หงส์ฟ้าทองแห่งตระกูลเซี่ยราวกับอยู่บนหอคอยงาช้างอุทิศตนให้แก่หวังเจี้ยนหัวอย่างสุดกำลัง
ส่วน ‘รองเท้าผุพัง’ ประจำตระกูลเซี่ยขี่จักรยานลัดเลาะไปทั่วถนนตรอกซอกซอยของเมืองซางตูเธอเปลี่ยนทิศทางระหว่างการเดินทางจึงสามารถนำปลาไหลที่หูหย่งไฉสั่งไว้มาส่งที่บ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองได้ก่อนที่เหลือค่อยเอาไปขายในตลาดสินค้าเกษตร
นี่เป็ครั้งที่สองในการขายให้บ้านพักรับรองเซี่ยเสี่ยวหลานวนไปทางประตูหลังด้วยความคุ้นชิน
“คุณคะ ฉันมาหาคุณหูหย่งไฉค่ะ”
ไม่ถึงห้านาที หูหย่งไฉก็วิ่งออกมา ท่าทางรีบเร่ง
“วันนี้เธอมาเร็วพอดี ฉันยังกังวลว่าเธอจะมาไม่ทัน”
หูหย่งไฉเมียงมองในตะกร้าบนจักรยานปลาไหลของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ได้ขายเลย เมื่อเปิดฝาไม้ไผ่ออกพวกมันพันกันยั้วเยี้ยไปมา ดูแล้วมีชีวิตชีวาทีเดียว หูหย่งไฉปลื้มปีติมาก “น้องเซี่ย นี่เป็โชคดีของเธอนะวันนี้มาเร็วอย่าเพิ่งย้ายปลาไหลลงมา ไปภัตตาคารหวงเหอตรงนั้นกับฉันก่อนเย็นวันนี้พวกเรามีงานเลี้ยงหลายสิบโต๊ะ เธอนำสินค้ามาเท่านี้เองรับรองว่าขายหมดในครั้งเดียวแน่”
“หา? ถ้าอย่างนั้นขอบคุณพี่หูมากๆเลยค่ะ!”
หูหย่งไฉได้แนะนำเครือข่ายทางสังคมให้กับเธอแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้ยังนึกว่าต้องติดต่อกันอีกสักพักก่อน เขาถึงจะยอมใจอ่อนให้
เมื่อชาติก่อนตอนเซี่ยเสี่ยวหลานจบการศึกษามหาวิทยาลัยเข้าสู่วงสังคมก็เป็เื่ของสิบกว่าปีให้หลังแล้ว ธรรมเนียมของสังคมย่อมแตกต่างกันบ้างเช่นคนจัดซื้อของบ้านพักรับรองอย่างหูหย่งไฉผู้นี้ เคยชินกับ ‘การทุจริตเคลือบน้ำตาล’ ที่กัดกินเขา บุหรี่หนึ่งคอตตอนจะเท่าไรกันเชียว? แต่ในปี 83 คนที่กล้าใจกว้างส่งของขวัญขนาดใหญ่เพื่อหวังผลทางธุรกิจดั่งเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานนี่เห็นได้ไม่บ่อยนักบุหรี่สองคอตตอนกับสุราหนึ่งขวดเพียงพอจะใช้เส้นสายหางานหนึ่งตำแหน่งได้แล้ว
แค่เริ่มต้นก็เป็บุหรี่หนึ่งคอตตอน เซี่ยเสี่ยวหลานจัดการเื่นี้ได้หน้าใหญ่ใจโตมากหูหย่งไฉกลับบ้านไปคิดทบทวน รับของมาย่อมควรช่วยเหลือธุระให้สำเร็จสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานขอร้องก็มิใช่เื่ใหญ่โตอะไรเพียงแต่หาลูกค้าปลาไหลที่มั่นคงให้เท่านั้นมาตรฐานอาหารของบ้านพักรับรองมีข้อกำหนดอยู่ไม่เหมือนบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองดั้งเดิมทว่าภัตตาคารหวงเหอซึ่งเปิดกิจการในปี 1975 นั้นคือภัตตาคารที่เปิดให้คนนอกเข้าใช้บริการ
