บทที่ 33 ทะเลสาบในูเา
เมื่อมองไปที่ประตูโบราณไท่ซวีที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า ฉู่อวิ๋นก็สะดุ้งเล็กน้อยและจมลงในห้วงความคิด
"เหตุใดรูปแบบของประตูโบราณไท่ซวีจึงคล้ายกับประตูโถงกระบี่แปดบัญชรเลยเล่า? ิญญายุทธ์กระบี่บาป์ที่ข้าปลุกขึ้นมาคืออะไรกันแน่?”
ตำนานเล่าว่า หลังจากผ่านประตูโบราณไท่ซวีเข้าไป ก็จะเป็อาณาจักรลึกลับที่บรรจุิญญายุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนไว้
มนุษย์ทุกคนที่ฝึกฝนพลังยุทธ์ ตราบใดที่เขากราบไหว้เทพเซียนก็อาจสามารถเรียกเปิดประตูโบราณไท่ซวีเพื่อรับเอาิญญายุทธ์และดึงดูดมันเข้าสู่ทวารรับแสงศักดิ์สิทธิ์ระหว่างคิ้วของตัวเองได้
หากนักรบปลุกิญญายุทธ์ระดับหนึ่งขึ้นจะมีแสงสีขาวเปล่งออกมาจากประตูโบราณไท่ซวีหนึ่งสาย ิญญายุทธ์ระดับสองจะเปล่งแสงสีขาวออกมาสองสาย ิญญายุทธ์ระดับสามจะเปล่งแสงสีขาวออกมาสามสาย โดยจำนวนลำแสงจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ
เมื่อปลุกิญญายุทธ์ระดับสี่ถึงระดับหกได้จะเปล่งแสงสีเงิน ในขณะที่ิญญายุทธ์ระดับเจ็ดและสูงกว่านั้นจะเปล่งแสงสีทอง
นักรบิญญายุทธ์ระดับเจ็ดเป็อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ นิมิตที่เขาเห็นเมื่อปลุกิญญายุทธ์นั้นจะเรียกอีกอย่างว่าแสงสีทองเจ็ดจั้ง[1]
ตอนที่ฉู่อวิ๋นปลุกกระบี่บาป์ มีเพียงแสงสีดำปรากฏขึ้นเท่านั้น ซึ่งทั้งลึกล้ำและเ็า
“ิญญายุทธ์ของข้าไม่ใช่ิญญายุทธ์เศษเดนเป็แน่ ดูเหมือนว่าต้องเปิดประตูในโถงกระบี่เสียก่อนจึงจะรู้ความจริงได้” ฉู่อวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปมองดูคนทั้งเจ็ดที่อยู่บนพื้นด้วยลมหายใจแ่เบา
ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด ดวงตาหมองคล้ำ และบางคนก็สะอื้นอย่างน่าสงสาร
โดยเฉพาะหลินหล่างซึ่งใบหน้าซีดเซียวในเวลานี้ พร์ของเขาค่อนข้างโดดเด่นทั้งยังเป็นายน้อยของตระกูลหลิน แต่ตอนนี้เขาสูญเสียิญญายุทธ์ไปแล้ว ไม่อาจฝึกฝนได้อีกต่อไป ชีวิตของเขาในอนาคตจะต้องจบลงด้วยความอับอายอย่างแน่นอน
ในทางกลับกัน ฉู่เจี้ยนเหรินคล้ายเสียสติไปแล้ว มือทั้งสองข้างกุมหัวแล้วะโ "ิญญายุทธ์ของข้าอยู่ไหน? ฮิฮิ! ิญญายุทธ์ของข้าอยู่ไหน! อย่ามาเล่นซ่อนหากับข้านะ นี่? พลังปราณข้าก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ฮ่าๆ!”
