หลังจากคืนนั้นที่ปลาบกลับมาพร้อมกับะเิลูกใหญ่ ที่ทำเอาทั้งห้องเข้าสู่สภาวะเดดแอร์ พอดึงสติกลับมากันได้เพื่อนสนิททั้งสี่คนก็ตัดสินใจที่จะช่วยกันสืบหาความเป็มาของเื่นี้ ว่านักเรียนที่ลาออกไปกลางเทอมใช่เรนจริงหรือไม่ และเรนเคยมาสารภาพรักกับปลาบเพราะคิดว่าเป็ปลื้มจริงหรือเปล่า รวมถึงสืบเื่ของทั้งสองคนที่มาหาเื่แทนในคืนงานดนตรีด้วย ว่าใช่คนของเรนหรือเปล่า ผ่านไปไม่กี่วันพวกเขาทั้งห้าคนก็กลับมานั่งรวมตัวกันที่ห้องของปลื้มอีกครั้ง
“เื่สองคนนั้นที่มึงให้กูช่วยสืบให้กูได้เื่แล้วนะ” เก่งเป็คนเปิดประเด็นขึ้นมาคนแรก “พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรนด้วย คนที่เป็รุ่นน้องแค่บังเอิญเจอแทนในงานเลยอยากไปทัก”
“เชื่อได้หรอ” จีนพูดขัดขึ้นมา
“กูก็ไม่รู้ ส่วนรุ่นพี่คนนั้นอะเขาแค่จะโชว์พราวกับเพื่อนเฉยๆว่าเคยมีซัมติงกับไอ้แทน ก็เลยเดินมาทักมัน”
“ไอ้คนที่ชื่อแทนมันจะเนื้อหอมเกินไปมั้ยวะ” ปลาบพูดขึ้นเหมือนนึกอิจฉา
“ส่วนเื่เรน กูทักไปหาไอ้บูมมาเพราะมันพอจะรู้จักกับเด็กห้องหกอยู่บ้าง” พีคเอ่ยเข้าอีกประเด็นทันที “เพื่อนห้องหกบอกมาว่าเด็กที่ย้ายออกกลางเทอมคือเรนจริงๆ”
“แล้วรู้มั้ยว่าออกเพราะอะไร” พีคส่ายหัวให้ปลื้มแทนคำตอบ
“มันบอกว่าไม่ได้สนิทกันเลยไม่รู้ว่าออกเพราะอะไร”
“ส่วนกูไปถามพวกแพรวมามึงก็รู้ว่ามันขาเม้าประจำห้อง ใครทำอะไรแม่งก็รู้ไปหมด” เพื่อนที่จีนเอ่ยถึงคือเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในห้องที่ชอบจับกลุ่มเม้ามอยกันอยู่เป็ประจำ
“...”
“มันบอกไม่รู้หรอกว่าความจริงแล้วออกเพราะอะไร แต่มันได้ยินเขาบอกกันมาว่าเพราะโดนล้อเื่ที่ไปสารภาพรักมึง” นิ้วชี้เรียวยาวถูกยกขึ้นมาชี้ไปยังใบหน้าของปลื้ม
“แค่สารภาพรักแล้วโดนปฏิเสธนี่มันต้องถึงกับลาออกเลยหรอ” ปลาบโพล่งขึ้นมาด้วยความสงสัย “ไร้สาระชะมัด”
“พูดว่าแค่ไม่ได้หรอกมึงสำหรับเด็กอายุสิบเจ็ดอะ การโดนคนที่ชอบปฏิเสธ แล้วมาโดนเพื่อนล้ออีกแม่งไม่ใช่เื่ที่ใครเจอแล้วก็จะไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ” ขนาดจีนที่เป็คนมั่นใจในตัวเองยังเคยเขวไปบ้างเลยเวลาที่ถูกเพื่อนล้อ ตอนนั้นสำหรับเขาการโดนล้อมันเป็เื่ที่ใหญ่มาก น่าอายแล้วก็ไม่โอเคเลยสักนิด โตมาหน่อยถึงได้รู้ว่ามันก็ทำได้แค่ล้อนั่นแหละแต่กว่าจะรู้ก็คือต้องผ่านมันมาก่อนไง
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“เออดิ ยิ่งมาล้อเื่ที่เราโดนปฏิเสธอะมันไม่มีใครโอเคหรอกนะเว้ย เหมือนโดนซ้ำเติมอะ” เื่นี้มันสามารถเป็แผลในใจของใครหลายคนที่โดนได้เลยด้วยซ้ำ “ถ้าลองเป็มึงโดนเขาปฏิเสธมา แล้วโดนคนอื่นล้อแบบนั้นบ้างมึงจะรู้สึกอย่างไง”
“...”
