หลังจากหยุดพักอยู่ที่หุบเขามาเป็เวลาสิบวันเย่ชิงหานจึงเตรียมตัวที่จะออกเดินทางต่อ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบความเงียบสงบและความสุขสบายใจที่อยู่ภายในหุบเขา ในทางตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกกลัวเสียด้วยซ้ำไปว่าตนเองจะติดอยู่ในความสุขสบายนี้นานเกินไปจนทำให้ความฮึกเหิมที่เคยมีค่อยๆ สูญหายไปจนตนเองกลายเป็คนเฉื่อยชาขึ้นมา เหมือนกับการที่ต้องฝืนบังคับตนเองไม่ให้คิดถึงเื่ราวต่างๆ ที่ทำให้จิตใจอ่อนแอลง เนื่องจากของบางสิ่งบางอย่างเมื่อเคยชินจนเป็นิสัยมันจะลุกลามขยายไปยังส่วนอื่นๆ ด้วยจนสุดท้ายถูกครอบงำไปทั้งหมด ยิ่งเป็ของที่ให้โทษต่อตนเองยิ่งควรต้องหลีกหนีไปให้ไกลและให้เร็วดังเช่นตอนนี้...
เขารวมร่างสัตว์อสูรขึ้นในทันที เก็บของ ห่อผ้าสัมภาระ เกราะหนังสีทอง และกริชัเขียว เพียงแต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาภายในห่อผ้าสัมภาระคือเนื้อที่ตากแห้งไว้อีกหลายชิ้น
เหยียบขึ้นบนบันไดสีดำอ่อนเดินเข้าไปในรูทางเชื่อมสีดำมันขลับที่ส่องประกายแวววาวเพื่อผ่านเข้าไปยังด่านต่อไป จากนั้นร่างกายสั่นกระตุกขึ้นครั้งหนึ่งแสงสว่างลานตาปรากฏขึ้นเย่ชิงหานพลันปรากฏตัวขึ้นที่เส้นทางเดินขนาดกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง
เส้นทางเดินแห่งนี้กว้างใหญ่เป็อย่างมากมีขนาดความกว้างราวร้อยเมตร มีต้นไม้ มีดอกไม้และสัตว์เล็กๆ มากมาย ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เย่ชิงหานนึกถึงครั้งแรกที่ถูกเคลื่อนย้ายส่งเข้ามายังเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาซึ่งลักษณะภูมิประเทศดูไม่ต่างกันสักเท่าไร เบื้องหน้าห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตรมีรูสีดำมันขลับกำลังเปล่งประกายแสงแวววาวอยู่ให้เห็นเหมือนดังเดิม
ถ้าหากไม่ใช่ว่าเส้นทางเดินของที่แห่งนี้คดเคี้ยวไปมาไม่เหมือนกับเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาที่พบเจอในครั้งแรก เย่ชิงหานยังเผลอคิดไปว่าถูกส่งกลับมายังเส้นทางเชื่อหุ่นเชิดูเาเสียด้วยซ้ำไป
“โฮก! โฮก!”
ไม่ผิดจากที่คาดเอาไว้หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีด้านหลังพลันมีเสียงร้องคำรามของมารอสูรหุ่นเชิดูเาดังลอยมา เย่ชิงหานหันหน้ากลับไปดูพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ฝูงมารอสูรหุ่นเชิดูเาด้านหลังยังคงเป็มารอสูรหุ่นเชิดูเากลุ่มเดิมที่เจอในครั้งแรก ด้านหน้าสุดคืองูเหลือมเพลิงตัวใหญ่ที่กำลังแลบลิ้นสีแดงออกมาพร้อมกับพุ่งตรงเข้ามาหาเขาด้วยความเร็ว
หึ่ง!
