สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายค่อนข้างย่ำแย่ ทุกคราที่ร่างงูั์ฟาดกระทบพื้นก็เกิดแรงกระแทกไม่ต่ำกว่าแสนจิน หากหนิงเทียนไม่ได้ฝึกกายาสุวรรณะนิรันดร์จนถึงระดับสองขั้นกลาง เขาก็คงตายไปนานแล้ว
งูเหลือมตัวนี้เป็ั์ใหญ่แห่งขุนเขา ิัของมันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้แต่หอกนาคามรกตก็ไม่สามารถแทงทะลุได้ มันดำรงอยู่มาเนิ่นนานทว่ากลับตกหลุมพรางของผู้มาเยือนหน้าใหม่อย่างหนิงเทียน
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วป่า ดอกไม้และต้นไม้โดยรอบล้วนซ่อนตัวในที่ห่างไกล เพราะกลัวจะโดนลูกหลงจากการต่อสู้จนาเ็ไปด้วย
งูั์อาละวาดกวาดล้างทุกสิ่งอย่างบ้าคลั่งเกือบชั่วยามก่อนจะหยุดลงอย่างช้าๆ ส่วนหนิงเทียนก็าเ็สาหัส หากเขาไม่พยายามแข็งใจไว้คงหมดสติไปนานแล้ว
บงกชสีมรกตค้นพบผลึกสีทองชิ้นหนึ่งในร่างของงูั์ ซึ่งมันเต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกสั่นะเื จากนั้นจึงเริ่มดูดซับและปรับแต่งพลังแกนผลึกทันที
หนิงเทียนนอนจมกองเืงูเพื่อสมานแผล เนื่องจากเขาพบว่ามันมีแก่นแท้แห่งชีวิตที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยเสริมสร้างและพัฒนากายาสุวรรณะนิรันดร์
ยุทธศาสตร์ครอง์นั้นทรงพลังอย่างยิ่ง มันสามารถดูดซับแก่นแท้ของเืงู ทั้งยังยึดครองและปล้นสะดมทุกสิ่งเพื่อทำให้หนิงเทียนแข็งแกร่งขึ้น
สามชั่วยามต่อมาหนิงเทียนก็เปิดปากงูแล้วลุกออกไป เขาเห็นงูั์ยาวร้อยจั้งนอนอยู่ในป่า เกล็ดที่แข็งแกร่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดมหึมา
ทันใดนั้นร่างของงูั์ก็หดเล็กลง ซึ่งเกิดจากการที่หนิงเทียนดูดซับแก่นแท้ของมันจนหมดสิ้น
เมื่อเพ่งมองงูใหญ่ตัวนี้หนิงเทียนก็อารมณ์ดีอย่างมาก เขาปลื้มปริ่มกับความสำเร็จของตนอย่างไม่อาจพรรณนาเป็คำพูดได้
มันก็เป็แค่แมลงตัวใหญ่ไม่ใช่หรือ? ข้าจะพ่ายแพ้มันได้อย่างไร?
หนิงเทียนเปิดกำไลหยกหยวนแล้วเก็บร่างงูเข้าไปอย่างมีความสุข ก่อนจะเคลื่อนไปทีละสองก้าวอย่างสบายๆ ต้นไม้และดอกไม้ในบริเวณใกล้เคียงต่างก็หลีกทางให้เขา
“ไร้ประโยชน์ คิดจะรังแกข้าหรือ? ไสหัวไป!”