ภัตตาคารทำอาหารกวางตุ้งและอาหารเสฉวนเป็หลักจึง้าปลาไหลจำนวนไม่น้อย
จะอธิบายเช่นนี้ก็ได้คนมาบ้านพักรับรองคณะกรรมการพรรคประจำเมืองล้วนมีอำนาจ แต่คนไปภัตตาคารหวงเหอนั้นมีเงินแน่นอน
ปลาไหลหม้อร้อนหนึ่งที่สามารถขายได้ถึง 10 หยวน สั่งปลาไหลผัดมาตามเื่ตามราวยังมีราคาถึง 6 หยวนด้วยซ้ำ ร่ำรวยกว่าบ้านพักรับรองมากโข
หูหย่งไฉแนะนำสถานการณ์ของภัตตาคารหวงเหอพอสังเขปภัตตาคารหวงเหออยู่บนถนนจงหยวน ห่างจากบ้านพักรับรองไม่ไกลหูหย่งไฉนำเซี่ยเสี่ยวหลานไปที่นั่น อาจเพราะได้ติดต่อไว้ล่วงหน้าแล้วคนจัดซื้อทำการซื้อปลาไหลทั้งหมดของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้โดยไม่ต้องเอ่ยปากใดๆ
ปลาไหล 57 ชั่งราคาที่ให้ยังคงเป็ 1.2 หยวนต่อชั่งเซี่ยเสี่ยวหลานนำไข่ไก่มาด้วย 200 ใบ และเขาก็รับซื้อเอาไว้ทั้งหมด
คนผู้นี้ค่อนข้างสนิทสนมกับหูหย่งไฉแม้ไม่ได้รับปากบอกว่าจะสั่งจองปลาไหลล่วงหน้าเหมือนหูหย่งไฉ แต่ก็น่าไว้วางใจได้ดีทีเดียว
“อีกหน่อยถ้าเธอมีของ มาลองถามที่นี่ดูก่อนก็ได้แค่บอกว่ามาหาจูฟ่าง”
จูฟ่างผู้นี้วางมาดเป็อย่างยิ่ง หากจัดแจงให้เขาทำงานในภัตตาคารหวงเหอได้อิทธิพลครอบครัวของเขาคงไม่เลวนัก ทำงานจัดซื้อเหมือนกันทั้งคู่เขาและหูหย่งไฉจากบ้านพักรับรองจึงเป็เพื่อนกันสองคนถือว่าแลกเปลี่ยนสินค้าที่ขาดไปให้กันและกันเป็ประจำเมื่อวานหลังเลิกงานหูหย่งไฉมาหาเขาถามว่าภัตตาคารหวงเหอ้ารับซื้อปลาไหลหรือไม่ เนื่องจากตนมีญาติที่กำลังขายอยู่ใน่นี้
ภัตตาคารหวงเหอ้าปลาไหลอยู่แล้วเพราะอาหารหลักคืออาหารกวางตุ้ง ถ้าแม้แต่ปลาไหลหม้อร้อนยังไม่ขายเช่นนั้นจะนับว่าเป็ภัตตาคารอาหารดั้งเดิมได้อย่างไร
เื่เล็กน้อยเพียงนี้ ถ้าเขาไม่จัดการให้สำเร็จไป มิใช่ว่าเป็การเสียหน้าต่อหน้าหูหย่งไฉหรือ?
สิ่งที่จูฟ่างคาดไม่ถึงก็คือญาติของหูหย่งไฉ... สวยขนาดนี้เชียว?
สวยอย่างกับดาราหญิงฮ่องกง ไต้หวันในเทปพวกคาสเซ็ทจูฟ่างนึกไม่ถึงว่าในความเป็จริงจะมีบุคคลแบบนี้อยู่ในเมืองเล็กๆ เช่นนี้เมื่อครู่เกือบเสียอาการให้เซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
“พี่หู เธอเป็ญาติฝ่ายไหนกัน เมื่อก่อนทำไมไม่เคยได้ยินพี่พูดถึง?”