เย่ชิงหานยิ้มราบเรียบออกมาอีกครั้ง จากนั้นทำการปล่อยสนามพลังออกมาแล้วเดินหน้าตรงเข้าไปหาปากรูสีดำอย่างสบายอกสบายใจ
วันนี้ไม่เหมือนวันเก่าๆ ที่ผ่านมาแล้ว ครึ่งปีผ่านไปพลังฝีมือของเย่ชิงหานเพิ่มพูนขึ้นมาเป็อย่างมาก ระดับพลังปราณรบอยู่ที่ระดับขั้นที่สองขอบเขตจ้าวนักรบ เจ็ดกระบวนท่าเย่หวงกลายเป็สามสิบแปดกระบวนท่าเย่หวง พลังโจมตีเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยกว่าสามเท่าตัว แน่นอนว่าสำหรับพวกสัตว์เล็กสัตว์น้อยระดับต่ำเหล่านี้เขาไม่มองอยู่ในสายตา
เย่รั่วสุ่ยบอกกับเขาว่าหากลงมือฆ่าพวกมารอสูรระลอกแรกตายไปก็จะมีระลอกที่สองที่สามตามมาเรื่อยๆ ระดับความแข็งแกร่งของพวกมันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่โง่พอที่จะไปเสียเวลาและหาเื่ใส่ตัวเช่นนั้น
เขาเดินทอดน่องอย่างสบายอกสบายใจบนทางเดิน ฝูงมารอสูรที่อยู่ด้านหลังเมื่อเข้ามาใกล้ เย่ชิงหานก็จะใช้พลังปราณรบโจมตีอย่างง่ายๆ ออกไปครั้งหนึ่งกระแทกพวกมันให้กระเด็นถอยกลับไป มีสนามพลังป้องกันอยู่อีกชั้นพวกมารอสูรที่โจมตีมาในระยะไกลย่อมไม่สามารถทำอันตรายต่อเขาได้แม้แต่น้อย
หลายนาทีต่อมาเขาเดินมาถึงสุดปลายทางของถนนทางเดิน ทำการสูดลมหายใจลึกเข้าไปสองครั้งก่อนที่จะะโเข้าไปภายในปากทางเชื่อมต่อโดยไม่ลังเล จากนั้นจึงถูกส่งเข้าไปภายในมิติคู่ขนานเล็กๆ ของด่านที่สอง
ลักษณะภูมิประเทศภายในมิติคู่ขนานแห่งนี้เป็เนินสูง ไม่มีหมอกปกคลุม ไม่มีทรายปลิวว่อน และที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าคือไม่มีสัตว์ประหลาดเข้ามาโจมตี
ดังนั้นหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเย่ชิงหานจึงเดินมาถึงปากทางออกของด่านที่สองได้อย่างง่ายดายจนได้พบกับสัตว์ประหลาดที่เฝ้ารักษาประจำด่านแห่งนี้
ปากทางออกของด่านที่สองค่อนข้างแปลก ปากทางออกกลับอยู่ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง แสงสว่างจากม่านพลังครอบโปร่งแสงภายในถ้ำส่องประกายให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ภายในม่านพลังครอบโปร่งแสงมีบันไดสีดำปรากฏให้เห็นแก่สายตาอย่างเด่นชัด
ถึงตอนนี้เย่ชิงหานถึงได้เข้าใจว่าทำไมในด่านที่สองนี้จึงไม่มีสัตว์ประหลาดบุกเข้ามาโจมตีตนเองแม้แต่ตัวเดียว นั่นก็เพราะว่าด่านที่สองมีสัตว์ประหลาดเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น ขนาดรูปร่างของมันใหญ่โตเป็อย่างมากสูงสิบเมตรลำตัวกว้างสิบกว่าเมตร มันดูราวกับูเาลูกย่อมๆ ที่ถูกจับมาตั้งวางไว้หน้าม่านพลังครอบโปร่งแสงฉันนั้น
สัตว์ประหลาดมีดวงตาอยู่หกดวงขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ซึ่งกำลังแดงก่ำไปด้วยสีเื แต่ปากของมันกลับมีขนาดเล็กเป็อย่างมาก ที่แปลกประหลาดที่สุดคือเ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มี “มือ” อยู่ยั้วเยี้ยมากมาย
ไม่...พูดว่าหนวดคงจะถูกต้องมากกว่า!
หนวดสิบกว่าเส้นที่มีความยาวสิบกว่าเมตรในตอนนี้กำลังควงไปมาอยู่กลางอากาศให้เย่ชิงหานเห็น คล้ายกับว่ามันกำลังบอกเตือนเขาว่าอย่าได้เดินเข้าไปใกล้เป็อันขาด มิฉะนั้นละก็หนวดยาวทั้งสิบเส้นนี้จะรัดเ้าจนตายอย่างแน่นอน
หนวดทุกเส้นของมันมีขนาดใหญ่อวบใหญ่เท่าขาอ่อนของเย่ชิงหาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนวดของมันมีหนามแหลมสีดำขึ้นอยู่โดยรอบ เห็นได้ชัดว่าถ้าหากถูกมันโจมตีโดนหรือถูกหนวดของมันรัดเอาไว้ได้คงได้เจ็บตัวไม่น้อยอย่างแน่นอน
เย่ชิงหานไม่คิดอะไรมากทำการปล่อยสนามพลังออกมาพร้อมกับโคจรพลังปราณรบอย่างเต็มกำลัง จากนั้นเริ่มเดินหน้าเข้าไปช้าๆ เพื่อทำการทดสอบดู
ฟิ้ว ฟิ้ว!
เดินมาได้ไม่ไกลเท่าไรสัตว์ประหลาดปลาหมึกเริ่มทำการโจมตีเข้ามา หนวดอวบใหญ่สองเส้นที่ดูราวกับแส้เหล็กกล้าฟาดเข้ามาหาเย่ชิงหานอย่างหนักหน่วง บน ล่าง ซ้าย ขวาพร้อมๆ กัน บังเกิดเป็เสียงลมแหวกอากาศดังลอยมา
สีหน้าเย่ชิงหานยังคงราบเรียบดังเดิม มีเพียงเท้าเท่านั้นที่ขยับเคลื่อนย้ายอยู่หลายครา จากนั้นร่างกายพลันขยับวูบขึ้นถอยหลบออกมาจากรัศมีการโจมตีของหนวดปลาหมึกที่พุ่งเข้ามา
ปัง ปัง!