ร่างโชกเืเดินโซซัดโซเซ หนิงเทียนจึงปล่อยพลังหมัดสังหารซึ่งประกอบด้วยพลังโลหิตอันไร้ขอบเขตที่เปล่งแสงสีทองจางๆ
ทันใดนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ลำต้นหนาทึบที่ทรงพลังราวกับยกภูผาได้กำลังเปิดฉากโจมตีหนิงเทียน
เขาคำรามอย่างดุเดือด ผมดำยาวปลิวไสว เส้นสายสีทองในพลังหมัดเต็มไปด้วยปริศนาแห่งความเป็ะ เขาปล่อยกำปั้นผ่านเปลือกหนาของต้นไม้ซึ่งได้สร้างความเสียหายอันหนักหน่วงให้กับมัน
เมื่อพลังในร่างปะทุขึ้น กายาสุวรรณะนิรันดร์ระดับสองก็เข้าสู่ขั้นสูง และทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า
ไม่ว่าจะเป็การต่อสู้แบบใด หมัดที่แข็งแกร่งของหนิงเทียนก็ล้วนมีอำนาจเหนือกว่า เนื่องจากแต่ละหมัดมีพลังนับหมื่นจิน เขาทุบตีจนเหล่าพฤกษาอสูรต้องคร่ำครวญกับความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ในตอนแรกมีพฤกษาอสูรเข้ามาโจมตีอย่างไม่ขาดสาย ทว่าครึ่งชั่วยามต่อมาพวกมันกลับซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัวทันทีที่เห็นเขา เมื่อหนิงเทียนเห็นดังนั้น เขาก็หัวเราะเยาะก่อนจะเดินอย่างเริงร่าไปยังไหล่เขาด้วยฝีเท้าอันรวดเร็ว
ูเาสูงใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน เห็ดจำนวนมากวิ่งวนในป่าพร้อมปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดึงดูดความสนใจของหนิงเทียน
เห็ดเ่าั้มีขนาดใหญ่และเล็กปะปนกัน พวกที่ขนาดใหญ่นั้นใหญ่เทียบเท่าแท่นโม่หิน แต่พวกที่ขนาดเล็กก็ยังใหญ่เท่าหนึ่งฝ่ามืออยู่ดี และเนื่องจากพวกมันมีขาจึงสามารถะโขึ้นไปบนกิ่งไม้ ทั้งยังหมุนตัวกลางอากาศเป็ครั้งคราวราวกับกำลังเปิดการแสดง
หนิงเทียนเลียนแบบการเคลื่อนไหวของพวกมันเพื่อเรียนรู้วิธีการะโและหมุน ทั่วทั้งร่างของเขามีกลิ่นอายไร้เดียงสาคล้ายเด็กน้อย
เห็ดดอกหนึ่งะโขึ้นไปบนไหล่ของหนิงเทียนอย่างไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเขาสังเกตว่ามือและเท้าของเห็ดราเหล่านี้ล้วนเป็ภาพลวงตาจากพลังิญญา หากไม่สังเกตดีๆ อาจพลาดท่าได้โดยง่าย
ในป่ามีต้นไม้แห้งเหี่ยวมากมาย ทั้งยังมีเห็ดที่ขึ้นเป็หย่อมๆ และร้องเล่นเต้นระบำบนต้นไม้เ่าั้อย่างมีความสุข
ราวกับหนิงเทียนเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยาย เขาลืมทุกสิ่งไปชั่วขณะแล้วะโร้องเพลงร่วมกับเห็ดเหล่านี้ รวมถึงวิ่งไปข้างหน้าพร้อมพวกมัน
เพียงครู่เดียวเขาก็มาถึงป่าแห้งแล้งที่ไร้ซึ่งต้นไม้ใบหญ้า มันปราศจากร่องรอยของสิ่งมีชีวิต และมีเพียงเห็ดกลุ่มนี้ที่กล้าเข้ามาที่นี่
ป่าแห้งแล้งมีพื้นที่กว้างใหญ่หลายสิบลี้[1] ที่แห่งนี้ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ทั้งยังให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด
เห็ดหลายชนิดช่วยกันสร้างสะพานขึ้นกลางอากาศ และเชิญชวนให้หนิงเทียนข้ามสะพาน