เอาอีกแล้ว เป็อีกหนึ่งคนที่หลงเสน่ห์เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าแล้วสินะ
โดยปกติแล้วจูฟ่างมาตรฐานสายตาสูงเท่าหลังคาเมื่อเขาจุดบุหรี่ให้หูหย่งไฉด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ หูหย่งไฉก็รู้สึกประหลาดใจ
“อะไร? ไอ้หมอนี่ นายสนใจเธอล่ะสิ?”
จูฟ่างกระแอมแห้งๆ สองที “ทำความรู้จักเป็เพื่อนได้ไหม?”
หูหย่งไฉคิด ตอนนี้ทุกที่กำลังปราบปรามอยู่ผู้หญิงเขาคงสมองสับสนมาเป็เพื่อนอะไรกับนายหรอกความรักที่ไม่ยึดถือการแต่งงานเป็เป้าหมายล้วนคือการกลั่นแกล้งถึงกระนั้นหูหย่งไฉก็ไม่รู้จักเซี่ยเสี่ยวหลานมากมาย จึงตอบส่งๆ ไปพอให้ดีใจบ้าง
“เวลาที่พวกนายจะได้ทำความรู้จักกันมีเยอะอยู่นะธุรกิจนี้ของเธออย่างไรก็ต้องทำถึงเดือนพฤศจิกายน นายอย่าไปข่มเหงผู้หญิงเขาเข้ารู้จักเว้นระยะห่างให้มันสมควร!”
ครอบครัวของจูฟ่างพอมีอิทธิพล เ้านี่ก็ถือเป็หนุ่มโสดผู้เป็ที่้าของตลาดหน้าตารึไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ ถ้าเกิดว่ามีวาสนากับเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นมาจริงๆ ....หูหย่งไฉจึงไม่ได้กล่าวขัดความตั้งใจของเขามากจนเกินไป
จูฟ่างได้ยินคำพูดเช่นนี้... นี่หมายความว่าเขามีความหวังสินะ!
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่แต่งงานเป็แน่ถ้าแต่งงานแล้วหูหย่งไฉจะตักเตือนเขาเอง
เขารู้สึกว้าวุ่นไม่มีสิ้นสุดในทันที เมื่อครู่ไม่น่าหยิ่งทะนงเลยแค่สั่งปลาไหลกับเธอ บอกให้เธอมาส่งยังภัตตาคารหวงเหอทุกวัน อย่างนั้นมิใช่ว่าเท่ากับสามารถพบกันได้ทุกวันหรอกหรือ? ช่างเป็โอกาสทำความรู้จักที่ดีเหลือเกิน!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้เลยว่าตนเองได้ใช้ความสะดวกสบายจากหน้าตาอีกแล้วไม่ต้องกังวลเื่ลูกค้ารายใหญ่ของปลาไหลอีกต่อไป
เธอไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้จะสามารถจำหน่ายสินค้าที่นำมาหมดเกลี้ยงโดยราบรื่นถึงเพียงนี้ก่อนมาเธอมีเงินติดตัวห้าสิบกว่าหยวน เมื่อขายปลาไหลกับไข่ไก่แล้ว ทั้งหมดก็มีราว 150 หยวน เวลายังเช้านัก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงขี่จักรยานตรงไปตลาดสินค้าเกษตร
จากตลาดสินค้าเกษตรเยื้องออกนอกเมืองมีโรงงานสกัดน้ำมันแห่งหนึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากจักรยานว่างกลับหมู่บ้านชีจิ่ง ้าทำธุรกิจอื่นๆ ไปด้วยเธอครุ่นคิดไปมา อีกทั้งพิจารณาตลาดในชนบทซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่จะล้วงเงินจากมือของเกษตรกรก็มีเพียงแต่ของที่ทำเงินให้พวกเขาได้
ในเขตอันชิ่งมีอะไร?
