“คนสกุลจ้าวเคยมาหาเขานานแล้ว แต่เขาบอกว่าอาการป่วยของตนยังไม่หายดี ต้องอยู่รักษาที่บ้านสกุลลั่ว นอกจากนี้ชื่อเสียงของหมอหลิงถูกเล่าขานออกไป คนสกุลจ้าวก็ไม่มีหนทางปฏิเสธ”
ฟังจากความเห็นของฝูอัน เหมือนว่าคนสกุลจ้าวร้อนใจอยากรับจ้าวจือชิงกลับไป ชีเหนียงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนจะรู้ว่าที่แท้คนสกุลจ้าวอยากรับจ้าวจือชิงกลับไปเพราะมีจุดประสงค์
“ก็เพราะในอดีตจ้าวจือชิงเคยเป็ทหาร ปกติราชสำนักจะส่งเ้าหน้าที่เฉพาะมาตรวจสอบชีวิตความเป็อยู่ของทหารผ่านศึกทุกๆ สามปี หากมีคนปฏิบัติรุนแรงต่อทหารพิการ โทษสถานเบาคือปรับเงิน โทษสถานหนักคือส่งไปชายแดน”
ฝูอันอธิบายอย่างช้าๆ คนสกุลจ้าวร้อนใจ แต่เขาไม่ใช่ ลำพังการที่คนสกุลจ้าวขับไล่จ้าวจือชิงไปอยู่บนเขา ก็สมควรให้ราชสำนักเอาผิดพวกเขาได้แล้ว
แต่เื่นี้ ผู้ใหญ่บ้านชิงเหอมาหาเขาด้วยตนเอง ตัวเขาก็เห็นแก่หน้าตาจึงไม่อาจเลี่ยงที่จะเข้ามาพัวพันกับเื่นี้
ชีเหนียงได้ยินก็เข้าใจทันที สกุลจ้าวกลัวคนของราชสำนักถึงได้ร้อนใจกัน โดยเฉพาะสกุลจ้าวที่มีบัณฑิต หากเกิดถูกลงโทษด้วยเื่นี้ เกรงว่าเส้นทางขุนนางของจ้าวจือจุ่นได้จบลงเป็แน่
กล่าวกันว่าบิดามารดามักลำเอียง ดูจากสถานการณ์ของสกุลจ้าว ใจของพวกเขาลำเอียงจนถึง์แล้ว
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ก็ได้ยินเสียงดื่มน้ำดังเอือกๆ จากในลานบ้าน ที่แท้ไม่รู้ว่าจ้าวจือชิงกลับมาั้แ่เมื่อใด หากไม่ใช่เขาจงใจส่งเสียงดัง พวกเขาคงยังไม่รู้ตัว
ทั้งสองพึมพำกันนานค่อนวัน ซึ่งเป็เื่ของผู้อื่น พอตอนนี้ถูกเ้าตัวมาเจอเข้า จึงอึดอัดเล็กน้อย
“เอ่อ จ้าวจือชิงกลับมาแล้วหรือ…” ฝูอันหันไปถาม เมื่อไม่ได้คำตอบอะไร ก็มิได้ใส่ใจ เพราะถึงอย่างไรใครเล่าจะถือสาคนสติไม่ดี
ก่อนจากไปฝูอันส่งสายตาให้ชีเหนียง เื่นี้ เพียงแค่ให้ลองเอ่ยออกไป ส่วนจ้าวจือชิงจะตกลงหรือไม่ก็ให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง อย่างน้อยเวลาทางหมู่บ้านชิงเหอมาถาม พวกเขาก็จะได้อ้างว่าพยายามเต็มที่แล้ว
ชีเหนียงถูกดวงตาซึมเศร้าของจ้าวจือชิงจ้องจนตัวเกร็ง ไม่รู้ั้แ่เมื่อใดที่คนผู้นี้มักจะใช้สายตาเช่นนี้มองตนเอง ท่าทางน่าสงสารราวกับสุนัขตัวน้อยที่ถูกทอดทิ้ง ดวงตาคู่คมที่มีน้ำตาคลอ
ทำให้นางมักรู้สึกว่าตนเองทำไม่ดีต่อเขาหรือเปล่า
จ้าวจือชิงไม่ได้รับการตอบสนองแบบที่้า พลันสงสัยว่าเหตุใดวิธีที่ตนได้มาจากผู้อื่นนั้นใช้ไม่ได้ผล ว่ากันว่าสตรีล้วนชอบท่าทางน่าสงสารมิใช่หรือ? เหตุใดจึงใช้ไม่ได้ผลกับชีเหนียงแม้แต่น้อย