หนิงเทียนไม่ได้คิดมากและเดินตามเห็ดเ่าั้ ทว่าเขากลับข้ามมาอีกที่หนึ่งโดยไม่คาดคิด
ความรู้สึกของการเดินทางข้ามมิติเวลาทำให้หนิงเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถูกภาพตรงหน้าดึงดูดความสนใจ
กลุ่มหมอกสีขาวปกคลุมทั่วบริเวณราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด ด้านหน้ามีต้นไม้แห้งเหี่ยวเก้าต้นซึ่งมีลักษณะต่างกัน แต่ละต้นมีกิ่งเก้ากิ่งทั้งยังมีเห็ดหลายชนิดยืนอยู่้า พวกมันจ้องมองหนิงเทียนแล้วร่ายรำมือและเท้าเป็จังหวะด้วยท่วงท่าต่างๆ
หนิงเทียนรู้สึกสับสน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เห็ดราไร้เสียงเ่าั้มีอิริยาบถแตกต่างกัน ทว่าภาพรวมกลับมีลักษณะเหมือนต้นไม้เก้าต้นที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างลึกลับ
หนิงเทียนตรวจสอบสถานการณ์อย่างใจเย็น แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกสั่นไหว บงกชสีมรกตเกิดการเปลี่ยนแปลง มันกำลังเลียนแบบการเคลื่อนไหวของพวกเห็ดพร้อมวิเคราะห์ท่วงท่า
ดอกไม้แสนสวยบานสะพรั่งบนต้นไม้แต่ละต้น ดอกไม้ทั้งเก้าดอกมีความแตกต่างกัน ทั้งยังเกิดการเปลี่ยนแปลงเก้าสิบเก้าและแปดสิบเอ็ดกระบวนท่า ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยาม
หลังจากนั้นเห็ดทั้งหลายก็รวมตัวแล้วผสานกันเป็ร่างมนุษย์ที่กำลังเต้นรำอย่างสง่างาม พร้อมทั้งล่องลอยไปมาเพื่อนำทางหนิงเทียน
ขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า ฉากน่าอัศจรรย์อย่างบุปผาสะพรั่งบานบนต้นไม้ทั้งเก้าก็ปรากฏขึ้นในใจ ซึ่งแผนที่จิติญญาก็ไขปริศนาอย่างรวดเร็วก่อนจะสรุปออกมาเป็จังหวะฝีเท้าชุดหนึ่ง
เมื่อเทียบกับการผสานร่างของมนุษย์เห็ดก่อนหน้านี้ นับว่าหนิงเทียนสามารถฝึกจังหวะฝีเท้าจนชำนาญได้ในเวลาอันสั้น และจังหวะฝีเท้านี้ก็ค่อนข้างประจักษ์ถึงความเรียบง่าย
กลุ่มเห็ดเข้าล้อมหนิงเทียนและคอยสังเกตปฏิกิริยาของเขา พวกมันดูมีความสุขเมื่อเห็นว่าเขาเชี่ยวชาญจังหวะฝีเท้าแล้ว จากนั้นพวกมันก็สร้างสะพานอีกแห่งขึ้นมาเพื่อให้หนิงเทียนข้ามผ่าน
ชายหนุ่มสับสนเล็กน้อย ทว่าหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็ตัดสินใจไปต่อ
การข้ามสะพานครานี้ทำให้มิติเวลาหมุนวนต่อหน้าต่อตาหนิงเทียนอีกครั้ง ก่อนทีู่เาจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนเกาะลอยฟ้า
ทั่วบริเวณโอบล้อมด้วยกลิ่นหอมของบุปผาและหญ้าเขียวขจี สายลมเย็นพัดแ่เบา เบื้องหน้ามีเงาไม้หนาทึบและบันไดหินชิงสือ[2]
หนิงเทียนค่อนข้างประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่ายามนี้ตนอยู่ที่ใด ทว่าพงไพรตรงหน้าล้วนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเขา
บรรดาต้นไม้เ่าั้สั่นไหวราวกับขบวนที่กำลังเคลื่อนที่ ทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงกว่าพันรูปแบบ เช่นนี้เขาจะฝ่าเข้าไปได้อย่างไร?
