ไท่จื่อน้อยที่ตามมาด้านหลังเอามือปิดปาก หัวไหล่สั่นเทิ้มเพราะพยายามกลั้นหัวเราะ ยังมีบรรดาสาวงามที่ตามเข้ามาดูละครฉากดีๆ ต่างพากันเอามือปิดปากเช่นกัน แต่ละคนหัวเราะจนปวดท้อง!
มีนางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาประคององค์หญิงหลานซินลุกขึ้น หลังจากลุกขึ้นแล้วองค์หญิงหลานซินก็ผลักนางกำนัลออกพร้อมกับถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยน “เ้าพูดเลอะเทอะอะไรของเ้า เปิ่นกงให้หมูกอดั้แ่เมื่อใดกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนมีทีท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “ดูปากข้าสิ พูดสลับกัน! ข้าควรถามองค์หญิงว่าเหตุใดจึงให้หมูไปในนอนผ้าห่มของเ้า”
องค์หญิงหลานซินอดทนอดกลั้นจนใบหน้าแทบจะกลายเป็สีม่วง “ไม่ใช่เป็เพราะเ้าหรอกหรือ เฟิ่งเฉี่ยน เ้าเสแสร้ง เ้าเสแสร้งต่อไปเถิด!”
“คำพูดนี้ข้าควรเป็ฝ่ายพูดจึงจะถูก” ดวงตางดงามของเฟิ่งเฉี่ยนมองไปรอบๆ แล้วยิ้มเ็า “ทั้งๆ ที่เ้ารู้ว่าเกี้ยวหงส์ของเปิ่นกงอยู่ด้านนอกประตู เ้ากลับเจตนาที่จะหลบซ่อน ไม่ยอมออกมารับเสด็จ เ้าพูดมาว่าเ้าหรือข้าที่เสแสร้งเก่งกันแน่”
องค์หญิงหลานซินพูดอย่างขุ่นเคืองใจ “คิดจะให้เปิ่นกงคุกเข่าให้เ้า เ้ายังไม่คู่ควร! เฟิ่งเฉี่ยน ข้าบอกเ้าได้เลยว่าเื่นี้ไม่แล้วกันไปง่ายๆ เช่นนี้แน่ ข้าไม่มีวันยอมเ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนแบมือออกอย่างไม่ยี่หระ “ย่อมได้ เ้าคิดจะพูดเื่หมู หรือเื่เกี้ยวหงส์ล่ะ ข้ายินดีที่จะให้ความร่วมมือเต็มที่ทั้งสิ้น แต่อย่าได้กล่าวโทษว่าข้ามิได้เตือนเ้า เื่ที่ข้าปล่อยหมูเข้ามา อย่างมากก็แค่เป็การกระทำที่ไม่เหมาะสม ตามใจสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้ ส่วนเื่ที่ว่าหมูไปทำเื่อันใดบ้างนั้น ไม่ใช่ความรับผิดชอบของข้า ในเมื่อข้าไม่รู้ว่าสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้กำลังคิดอะไรอยู่ จึงไม่อาจควบคุมความประพฤติของพวกมัน ถูกต้องหรือไม่ สำหรับเ้า เ้าเห็นเกี้ยวหงส์แล้วไม่คุกเข่า ล่วงเกินฮองเฮาซึ่งหน้า ทำผิดทั้งๆ ที่รู้กฎเกณฑ์ เห็นกฎมณเฑียรบาลที่บรรพกษัตริย์ตั้งไว้เป็สิ่งไร้ตัวตน นี่คือความผิดโทษปะา!”
“เ้า...” องค์หญิงหลานซินโมโหจนตัวสั่นเทิ้ม ทว่ากลับไม่อาจตอบโต้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความผิดของพวกนางทั้งสอง โทษของนางหนักกว่ามาก
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้ว กล่าวอีกว่า “แต่เปิ่นกงเป็ผู้ใหญ่ใจกว้าง ย่อมไม่ถือสาเอาความกับเ้า เมื่อสักครู่เ้าล้มลง เปิ่นกงจะถือเสียว่าเ้าคุกเข่าให้เปิ่นกงแล้ว วันนี้เป็วันฤกษ์งามยามดี เปิ่นกงยังต้องรีบไปถวายงานอีก คงไม่เสียเวลาอยู่กับเ้าที่นี่”
นางหันไปสั่งองครักษ์ “พวกเ้าตะลึงอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบไปช่วยองค์หญิงจับหมูอีกหรือ”
องค์หญิงหลานซินมีโทสะจนเกือบจะหายใจหายคอไม่ทัน ทว่าเฟิ่งเฉี่ยนจูงมือไท่จื่อน้อยเดินออกไปจากตำหนักบรรทมเสียแล้ว
ข่าวนี้แพร่สะพัดไปถึงห้องทรงพระอักษรอย่างรวดเร็ว
เซวียนหยวนเช่อฟังเื่ราวที่ลั่วหยิ่งถ่ายทอด เขาเกือบสำลักน้ำชาที่เพิ่งดื่มเข้าไปคำหนึ่งออกมา!