“คิดแค่นี้ก็แล้วกัน”
ชีวิตวัยรุ่นใน่มัธยมเป็่ที่เอาความรักเป็ใหญ่ ข่าวเด็กมัธยมฆ่าตัวตายเนื่องจากผิดหวังในความรักก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ นั่นก็เป็เพราะในตอนนั้นความรักมันคือเื่ที่ยิ่งใหญ่ในสายตาของเขา การที่เราจะรักใครสักคนมันไม่ใช่เื่ง่ายๆเลย ผู้ใหญ่หลายคนมักมองว่าความรักของเด็กเป็เื่ไร้สาระทั้งที่ตัวเองก็ยังเ็ปเพราะความรักอยู่เลย
“กูก็คงไม่โอเคอะ ไม่ต้องนึกไปถึงตอนอายุสิบเจ็ดหรอก ตอนนี้ถ้ากูโดนล้อทั้งที่พึ่งถูกคนที่ชอบปฏิเสธมากูก็รู้สึกไม่โอเคอยู่ดี” เก่งเริ่มตกตะกอนได้แล้วว่าการโดนล้อมันเป็เื่ที่ละเอียดอ่อนกับจิตใจมากเพราะมันทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังถูกคนอื่นซ้ำเติมความผิดพลาดในชีวิตของตัวเอง
ไม่มีใครที่อยากผิดพลาดทุกคนล้วนอยากให้สิ่งที่เราตั้งใจและคาดหวังไว้ออกมาดีกันทั้งนั้น แต่เมื่อทุกอย่างมันพลาดไม่เป็อย่างที่เราคาดหวังเอาไว้ตัวเราเองก็รู้สึกแย่กับมันมากพออยู่แล้ว ยิ่งต้องมาถูกคนอื่นพูดถึงมันซ้ำๆมันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่ลงไปอีก
นี่อาจจะเป็ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเรนหลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ได้
“พวกมึงว่ากูควรไปขอโทษเรนมั้ยวะ” ปลื้มถามขึ้นหลังจากที่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
“ไม่ใช่แค่มึง ไอ้ปลาบก็ต้องไปด้วย” พีคชี้นิ้วไปยังปลาบที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่
“Why?” แฝดพี่เงยหน้าขึ้นมามองพีคทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยชื่อของเขาออกมา “เกี่ยวเหี้ยไรกับกูด้วยเนี่ย”
“มึงอะตัวเริ่มเื่เลยไม่เกี่ยวได้ไง”
“เกี่ยวตรงๆเลยเถอะ”
“มึงต้องบอกเรนว่าคนที่ปฏิเสธเรนไปวันนั้นคือมึงไม่ใช่ไอ้ปลื้ม ไม่ว่าเรนจะยังโกรธเื่นี้อยู่หรือเปล่า มึงก็ควรทำ เพราะเื่นี้มันอาจจะยังฝังอยู่ในใจของเรนก็ได้”
“แต่เขาอาจจะลืมเื่นี้ไปแล้วก็ได้นะเว้ย ถ้าไปพูดถึงอีกมันจะไม่เป็การกวนน้ำให้ใสหรอวะ”
ปลาบคิดว่าในเมื่อชีวิตของเขาคนนั้นมันดีขึ้นแล้วเราก็ไม่ควรที่จะเอาเื่นี้ไปพูดเพื่อให้เขารู้สึกแย่ขึ้นมาอีก
“ให้ขุ่น กวนน้ำให้ใสเหี้ยไรล่ะ”
“ขอโทษได้มั้ยล่ะ ก็ภาษาไทยกูไม่แข็งแรง”
“ถ้ารู้ว่าไม่แข็งแรงก็อย่าเสือกจะพูดคำที่มันยากๆ”
“ไม่แน่นะว่าที่มันทำไม่ดีกับไอ้ปลื้ม อาจเป็เพราะเื่นี้ก็ได้”
จีนน่ะรู้สึกมาั้แ่ตอนที่เจอกันครั้งแรกแล้วว่าคนคนนี้มีอะไรบางอย่างคือมันได้กลิ่นอะ แต่ไม่รู้ว่ากลิ่นอะไร แค่เห็นหน้าก็รู้เลยว่าอิคนนี้ไม่ธรรมดา น่าจะต้องมีอะไรสักอย่าง ไม่งั้นคนที่เป็แฟนกันแล้วก็รักกันจริงๆคงจะไม่พยายามทำให้ไอ้ปลื้มไม่เหลือใคร หลงรักแค่มันจนหัวปักหัวปำ แล้วก็ทิ้งมันไปแบบนั้นหรอก ดูยังไงก็จงใจทำร้ายความรู้สึกกันชัดๆ