ดูเหมือนว่าเขาจะถูกโจมตีแรงเกินไปจนเป็บ้าไปแล้ว
“ตอนนี้พวกเ้าก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็”
การตายธรรมดาๆ นั้นง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา ฉู่อวิ๋นอยากให้พวกเขาได้ลองลิ้มรสการเป็คนไร้ประโยชน์ดูบ้าง
จากนั้น ฉู่อวิ๋นดึงกระบี่เศวตรรุ้งออกแล้วหันหลังกลับไป เดินไปตามเส้นทางสู่ส่วนลึกของูเา
ตอนนี้ ฉู่อวิ๋นรวบรวมหินได้ทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยแต้มแล้ว
“แม้ว่าตอนนี้ข้าจะมีแต้มค่อนข้างสูง แต่แต้มของสัตว์ปีศาจระดับหกก็น่าจะสูงถึงร้อยแต้ม”
“กลุ่มของหลินหล่างต้องไม่สามารถหยุดนักรบระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณไม่ให้เข้ามาที่นี่ก่อนหน้านี้ได้เป็แน่ พวกเขาอาจพบสัตว์ปีศาจไปแล้วมากมาย และแต้มของพวกเขาคงเกือบจะเท่ากับของข้า”
ฉู่อวิ๋นเดินผ่านูเาและป่าไม้ ใช้แผนที่เพื่อค้นหาสัตว์ปีศาจ ในขณะเดียวกันก็แอบวิเคราะห์สถานการณ์ในใจ
ในความเป็จริง ด้วยแต้มของเขาในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ล่าสัตว์ปีศาจอีกก็ยังสามารถผ่านเข้าสู่รอบสองได้
แต่ว่ากันว่าหากได้รับอันดับที่ดีในรอบแรกของการประลองเซี่ยหยาง ก็จะได้รับรางวัลมากมาย ฉู่อวิ๋นสนใจเื่นี้มาก
ความแข็งแกร่งของพลังยุทธ์เป็พื้นฐานของการอยู่รอดในโลกใบนี้ หาก้าตำแหน่งสูงสุด ย่อมต้องทำให้ดีที่สุดเช่นกัน!
ในเวลานี้ ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน กาลเวลาพลบค่ำ
ในป่าเขา เงาของต้นไม้กระจัดกระจาย รังสีของแสงแดดส่องผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้สีเขียวและกระทบลงบนพื้น ก่อให้เกิดจุดสว่างเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นและเงียบสงบ
เมื่อฉู่อวิ๋นเดินออกจากป่าบนูเา เขาเห็นเมฆหลากสีสันและคลื่นสีระยิบระยับยาวหลายพันจั้งอยู่ตรงหน้า เขามาถึงทะเลสาบแล้ว
“น่าจะเป็ที่นี่ วัวเขาขาวที่มีศิลาหยกร้อยแต้มอาศัยอยู่!”
หลังจากนั้น ฉู่อวิ๋นก็วนเวียนอยู่ริมทะเลสาบ มองหาร่างของวัวเขาขาว
ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยลงต่ำลงทางทิศตะวันตก มีสายลมอุ่นๆ พัดมา การเดินเล่นริมทะเลสาบทำให้อารมณ์ที่ค่อนข้างกังวลของฉู่อวิ๋นค่อยๆ สงบลง
“มอ!”
ขณะที่ฉู่อวิ๋นก้มหน้าและชะลอความเร็วลง ก็ได้ยินเสียงวัวคำรามอึกทึกอยู่ที่ข้างหน้าไม่ไกล
ฉู่อวิ๋นดีใจมากและรีบวิ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า เขาก็เห็นวัวเขาขาวตัวใหญ่สูงสองเมตรก้มหัวลงเพื่อดื่มน้ำ
วัวเขาขาวเป็สัตว์ปีศาจระดับหก ความแข็งแกร่งและการป้องกันของมันเทียบได้กับนักรบระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ เขาทั้งคู่บนหัวของมันนั้นเรียกได้ว่าไม่อาจมีสิ่งใดทำลายได้
ฉู่อวิ๋นค่อยๆ เข้าไปใกล้วัว และสังเกตมันอย่างระมัดระวัง "หยกสีน้ำเงินนี้คงจะเป็ศิลาหยกร้อยแต้ม แต่ผู้ใดเล่าจะสามารถเข้าไปเอาศิลาหยกจากวัวเขาขาวได้?"