“ชีเหนียง…เ้าจะไล่ข้าไปหรือ?” จ้าวจือชิงรับรู้ได้ล่วงหน้าว่าชีเหนียงอยากให้เขาจากไป เพียงแต่ทุกครั้งที่พูดถึงเื่นี้ หากเขาไม่หาข้ออ้างหนีไปก็คือดื้อรั้นไม่ยอมฟัง
วันนี้ฝูอันมาหาชีเหนียง จากนิสัยของชีเหนียงจำต้องหาทางทำให้ตนเองกลับไปแน่
ชีเหนียงเห็นเขาพูดขึ้นมาเอง จึงส่ายหน้าและอธิบาย “มิใช่ว่าจะไล่เ้าไป แต่คนที่บ้านเ้ามาตามหาเ้า หวังให้เ้ากลับไป อีกอย่าง ร่างกายของเ้าก็พักฟื้นพอสมควรแล้ว ควรกลับไปเยี่ยมครอบครัวจึงจะถูก”
“ชีเหนียงอย่าได้พูดอ้อมค้อมไปเลย ทั้งที่ชัดเจนว่ารังเกียจจึงอยากไล่ข้าไป” จ้าวจือชิงพูดตัดพ้อโดยไม่มีการถนอมน้ำใจลั่วชีเหนียงแม้แต่น้อย “ข้ากินเยอะไปสักหน่อย แต่ข้าก็ช่วยงานไม่น้อย น้ำในโอ่งที่บ้าน ข้าเป็คนหาม กระต่ายกับไก่ป่า ข้าเองก็ล่ากลับมาไม่น้อย ขับเกวียน ก่อกระท่อมไก่ ข้าทำหมดทุกสิ่ง ชีเหนียงอย่าไล่ข้าไปได้หรือไม่?”
ทุกประโยคที่จ้าวจือชิงพูดมาทำให้ชีเหนียงหันมองความเปลี่ยนแปลงในบ้านโดยไม่รู้ตัว นับั้แ่จ้าวจือชิงมาอยู่ที่บ้าน ในบ้านก็เริ่มมีชีวิตชีวาอย่างช้าๆ เป็ด ไก่ ห่านและกระต่ายมีทุกวันไม่ขาด กระทั่งน้ำในโอ่งก็เต็มอยู่ตลอด ข้างกำแพงเต็มไปด้วยกองฟืน ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของนาง แต่เพราะเช่นนี้ จึงทำให้นางยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง
สิ่งเหล่านี้ควรเป็ภาพที่คนในครอบครัวเดียวกันพึงมี จ้าวจือชิงไม่เหมาะสมจริงๆ บวกกับ่นี้ นางมักจะรู้สึกว่าพฤติกรรมของจ้าวจือชิงประหลาดชอบกล นางสังหรณ์ในใจเพียงว่าจะมีเื่ใหญ่เกิดขึ้น ดังนั้น ความระมัดระวังที่มีต่อจ้าวจือชิงจึงเพิ่มขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
“ข้ารู้ว่าเ้าทุ่มเทกับบ้านนี้มากมาย แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่บ้านของเ้า ทำเช่นนี้มันไม่เหมาะสม เ้า…”
“หึ ที่แท้ชีเหนียงก็ไม่เคยเห็นข้าเป็คนในครอบครัว!”
จ้าวจือชิงขำในลำคอเบาๆ และขัดคำพูดของชีเหนียง ไม่รอให้ชีเหนียงพูดตอบก็ผลักประตูออกไปทันที
เพียงแต่เงาที่จากไปอย่างเดียวดายนั้นกลับทำให้ชีเหนียงเ็ปใจโดยไม่มีสาเหตุ
นี่นางกำลังทำร้ายเขาหรือ
“จ้าว…” ชีเหนียงคิดจะรั้งไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ
หลังออกจากบ้านสกุลลั่ว จ้าวจือชิงก็อยู่นอกประตูบ้านสกุลลั่วตลอด หัวใจของเขารอคอยชีเหนียงเรียกเขากลับไป แต่ท้ายที่สุดก็เป็เพียงความหวังลมๆ แล้งๆ
หลิงชางไห่มองดูท่าทางซึมเซาของชีเหนียง จึงส่งสัญญาณให้เด็กๆ อย่าพูดมาก คนทั้งหลายจึงให้พื้นที่กับชีเหนียง
“ท่านตา ท่านลุงจ้าวจะต้องไปจริงหรือ?”