เขารู้ว่านางย่อมมีวิธีการที่จะทำให้สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดแตกหักได้ ทว่าเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่านางจะใช้วิธีเช่นนี้!
ลั่วหยิ่งกลั้นหัวเราะสุดความสามารถ “ทูลฝ่าา วิธีการนี้ของเหนียงเหนียงช่างได้ผลดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ! หมูเทพเ่าั้มิใช่สัตว์ธรรมดาทั่วไป ไม่ต้องกล่าวถึงพลังการโจมตีอันแข็งแกร่ง ทั้งยังเป็สัตว์ป่าจอมพยศยากแก่การฝึกให้เชื่อง เมื่อแรกนั้นหมูเทพตัวหนึ่งแทบจะคร่าเอาชีวิตของคุณหนูหกสกุลเฟิ่ง ตอนนี้เหนียงเหนียงปล่อยหมูเทพออกมาครั้งเดียวหลายสิบตัว ประตูใหญ่ของตำหนักยีหลันถูกชนจนเสียหาย ตำหนักบรรทมขององค์หญิงหลานซินถูกเหยียบย่ำจนเละเทะไปหมด องค์หญิงหลานซินยังไม่ระวังเหยียบถูกมูลหมูล้มลงบนพื้น ช่างน่าเวทนานัก! หากกระหม่อมเป็องค์หญิงหลานซิน กระหม่อมคงต้องโมโหตายพ่ะย่ะค่ะ! ฮ่าๆๆ...”
เซวียนหยวนเช่อยิ้มทว่าไม่พูดอันใด นิ้วมือเรียวยาวของเขาเคาะลงบนโต๊ะเป็จังหวะ เนิ่นนานเขาจึงพูดออกมาว่า “น่าจะได้เวลาแล้ว”
ตำหนักยีหลัน เหล่าองครักษ์ยังคงช่วยกันจับหมูเทพ ด้านนอกและด้านในของตำหนักบรรทมตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถ
องค์หญิงหลานซินใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือแรงๆ จนิัแทบจะถลอก คิ้วของนางขมวดมุ่น ดวงตาทั้งคู่พ่นเปลวไฟออกมา นางพูดอย่างโกรธแค้น “เฟิ่งเฉี่ยนสมควรตาย! เ้าอวดดีได้อีกไม่นานหรอก! รอให้ถึงวันที่เ้าไปจากวังหลวง เปิ่นกงจะทำให้เ้าหมอบอยู่แทบเท้าราวกับสุนัขตัวหนึ่ง!”
นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายๆ ครั้ง แล้วขมวดคิ้วขึ้นมาอีก “เวลาผ่านไปนานเช่นนี้แล้ว เหตุใดโจวหมัวมัวยังไม่กลับมาอีก”
นางมองไปด้านนอกประตูครู่หนึ่งแล้วทอดถอนใจ “เฟิ่งเฉี่ยนช่างมีบุญวาสนานัก หาแมวเทพสามหางไม่พบ แต่กลับหาแมวเทพสองหางที่กำลังจะบำเพ็ญตนมาได้ตัวหนึ่ง!”
นางเดินไปเดินมาในลานเรือน สุดท้ายยังคงไม่วางใจ “ไม่ได้ ข้าต้องไปดูด้วยตาตนเอง! จะให้แมวเทพของนางมีโอกาสบำเพ็ญตนสำเร็จไม่ได้!”
คิดได้เช่นนี้นางก็หมุนตัวเข้าไปในตำหนักบรรทม
เพื่อไม่ให้ผู้คนพบเห็นโดยง่าย องค์หญิงหลานซินผลัดอาภรณ์เป็ชุดสีดำสำหรับกลางคืน หลังจากปกปิดใบหน้าแล้วฉวยโอกาสในยามราตรีมุ่งหน้าไปยังตำหนักเว่ยยาง
วังหลวงในค่ำคืนนี้ยากจะสงบ เื่แรกคือฮองเฮาเข้าถวายงาน นั่งบนเกี้ยวหงส์รอบวัง ต่อมาเกิดเื่หมูเทพอีก องครักษ์ส่วนใหญ่ล้วนถูกเกณฑ์ให้มาคลี่คลายสถานการณ์ในตำหนักยีหลัน เมื่อเหตุการณ์เป็เช่นนี้จึงเปิดโอกาสให้องค์หญิงหลานซิน ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาถึงกับไม่มีองครักษ์ที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนยามค่ำคืนแม้แต่กลุ่มเดียว นางไปถึงตำหนักเว่ยยางอย่างราบรื่น
ประตูตำหนักเว่ยยางปิดสนิท ภายในตำหนักเงียบสงัดเมื่อเปรียบเทียบกับตำหนักยีหลันที่กำลังวุ่นวายอยู่ในตอนนี้ ที่นี่เงียบสงบอย่างยิ่ง เงียบเสียจนััได้ถึงบรรยากาศลี้ลับหลายส่วน
จากประสบการณ์ในการท่องยุทธภพมาเป็เวลาหลายปีขององค์หญิงหลานซินบอกกับนางว่า ข้างในอาจมีกับดัก หากนางเข้าไปน่าจะเคราะห์ร้ายมากกว่าโชคดี
ทว่านี่เป็โอกาสเพียงหนึ่งเดียวของนาง หากพลาดจากคืนนี้แล้วคิดจะลงมืออีกครั้งเกรงว่าจะเป็เื่ยาก!