ใต้ตึกคณะนิเทศศาสตร์เต็มไปด้วยความชุลมุนของนักศึกษาเนื่องจากเป็่เวลาของการเลิกเรียน สองเพื่อนรักพีคเก่งยืนคอยืดคอยาวมองหาเป้าหมายท่ามกลางผู้คนที่แห่แหนกันเดินลงมาจากตัวตึก จีนกอดอกมองบรรดาผู้คนที่มองมาทางกลุ่มพวกเขาก่อนจะหันไปซุบซิบกัน ปกติแค่มีปลื้มคนเดียวผู้คนก็ให้ความสนใจมากพออยู่แล้วแต่นี่เล่นมีปลื้มสองคนใครบ้างล่ะที่จะไม่หันมามองแล้วตั้งข้อสงสัยว่าไอ้ปลื้มอีกคนมันโผล่มาจากไหนหรือไอ้ปลื้มอีกคนมันคือใคร
“แน่ใจนะว่าวันนี้เรนมีเรียนอะ”พีคที่มองเท่าไรก็ไม่เห็นเป้าหมายสักทีเอ่ยขึ้น
“แน่ดิ กูเช็กจากตารางเรียนมันในเว็บregของมอเลย” จีนบอกเสียงเหนือย
“กูเห็นละ นั่นไง” พีคชะโงกหน้าไปมองตามมือของเก่งก่อนจะเห็นว่าเป็เรนกับเพื่อนจริงๆ
“เดี๋ยวกูไปเอง” ร่างสูงของอัลฟ่าหนุ่มเดินผ่ากลางเพื่อนทั้งสองคนออกไปหาคนตัวเล็กที่กำลังจะเดินผ่านพวกเขาไป “เรน”
“...” คนตัวเล็กที่กำลังคุยกับเพื่อนอยู่หันไปมองหน้าของผู้มาใหม่ เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าของตัวเองคือปลื้มแต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักทายอะไรออกมา
“ขอคุยด้วยหน่อยได้ป่ะ”
“มาง้อมึงแน่เลยว่ะ” เพื่อนสาวกระซิบบอกกับเรนที่ยังคงเงียบอยู่
“คุยเื่อะไรหรอ”
“เื่ของเรากับเรน”
“ถ้างั้นก็อย่าคุยเลย เพราะมันจบไปแล้ว” เรนเอ่ยตัดบทและเตรียมที่จะเดินหนีไป
“ไง” แต่ยังไม่ทันที่เรนจะเดินออกไปได้ไกลก็มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งหน้าตาเหมือนปลื้มราวกับเป็คนคนเดียวกันโผล่หน้าออกมาจากทางด้านหลังของร่างสูงเสียก่อน “จำกันได้ป่ะ” ปลาบเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ผิดกับคนตัวเล็กที่ตีหน้ายุ่งไม่เข้าใจอะไรในสิ่งที่อีกคนพูดเลย
ตอนที่ยังคบกันอยู่เรนก็พอจะรู้บ้างว่าปลื้มมีพี่ชายฝาแฝด ตอนที่ไปบ้านของปลื้มก็เคยเห็นหน้าคร่าตาจากในรูปถ่ายอยู่บ้างแต่ไม่เคยมีโอกาสเจอตัวจริงเลย ไม่คิดว่าทั้งคู่จะเหมือนกันมากขนาดนี้
“ผมรู้ว่าคุณเป็พี่ชายฝาแฝดของปลื้ม”
“อ่าฮะ แล้วจำได้ป่ะว่านี่คือใคร”
“ก็พี่ชายฝาแฝดของปลื้มไง”
“ไม่ดิ สี่ปีที่แล้วที่มาบอกชอบที่โรงอาหารไง จำไม่ได้หรอ”
“คุณพูดเื่อะไร”
“ยังไม่ทันบอกเลยว่าไม่ใช่ไอ้ปลื้มก็วิ่งหนีไปซะก่อน”
“รู้เื่นี้ได้ยังไง” ปลื้มเล่าให้ฟังอย่างนั้นหรอ
“เราไปหาที่เงียบกว่านี้คุยกันดีกว่า” เป็ปลื้มที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปจับที่ต้นแขนของเรน “เราขอตัวเรนก่อนนะ” ก่อนจะหันไปบอกกับเพื่อนของคนตัวเล็กที่ยังยืนอยู่แล้วพาเรนเดินแยกออกมา
วันนั้นเมื่อสี่ปีก่อน
“เอาจริงหรอเรน” เพื่อนในกลุ่มเอ่ยถามย้ำกับคนตัวเล็กที่กำลังยืนซื้อน้ำอยู่ในโรงอาหาร
“อื้อ แค่สารภาพรักเองมันไม่น่าจะเสียหายอะไรนี่นา” มือบางยื่นเงินให้กับแม่ค้าในจำนวนที่พอดีกับราคาของขวดน้ำเปล่าในมือ ก่อนจะหมุนตัวเดินกับไปที่โต๊ะพร้อมกับเพื่อน
“แล้วถ้าปลื้มปฏิเสธล่ะ”
“ก็คงเสียใจ แต่ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
