มู่หรงอวี้ขยับชุดสีดำที่ใส่เบาๆ ด้วยท่าทีนิ่งสงบ แมงป่องสองตัวร่วงหล่นลงบนพื้น เพียงครู่เดียวก็ถูกแยกส่วน
ต่อมาเขาก็ปัดๆ สองสามที ในที่สุดก็จัดการแมงป่องหมื่นพิษออกไปได้จนหมด
จู่ๆ เขาก็ตั้งอกตั้งใจตรวจสอบนางอย่างถี่ถ้วน มู่หรงฉือลำตัวแข็งค้างไป ที่หลังมีเหงื่อเย็นหลั่งไหล ดวงตาเบิกกว้างฉายความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน “ท่านๆๆ...ข้างเอวของท่านมีอยู่อีกหนึ่งตัว...”
เขาจัดการแมงป่องตัวนั้นให้ร่วงลงไปอย่างไม่อนาทรร้อนใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่ไหล่ของนาง “ตรงนี้มีอยู่หนึ่งตัว เ้าอย่าขยับ”
นางใจนิญญาหลุดลอย แทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
มือใหญ่ของเขายกขึ้นมาเบาๆ แววตาเยือกเย็นเจือความเ้าเล่ห์ “เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว”
นางหมุนตัวมาพลางพูดเสียงสั่น “ยังมีอีกหรือไม่? ท่านดูให้ดีหน่อย”
มู่หรงอวี้พูดด้วยท่าทางเกินจริง “อืม เปิ่นหวางจะตรวจดูให้ละเอียด”
แมงป่องหมื่นพิษน่ากลัวเกินไปแล้ว! นางรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนแทบจะยืนไม่อยู่ “ยังมีอีกหรือไม่?”
“มีอยู่อีกตัวหนึ่ง...”
สิ้นเสียงของเขา ร่างกายของนางก็อ่อนยวบจนไหลลงไปอยู่กับพื้น
แขนทั้งสองข้างของเขาพลันรวบนางเข้ามาในอ้อมกอดภายพริบตา คลี่ยิ้มกดเสียงต่ำ “หลอกเ้าหรอก ไม่มีแล้ว”
นางตีเขาอย่างขุ่นเคือง พูดออกมาอย่างฉุนเฉียว “เหตุใดท่านต้องหลอกเปิ่นกงด้วย? คนเลว...”
เขาปล่อยให้นางตีไปส่วนตนเองก็กอดนางเอาไว้แน่น ในสถานที่อันไม่คุ้นเคย ได้กอดสตรีตัวหอมอุ่นเอาไว้ในอ้อมอก ช่างเป็เป็ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
นางดิ้นจนหลุดออกมา “เปิ่นกงดูให้ท่าน”
“บนตัวของเปิ่นหวางไม่มีแล้ว ไม่จำเป็ต้องตรวจอีก”
“ไม่ได้”
นางยืนกรานหนักแน่น หลังจากตรวจไปสองรอบถึงได้วางใจลง
มู่หรงอวี้หัวเราะพลางกระเซ้าเสียงทุ้ม “เปิ่นหวางถอดอาภรณ์ออกให้เ้าตรวจด้วยดีหรือไม่?”
มู่หรงฉือกลอกตาใส่เขา “เื่แบบนี้เอามาล้อเล่นได้หรือ?”
เขารวบนางเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง ก่อนจะจุมพิตลงที่กลีบปากของนางอย่างรวดเร็วและแ่เบา พูดเสียงเปี่ยมเสน่ห์ “เปิ่นหวางไม่มีทางให้เ้าเป็อะไร”
นางถลึงตาใส่ทั้งโกรธทั้งเขิน จากนั้นก็ก้มหน้า หัวใจเต้นรัว
“เมื่อกลับถึงจวนหวางแล้ว เปิ่นหวางจะถอดที่คาดเอวออกให้เ้าตรวจสอบอีกสักรอบ ดีหรือไม่?” มู่หรงอวี้พูดประชิดริมหูของนาง ทั้งยังอาศัยจังหวะนี้แต้มจูบลงที่ติ่งหูของนางด้วย
“คนหน้าไม่อาย” นางผลักเขาออกแล้วเดินไปด้านหน้า
ท่าทางแสร้งโกรธที่แสนอ่อนโยนนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง มุมปากยกยิ้มอย่างหลงใหล ท่าทางของนางไม่เหมือนแต่ก่อน
มู่หรงฉือเป็คนกล้าหาญ แต่กลับถูกแมงป่องหมื่นพิษมากมายทำให้ตื่นตระหนก
คุณชายชุดทองถึงขั้นเลี้ยงแมงป่องหมื่นพิษที่น่ากลัวเช่นนี้เอาไว้ แต่จะพูดไปแล้ว คุณชายชุดทองกับแมงป่องหมื่นพิษก็เหมาะสมกันดี
“เหตุใดแมงป่องหมื่นพิษถึงได้น่ากลัวเช่นนี้?”
