อาคมเขาวงกตปิดผนึกสามชั้นห้าธาตุนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็สามชนิดตามขนาดของมัน เล็ก กลาง และใหญ่
ในอดีตชาติ เซียวหลิงอวิ๋นเคยเห็นคนวางอาคมเขาวงกตปิดผนึกสามชั้นห้าธาตุขนาดใหญ่มาแล้ว ซึ่งสามารถใช้ปิดผนึกทั้งอาณาจักร ซึ่งแม้แต่ประตูอาณาจักรก็ไม่สามารถเปิดออกได้
อาคมปิดผนึกของวังน้ำแข็งแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็แค่อาคมขนาดเล็กเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็มีจุดอาคมมากถึงแปดสิบเอ็ดจุด
โชคยังดีที่ขอแค่เพียงทำลายจุดอาคมจุดใดจุดหนึ่งก็จะเปิดช่องทางเข้าออกเล็กๆ ออกได้ แม้ว่าช่องทางชั่วคราวแบบนี้จะคงอยู่ได้แค่เพียงสามสิบหกชั่วยามก่อนที่จะปิดตัวลงอีกครั้ง
แค่ตามล่าสมบัติ เวลาสามวันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
สำหรับจุดอาคมปิดผนึกจะอยู่รอบวังน้ำแข็งกลางทะเลสาบจะถูกวางตามลักษณะห้าธาตุสามชั้น วิธีการทำลายคือต้องทำลายจุดอาคมที่จุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งต้องใช้พลังทั้งห้าธาตุเช่นกัน พลังทั้งห้าธาตุนี้ก็ไม่ได้ถูกจัดเรียงตามหลักพลังฟ้าดิน ดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง
แต่จะต้องจัดเรียงตามลำดับห้าธาตุของเต๋า นั่นคือ ไม้ ไฟ ดิน ทอง และน้ำในการทำลายอาคมนี้
จะต้องมีหนึ่งไม้ สองไฟ สามดิน สี่ทอง และห้าน้ำ หรือก็คือ ผู้ใช้วิชาธาตุไม้หนึ่งคน ผู้ใช้วิชาธาตุน้ำสองคน...ผู้ใช้วิชาธาตุน้ำห้าคน หากผู้ใช้วิชาธาตุน้ำมีไม่พอ ก็สามารถใช้ผู้ใช้วิชาธาตุน้ำแข็งมาแทนได้
เมื่อผู้ใช้พลังิญญาทั้งสิบห้าคนเข้าประจำตำแหน่งที่กำหนดแล้ว ก็ให้ปล่อยพลังธาตุออกมาทีละอย่าง เมื่อวิชาธาตุน้ำที่เป็ธาตุสุดท้ายถูกปล่อยออกไป บริเวณนั้นก็เกิดการสั่นะเื จากนั้นภาพที่ทำให้ทุกคนหัวใจเต้นแรงก็ปรากฏขึ้น เมื่อมีประตูแสงสีน้ำเงินปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นประตูแสงสีน้ำเงินเปิดออก สายตาของทุกคนก็สว่างไสว
จากนั้นสายตาทุกคู่ก็มุ่งตรงไปที่เซียวหลิงอวิ๋น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าศิษย์ของสำนักแม่มดเพลิงร้อนที่นำโดยหลงเฮ่อ และเหล่าศิษย์ของสำนักคุมสัตว์ิญญาที่นำโดยเกาเสี่ยว ก่อนหน้านี้หลายคนยังมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่บ้าง แต่ในเวลานี้คงเหลือแค่เพียงความประหลาดใจและตกตะลึงอย่างมากเท่านั้น
หลงเฮ่อ เลี่ยวเคอ เยี่ยหนาน และพรรคพวกต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก เมื่อมองไปที่ดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นแล้ว นอกจากความตกตะลึงแล้ว ก็ยังมีความเคารพและหวาดหวั่นอีกด้วย ชายคนนี้เป็สัตว์ประหลาดแบบไหนกันแน่