ในเมื่อเขาไม่ได้ชอบเราก็คงทำได้แค่ยอมรับความจริงถึงแม้ว่าที่จริงแล้วเขาจะแอบชอบเพื่อนต่างห้องคนนี้มาสักพักแล้วก็ตาม แอบเอาขนมไปวางไว้ให้ที่โต๊ะเรียนทุกเช้าคิดว่าเขาน่าจะตามหาเ้าของแต่ก็ไม่ แอบเอาน้ำไปวางไว้ให้ตอนซ้อมบาสปลื้มก็ไม่ได้สนใจ คงเหลือแค่วิธีเดียวคือบอกความรู้สึกออกไปตรงๆ
“นั่นปลื้มป่ะ นั่งอยู่คนเดียวด้วย” คนตัวเล็กหันไปมองตามที่เพื่อนพูดก่อนจะเห็นว่าเป็เด็กหนุ่มต่างห้องคนนั้นจริงๆ
“อยู่คนเดียวก็ดี งั้นก็สารภาพมันวันนี้เลยแล้วกัน”
“จะดีหรอมึง นี่กลางโรงอาหารเลยนะ ถ้าถูกปฏิเสธขึ้นมามึงจะไม่อายแย่เลยหรอ”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“อือ งั้นก็สู้ๆแล้วกัน”
เรนพยักหน้าให้เพื่อนเขาหยิบช็อกโกแลตที่ซื้อติดกระเป๋าไว้ั้แ่ตอนเช้าตั้งใจจะเอาไปวางไว้ให้ที่โต๊ะปลื้มเหมือนทุกวันแต่อาจารย์ดันเรียกไปช่วยยกของเสียก่อนเลยเอาไปไว้ไม่ทัน โอเมก้ามองของในมือสลับกับชายหนุ่มที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความกล้าก่อนจะตัดสินใจลุกเดินออกไปหาผู้ชายคนนั้น
“ปลื้ม” คนที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆเริ่มหันมามองทางเรนก่อนจะหันไปซุบซิบกับเพื่อนบนโต๊ะต่อ ชายหนุ่มที่ถูกเรียกชื่อยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ต่อไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใดราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของเขา “ปลื้ม” เรนจึงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นจนคนอื่นต้องหันมามองที่เขาอีกรอบและนานขึ้นกว่าเดิม
“ฮะ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะทำหน้าเหมือนพึ่งนึกอะไรออก “เรียกนี่หรอ” ชายหนุ่มชี้นิ้วเขาหาตัวเองเพื่อถามย้ำให้แน่ใจว่าอีกคนเรียกตัวเองจริงๆ
“อื้อ เราเอานี่มาให้อะ” มือบางวางช็อกโกแลตลงบนโต๊ะก่อนจะยื่นมันไปด้านหน้าของเด็กหนุ่ม
“ให้ทำไมอะ” ร่างสูงทำหน้างง
“เมื่อเช้าเราเอาไปวางไว้ที่โต๊ะปลื้มไม่ทันน่ะ” ร่างบางบอกก่อนจะนิ่งเงียบเพื่อรอดูปฏิกิริยาของอีกคนว่าจะเป็อย่างไร แต่คนตรงหน้าก็ยังนิ่งเฉยไม่ได้พูดอะไรแถมไม่แสดงอาการใอะไรออกมาเลยตรงกันข้ามเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยมากกว่า
“แล้วทำไมต้องเอามาวางอะ”
“เพราะเรา...ชอบปลื้มไง เราเลยอยากให้ปลื้มได้กินของอร่อยๆ” คนตัวเล็กตอบด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขาหวังว่าจะได้รับรอยยิ้มกลับมาบ้างแต่ก็ไม่เลย
“อ๋อ ขอบคุณนะ”
“แค่นี้เองหรอ” เขาพูดไปขนาดนั้นตอบกลับมาแค่นี้เองอะนะ
“ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกหรอ”
“คือเราชอบปลื้มมากสองสามเดือนมานี้เราเป็คนเอาขนมไปวางไว้ที่โต๊ะปลื้มตลอด ขวดน้ำกับผ้าเย็นตอนซ้อมบาสก็เป็ฝีมือเราเอง ที่เราทำไปก็เพราะคิดว่าปลื้มจะสนใจเราบ้างแต่มันก็ไม่เลย” ใบหน้าของคนคนตัวเล็กสลดลงทันที “เราเลยคิดว่าถ้าเดินมาบอกกับปลื้มตรงๆมันคงจะพอมีโอกาสบ้าง”
“...”
“เป็ไปได้มั้ยที่ปลื้มจะหันมาสนใจเรา เราชอบปลื้มจริงๆนะ”
“ไม่รู้ดิ”
“?”