ดังนั้น นางจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปไม่ได้!
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนพบเห็น นางไม่ได้เดินเข้ามาทางประตูใหญ่ แต่พลิกกายข้ามกำแพงเข้าไป
ด้านในกำแพงมีแปลงดอกไม้ที่ปลูกเป็ผืนใหญ่ สีสันของดอกไม้งดงามเย้ายวนคล้ายริมฝีปากของสตรี อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมชวนเคลิบเคลิ้มให้คนหลงใหล
ทว่านางในตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะไปชื่นชมดอกไม้ นางมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว คือวางยาพิษแมวเทพที่เป็ตัวกำหนดชะตากรรมของฮองเฮาให้ตาย!
ภายในตำหนักเว่ยยางสว่างไสวไปด้วยแสงจากโคมไฟทว่ากลับไม่เห็นคนแม้แต่คนเดียว สติขององค์หญิงหลานซินตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง คล้ายกับรู้สึกได้ว่าไม่ถูกต้อง ขาข้างหนึ่งก้าวข้ามธรณีประตูของตำหนักบรรทมแล้ว นางพลันหยุดชะงักไม่เดินไปข้างหน้า
จากประสบการณ์ที่นางได้ปะทะกับฮองเฮามาหลายครั้ง ฮองเฮามิใช่คนปัญญาเบาไร้สมอง นี่จะเป็กับดักหรือไม่นะ
ขณะที่นางกำลังลังเลใจอยู่นั้น เสียงแมวร้อง “เมี๊ยว--” ดังออกมาจากด้านในตำหนักบรรทม
เสียงร้องนั้นเต็มไปด้วยพลังลมปราณ ต่างจากแมวธรรมดาสามัญ
เป็แมวเทพอย่างไม่ต้องสงสัย!
ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ขอเพียงแมวเทพตายไป ฮองเฮาย่อมตกเป็ฝ่ายพ่ายแพ้การเดิมพันกับไทเฮา นางย่อมต้องเป็ฝ่ายสละตำแหน่งฮองเฮาด้วยตัวเอง!
ต่อให้นางติดกับแล้วอย่างไรเล่า อย่างไรนางก็มีไทเฮาเป็ผู้หนุนหลัง ยังมีแคว้นหนานเยียน ไม่มีใครกล้าทำอะไรนางหรอก!
อีกประการหนึ่ง ด้วยกำลังและความสามารถของนาง ไม่แน่ว่านางจะติดกับ นางมีความมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยม!
หลังจากใคร่ครวญครู่ใหญ่ องค์หญิงหลานซินไม่ลังเลใจอีกต่อไป นางก้าวเข้าไปในตำหนักบรรทม
“เมี๊ยว เมี๊ยว--”
องค์หญิงหลานซินมองตามเสียงร้องของแมว สายตาของนางหยุดลงที่กรงบนโต๊ะ เมื่อผ้าสีดำผืนนั้นถูกเลิกขึ้นดวงตาของนางเปล่งประกายเล็กน้อย “แมวเทพสองหาง! เป็แมวเทพสองหาง!”
แมวเทพคิดว่ามีคนเข้ามาให้อาหารมัน จึงหันมองมาทางนางตาปริบๆ เสียงร้องนั้นยิ่งเบาลงเรื่อยๆ คล้ายกับกำลังอ้อนวอนร้องขอ
“หิวแล้วใช่หรือไม่ อยากจะกินอาหารแล้วใช่หรือไม่” องค์หญิงหลานซินหยิบขวดกระเบื้องสีแดงออกมาจากอกเสื้อขวดหนึ่ง นางยิ้มลึกลับ เทยาออกมาเม็ดหนึ่งแล้วยื่นไปหน้ากรง “กินมันซะ เ้าจะไม่หิวอีกต่อไป”
แมวเทพอ้าปาก กลืนยาลงไป
องค์หญิงหลานซินยืนมองทุกอย่างเงียบๆ มองมันชักกระตุกทั้งร่าง ฟองน้ำลายสีขาวฟูมปาก กระทั่งมันขาดใจตายและล้มลงในกรงอย่างไร้ซุ่มเสียง นางจึงยิ้มอย่างพอใจ “เฟิ่งเฉี่ยน แมวเทพตายแล้ว เ้าจะได้ไปจากวังหลวงแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ...”
เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วตำหนักบรรทม องค์หญิงหลานซินอารมณ์ดียิ่ง