หลินเค่ออายุมากกว่าหลินหร่านไม่ถึงหนึ่งปี นางซ่งกับมารดาของหลินหร่านตั้งครรภ์ในเวลาไล่เลี่ยกัน
ไม่ใช่เื่ง่ายเลยกว่าฟูเหรินคนก่อนของตระกูลหลินจะตั้งครรภ์ หลินฮวาเหนียนกับผู้คนในตระกูลหลินจึงให้ความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่มารดาของหลินหร่าน
เด็กๆ เกิดออกมาใน่เวลาใกล้กัน บุตรชายของอนุภรรยากับบุตรชายของฟูเหริน อะไรสำคัญมากกว่าอะไรสำคัญน้อยกว่า ย่อมเป็สิ่งที่มองออกได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
อีกทั้งเด็กในครอบครัวใหญ่จะถูกเลี้ยงดูโดยนายหญิงของตระกูลและต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่
ทว่ามารดาของหลินหร่านเสียชีวิตหลังจากให้กำเนิดเขา แน่นอนว่าไม่มีนายหญิงที่จะเลี้ยงดูหลินเค่อเช่นกัน
หลังจากมารดาของหลินหร่านเสียชีวิต หลินฮวาเหนียนจึงได้อุทิศทั้งเวลาและกำลังทั้งหมดเพื่อเลี้ยงดูหลินหร่าน บุตรชายเพียงคนเดียวที่เกิดจากฟูเหรินในขณะนั้น
ส่วนหลินเค่อ นอกจากผู้เป็มารดาที่จะคอยมาดูเขาที่เรือนเป็ครั้งคราวแล้ว เขาเติบโตมาจากการเลี้ยงดูของแม่นมทั้งหมด
เมื่อฟูเหรินใหญ่ในจวนเสียชีวิต หลินฮวาเหนียนก็แทบไม่ได้จัดการเื่ในจวนเลย ส่วนใหญ่จะให้เป็หน้าที่ของพ่อบ้านทั้งหมด
นางซ่งกับนางเว่ยทะเลาะวิวาทกันมาตลอด กระทั่งหลินเค่ออายุได้ 3 ขวบ นางซ่งก็ได้ตั้งท้องหลินเสี่ยวหนาน ซึ่งทำให้ยิ่งไปดูแลหลินเค่อน้อยลงไปอีก
ถึงอย่างนั้น กลับเป็โชคดีของหลินเค่อที่เติบโตมาในเรือนโดยการเลี้ยงดูของแม่นม จึงมีนิสัยไม่ค่อยพูดและไร้เดียงสา
แม้ว่าถูกละเลยจากบิดามารดา แต่ก็เป็เด็กที่น่าวางใจมากที่สุดในตระกูลหลิน
สำหรับหลินเสี่ยวหนาน นางมีอายุน้อยที่สุด นิสัยร่าเริงและซื่อสัตย์ โดยเฉพาะ่เวลาก่อนที่นางเว่ยจะขึ้นมาเป็ฟูเหริน เป็นายหญิงที่ต้องเลี้ยงดูพร้อมอบรมเด็กๆ หลินเสี่ยวหนานเรียบร้อยเป็อย่างมาก เป็เด็กไม่ค่อยพูดและไม่สร้างปัญหา เชื่อฟังเป็อย่างดี
นอกจากนี้ ยังโชคดีที่การกระทำและการวางอุบายต่างๆ ของนางซ่งไม่ได้แปดเปื้อนไปยังหลินเค่อกับหลินเสี่ยวหนาน มิเช่นนั้น เด็กที่ไร้เดียงสาอย่างพวกเขาคงได้รับการสั่งสอนที่ไม่ดีเป็แน่
ตอนนี้อำนาจสูงสุดในจวนตระกูลหลินได้ถูกกำหนดแล้ว ในใจของนางซ่งจึงเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อกลับไปที่เรือนของตนก็ระบายอารมณ์ใส่เหล่าสาวใช้ยกใหญ่
หลินเค่อที่ไม่มีธุระอันใดก็ตรงไปที่โรงเรียน เวลานี้จึงมีเพียงหลินเสี่ยวหนานที่ตามนางซ่งกลับไปที่เรือน
พอเห็นท่าทีของผู้เป็มารดาที่ทั้งะโและด่าทอด้วยความหยาบคาย หลินเสี่ยวหนานก็ได้แต่ยืนก้มหน้า ไม่ส่งเสียงอยู่ข้างๆ
“อนุภรรยา ใจเย็นก่อนนะเ้าคะ คุณหนูสามอยู่ที่นี่ด้วยนะเ้าคะ” สาวใช้ที่ดูจะมีตำแหน่งสูงผู้หนึ่งรีบเอ่ยโน้มน้าวทันที ก่อนที่นางจะใช้สายตาเตือนสตินางซ่ง
และแล้วนางซ่งก็สงบลงโดยพลัน