“ปกติสนใจป่ะถ้าไม่ก็ไม่อะ”
เหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมากลางตัวคนตัวเล็กรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวั้แ่หัวจรดปลายเท้า ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าไม่คาดหวังให้อีกคนตอบตกลงแต่ลึกๆในใจมันก็ยังคาดหวังอยู่ดี พอถูกปฏิเสธเข้าจังๆด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยแบบนั้นมันยิ่งทำให้เขาเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก
“คิดว่าตัวเองเป็น้องน้ำของพี่โชนหรอวะ” เสียงพูดคุยของนักเรียนคนอื่นเริ่มดังแว่วเข้ามาในหู
“น้ำเอาขนมไปวางไว้บนโต๊ะหินทุกวัน หินสนใจน้ำบ้างได้มั้ย”
“หินบอกไม่อะ”
“แรงมากเป็กูไม่ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนะ”
“ฮาฮ่าฮา”
“เฮ้ยฟังนี่อยู่ป่ะ”
“...” ดวงตากลมที่เริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตามองไปยังใบหน้าของอีกคนก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นทันที
“มีอะไรเปล่าวะ” ปลาบหันไปมองหน้าของเพื่อนทั้งสองคนของปลื้มที่เดินเข้ามา
“เมื่อกี้มีคนมาสารภาพรักกูว่ะ”
“จริงป่ะเนี่ย แล้วเขาไปไหนอะ”
“เขาวิ่งไปล่ะ” บอกพลางชี้นิ้วไปยังทิศทางที่คนตัวเล็กพึ่งวิ่งจากไป “ไม่รู้ว่ากูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“มึงปฏิเสธเขาไปหรอ” เก่งเท้าคางถาม
“ไม่รู้ดิว่าที่พูดไปมันคือการปฏิเสธมั้ย”
“ถ้าเขาวิ่งหนีไปแบบนี้ก็คงคิดว่ามึงปฏิเสธแล้วมั้ง”
“ก็ดีแล้วป่ะถ้าคิดว่าแม่งตกลง ไอ้ปลาบเจอไอ้ปลื้มแหกอกแน่” พีคบอกพร้อมกับทำท่าทางประกอบ
ตอนนั้นเรนคิดว่าการถูกคนที่ชอบปฏิเสธมันคงไม่ได้แย่อะไรแต่มันก็ยังแย่กว่าที่คาดเอาไว้ เขาเสียใจมากมันเป็ความผิดหวังที่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะมากมายขนาดนั้น แต่นั่นยังไม่ใช่เื่ที่แย่ที่สุดในชีวิตของเด็กอายุสิบเจ็ด เหตุการณ์หลังจากนั้นต่างหากที่เปลี่ยนแปลงตัวเขาไปตลอดกาล
“มีอะไรจะพูดก็พูดมา” คนตัวเล็กสะบัดแขนให้หลุดออกจากมือของปลื้มหลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากตัวตึกได้สักพัก
“มึงเคยไปสารภาพรักไอ้ปลื้มตอนมอห้าใช่มั้ย” เรนตวัดสายตาไปมองหน้าของจีนที่เป็คนพูด
“วันนั้นคนที่เรนไปสารภาพรักไม่ใช่ปลื้ม แต่เป็ไอ้ปลาบ”
“ใช่ วันนั้นคนที่ปฏิเสธนายไปคือนี่เอง ขอโทษด้วยนะ” ปลาบยืนมือไปบีบไหล่ของเรนหนึ่งทีก่อนจะผละออก
“กำลังเล่นบ้าอะไรกันอยู่” เรนไล่มองหน้าของทุกคนตรงหน้าเขาทีละคนแต่ไม่มีใครที่ทำเหมือนว่ากำลังโกหกเขาอยู่เลยสักคน
“วันนั้นปลาบกับปลื้มมันสลับตัวกันไปเรียน พวกกูก็รู้เื่” เก่งเอ่ยย้ำเพื่อให้อีกคนมั่นใจว่าปลื้มไม่ได้พูดโกหก
“คนที่ทำให้กูอับอายต่อหน้าทุกคน...” คนตัวเล็กหันหน้าไปมองปลาบที่ยืนอยู่ข้างปลื้ม “คือมึง”
“อันที่จริงก็ไม่ได้อยากทำให้อายหรอกนะ แต่ว่ามันก็ช่วยไม่ได้อะ กูไม่ใช่ไอ้ปลื้มเลยไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไง”
“เพื่ออะไร” คนตัวเล็กหันไปมองใบหน้าของปลื้มอีกครั้ง “เอามันมาบอกตอนนี้เพื่ออะไร”
ไม่น่าล่ะวันแรกที่เรากลับมาเจอกันอีกปลื้มถึงไม่มีท่าทีว่าจะจำเขาได้เลย ขนาดคบกันแล้วปลื้มก็ไม่เคยพูดถึงเื่ในอดีตเลยสักครั้ง นั่นก็เพราะปลื้มไม่รู้เื่ที่เกิดขึ้นในวันนั้นั้แ่แรกสินะ แต่จะมาบอกความจริงเขาตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรแล้วล่ะ
หลังจากวันนั้นข่าวเื่ที่เขาถูกปฏิเสธก็ถูกพูดถึงกันปากต่อปากโดยที่เหลือความจริงอยู่ไม่กี่ส่วน บางคนก็พูดถึงขั้นว่าเขาไปอ้อนวอนขอให้ปลื้มรับรัก บ้างก็บอกเขาอินบทสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักมากเกินไปจนก็อปบทนางเอกมาพูด เพื่อนในห้องหลายคนเริ่มพูดจาล้อเลียนเขา ความรู้สึกแย่ๆในใจของเรนที่มันก่อตัวขึ้นมาอยู่แล้วเหมือนถูกเพิ่มพูนขึ้นเพียงแค่ไม่กี่คำพูดที่ได้ยินจากปากของคนอื่น