“แมงป่องหมื่นพิษเป็าาแมงป่องที่มีอยู่ในแคว้นหนานเยว่เท่านั้น ที่นั่นอากาศร้อนชื้นตลอดปี ในป่าลึกมีแมลงพิษหลายพันชนิด แมงป่องหมื่นพิษก็เป็หนึ่งในนั้น เพียงแต่แมงป่องหมื่นพิษที่พบที่นี่เป็แมงป่องที่ถูกคนเลี้ยงเอาไว้ โดยใช้เืคนกับยาพิษในการให้อาหาร แต่ก็ยังเป็แมงป่องพิษที่มีพิษรุนแรงและน่ากลัวที่สุดของแคว้นหนานเยว่ ทั้งยังเป็สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอันดับสองในบรรดาแมลงพันกว่าชนิดของแคว้นหนานเยว่” มู่หรงอวี้พูดเสียงเย็น“ของเหลวจากแมงป่องหมื่นพิษหากโดนเพียงเล็กน้อยเนื้อก็เละได้ และหากแมงป่องหมื่นพิษมุดเข้าไปใต้ิั เช่นนั้นก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
“คุณชายชุดทองเลี้ยงแมงป่องหมื่นพิษมากมายขนาดนี้...เช่นนั้นเขาก็คือคนของแคว้นหนานเยว่” มู่หรงฉือขนลุกขนพองขึ้นมาทันที เมื่อครู่ที่ต่อกรกับแมงป่องร้อยกว่าตัวเช่นนั้นก็แทบรากเืแล้วไม่ใช่หรือ?
เขาพยักหน้า “บางทีเขาอาจจะเป็คนในราชวงศ์แคว้นหนานเยว่”
ดวงตาของนางเคร่งเครียดขึ้นมา “หวังว่าวันนี้จะโชคดีได้เจอกับคุณชายชุดทอง”
มู่หรงอวี้มั่นใจว่าตอนนี้คุณชายชุดทองคงจะกำลังรอพวกเขาอยู่
ทั้งสองคนเดินต่ออีกครู่หนึ่งก็เห็นประตูหินปรากฎขึ้นตรงหน้า ประตูหินบานนี้ไม่เหมือนกับจุดอื่น ตัวประตูถูกแกะสลักเป็รูปคลื่นเมฆกับปีศาจที่ไม่รู้จักชื่อ
นี่เป็ลายสลักเฉพาะของแคว้นหนานเยว่ เป็อย่างที่คิดจริงๆ
ด้านซ้ายมีกลไกอันหนึ่ง มู่หรงฉือเดินเข้าไปบิดกลไกก่อนจะเกิดเสียงครืดคราด ประตูหินใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไป
พวกเขาเดินเข้าไปท่ามกลางความมืด แต่จู่ๆ แสงคบเพลิงก็สว่างขึ้นมาทันที ที่นี่เป็ห้องหินทรงกลมกว้างขวางแต่ในห้องกลับว่างเปล่า บนกำแพงติดคบเพลิงน้ำมันเอาไว้ เปลวไหวระริกไปมา
มู่หรงอวี้จับจูงมือเล็กของนางมองไปรอบๆ “ห้องนี้คงจะเป็จุดศูนย์กลางของโลกใต้ดินนี้”
มู่หรงฉือพยักหน้า พวกเขาเดินกันอยู่นานเพิ่งจะมาถึงที่นี่ เห็นได้ชัดว่าใต้ดินนี้กว้างใหญ่เพียงใด ใหญ่กว่าใต้ดินของหลิงหลงเซวียนในเมืองหลวงหลายเท่าตัว
ห้องกลมนี้เหมือนจะถูกปิดเอาไว้ แต่ความเป็จริงแล้วทุกๆ ระยะจะมีประตูอยู่ เมื่อเปิดประตูเ่าั้ออกแต่ละประตูก็จะเป็ทางเส้นหนึ่ง แต่ละทางมุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่างกันไป
ทันใดนั้น เกิดเสียงดังขึ้นในความมืด กำแพงหินฝั่งตรงข้ามของพวกเขาเคลื่อนขึ้นไป จากนั้นมีหินสี่เหลี่ยมผืนผ้าเคลื่อนตัวออกมาข้างหน้า บนแผ่นหินนั้นวางเก้าอี้ทองแกะสลักส่องประกายระยิบระยับ ที่เท้าแขนสลักเป็รูปหัวสัตว์ชนิดหนึ่ง งดงามราวมีชีวิต แต่กลับดูไม่ออกว่าเป็สัตว์อะไร เก้าอี้แกะสลักนั้นมีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง ชุดสีทองกับเก้าอี้แกะสลักส่องประกายร่วมกัน ทำให้คนที่เห็นแสบตาเป็อย่างมาก