หนิงเทียนนั่งสมาธิหาทางออก ส่วนบงกชสีมรกตข้างกายกลับลอยออกไปแล้วแสดงจังหวะฝีเท้าแปลกๆ ซึ่งสามารถผ่านแนวป่าไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้!” หนิงเทียนนึกขึ้นได้และใช้จังหวะฝีเท้าชุดนั้นฝ่าด่านต้นไม้ทันที
น้ำแรู่เาตั้งอยู่ใต้หน้าผาหิน พร้อมด้วยต้นไม้แห้งเหี่ยวซึ่งอยู่ไม่ไกล นี่คือภาพตรงหน้าของเขาในยามนี้
หนิงเทียนขมวดคิ้วแน่น น้ำแรู่เา หน้าผาหิน และต้นไม้แห้งเหี่ยว นี่หมายความว่าอย่างไร?
บงกชสีมรกตแกว่งไกวแล้วส่งสัญญาณตอบกลับ ซึ่งเรียกความสนใจของหนิงเทียน
บนต้นไม้แห้งเหี่ยวข้างน้ำแรู่เามีเห็ดเจริญเติบโต พวกมันมีใบหน้าคล้ายมนุษย์และมีขนาดเพียงชุ่นครึ่งเท่านั้น
ลักษณะใบหน้าบนดอกเห็ดเด่นชัด ดวงตาของมันราวกับจ้องมอง์ชั้นฟ้าด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจที่คลอเบ้า
ความรู้สึกนั้นช่างแปลกประหลาด หนิงเทียนคิดว่าตนเองบ้าไปแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่คือเห็ดราบนต้นไม้ แล้วมันจะมีใบหน้าได้อย่างไร?
ทว่าแวบแรกที่เห็นเขาก็รู้สึกได้จริงๆ ว่านั่นคือใบหน้า และสีหน้าของมันก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับกำลังเสียใจอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดและตั้งคำถามกับ์ด้วยความแค้นเคือง
หนิงเทียนไม่แน่ใจว่านี่เป็ภาพลวงตาหรือไม่ ดังนั้น เขาจึงเอื้อมมือออกไปััโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นแสงสว่างก็ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้ว ขณะที่ัักับร่างของมัน โลกแห่งมิติเวลาก็เหมือนจะเปลี่ยนไป
...
เบื้องล่างหน้าผาหินเป็น้ำแรู่เาที่ใสดุจกระจกแก้ว เมื่อดวงดาราปรากฏประจำตำแหน่ง ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ก็แบ่งแยกท้องฟ้าทันที
ห้วงนภาอันกว้างใหญ่ไพศาล มีต้นไม้ต้นหนึ่งคอยค้ำจุนดวงตะวัน จันทรา และดารา เมื่อกิ่งก้านและใบโบกสะบัด หมู่ดาราก็เกิดการปะทุขึ้น
ั์ใหญ่ค้ำ์ ตะวันจันทราห้อยย้อยราวเส้นผม ระลอกคลื่นจากกำปั้นส่องแสงทองเรืองรอง ก่อนจะเข้าสู้กับต้นไม้อย่างดุเดือด
แม่น้ำโลหิตสายยาวบนหน้าผากของั์ใหญ่ไหลผ่าน์ทั้งเก้า พร้อมทำลายดวงดารานับพันล้านดวง ซึ่งพลังอันไร้ขอบเขตนี้ทำให้ดาราจักรพังทลาย และทุ่งดาราเกิดความชุลมุนวุ่นวาย
ร่างของต้นไม้อาบพลังแสงอันยุ่งเหยิง กิ่งก้านของมันเปรียบเสมือนแขนและขา พร้อมบันดาลวิถีอันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทวยเทพ จุดประกายไฟให้เทพเซียนแห่งความโกลาหลต่อสู้กับั์ จนฟากฟ้าขมุกขมัวและผืนดินมืดมิด ซึ่งยากที่จะแยกแยะว่าผู้ใดมีพละกำลังเหนือกว่า
ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนไป สตรีผู้มีมนต์เสน่ห์ปรากฏตัวขึ้น นางงดงามอย่างไม่มีใครเทียบได้ และรอบกายห้อมล้อมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ นางเข้าสู้กับั์ที่สวมวงแหวนดาราและชุดคลุมจักรพรรดิ ทว่ากลับพ่ายแพ้และอาเจียนออกมาเป็เืขณะหลบหนี
ลึกลงไปในทะเลแห่งดวงดาว ต้นไม้ส่งเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหว กิ่งก้านเดินทางผ่านห้วงเวลาและอากาศหลายพันล้านครั้ง พร้อมปล่อยพลังใส่ั์สวมชุดคลุมจักรพรรดิเพื่อช่วยเหลือหญิงนางนั้น
ั์ผู้แข็งแกร่งที่สวมวงแหวนดาราบนหัวกล่าวเยาะเย้ย “เ้าบ่มเพาะพวกกาฝาก! มันไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง สมควรตาย!”