โรงงานขนาดใหญ่ที่สุดสองแห่งคือโรงงานเครื่องมือเกษตรและโรงงานเนื้อสัตว์เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าร่วมกับโรงงานเครื่องมือเกษตรไม่ได้อยู่แล้วแต่เพราะมีโรงงานเนื้อสัตว์อยู่ เกษตรกรรอบเขตอันชิ่งจึงเลี้ยงหมูกันไม่น้อยไม่มีบ้านไหนกล้าฟุ่มเฟือยขนาดเก็บหมูทั้งตัวไว้กินจนถึงวันตรุษจีนหรอกต่อให้เชิญคนมาฆ่าเอง เนื้อส่วนใหญ่ล้วนนำออกไปขายทั้งหมด ที่เหลืออยู่ค่อยเอาไว้ลงหม้อไว้ฉลองข้ามปีมากกว่านั้นคือไม่กินเลยแต่ขายหมูทั้งตัวให้โรงงานเนื้อสัตว์ของเขตอันชิ่งการเลี้ยงหมูอาจเป็แหล่งรายได้ขนาดใหญ่ที่สุดนอกเหนือจากการทำไร่นาของเกษตรกร
หมูผอมเกินไปจะขายไม่ได้ราคา เหล่าเกษตรกรจึงทำการขุนหมูให้อ้วนพี
บ้านหลิวเลี้ยงหมูสองตัวเช่นกันเซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยบอกว่าจะซื้อกากน้ำมันให้หมูกินหาที่ตลาดสดในหมู่บ้านถึงสองหนก็ไม่เคยเจอ เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินแล้วฉุกคิดเลยถามเธอว่าเป็กากน้ำมันแบบไหน
“กากน้ำมันก็คือกากที่หลงเหลือหลังจากการสกัดน้ำมัน”
หลังจากใช้เมล็ดพืชสกัดน้ำมันออกมาเสร็จสิ้นจะเหลือกากน้ำมันอยู่เล็กน้อย นำสิ่งนี้ไปหมักแล้วให้หมูกินเป็อาหารสัตว์ผสมในอาหารหมูนิดหน่อย หมูจะโตเร็วยิ่งขึ้นหลี่เฟิ่งเหมยไปหาซื้อสองรอบก็ยังไม่เคยเจอคนขายกากน้ำมันมาก่อนแสดงว่าของแบบนี้มีคนขายเฉพาะเป็แน่ เพียงแต่ไม่สามารถรับรองจำนวนสินค้าได้... แต่แค่มีกลุ่มเป้าหมายซื้อย่อมทำกำไรได้
รอบเขตอันชิ่งมีกากน้ำมันไม่เพียงพอ แต่เมืองซางตูยังมี
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อซื้อกากน้ำมันทว่าขายปลาไหลหมดเลยบรรทุกติดรถกลับไปด้วยเสียหน่อยอีกทั้งเธอไม่ต้องไปขายถึงที่ตลาดรวม เธอต้องตระเวนไปรับซื้อปลาไหลทุกที่ทุกวันอยู่แล้วก็ขายกากน้ำมันให้ชาวบ้านที่เลี้ยงหมูไปด้วยเลย
การเชี่ยวชาญสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวเป็สิ่งที่ถูกต้องมิเช่นนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้ได้อย่างไรว่าทิศทางนั้นของตลาดสินค้าเกษตรมีโรงงานสกัดน้ำมันอยู่แห่งหนึ่ง?
เธอขี่จักรยานหาของที่้า พลังของ ‘ต้าเฉียนเหมิน’ หนึ่งคอตตอนเคยแสดงให้เป็ที่ประจักษ์ไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัยเซี่ยเสี่ยวหลานได้ฝึกฝนจนคุ้นชินกับการใช้บุหรี่สานสัมพันธ์ให้หนึ่งคอตตอนสะดุดตามากไปหน่อย เธอไปซื้อบุหรี่มาอีกหนึ่งคอตตอนทว่าคราวนี้แบ่งแยกซองออกมา
ขณะเดินเข้าโรงงานสกัดน้ำมันกลิ่นนั้นช่างหอมเสียแทบเอาชีวิตไม่รอด
“มาทำอะไร?”