วัวเขาขาวมีชื่อเสียงมากที่สุดจากเขาหยกขาวคู่นั้น ถ้าใครกล้าแตะเขาของมัน ก็เตรียมโดนเขาทิ่มแทงร่างกายได้เลย
"ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้การฝึกฝนของข้าก็ไปถึงระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว ไม่น่าจะเป็ปัญหาในการจัดการสัตว์ปีศาจระดับหกเท่าใดนัก"
ฉู่อวิ๋นเข้าหาวัวเขาขาวอย่างระมัดระวัง และค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนที่สุด
คงจะดีที่สุดถ้าสามารถเอาแต้มศิลาหยกออกได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องต่อสู้กัน
ทว่าเมื่อฉู่อวิ๋นอยู่ห่างจากวัวเพียงห้าหมี่ วัวที่เชื่องช้าก็กลายเป็บ้าคลั่งขึ้นมา มันหันกลับมาจ้องฉู่อวิ๋น ควันสีขาวลอยขึ้นมาจากจมูก ดวงตาของมันแดงก่ำ
“นี่ ข้าไม่ได้ยั่วยุเ้าเสียหน่อย ทำไมถึงได้ดุร้ายขนาดนี้?” ฉู่อวิ๋นมีสีหน้างุนงง จากนั้นก็นึกถึงวันเวลาใน่นี้และได้สติขึ้นมา
“โธ่เอ้ย! วัวตัวนี้เป็สัด! มิน่ามันถึงก้าวร้าวขนาดนี้!”
"มอ!"
วัวเขาขาวคำราม กีบเหล็กทั้งสี่ของมันขูดกับพื้น ปล่อยประกายไฟเล็กๆ ออกมาราวกับว่ามันกำลังเตรียมจะพุ่งตัวออกไป
ฉู่อวิ๋นไม่กล้าประมาทเลย เขารีบดึงกระบี่เศวตรรุ้งออกมาและจ้องมองไปข้างหน้า
ตอนที่เขาอยู่ในป่าสนธยา เขาต้องพึ่งมู่หรงซินถึงจะฆ่าหมีลายโลหิตได้ แต่ตอนนี้เขาได้เลื่อนระดับแล้ว ฉู่อวิ๋นนึกอยากรู้ว่าเขาสามารถต่อสู้กับสัตว์ปีศาจระดับหกเพียงลำพังได้หรือไม่!
"มอ!!"
ดวงตาของวัวเขาขาวเป็สีแดง มันกำลังเดินด้วยกีบเหล็กสี่กีบที่ส่งเสียงดังเมื่อกระทบพื้น ก่อนจะพุ่งเข้าหาฉู่อวิ๋นด้วยแรงส่งที่น่ากลัวมาก
“กระแสดารา!”
"ควั่บ!"
ฉู่อวิ๋นฟันกระบี่ของเขาออกไปและพยายามใช้ท่ากระบี่ระยะไกลเพื่อขัดขวางก้าวของวัวเขาขาว
ทว่าคลื่นกระบี่แสงดาวอันคมกริบเมื่อปะทะเข้ากับเขาของวัว มีเพียงทำให้เสียงฝีเท้าของมันหยุดลง แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ
“เขาของวัวตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆ ด้วย แต่ถ้ามีจุดแข็งก็ต้องมีจุดอ่อน!”
เขาะโขึ้นไปในอากาศเพื่อหลบหลีกวัวเขาขาวที่พุ่งเข้ามา ฉู่อวิ๋นพลิกตัวกลางอากาศและโจมตีอีกครั้ง
“ดาราจรัสแสง!”
"ควั่บ!"
แสงกระบี่สีม่วงสองสายพุ่งออกไปและฟันเข้าที่ด้านหลังของวัวเขาขาว ทิ้งรอยเืบาดลึกไว้สองรอยและทำให้มันร้องคำราม
“แม้ว่าเขาของวัวเขาขาวจะสามารถต้านทานพลังกระบี่ของข้าได้ แต่ส่วนอื่นๆ ของมันก็เปราะบางกว่าส่วนนั้นมาก”
ฉู่อวิ๋นร่อนลงบนพื้นอย่างสง่างาม ชี้กระบี่ไปข้างหน้า ก่อนจะเห็นว่าวัวเขาขาวมีสีหน้าดุร้ายยิ่งขึ้น จู่ๆ ก็กระทืบกีบเหล็กทั้งสี่ไปที่พื้น และเขาทั้งสองบนหัวก็มีแสงสีขาวสว่างเปล่งออกมา
"มอ!"