บุรุษคนนั้นกึ่งนั่งกึ่งพิงตัวมาด้านหน้า แขนขวาวางตรงที่วางแขน นิ้วยันอยู่กับหน้าผาก ท่าทางเกียจคร้าน แต่กลับทำให้คนมีความคิดว่า : ทั้งๆ ที่ท่าทางเอื่อยเฉื่อยถึงเพียงนั้น แต่ดูแล้วราวกับท่าทางของราชันย์
ชุดสีทองเรืองรองแสบลูกตา หน้ากากสีทองงามวิจิตร ดวงตาแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจล้ำลึก
มู่หรงฉือคิดในใจ : คุณชายชุดทอง ในที่สุดเ้าก็ปรากฏตัวเสียที
มู่หรงอวี้จ้องเขา สายตาคมปลาบมองอย่างพิจารณา
“อวี้หวาง องค์รัชทายาท เป็อย่างไร สบายดีหรือไม่”
เสียงของคนผู้นี้มีความอ่อนโยนอยู่สามส่วน ไม่พอใจสามส่วน เ็าสามส่วน อีกหนึ่งส่วนเป็ความไม่แยแสต่อสิ่งใด
สรุปแล้วก็คือ เป็เสียงที่ปลอมแปลงมา
นางหัวเราะในใจ คุณชายชุดทองรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกนางแล้วจริงๆ “คุณชายเกรงใจแล้ว”
ตอนนี้เอง นางก็ชักมือออกจากมือของมู่หรงอวี้ เกรงว่าจะถูกเขามองความสัมพันธ์ของพวกนางออก
“ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบกับคุณชาย เปิ่นหวางรู้สึกเป็เกียรติยิ่งนัก” คิ้วของมู่หรงอวี้เลิกขึ้น
“ข้ารอคอยให้พวกเ้ามาหาโดยตลอด ไม่เสียแรงที่เฝ้ารอจริงๆ” คุณชายชุดทองลุกขึ้น เรือนร่างสูงใหญ่ ชุดสีทองปกคลุมตัวเขาเอาไว้
“ไม่ทราบว่าคุณชายมีนามว่าอะไรหรือ?” มู่หรงอวี้ถามออกไป
“ข้าสวมสีทองตลอดร่างเช่นนี้ จะเรียกข้าว่าคุณชายจินก็ได้” คุณชายจินหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีเลศนัย
“คุณชายจินทำการค้าขายยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ในแคว้นของพวกเรา คิดแล้วคงจะทำเงินได้ไม่น้อย”
“ให้พวกเ้าเห็นเื่ตลกเสียแล้ว ตัวข้าไม่มีงานอดิเรกอะไร เพียงชอบเดินทางทำการค้าไปทั่วทั้งสี่แคว้น”
“คิดจะขนหีบเงินกลับไปที่แคว้นหนานเยว่หรือ” รอยยิ้มบนแก้มมู่หรงอวี้ถูกแสงคบเพลิงสีแดงส่องจนเกิดเป็เงา
“คำเล่าลือที่ว่าอวี้หวางแห่งแคว้นเป่ยเยี่ยนเชี่ยวชาญการรบ เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง เป็เช่นนั้นจริงๆ” อาภรณ์สีทองของคุณชายชุดทองส่องประกายทองเหลือบแดงระยิบระยับ
“แมงป่องหมื่นพิษเป็แมลงพิษที่มีอยู่ในแคว้นหนานเยว่เท่านั้น การจะคาดเดาว่าคุณชายมาจากแคว้นหนานเยว่นั้นไม่ใช่เื่ยาก” มู่หรงฉือยิ้มน้อยๆ
ดวงตาคู่สวยของเขามีรอยยิ้มลึกล้ำปรากฏขึ้น “ข้าย่อมไม่กล้าดูแคลนท่านทั้งสอง กระทั่งในเวลานี้พวกท่านก็หาที่ซ่อนของข้าเจอแล้วไม่ใช่หรือ?”