“คุณหนูสามไม่มีเรียนหรือ?” นางซ่งเดินเข้าไปจับมือหลินเสี่ยวหนานพลางเอ่ยถาม ถึงจะดูออกว่ายังมีท่าทีโกรธอยู่บ้าง แต่ก็ดีขึ้นไม่น้อย
หลินเสี่ยวหนานส่ายหน้าแล้วเอ่ยเสียงแ่เบา “ไม่มีเ้าค่ะ”
“หากไม่มีก็ไปพักผ่อนเถิด เ้าขยันขันแข็งมาตลอด ชุ่ยเวย พาคุณหนูสามออกไปเดินเล่นสิ” เอ่ยจบก็เรียกสาวใช้ข้างกายให้พาหลินเสี่ยวหนานออกไปจากตรงนี้
แม้จะเป็บุตรสาวของตนเอง แต่นางซ่งก็เป็เพียงอนุภรรยาคนหนึ่ง รวมถึงไม่ได้เป็ผู้เลี้ยงดูบุตรสาวและบุตรชายจนเติบใหญ่
ดังนั้น กับเหล่าคุณหนูของตระกูลหลินก็ยังถือว่ามีการแบ่งชนชั้นอยู่บ้าง นางเกรงว่าจะทำให้เกิดความรำคาญใจ ต่อหน้าบุตรสาวของตนเองจึงควรแสดงท่าทีที่ดีเสียหน่อย
เมื่อหลินเสี่ยวหนานออกไปแล้ว นางซ่งจึงเริ่มทำการวางแผนเพื่อตัวเองอีกครั้ง
.........
หลินเสี่ยวฉีไม่ได้กลับมาเยี่ยมครอบครัว ซึ่งนั่นได้ทำลายความหวังสุดท้ายอันริบหรี่ของนาง
หลังจากนั้น เพื่อเป็การเรียกร้องความสนใจจากอวี้ฉู่เฉิง นางจึงสร้างเื่ขึ้นและทำให้อวี้ฉู่เฉิงต้องมาดูนาง แต่ไม่ว่าจะคุกเข่าขอร้อง ยอมรับผิดหรือก้มหัวให้อย่างไรก็ไม่ทำให้อวี้ฉู่เฉิงใจอ่อนและปล่อยนางไปเลย
“องค์ชายสี่เพคะ ให้โอกาสหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันผิดไปแล้ว เผาหม่อมฉันเถิด เผาหม่อมฉันเถิดเพคะ”
หลินเสี่ยวฉีพยายามคืบคลานมาเกาะขาของอวี้ฉู่เฉิงพลางร้องขอให้เผานางเสีย
นางไม่อยากมีชีวิตเช่นนี้ต่อไปอีกแล้ว หากเป็อย่างนี้ต่อไปอย่างไรนางก็ต้องตาย
ชีวิตนางไม่ควรต้องจบลงเช่นนี้ นางไม่้าให้เป็อย่างนี้ ไม่ใช่การที่ต้องถูกกระทำอย่างบ้าคลั่งและผลักดันให้ตายลงทั้งเป็แบบนี้
“หม่อมฉันขอร้อง...จะให้หม่อมฉันทำอะไรก็ได้ เผาหม่อมฉันเถิดเพคะ”
“หึ” อวี้ฉู่เฉิงเอ่ยออกมาเสียงเ็า “เผาเ้า?”
เ้าคงเคยคิดที่จะเผาคุณชายน้อยของข้าสินะ
“โอ้ย”
อวี้ฉู่เฉิงเตะหลินเสี่ยวฉีให้ออกห่างจากตนเอง
หลินเสี่ยวฉีกลิ้งไปอีกด้านหนึ่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนที่อวี้ฉู่เฉิงจะย่อตัวลงมองหญิงสาวจิตใจอำมหิต
“จากที่ข้าดู าแของเ้าเริ่มดีขึ้นแล้วนี่ แบบนี้ก็เข้าห้องหอได้แล้วใช่หรือไม่?”
หลินเสี่ยวฉีชะงัก ความสุขเล็กๆ พลันเกิดขึ้นในใจ
นางเงยหน้าขึ้น มองชายที่หยิบยื่นความหวังให้นาง และก็สามารถหยิบยื่นความผิดหวังให้นางได้ในเวลาเดียวกัน
“เ้าก็คงรอคอยอยู่เหมือนกันล่ะสิ”
เมื่ออวี้ฉู่เฉิงเลิกคิ้วพูดจบ ฝ่ามือคู่นั้นก็ยกขึ้น
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังขึ้นสามครั้ง ประตูถูกเปิดออก มีชายหนุ่มสามคนก้าวเดินเข้ามา
เนื้อตัวทั้งสามคนมอมแมม สกปรกจนแทบทนดูไม่ได้ อีกทั้งแต่ละคนยังหน้าตาน่าเกลียด สองคนในนั้นมีาแตามร่างกาย
ชายทั้งสามคนมีท่าทีหวาดระแวง สาเหตุคงเป็เพราะเกรงกลัวอวี้ฉู่เฉิง
“หญิงสาวผู้นี้ข้ายกให้เป็รางวัลของพวกเ้า จะเป็หรือตายก็ช่าง”
อวี้ฉู่เฉิงเอ่ยทิ้งไว้เพียงเท่านี้แล้วเดินจากไป
“ไม่ องค์ชาย ไม่นะเพคะ!”