ยามเฝ้าหน้าประตูโรงงานสกัดน้ำมันตื่นอยู่จึงได้เรียกเซี่ยเสี่ยวหลานให้หยุดมาั้แ่ไกลโรงงานสกัดน้ำมันเป็หน่วยงานที่ได้รับความนิยมเดี๋ยวนี้น้ำมันช่างขาดแคลนกันมากขนาดไหนเชียว? โรงงานที่นิยมคล้ายกันยังมีโรงงานน้ำตาล โรงงานแอลกอฮอล์ รวมถึงโรงงานเนื้อสัตว์และโรงงานที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันของผู้คนเงินเดือนและสวัสดิการล้วนดีมาก
“สวัสดีจ้ะ ฉันอยากถามหน่อยว่ากากน้ำมันในโรงงานสามารถขายให้ฉันได้หรือไม่?”
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวพร้อมกับส่งบุหรี่ไปอย่างเป็ธรรมชาติยามหน้าประตูคือชายอายุราวสี่สิบกว่าปี ถูกการกระทำของเธอโจมตีเสียจนรับมือไม่ทัน
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็หญิงสาวที่สะสวยมาก นอกจากสวยแล้วเธอยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อีก จะปฏิเสธคนอัธยาศัยดีขนาดนี้ได้อย่างไรในเมื่อไม่อาจปฏิเสธกลยุทธ์ยาสูบของเซี่ยเสี่ยวหลานได้ หลังจากนั้นย่อมปฏิเสธคำร้องขอของเธอไม่ได้เช่นกัน
กากน้ำมันในโรงงานนั้นมีขายแน่นอน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกองของแบบนี้ไว้เพื่ออะไรกันล่ะ
โรงงานเนื้อสัตว์รับผิดชอบเพียงการรับซื้อหมูที่ยังมีชีวิตหรือสัตว์ที่เชือดแล้วพวกเขาไม่เลี้ยงหมู สถานที่เลี้ยงหมูขนาดใหญ่ก็มีไม่มาก กากน้ำมันของโรงงานสกัดน้ำมันจึงต้องขายปลีกให้ข้างนอกแต่ขายปลีกที่ว่าก็ยังมากกว่า 100 ชั่งขึ้นไปและไม่เกิน 1000 ชั่งถ้าเกษตรกรทั่วไปจะมาถึงโรงงานสกัดน้ำมันเพียงเพื่อซื้อกากน้ำมันไม่กี่ชั่งแค่เข้าประตูโรงงานไปก็ยังไม่ได้เลย
“3 เฟินต่อหนึ่งชั่ง เธอจะซื้อเท่าไร?”
กากน้ำมันของโรงงานสกัดน้ำมันกองพะเนินสูงราวกับูเาลูกเล็กราคาเพียงชั่งละ 3 เฟินเท่านั้นกากน้ำมันที่หลี่เฟิ่งเหมยเคยซื้อเมื่อก่อนอยู่ที่ราคา 8 เฟินต่อชั่ง
กากน้ำมันหนึ่งชั่งได้กำไร 5 เฟิน
ไข่ไก่หนึ่งใบเซี่ยเสี่ยวหลานได้กำไรแค่ 2 เฟิน!
อีกอย่างกากน้ำมันเอาใส่ตะกร้าหลังจักรยานลวกๆ ก็ได้ไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย ขอเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถบรรทุกไหวเธออยากซื้อเท่าไรย่อมได้เท่านั้น!
เซี่ยเสี่ยวหลานลองประมาณกำลังของตนเองแล้วหักห้ามจิตใจละโมบเอาไว้
“ใส่มาก่อน 300 ชั่งแล้วกันค่ะ”