พอหนักเข้าเรนก็เริ่มไม่อยากไปโรงเรียนเพราะไม่อยากไปฟังเสียงหัวเราะและคำพูดเย้ยหยันพวกนั้นอีก ไม่อยากเดินอยู่แล้วถูกมองด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะหันไปนินทาเขากับเพื่อนของตัวเอง เรนไม่อยากถูกกระทำแบบนั้นใส่อีกแล้วมันทำให้เรนที่อายุสิบเจ็ดตัดสินใจทำเื่ที่โง่ที่สุดในชีวิต
เขาพยายามฆ่าตัวตาย
โชคดีที่พ่อของเขาเข้ามาเจอก่อนที่เขาจะทำมันสำเร็จ
เรนตัดสินใจบอกกับพ่อแม่เื่ที่เขาไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้วไม่อยากออกไปเจอใครทั้งนั้น ในที่สุดพวกท่านก็ตัดสินใจให้เขาลาออกแล้วย้ายไปเรียนที่อื่นแทน แต่เรนก็ยังไม่สามารถที่จะลบปลื้มออกไปจากความรู้สึกของเขาได้เขายังคงตามไปส่องชีวิตของปลื้มผ่านทางช่องทางโซเชียลของเขา อีกฝ่ายก็ดูใช้ชีวิตมีความสุขดีจนมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกน้อยใจขึ้นมาว่าทำไม
ทำไมคนที่เป็ต้นเหตุให้เขาต้องเจอกับการถูกล้อ ถูกนินทาถึงยังใช้ชีวิตได้ดีอยู่ในขณะที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่บนความรู้สึกแย่กับเื่ราวที่เกิดขึ้นและหวาดระแวงทุกครั้งที่มีคนมองมาที่เขาเหมือน้าจะพูดอะไร หรือเวลาที่ใครเอ่ยเรียกชื่อของเขา เขากลัวว่าคนพวกนั้นจะรู้เื่และตอกย้ำความรู้สึกแย่ในใจเขาให้มันชัดขึ้นมาอีก
ทุกอย่างมันเริ่มดีขึ้นเมื่อเขาย้ายมาอยู่โรงเรียนใหม่ไม่มีใครพูดถึงเื่นั้นเพราะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับมัน เขาเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็ได้เจอปลื้มอีกครั้งแต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่ออีกคนมันไม่ใช่ความรู้สึกรักใคร่หรือชื่นชอบอีกต่อไป ทุกอย่างเปลี่ยนไป จากที่เคยปลื้มตอนนี้ไม่ปลื้มอีกแล้ว
เขารู้สึกเกลียด เกลียดปลื้มมาก ทั้งที่เป็คนทำแบบนั้นกับเขาแต่ตัวเองกลับมีผู้คนมากมายให้ความรักความชื่นชอบ ไม่ได้รับผลอะไรจากสิ่งที่เคยทำไว้กับเขาเลยสักนิด และยิ่งเกลียดมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อบังเอิญไปรู้ว่าแทนก็ชอบปลื้มเช่นกัน
ทั้งที่ตอนนั้นเขาพึ่งจะกล้าพอที่จะให้โอกาสตัวเองกลับมามีความรักอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็พังลง แทนล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา ทำเหมือนรักเขาทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยที่อีกคนทำไปทั้งหมดก็เพื่อใช้เขาในการลืมปลื้ม ตลกชะมัด สุดท้ายก็ไม่มีใครที่เห็นค่าความรักของเขาเลยสักคน
เขาเกลียด เกลียดปลื้มที่ทำร้ายเขาแต่ยังมีความสุขได้อยู่แม้แต่แทนที่เป็ความรักครั้งใหม่ของเขาก็ยังถูกปลื้มเอาไป เกลียดแทนที่เข้ามาเล่นกับความรู้สึกของเขา จากเกลียดมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็ความคับแค้นใจ เขาไม่อยากให้ทั้งสองคนนี้มีความสุข อยากให้ทั้งคู่ชดใช้ในสิ่งที่ทำกับเขา
“ที่เรามาบอกก็เพราะเราไม่อยากให้เรนเข้าใจเราผิด”
“เข้าใจผิดหรอ เราว่าไม่นะ สุดท้ายคนผิดก็คือปลื้มอยู่ดีไม่ใช่หรือไง” เรนจ้องตาของปลื้มกลับอย่างเอาเื่ “มันผิดั้แ่ที่วันนั้นปลื้มเล่นพิเรนทร์เปลี่ยนตัวกับปลาบแล้ว” ถึงจะรู้ความจริงแล้วแต่เขาก็ยังคงโกรธปลื้มอยู่ดี เพราะความจริงในวันนี้มันไม่ได้ย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เขาต้องพบเจอในตอนนั้นได้เลย
สำคัญด้วยหรอว่าคนที่ปฏิเสธเขาจะเป็ปลื้มหรือปลาบ ในเมื่อทุกคนในตอนนั้นโฟกัสและตอกย้ำเขาแค่เพราะเขาถูกปฏิเสธก็เท่านั้น
“...”
“อย่ามาทำตัวเป็พระเอกเลยปลื้ม เราไม่อินด้วยหรอกนะ” เรนแค่นยิ้มให้ปลื้มก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินออกไป
“เดี๋ยวเรน เราขอถามอะไรหน่อย”
“...”
“ทั้งหมดที่เรนทำกับเรา เรนทำไปเพื่ออะไร เพื่อแก้แค้นเพราะคิดว่าเราปฏิเสธเรนวันนั้นหรอ”
ช่วยตอบให้เขาหายข้องใจที เขาจะได้รู้ตัวสักทีว่าสองปีที่เราคบกันมามันมีแต่เขาที่รู้สึกรักอยู่ฝ่ายเดียวจริงหรือเปล่า
“ใช่” คนตัวเล็กเอ่ยตอบโดยที่ยังยืนหันหลังให้กับปลื้มอยู่ “เราอยากให้ปลื้มเจ็บ อยากให้ไม่เหลือใคร แบบที่เราเคยเป็”
“...”