ไม่ว่าหลินเสี่ยวฉีจะะโออกไปเช่นไร อวี้ฉู่เฉิงก็ไม่คิดแม้แต่จะหันกลับมามอง
หลินเสี่ยวฉีตัวสั่นไม่หยุด พยายามถอยหลังหนี หลังจากอวี้ฉู่เฉิงออกไป ชายสามคนนั้นก็พากันยิ้ม พร้อมปิดประตูอย่างแ่า
ชายเ่าั้เผยรอยยิ้มอันแสนชั่วร้าย ดูน่าสยดสยอง
หลินเสี่ยวฉีหวาดกลัวเป็อย่างมาก จนกระทั่งชายทั้งสามคนโผเข้ามาหานางพร้อมกัน นางดิ้นรนแต่ก็ไร้ประโยชน์
หมดหวังแล้ว หมดสิ้นซึ่งความหวังเสียแล้ว
.........
หลังจากนั้นไม่นาน คนรับใช้ผู้หนึ่งก็เข้ามาหาอวี้ฉู่เฉิง
“เป็อย่างไร”
“กราบทูลองค์ชาย นางเป็บ้าไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนขอทานสามคนนั้นก็ได้จัดการไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็บ้าแล้วก็เอาไปขังที่ห้องใต้ดิน ปล่อยไปตามมีตามเกิด หาเวลาที่เหมาะสม ค่อยไปแจ้งเื่พิธีศพแค่นั้นก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากรอให้คนรับใช้ออกไป อวี้ฉู่เฉิงถึงยกยิ้ม แต่แววตาช่างเหมือนก้นบึ้งที่เ็าและยังดุร้าย
“คุณชายน้อย ข้าแก้แค้นให้เ้าแล้ว ควรจะให้เ้ารู้เื่นี้ดีหรือไม่นะ?”
อวี้ฉู่เฉิงดูมีท่าทีลำบากใจไม่น้อยเลยทีเดียว
.........
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น
วันนี้เป็วันพักผ่อนของอวี้ฉู่จาวพอดี เขากำลังเตรียมตัวเพื่อไปส่งหลินหร่านที่โรงยาของซูชิงเฟิงสำหรับทำการสอบ
แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปพ้นประตูก็ได้รับข่าว
“ตายแล้ว?” หลินหร่านขมวดคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ระยะเวลายังไม่ถึงสองเดือน เหตุใดหลินเสี่ยวฉีถึงได้เสียชีวิต
“เื่นี้เกิดขึ้นั้แ่เมื่อไร? ตายได้อย่างไร?” อวี้ฉู่จาวถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เมื่อวันก่อน ได้ยินมาว่าตกน้ำก่อนจะจมน้ำตายพ่ะย่ะค่ะ” ติงหร่วนตอบกลับ
เื่นี้ไม่ได้มีคนสนใจมากนัก เป็เพียงการเสียชีวิตของพระสนมรองเท่านั้น คงไม่สามารถปลุกปั่นอะไรได้
ผู้คนต่างก็พากันพูดปากต่อปากไปทั่ว ในเมืองอวี้อันแห่งนี้ ก็ยังเป็จวนตระกูลหลินอีกเช่นเคยที่เกิดเื่ใหญ่
หลังจากจัดงานศพ หลินฮวาเหนียนก็เศร้าโศกเสียใจอยู่หลายวัน
ติงหร่วนที่ออกไปข้างนอก วันนี้เขาได้ยินเสียงซุบซิบนินทาตามท้องถนนและตรอกซอย กระทั่งกลับมาจึงได้นำเื่นี้มาแจ้งให้หลินหร่านทราบแก้เบื่อ
หลินหร่านเพียงเกิดความประหลาดใจ ไม่ได้เกิดความรู้สึกวุ่นวายในใจนัก
เขาไม่เสียใจและไม่ได้รู้สึกยินดี ภายในใจเขา หลินเสี่ยวฉีไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้า ไม่ได้มีความรู้สึกอันใดต่อกัน
เมื่อนางตายแล้ว เขาจึงได้แต่ถอนหายใจและคิดว่าชีวิตนั้นช่างมีค่าเสียจริง หลังจากนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอีก
-------------------------------------------------