ไหลไหลน้อยไม่อยากให้ลุงจ้าวจากไป กระทั่งความเห็นแก่ตัวของเขาคืออยากให้ลุงจ้าวอยู่ด้วยตลอดไป เหมือนกับท่านตาที่สามารถอยู่กับพวกเขาไปตลอด แม้แต่ห้องที่สร้างขึ้นใหม่ ไหลไหลก็คิดไว้เสร็จสรรพว่าจะเก็บห้องหนึ่งไว้ให้ลุงจ้าวพักอาศัย คิดไว้กระทั่งว่าจะพูดกับท่านแม่อย่างไร
“ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน ย่อมอยู่ด้วยกันไม่ได้” ลั่วจิ่งเฉินไม่ลังเลที่จะทำลายภาพฝันของไหลไหลน้อยแม้แต่น้อย
ฉับพลันไหลไหลน้อยก็เบะปากจะร้องไห้ แต่เขาทำได้แค่สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของหลิงชางไห่เบาๆ เขายังเด็กเกินไป ไม่มีพลังในการเปลี่ยนความคิดของผู้ใหญ่
“พี่ใหญ่ ท่านไม่ชอบท่านลุงจ้าวใช่หรือไม่?” ไหลไหลน้อยเช็ดน้ำตาจนแห้งและจ้องลั่วจิ่งเฉิน
มือของลั่วจิ่งเฉินที่ไพล่หลังกำหมัดแน่น เขานิ่งเงียบไม่ได้ตอบ
ไหลไหลน้อยหันไปขอความช่วยเหลือจากลั่วจิ่งซีผ่านสายตา พี่รอง ข้าพูดผิดอีกแล้วหรือ?
ลั่วจิ่งซีผายฝ่ามือและยักไหล่ พี่ใหญ่นิสัยเป็เช่นนี้ ใครจะรู้ว่าในสมองเขาคิดอย่างไร
อันที่จริงลั่วจิ่งซีก็ไม่ได้อยากให้จ้าวจือชิงจากไปเท่าใดนัก ่ที่ผ่านมาเวลาเขาไม่มีอะไรทำก็มักจะตามจ้าวจือชิงขึ้นเขา ฝีมือการล่าสัตว์ของจ้าวจือชิงถือว่าเป็เลิศ ขอเพียงเขาขึ้นเขา ก็ไม่เคยกลับมาแบบมือเปล่า
โดยเฉพาะเวลาที่จ้าวจื่อชิงกระทืบเท้าหนึ่งทีก็สามารถลอยขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ ทำเอาเขาเลื่อมใสแทบแย่ เขาเพิ่งจะตามง้อให้จ้าวจือชิงสอนเขา ท่านแม่ก็จะไล่คนไป เห็นทีชั่วชีวิตนี้ เขาคงไม่ได้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ มวยวัดเส้าหลินและฝ่าเท้าบู๊ตึ๊งแล้ว
ลั่วจิ่งซีเติบใหญ่แล้ว ความสามารถในการควบคุมจึงดีกว่าไหลไหลน้อยมาก ไม่นานนักก็ทิ้งเื่นี้ไว้ข้างหลัง แต่แล้วลั่วจิ่งเฉินที่อยู่ในห้องกลับเริ่มกระวนกระวายและนิ่งไม่ติดที่
ตามหลักแล้ว เ้าโจรพยัคฆ์อย่างจ้าวจือชิงออกจากบ้านสกุลลั่ว เขาควรดีใจ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดพอเห็นเงาของคนผู้นั้นจากไป กลับมีความโศกเศร้าวนเวียนอยู่ในหัวใจอย่างน่าประหลาด
ทั้งครอบครัวซึมเซากับการจากไปของจ้าวจือชิงไม่มากก็น้อย ชีเหนียงรู้ว่าเด็กๆ นั้นให้ความสำคัญกับความรู้สึกผูกพัน โดยเฉพาะไหลไหลน้อยที่ส่งสายตาอยากรู้ เพื่อให้นางรู้ว่านางจำต้องให้การอธิบายกับเด็กๆ ด้วย
“ลุงจ้าวของพวกเ้ามีครอบครัวของตนเอง ตอนนี้เขาหายดีแล้ว ย่อมต้องกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัว” ขณะพูด นางลูบศีรษะของไหลไหลน้อย “แน่นอน แม่เองไม่ใช่ไม่อยากให้พวกเ้าเจอเขา บุญคุณที่เราคิดค้างท่านลุงจ้าว ก็ต้องคืนเช่นกัน พวกเ้าจำไว้ให้ดี หากเกิดอะไรกับท่านลุงจ้าว พวกเ้าก็ต้องช่วยเหลือเขาเช่นกัน”
“ช้าก่อน!” หลิงชางไห่ถามชีเหนียง “เ้าไล่เขาไปเพราะคิดว่าร่างกายของเขาหายดีแล้วหรือ?”
----