อายุแค่สิบห้าปี เป็ศิษย์อายุน้อยที่สุดในบรรดาศิษย์ของทั้งห้าสำนักที่เข้าร่วมการฝึกในโลกเร้นลับเมืองโบราณหลิงกุย อีกทั้งคนที่อายุน้อยเป็อันดับสองและสามก็ยังอยู่ในสำนักิญญาเมฆา นั่นคือเด็กสาวแซ่จ้าวกับเด็กสาวที่มีพลังกายอันน่าทึ่งที่จะอายุน่าจะแค่สิบหกปี
อายุยังน้อย แต่ล้วนเป็อัจฉริยะ
คนหนึ่งเข้าถึงเจตจำนงดาบ อีกคนหนึ่งมีพลังกายอันน่าทึ่ง คนที่อายุน้อยที่สุดก็มีความสามารถที่โดดเด่นในระดับที่สามารถเทียบเคียงกับสุดยอดอัจฉริยะของทั้งห้าสำนักที่เปิดขดพลังิญญาได้เก้าขดด้วยการเปิดขดพลังิญญาได้แค่สามขด
ที่น่าเหลือเชื่อและอัจฉริยะยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่ออาคมเช่นนี้มาก่อนเลย แต่เขาไม่เพียงแต่จะรู้จักเท่านั้น ยังสามารถทำลายได้อีกด้วย ซึ่งหมายความว่าเด็กหนุ่มแซ่เซียวผู้นี้มีความเชี่ยวชาญในด้านอาคมในระดับที่สูงมาก บางทีแม้แต่เหล่าผู้าุโที่เชี่ยวชาญด้านอาคมในสำนักก็อาจยังเชี่ยวชาญไม่เท่าเขา
ถ้าหากหลงเฮ่อและคนอื่นๆ รู้ว่าต่อให้เป็ปรมาจารย์ด้านอาคมที่เก่งที่สุดในอาณาจักซินโยว ไม่ว่าจะเป็ความรู้ ประสบการณ์ หรือระดับของอาคมก็ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็ศิษย์ของเซียวหลิงอวิ๋นแล้ว พวกเขาอาจจะใจนเป็ลมไปทีเดียว
ที่สำคัญด้านอาคมยังเป็ด้านที่เซียวหลิงอวิ๋นค่อนข้างอ่อนด้วย
“ประตูทางเข้าเปิดออกแล้ว ทุกคนจำเอาไว้ด้วยว่า ประตูทางเข้านี้จะคงอยู่ได้แค่เพียงสามสิบหกชั่วยามเท่านั้น อย่ารอจนถึงนาทีสุดท้ายค่อยออกมาล่ะ อ้อ จากที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ ผู้ที่ฝึกวิชาธาตุน้ำและธาตุน้ำแข็งที่เข้าไปในวังน้ำแข็งแห่งนี้จะได้ผลประโยชน์ที่มากกว่าคนอื่น! เอาล่ะ ทุกคน เข้าไปกันเถอะ” หลังจากเซียวหลิงอวิ๋นพูดจบ เขาก็หันไปมองคนอื่นๆ แต่ไม่มีใครขยับตัวอะไร
เขาจึงยิ้มอย่างอ่อนโยน และเรียกคนในกลุ่มห้าคนที่พวกเขาตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะเข้าไปก่อน”
ฟิ่ว!
ยานเหาะทองพิสุทธิ์สุดหรูปรากฏออกมา ตามด้วยหม่าิฮุ่ยที่ขยับตัวเป็คนแรกแล้วขึ้นไปบนยานเหาะ จากนั้นเซียวหลิงอวิ๋น จ้าวหนีอิ่ง อูเสี่ยวหมิน หลินอิ๋ง และเจียงอิ่งก็ขึ้นตามไป
ยานเหาะทองพิสุทธิ์บินขึ้นไปยังประตูแสงสีฟ้าอ่อนเหนือผิวน้ำ
เซียวหลิงอวิ๋นะโเข้าไปเป็คนแรก แล้วก็หายเข้าไปในประตูแสงสีน้ำเงินนั้น จากนั้นจ้าวหนีอิ่ง มาิฮุ่ย และคนอื่นๆ ก็ะโตามเข้าไปและหายไปทีละคน
เมื่อเห็นเซียวหลิงอวิ๋นและพรรคพวกเข้าไปกันหมดแล้ว ทางด้านหลงเฮ่อ เกาเสี่ยว และสืออวื๋นเทียนทั้งสามกลุ่มก็ขึ้นขับของวิเศษบินได้ของตนเอง โดยมีสมาชิกกลุ่มละสามคน พากันเข้าไปในประตูทีละกลุ่ม