หนวดอวบใหญ่ทั้งสองเส้นของมันโจมตีไม่ถูกเป้าหมาย สุดท้ายจึงฟาดลงไปบนพื้นอย่างหนักหน่วงรุนแรงจนทำให้พื้นเบื้องล่างถูกฟาดจนปรากฏเป็หลุมลึกสองหลุมออกมาให้เห็น
เย่ชิงหานไม่กล้าที่จะหยุดพักนานรีบเดินหน้าออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ใช้สนามพลังแต่เปลี่ยนมาเป็ถือกริชไว้ในมือพร้อมกับพลังคมมีดสีเขียวผลุบๆ โผล่ๆ เตรียมตัวที่จะโจมตีออกไปทุกเมื่อ
เดินหน้าไปอีกหลายก้าวแล้วจึงหยุดลงรอให้หนวดของปลาหมึกโจมตีเข้ามา ชั่วครู่หนวดยาวสองเส้นโจมตีเข้ามาอีกครั้งอย่างที่คิดเอาไว้
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ดวงตาเย่ชิงหานทอประกายแสงแหลมคมขึ้น จ้องมองดูหนวดยาวสองเส้นที่พุ่งแหวกอากาศมา เขาร้องเสียงทุ้มต่ำออกมาครั้งหนึ่งร่างกายพลันะโลอยขึ้นหลบการโจมตีจากหนวดเส้นหนึ่ง มือข้างที่ถือกริชอยู่โคจรพลังปราณรบขึ้นถึงขีดสุดจากนั้นตัวกริชปรากฏพลังคมมีดพุ่งออกไปปะทะชนเข้ากับหนวดปลาหมึกอีกเส้นที่โจมตีเข้ามาอย่างจัง
ผัวะ!
ไม่ผิดจากที่เย่ชิงหานคาดเอาไว้หนวดปลาหมึกขาดหลุดออกไปในเวลาเดียวกันกับเสียงที่ดังขึ้น จากนั้นเขาก็ขยับร่างกายถอยหลังกลับออกไป
ปัง!
หลังจากที่เย่ชิงหานถอยกลับไปหนวดครึ่งท่อนบนที่ถูกตัดขาดพลันร่วงหล่นกระแทกลงสู่พื้นอย่างหนักหน่วงพร้อมกับของเหลวสีน้ำตาลที่ไหลทะลักออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นหนวดปลาหมึกครึ่งหนึ่งที่หดกลับไปค่อยๆ เริ่มงอกยาวออกมาใหม่อีกครั้ง เพียงชั่วครู่มันก็งอกกลับออกมายาวเหมือนดังเดิม
มองเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้เย่ชิงหานยิ้มออกมาอย่างพอใจ ความจริงแล้วภายในใจของเย่ชิงหานมีความมั่นใจอยู่มาก เย่รั่วสุ่ยเคยพูดเอาไว้ว่าปากทางเข้ามิติคู่ขนานทั้งสิบสองแห่งแบ่งออกเป็สามระดับคือ ด่านที่หนึ่ง ด่านที่ห้า ด่านที่เก้า แล้วก็ด่านสุดท้าย ด่านที่กล่าวมาเหล่านี้ล้วนทะลวงผ่านไปได้ค่อนข้างจะลำบาก ส่วนที่เหลือล้วนง่ายดาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด่านสุดท้ายยากมากที่สุดไม่สามารถจะคาดเดาใดๆ ได้ ผู้ที่เข้ามาเสาะหาสมบัติโดยส่วนมากแล้วล้วนล่าถอยออกไปหรือตายลงในด่านสุดท้าย
เขาไม่ทำการทดลองให้เสียเวลาอีกต่อไปเย่ชิงหานปล่อยสนามพลังออกมาอีกครั้ง มือถือกริชัเขียวขยับร่างกายขึ้นด้วยความเร็วสูงสุดพุ่งเข้าไปหาม่านพลังโปร่งแสงที่อยู่ด้านหลังสัตว์ประหลาดปลาหมึกโดยทันที
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว...!
สัตว์ประหลาดปลาหมึกร้องเสียงแปลกประหลาดออกมาอย่างต่อเนื่อง หนวดยาวสิบกว่าเส้นคล้ายกับตาข่ายฟ้าโจมตีเข้าใส่เย่ชิงหานจากทั่วสารทิศ เหมือนกับว่าจะปิดทางหนีของเขาทุกทางเอาไว้ จากนั้นทำการฟาดกระหน่ำให้กลายเป็เนื้อบด
“จงขาดไปซะ!”
เย่ชิงหานร้องคำรามเสียงดังออกมาพร้อมกับมือที่พลิกแพลงควงสะบัดไปมาด้วยความรวดเร็ว พลังแสงคมมีดจำนวนนับไม่ถ้วนหลุดออกมาจากตัวกริชพุ่งออกไปทั่วทั้งสี่ทิศโดยมีเย่ชิงหานเป็จุดศูนย์กลาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้