญชาตญาณเอาตัวรอดสิบปีก็ถูกใช้งาน'
ฟู! การ์ดดังกล่าวหายไปพร้อมกับความทรงจำแปลก ๆ เหมือนเขากำลังฝึกฝนในห้องสี่เหลี่ยมราวลูกบาศก์สีขาวกำลังหลบหนีสิ่งต่าง ๆ มากมายและเฉียบขาดมากขึ้นทุกทิศทางเกี่ยวกับการเอาตัวรอด
เมื่อเฟนริลได้สติ สมองเขาก็ปลอดโปร่ง สังเกตเห็นสิ่งที่ละเอียดมากขึ้น ใช้ความคิดน้อยลงแต่ประสิทธิภาพสูงกว่า ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปมากแค่ไหนแต่เขาดีกว่าสิบนาทีก่อนอย่างเห็นได้ชัด
‘ช่างเป็รางวัลที่น่าพอใจ’
เ้าตัวเปิดใช้อีกใบ พริบตานั้นคลื่นพลังมหาศาลก็ปะทุออกมา แล่นเข้าสู่ร่างกายเฟนริล
ปึง! ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตร่างกายระดับหนึ่งขั้นต่ำเป็ที่เรียบร้อย เ้าตัวเผยยิ้มอิ่มเอม สะบัดมืออีกครั้ง ไพ่ไม้กางเขนแห่งความหวังก็หายไปราวกับถูกจัดเก็บในระบบ
‘ของฉันไม่มีหน้าต่างข้อมูล’
เฟนริลไม่นึกใช้ไพ่เพราะไม่รู้ว่าหากใช้แล้วจะกลับมาเป็เหมือนเดิมได้รึเปล่า? อีกทั้งยังไม่รู้ว่าเอฟเฟ็กต์ของไม้กางเขนแห่งความหวังจะมีผลไหมขณะเป็การ์ด ดังนั้นเขาจะเก็บไว้รอจนกว่าจะมีสถานการณ์ทดสอบ
“คงต้องออกเดินทางแล้ว”
/// จบตอนที่ 10 ///
อีฟ อายุ 18 ปี "เอมิเลีย...ธะ เธออยู่รึเปล่า? คะ คุยกับฉันหน่อยสิ ฉันกลัว"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้