แสงสีขาวบนเขาของวัวเขาขาวเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะครอบคลุมทั้งตัวของวัว และมันยังคงพุ่งเข้าหาฉู่อวิ๋นต่อ
หนึ่งมนุษย์หนึ่งสัตว์ปีศาจต่อสู้กันอีกครั้ง
"ฉับ--"
กระบี่เศวตรรุ้งฟันออกไปในอากาศอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ที่ด้านหลังวัวที่เรืองแสงด้วยแสงสีขาวกลับไม่ได้รับาเ็
“วัวตัวนี้รู้ทักษะการป้องกันด้วย?” ฉู่อวิ๋นร่อนลงมาอีกครั้งและมองไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะคิดอะไรได้ทัน วัวก็รีบวิ่งเข้ามาอีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ต่อสู้กันอีกหลายครั้ง แต่ฉู่อวิ๋นไม่เคยทำร้ายมันได้อีกเลย
ทว่าหลังจากการต่อสู้หลายครั้ง ฉู่อวิ๋นก็ค่อยๆ ค้นพบจุดอ่อนของมัน แม้ว่าวัวเขาขาวจะมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ก็มีช่องว่างเล็กๆ ที่หางของมัน
นั่นคือจุดที่ฉู่อวิ๋นจะล้มมันได้
“ไม่คิดว่าสัตว์ปีศาจที่รู้เพียงวิธีป้องกันเท่านั้นจะมีพลังได้ขนาดนี้ ถ้าวิชากระบี่ดาวตกได้รับการปรับปรุงเป็ทักษะกระบี่ป้องกันบ้างจะเป็อย่างไรกัน?”
หลังจากการต่อสู้กับวัวเขาขาวหลายครั้ง ฉู่อวิ๋นก็เกิดความคิดบางอย่างในใจ เขารู้สึกเสมอว่าวิชากระบี่ดาวตกก้าวไปได้ไกลกว่านี้
ิญญายุทธ์ของฉู่เฟยทำให้นางสามารถสร้างควันไฟสีน้ำเงินตามติดตัวได้ ซึ่งทำให้นางปรากฏตัวและหายไปได้ภายในพริบตา ยากต่อการต่อกร
หากภายภาคหน้าอยากเอาชนะนาง สิ่งแรกที่ต้องทำคือรู้วิธีป้องกันตัวเอง
"มอ!"
เมื่อเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้น วัวเขาขาวก็อาละวาดอีกครั้ง แต่พลังของมันก็อ่อนลงมากแล้ว เห็นได้ชัดว่าพลังกำลังใกล้หมด
“เ้าวัวตัวน้อย เ้าทำให้ข้าเข้าใจเื่กระบี่ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตอนนี้เ้าก็พักผ่อนได้แล้ว”
ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ และเตรียมจะปะทะกับวัวเขาขาวโดยตั้งใจที่จะโจมตีมันถึงตาย
“ฟิ้ว——”
ทันใดนั้นก็มีลูกศรที่ยิงมาจากระยะไกลพุ่งเข้าไปยังจุดที่อ่อนแอที่สุดในการป้องกันของวัวเขาขาวก่อน มันกรีดร้อง และล้มลงกับพื้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็ขมวดคิ้วและเผยสีหน้าอมทุกข์ทันที โดยคิดว่ามีคนมาแย่งแต้มศิลาหยก
แต่หลังจากเห็นลูกศรนั้น เขาก็รู้แจ้งขึ้นและพูดกับตัวเองว่า "หืม? ลูกศรนี้คือ... ปัญจศร?"
เมื่อมองขึ้นไป ก็เห็นหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางนางหนึ่งกำลังเดินไปที่ทะเลสาบซึ่งอยู่ไม่ไกล ในมือถือธนูหยกอันเล็กๆ พร้อมรอยยิ้มซุกซนบนปาก
“ชิ เ้าคนลามก! คิดไม่ถึงว่าข้าจะมาเจอเ้าที่นี่ด้วย”
มู่หรงซินเดินไปหาวัวเขาขาว เอาแต้มหยกออกจากเขาออก ยกยิ้มสดใสแล้วโบกมือให้ฉู่อวิ๋น นางะโ "นี่! คิดไม่ถึงว่าอันธพาลตัวเหม็นเช่นเ้าจะโดนวัวตัวหนึ่งรังแกเข้าได้ ทำไมยังไม่รีบมาขอบคุณข้าอีก? ยังอยากได้แต้มศิลานี้อยู่หรือไม่เล่า?”