“ทุกสิ่งต่างก็มีจิติญญาและวิถีทางของตนเอง เ้าเพียงแต่ถือว่าตนเป็เลิศ ขณะที่ข้าเป็อิสระและไร้กังวล เ้าเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”
“ข้าเป็ผู้ยิ่งใหญ่ ได้รับความเคารพจากิญญาทุกดวง หากผู้ใดไม่เชื่อฟัง มันผู้นั้นก็สมควรตาย!”
ด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียว หมู่ดาราบนท้องนภาก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ดวงดาวนับหมื่นดวงก่อตัวเป็ดาราจักรที่ทอดยาวข้ามจักรวาล
เื้ัั์ผู้แข็งแกร่งปรากฏภาพของตำหนักจักรพรรดิ ยามนี้์ประจักษ์ชัด สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าทวยเทพและผู้บำเพ็ญทั้งหมด นี่คือผู้พิชิตเก้าแดนสิบทิศ
หญิงงามาเ็สาหัส ต้นไม้ผุดขึ้นจากทะเลดวงดาว ทันใดนั้นก็มีั์ครองนภาตามมา ซึ่งพลังของมันล้นหลามเสียจนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ทั้งยังมีสายน้ำแห่งกาลเวลาทอดยาวผ่านด้านหลัง โลกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นราวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีดวงิญญาร้องร่ำ
ด้วยการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสองของต้นไม้ มันสลายสายน้ำ์และทลายชั้นฟ้าทั้งสิบทิศเพื่อช่วยชีวิตหญิงนางนั้น แต่สุดท้ายศึกนองเืครั้งนี้ก็จบลงภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแห่งความตาย
เสียงกรีดร้องโหยหวนของหญิงสาวดังก้องไปทุกแห่งหน นางสาบานด้วยเืว่าวันหนึ่งนางจะกลับมาแก้แค้น และพวกเขาต้องชดใช้
ห้วงเวหามืดครึ้ม กาลเวลาผ่านไปหลายพันปีก่อนที่ทะเลแห่งดวงดาวจะเดือดดาลขึ้นอีกครั้งพร้อมร่างที่สวมชุดขาวราวหิมะ นางมุ่งสู่ท้องนภาที่เต็มไปด้วยหมู่ดาราตามคำที่เคยสาบานไว้
ยามนั้นท้องทะเลดาราไร้ซึ่งแสงสว่าง และดวงิญญาทุกดวงล้วนเศร้าโศก
นางนำความเคียดแค้นในอดีตเข้าต่อกรกับขุนเขาธารา พร้อมสู้กับเหล่ายักษาจนผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอน[3] นางไล่สังหารทุกชีวิตจนกว่าอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์จะล่มสลาย
ภูผาขจีปรากฏขึ้นเื้ั น้ำสีเขียวใสไหลเอื่อยและต้นไม้ทอดยาวค้ำฟ้าดินคอยป้องกันอันตรายให้นาง
ั์ผู้แข็งแกร่งปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้วสู้กับหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง จนตำหนักจักรพรรดิพังทลาย สรวง์สูญสิ้น
การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้ทั่วทั้งโลกตื่นตระหนก ั์สองตนร้องคำรามและร่วมมือกันปราบหญิงนางนี้ ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ฟาดฟันกันจนถึงจุดจบอันขมขื่น ดวงตะวันจันทราสูญเสียความสว่างไสว เืของจักรพรรดิเปื้อนฝุ่น และิญญาหยวนจุนก็กระจัดกระจายไป
ภายใต้นภาที่พร่างพรายด้วยแสงดาว ร่างของหญิงสาวกำลังถูกเผาไหม้ ความยึดติดในอดีตก่อเกิดเป็เห็ดอยู่บนต้นไม้ พร้อมเดินทางข้ามห้วงมิติเวลานับพันล้านครั้งเพื่อกลับบ้านเกิดของนาง
...