พวกเซียวหลิงอวิ๋นทั้งหกคนยืนอยู่ในห้องโถงสีขาวนวลแห่งหนึ่ง ถึงจะเรียกว่าห้องโถง แต่จริงๆ แล้วมีพื้นที่แค่เพียงประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบตารางหมี่เท่านั้น ซึ่งนอกจากทางเดินด้านหน้าซ้ายและขวามือสามทางแล้ว ภายในโถงทั้งหมดล้วนว่างเปล่า
สิ่งที่น่าแปลกประหลาดคือ ไม่มีโคมไฟอยู่ตามผนังโดยรอบ ไม่มีแม้แต่ไข่มุกราตรี หรือวัตถุส่องสว่างอื่นๆ อย่างหินเรืองแสงเลย แต่ทั้งห้องโถงกลับสว่างไสว
เซียวหลิงอวิ๋นออกสำรวจรอบๆ โดยใช้แสงสว่างจากอาคม
“มีทางเดินสามทาง หลิงอวิ๋น พวกเราไปทางไหนกันดี?” อูเสี่ยวหมินถาม
เซียวหลิงอวิ๋นหลับตาลงเบาๆ หลังจากผ่านไปสิบกว่าชั่วอึดใจ จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วลืมตาขึ้นและกล่าว “พยายามสงบเยือกเย็นเข้าไว้ แล้วเดินเข้าไปในทางเดินตามที่หัวใจตัวเองบอก หากเจอสถานการณ์ที่มีทางเดินหลายทางเช่นนี้อีก ก็ให้ทำตามที่หัวใจตัวเองบอกก็พอแล้ว” พูดจบเซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่พูดอะไรต่ออีก และก้าวเท้าเดินไปตามทางเดินด้านหน้า
จ้าวหนีอิ่งเป็คนแรกที่หลับตาลง หลังจากสิบกว่าชั่วอึดใจผ่านไปก็เดินเข้าไปในทางเดินด้านหน้า
หม่าิฮุ่ยและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังก็ทำตามอย่าง หลังจากหลับตาลงและรับรู้อย่างเงียบๆ แล้ว หม่าิฮุ่ยก็เลือกทางเดินด้านหน้า อูเสี่ยวหมินกับหลินอิ๋งเลือกทางเดินด้านซ้าย ส่วนเจียงอิ่งเลือกทางเดินด้านขวา
ฟิ่ว!
แสงสว่างวาบ เป็สามคนจากสำนักคุมสัตว์ิญญาที่ผ่านเข้าประตูมา ทั้งสามคนที่เพิ่งมาถึงก็พบเจียงอิ่งหายเข้าไปในทางเดินด้านขวา ทั้งสามจึงรีบตามไปโดยไม่ได้คิดอะไร
ต่อมาก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา เป็หลงเฮ่อ เยี่ยหนาน และซูเหม่ยทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้นที่ห้องโถง
ทั้งสามสำรวจโถงและทางเดินสามทาง แล้วก็เลือกทางเดินคนละทางด้วยความเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดอะไร
สุดท้ายคือพวกสืออวื๋นเทียนและศิษย์ของสำนักิญญาเมฆาอีกสองคนปรากฏตัวในห้องโถง ทั้งสามคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้แยกกันเดิน เลือกทางเดินด้านหน้าทั้งหมด
ความยาวของทางเดินยาวประมาณหนึ่งร้อยหมี่ เช่นเดียวกับโถงเมื่อครู่ ไม่มีแหล่งกำเนิดแสงที่ชัดเจน แต่กลับสว่างไสวเจิดจ้า เยี่ยหนานที่เดินไปตามทางเดินพบห้องโถงห้องหนึ่ง สิ่งที่ทำให้นางต้องใคือ ห้องโถงนี้เหมือนกับโถงที่นางพบเมื่อสักครู่ ไม่ว่าจะเป็ขนาด สี หรือความว่างเปล่า มีทางเดินอยู่ด้านหน้า ซ้าย และขวาเช่นกัน