“ถึงมันจะเป็ความรู้สึกคนละแบบกับที่เราต้องเจอ แต่เราก็อยากให้ปลื้มรู้สึกถึงมันบ้าง ความเ็ปน่ะ” สักครึ่งหนึ่งของความรู้สึกที่เขาต้องเจอบ้างก็ยังดี
“แต่ตอนนี้มึงก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ความผิดของไอ้ปลื้มอะ มึงรู้สึกผิดบ้างมั้ยวะที่ทำร้ายความรู้สึกของคนคนหนึ่งทั้งที่เขาไม่รู้เื่อะไรเลยด้วยซ้ำ”
“แล้วกูอะ!” เรนหันไปเผชิญหน้ากับจีนทันที “กูรู้อะไร กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนั้นคือปลาบไม่ใช่ปลื้ม”
“ถ้ามึงชอบไอ้ปลื้มจริงมึงก็น่าดูออกดิว่ากูไม่ใช่ปลื้มอะ” ปลาบเถียง
“ยังไงก็จะให้กูผิดกันให้ได้เลยใช่ป่ะ”
“...”
“ถ้ากูต้องรู้สึกผิด ต้องขอโทษปลื้ม” คนตัวเล็กชี้นิ้วไปยังร่างสูงที่ยืนที่กำลังยืนมองเขาอยู่ “แล้วใครต้องขอโทษกูอะ” เขาเองก็ควรได้รับคำขอโทษเหมือนกันไม่ใช่หรอ แต่ใครล่ะที่จะพูดมันกับเขา
“...”
“ที่ทำให้กูต้องโดนคนทั้งโรงเรียนล้อ กูต้องได้รับคำขอโทษจากใคร”
“...”
“เงียบกันทำไมอะ” ทำไมไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของเขาล่ะ “บอกกูมาดิว่าการที่กูชอบคนคนหนึ่งแล้วกูรวบรวมความกล้าเพื่อไปบอกเขา กูผิดอะไรอะ ทำไมทุกคนต้องซ้ำเติมความผิดพลาดของกู ต้องมองกูด้วยสายตาแปลกๆ ต้องทำให้กูอึดอัดจนไม่อยากไปเรียนไม่อยากออกไปเจอหน้าใคร ไม่อยากแม้กระทั่งจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป ทำไมอะ”
“...”
“ทำไมกูถึงต้องมาโดนอะไรแบบนั้นด้วยอะ”
“...”
“บอกกูดิว่ากูผิดอะไรอะ ถ้าอยากให้กูผิดก็บอกมาดิ!” เรนตะคอกออกมาเสียงดัง
คำพูดของเรนทำเอาคนฟังพูดไม่ออกสักคน แม้แต่จีนที่ชอบต่อปากต่อคำกับเขาอยู่ตลอดก็ยังเบี่ยงหน้าหนีไม่กล้าสบตากับเขาด้วยซ้ำ
“พวกมึงไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่ากูต้องรู้สึกแย่แค่ไหน แต่พวกมึงก็ยังมาพูดจาซ้ำเติมเพราะอยากให้กูรู้สึกผิด บอกดิว่าทำไมกูถึงผิด กูผิดอะไรทำไมกูถึงต้องมาเจอเื่พวกนี้อะ”
“เรน”
“ผิดที่กูไปชอบปลื้มหรอ”
“ขอโทษนะ ขอโทษที่การชอบปลื้มมันทำให้เรนต้องเจอเื่แย่ๆแบบนั้น”
“...” เรนเบนหน้าหนี เขาปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมาอย่างเงียบๆ
“มึงไม่ผิดหรอก” จีนพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหาเรน “มึงในตอนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลย” มือบางยื่นไปจับมือของเรนเอาไว้
เื่นี้ไม่มีใครเลยที่ผิด สิ่งที่ผิด คือความเข้าใจของทุกคนที่ผิดไปและผิดเพราะสังคมของเด็กมัธยมในสมัยนั้นเวลามีใครที่ล้มส่วนใหญ่แล้วก็จะเหยียบซ้ำด้วยการล้อ การจับกลุ่มนินทา โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำเ่าั้ทำให้คนคนหนึ่งต้องจมอยู่กับความเ็ป
“...”
“มึงคงจะแหลกสลายมากเลยสินะ” ถึงเขาจะปากร้ายชอบจิกกัดเรนอยู่บ่อยๆ แต่พอเห็นอีกคนระบายออกมาแบบนั้นแล้วจีนก็อดที่จะเห็นใจอีกคนขึ้นมาไม่ได้
“มันผ่านมาแล้ว” เรนบอกพร้อมกับดึงมือออกจากมือของจีน เขายกมันขึ้นมาปาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองทิ้ง “ตอนนี้กูผ่านมันมาได้แล้ว”
“...”