ฉู่อวิ๋นส่ายหน้าและยกยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อครู่เขาเพิ่งจะเข้าใจกระบวนท่าของกระบี่ คิดจริงๆ หรือว่าบุตรีเ้าเมืองนางนี้จะสามารถเอาชนะเขาได้?
แต่มู่หรงซินมีเจตนาดี เขาก็เข้าใจได้
“นี่! ทำไมเ้ายังยืนอยู่ตรงนั้นอีกล่ะ มานี่เร็ว!”
เมื่อได้ยิน ฉู่อวิ๋นก็ยกยิ้มและกำลังจะเดินไป แต่ทันทีที่ก้าวเท้า เขาก็พบว่าน้ำในทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลกำลังพลุ่งพล่าน ก่อตัวเป็คลื่นวังวนขนาดั์และมีรัศมีอันดุร้ายเล็ดลอดออกมาจากมัน!
เพราะพลังปราณฮุ่นหยวนในร่างกายของเขา ฉู่อวิ๋นจึงตรวจจับอันตรายได้เร็วกว่าคนอื่นๆ
"ระวัง!"
ดวงตาของฉู่อวิ๋นหรี่ลง เขารีบวิ่งไปจับมือมู่หรงซินแล้วถอยห่างจากทะเลสาบไปสองสามก้าว
เมื่อรู้สึกว่ามือเล็กๆ ของตนถูกคว้า ใบหน้าของมู่หรงซินก็แดงขึ้นเล็กน้อย ทั้งขัดเขินและรำคาญ เหตุใดฉู่อวิ๋นถึงได้ััร่างกายของนางทุกครั้งที่นางไม่ยินยอมกัน!
ไม่นาน มู่หรงซินก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ ในทะเลสาบ แสดงสีหน้าสงสัยและพูดว่า "ทะเลสาบเมื่อครู่นี้ดูสงบแต่ตอนนี้กลับมีวังวนคลื่น เป็ไปได้ไหมว่าอาจมีสัตว์ปีศาจอาศัยอยู่ใต้น้ำ?"
ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเคร่งขรึม เขาจ้องมองไปที่ทะเลสาบและพูดเสียงนิ่ง "เกรงว่ามันจะไม่ใช่สัตว์ปีศาจธรรมดา...ข้าััได้ถึงรังสีสังหารที่รุนแรงมาก!"
"ครืน!"
ทันทีที่เขาพูดจบ พื้นผิวทะเลสาบอันเงียบสงบแต่เดิมก็ถูกคลื่นซัดสาด ก่อนที่งูหลาม[2]ั์ยาวยี่สิบหมี่จะโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แสงระเรื่อของดวงอาทิตย์ตกดินส่องกระทบลงบนเกล็ดสีน้ำเงินครามเข้มของมัน สะท้อนถึงความน่ากลัวและสุดแสนจะดุร้ายออกมา
ในเวลาเดียวกันสีหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ต่างะโออกมาพร้อมกัน "สัตว์ปีศาจระดับแปด!?"
--------------------
[1] จั้ง คือ หน่วยความยาวที่เทียบได้กับ 3.3 เมตร
[2] งูหลาม มีลักษณะคล้ายกับงูเหลือม เป็หนึ่งในสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดของงู งูหลามเป็งูไม่มีพิษ มีสีเข้ม มีจุดสีน้ำตาลจำนวนมากที่ด้านหลัง อาศัยในป่า งูเหลือมมักจะโตได้ถึง 5 ม. (16 ฟุต) ในขณะที่ตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่กว่า 7 ม. (23 ฟุต) งูหลามนี้มีความหลากหลาย ตัวเมียจะยาวกว่าปกติเล็กน้อย แต่หนักกว่าและเทอะทะกว่าตัวผู้มาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้