ในขณะที่เยี่ยหนานมองดูรอบๆ ก็เห็นหลังของจ้าวหนีอิ่งหายเข้าไปในทางเดินด้านหน้า และหม่าิฮุ่ยที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเดินไปที่ทางเดินด้านซ้าย
เยี่ยหนานกรอกตาไปรอบๆ แล้วจึงเลือกเดินไปที่ทางเดินด้านหน้า ถ้าหากนางมาถึงเร็วกว่านี้สักห้าถึงหกชั่วอึดใจ ก็อาจจะเห็นเซียวหลิงอวิ๋นเดินไปที่ทางเดินด้านหน้าด้วย
หลังจากเยี่ยหนานจากไป พวกสืออวื๋นเทียนทั้งสามก็เดินเข้ามา พบทางเดินสามทางที่เหมือนกันหมดจึงรู้สึกงุนงง จากนั้นก็ตรงไปยังทางเดินด้านหน้า
เซียวหลิงอวิ๋น จ้าวหนีอิ่ง เยี่ยหนาน รวมถึงพวกสืออวื๋นเทียนทั้งสามคน เลือกเดินผ่านทางเดินด้านหน้าแล้วห้าครั้ง ในครั้งที่หกเซียวหลิงอวิ๋นเลือกทางซ้าย ส่วนจ้าวหนีอิ่งเลือกเดินทางขวา
เยี่ยหนานที่ช้าไปครึ่งก้าวจึงไม่ได้เห็นทางที่เซียวหลิงอวิ๋นและจ้าวหนีอิ่งเลือก ดวงตาที่เฉียบแหลมของนางหมุนไปรอบหนึ่งแล้วเลือกทางเดินด้านหน้า หลังจากนั้นก็ตามด้วยพวกสืออวื๋นเทียนทั้งสามคนที่เลือกทางเดินข้างหน้าด้วยเช่นกัน
เยี่ยหนานกับพวกสืออวื๋นเทียนทั้งสามคนเลือกวิ่งไปทางทางเดินด้านหน้าอย่างไม่ลดละ หลังจากเก้ารอบผ่านไปก็กลับมาที่เดิม อย่างไรก็ตามเนื่องจากห้องโถงทั้งหมดที่เดินมาล้วนเหมือนกันทั้งหมด เยี่ยหนานและสืออวื๋นเทียนจึงไม่รู้ว่าหลังจากที่ผ่านไปเก้ารอบ พวกเขาได้กลับมายังจุดเริ่มต้น
ยังคงเดินไปตามทางเดินด้านหน้าอย่างไม่ลดละ
หลังจากเดินผ่านทางเดินด้านหน้าไปสิบสองรอบ เยี่ยหนานก็รู้สึกได้ว่าไม่ถูกต้อง ในตอนแรกวังน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านอยู่ในทะเลสาบนั้นไม่ใหญ่นัก แต่ตอนนี้นางได้เดินผ่านห้องโถงไปแล้วถึงสิบสองห้องโถง ซึ่งอย่างน้อยก็เป็ระยะทางเกือบสามลี้ได้ ไม่ได้การ จะเดินไปตามทางเดินด้านหน้าต่อไม่ได้แล้ว ไปซ้าย!
เซียวหลิงอวิ๋นเลือกทางเดินด้านซ้ายที่ห้องโถงที่หก เมื่อมาถึงห้องที่เจ็ด สถานการณ์ก็แตกต่างไป จากห้องโถงสีขาวนวลขนาดหนึ่งร้อยยี่สิบตารางหมี่ ทางด้านซ้ายและขวาแต่ละด้านมีทางเดินเพิ่มเป็สองทาง เมื่อรวมกับจำนวนทางเดินด้านหน้าก็รวมเป็ห้าทาง
คราวนี้เซียวหลิงอวิ๋นจึงหลับตาลงรับรู้เป็เวลายี่สิบชั่วอึดใจ แล้วจึงเลือกทางเดินที่สองนับจากซ้าย แล้วมาถึงห้องโถงที่แปด
ห้องโถงที่แปดนี้มีมีทางเดินถึงเจ็ดทาง
ห้าสิบชั่วอึดใจต่อมา เซียวหลิงอวิ๋นจึงเลือกทางเดินที่หกนับจากซ้ายแล้วเดินเข้าไปเป็ห้องโถงอีกแล้ว
โถงที่เก้านี้มีทางเดินถึงเก้าทาง
ในหนึ่งร้อยชั่วอึดใจต่อมา เซียวหลิงอวิ๋นจึงเลือกทางเดินที่เก้า
ที่ปลายทางเดินมีประตูสีทองตั้งตระหง่านอยู่
สิ่งที่น่าประหลาดคือ ประตูสีทองที่ส่องประกายนั้นกลับกลายเป็แสงดาวระยิบระยับ เมื่อมองไปที่ประตูนั้น ก็เหมือนกับได้เห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า