หญิงนางนี้ล้วนถือกำเนิดและจากไปบนต้นไม้ ราวกับเป็โชคชะตาแห่งการกลับชาติมาเกิด
นางไล่ตามศัตรูจนโด่งดังไปทั่วหล้า ทั้งยังยืนหยัดต่อสู้กับมันเพียงลำพัง
การต่อสู้ครั้งนั้นก่อเกิดตำนานที่เลื่องลือไปทั่วโลกา และสร้างข่าวโคมลอยที่แพร่กระจายมาอย่างเนิ่นนานไม่รู้จบ
“ความยึดติดทางจิติญญาที่คงอยู่มานับแสนปี”
“วังดาราต่อสู้กับไท่เสวียน”
“ทะเลอันรกร้างฝังร่างเทพเ้าแห่ง์”
“จักรพรรดิชดใช้อดีตด้วยโลหิต”
ใช่แล้ว! หญิงนางนั้นนามว่าไท่เสวียน ทั้งยังมีการนำมาตั้งเป็ชื่อเขาเพื่ออุทิศให้นางอีกด้วย
หนิงเทียนรู้สึกประทับใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมาก
ซิงซิวเป็ผู้สูงสุด ส่วนหยวนซิวเป็ผู้โดดเด่น มีเพียงจื๋อซิวเท่านั้นที่เป็อิสระจากใต้หล้า ทว่ากลับไม่ได้รวมเข้ากับเต๋า
ทุกสิ่งล้วนมีจิติญญา ฟ้าดินก็มีกฎระเบียบ แล้วเหตุใดจื๋อซิวถึงต้องถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว?
หนิงเทียนคิดมาเสมอว่าซิงซิวนั้นแข็งแกร่ง หยวนซิวก็ล้วนยิ่งใหญ่ ส่วนจื๋อซิวช่างอ่อนแอ สมควรแล้วที่จะโดนดูถูกดูแคลน แต่ยามนี้เขาทราบแล้วว่าภายใต้ท้องนภาที่ดวงดาราอยู่ยงคงกระพัน จื๋อซิวในอดีตสามารถทำให้สรวง์อลหม่านได้
แม้หยวนซิวจะแข็งแกร่ง แต่บรรพบุรุษของพวกเขาก็สิ้นชีพด้วยเงื้อมมือของไท่เสวียน และแม้ซิงซิวจะบ้าคลั่ง ทว่าจักรพรรดิของพวกเขาก็ยังถูกไท่เสวียนสังหาร
แล้วเหตุใดผู้บำเพ็ญจื๋อซิวถึงตกต่ำลงถึงเพียงนี้?
หนิงเทียนพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นในใจ
“ผู้กล้าในดวงใจจางหายราวภาพฝัน ในบรรดาผู้ที่ข้าปรารถนา ต้องได้พบแผนที่ดารา”
---------------------------------------
[1] ลี้ (里) เป็หน่วยบอกระยะทาง โดย 1 ลี้ ยาวประมาณครึ่งกิโลเมตร
[2] หินชิงสือ (青石) คือ หินบลูสโตน เป็หินตะกอนสีเทาหรือขาวนวลที่กระจายอยู่มากที่สุดในเปลือกโลก
[3] ผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอน (鬼哭狼嚎) หมายถึง เสียงร่ำร้องที่แหลมคมและดังก้อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้