“ขอบใจสำหรับความจริงที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย” สุดท้ายเรนในวัยสิบเจ็ดปีก็ยังคงแหลกสลายอยู่ดี
“...”
“และถ้าปลื้มเกิดรู้สึกผิดกับเื่ในวันนั้นขึ้นมา เราก็ขอให้ปลื้มรู้สึกผิดอยู่แบบนั้น มันสมควรแล้ว”
แต่จากนี้เขาก็คงจะปล่อยวางจากความแค้นที่มีลง เพราะปลื้มกับแทนแตกหักกันแล้ว ในที่สุดเขาทำให้ปลื้มเ็ปได้สำเร็จ
“ลาก่อนปลื้ม ลาก่อนตลอดกาล” เรนเอ่ยทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไปจริงๆ
“มึงโกรธเรนหรือเปล่า กับสิ่งที่เขาทำกับมึง” พีคเอ่ยถามปลื้มที่ยังคงเอาแต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆนั้นไป
“ไม่เลย กูเห็นใจเขาด้วยซ้ำที่ต้องมาเจอเื่แย่ๆแบบนั้น”
“มันคงจะหนักมากสำหรับมัน” จีนเสริมขึ้น
“คิดไปคิดมากูก็ผิดเองนั่นแหละ”
“มึงไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิดแบบที่เรนบอกก็ได้นะปลื้ม ยังไงมึงก็ไม่ได้รู้เื่นี้ด้วยสักหน่อย” เก่งไม่อยากให้ปลื้มโทษตัวเองเลย
“อือ กูผิดเองแหละน่าจะบอกเขาไปว่ากูไม่ใช่มึง” พอได้มาฟังสิ่งที่เรนพูด ความรู้สึกผิดมันก็เริ่มตกตะกอนขึ้นมาในใจของปลาบ
“มันก็ผิดที่เราทั้งคู่นั่นแหละ”
“กูผิดมากกว่ามึงนิดนึงละกัน” ปลื้มได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดของแฝดพี่
“ที่จริงเรนก็พูดถูกนะความจริงในวันนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไม่ว่าวันนั้นจะเป็กูหรือเป็ไอ้ปลาบผลลัพธ์มันก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไร” ถ้าวันนั้นเป็ปลื้มที่เรนมาสารภาพรักเขาก็คงจะปฏิเสธออกไปเหมือนกัน
“ไม่แน่มั้ยอะ ถ้าเป็มึง มึงอาจจะตอบตกลงก็ได้”
“ไม่หรอก”
“มึงชอบเรนไม่ใช่หรอ มึงเป็คนตามจีบเรนก่อนนี่”
“แต่เรนไม่ใช่คนที่กูเห็นแล้วก็ชอบเลย”
“กูไม่เข้าใจว่ะ” เก่งทำหน้างง
“ปลื้มมันไม่ได้ชอบเรนั้แ่ครั้งแรกที่เจอกัน ที่รู้สึกหวั่นไหวกับเรนขึ้นมาก็เพราะเรนเอาตัวเองมาวนเวียนอยู่รอบตัวมันก่อน”
“นี่กูเข้าใจผิดหรอว่ามึงตามจีบเรนอะแต่กูก็ยังช่วยมึงจีบเขาอยู่เลยนะ”
“เรนเป็ฝ่ายเข้าหากูก่อน แต่คนจีบเป็กู มันงงตรงไหนวะ”
“มึงลองคิดตามนะ ถ้ามีคนคนหนึ่งมาวนเวียนอยู่รอบตัวมึง คอยแสดงท่าทีเหมือนสนใจมึง มึงจะหวั่นไหวมั้ย” จีนช่วยปลื้มอธิบายเมื่อเห็นว่าเก่งและพีคยังทำหน้างงอยู่
“ก็คงหวั่นไหวแหละ”
“พอมึงหวั่นไหวแล้วมึงจะทำยังไง”
“ก็คงจะจีบ”
“ใช่ ที่ปลื้มมันจีบเรนก็เพราะแบบนั้นแหละ เป็เพราะความหวั่นไหว”
“เพราะงั้นถ้าวันนั้นเป็กูแล้วเรนมาสารภาพรัก กูก็จะปฏิเสธเหมือนกัน”
“แล้วเรนมันก็ต้องโดนทุกคนล้ออยู่ดี” น้ำเสียงของจีนแ่เบาลง
“กูไม่โกรธเลยที่เขาทำแบบนั้นกับกู”
“...”
“กูคิดว่ามันดีแล้วที่ความรู้สึกเ็ปของกูมันช่วยปลอบประโลมความรู้สึกของเรนในตอนนั้นได้บ้าง”
ต่อให้พูดคำว่าขอโทษออกไปกี่ครั้งมันก็คงไม่ทำให้อีกคนรู้สึกดีขึ้นมาได้ งั้นก็ใช้ความเ็ปของเขาชดใช้มันคืนให้เรนแทนก็ละกัน
“เื่เรนถือว่าเคลียร์แล้ว มึงอย่าลืมไปง้อแทนมันด้วยล่ะ”
“อือ กูต้องง้ออยู่แล้ว”