ไข่มุกที่ขอบหน้ากากสีทองกับหินประดับสีแดงแวววาวดั่งโลหิตกลับหม่นลงภายใต้ดวงตาที่ส่องประกายวาววับคู่นั้น
ครั้นคิดว่าคนผู้นี้ใช้ฝิ่นล่อลวงขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ รวมไปถึงมอมเมาบรรดาไพร่ฟ้าประชาชน ทั้งยังลอบซื้ออาวุธทหารมากมายถึงเพียงนั้น รวมไปถึงอาวุธลับของกองทัพ นางก็รู้สึกเกลียดชังจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณชายจินมาเยือนแคว้นเป่ยเยี่ยนของข้า ทำเื่สะท้านะเืไปมากมาย ดูแคลนเป่ยเยี่ยนของข้าแล้วจริงๆ”
คุณชายชุดทองหัวเราะ “องค์รัชทายาท แคว้นเป่ยเยี่ยนแผ่นดินกว้างใหญ่ ราษฎรร่ำรวยแข็งแกร่ง ข้าย่อมมาทำการค้าขายด้วยเป็ธรรมดา ไม่เช่นนั้นข้าก็อาจหิวตายอยู่ริมถนน”
“คุณชายไม่กลัวว่าจะต้องสิ้นชีพอยู่ที่ต่างแดนบ้างหรือ?” แววตาของมู่หรงอวี้ทึบทึมลงหลายส่วน
“จะค้าขายย่อมมีความเสี่ยง แต่ข้าเชื่อว่าการถอนตัวออกมานั้นหาใช่เื่ยาก” คุณชายชุดทองหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน
“เหยื่อที่เปิ่นหวางหมายตา เปิ่นหวางย่อมไม่ยิงให้ทะลุในคราเดียว ยิ่งต้องค่อยๆ ทรมาน ไม่มีทางออมมือ” ั์ตาลุ่มลึกของมู่หรงอวี้มีความดุร้ายไหวระริก
“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าใครจะเป็คนหัวเราะในท้ายที่สุด” คุณชายชุดทองกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้แกะสลักสีทอง ท่าทางยียวนกวนประสาทยิ่งนัก
แววตาคมดุจเหยี่ยวของมู่หรงอวี้จับจ้องไป ราวกับ้าจะทำลายหน้ากากสีทองของเขา
ทันใดนั้น พื้นเหล็กก็เปิดออก เก้าอี้แกะสลักสีทองร่วงลงไปพร้อมพื้นหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้วยความรวดเร็ว
มู่หรงอวี้พุ่งเข้าไป ตบลงไปหนึ่งที แต่พื้นเหล็กนั้นปิดไปเสียแล้ว
กลางอากาศมีเสียงพูดเย้ยหยันออกมาหนึ่งเสียง “จะออกจากที่นี่ได้หรือไม่นั้น ทั้งสองท่านก็ลองสวดขอพรเยอะๆ ก็แล้วกัน”
มู่หรงฉือสีหน้าดำคล้ำ คุณชายชุดทองพูดเช่นนี้ออกมาได้ แสดงว่ากลไกในนี้ย่อมมีไม่น้อยเลย
มู่หรงอวี้กลับไปอยู่ข้างกายนาง เอ่ยด้วยแววตามั่นคง “เตี้ยนเซี่ย เปิ่นหวางจะส่งเ้าออกไปก่อน”
นางอดโมโหไม่ได้ “จากนั้นเล่า? ท่านค่อยกลับเข้ามาใหม่อย่างนั้นหรือ?”
เขาจ้องนางนิ่ง ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่การจะส่งนางออกไปได้หรือไม่นั้นก็ยังพูดได้ยาก
ครืนนนน
ประตูหินตรงหน้าเปิดออก ชายชุดดำสามคนโผล่ออกมาแล้วพุ่งเข้าโจมตีพวกเขาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
นางรีบพุ่งไปด้านข้าง เห็นทั้งสามคนดวงหน้าไร้อารมณ์เฉกเช่นคนที่ตายไปแล้วก็ไม่ปาน
จากนั้นการต่อสู้ที่ดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้น กลิ่นยาอ่อนๆ แผ่ขยายออกมา
บุรุษชุดดำออกกระบวนท่ารวดเร็วเกินคาด กระบวนท่าอันรุนแรงยังออกไม่ทันครบ กระบวนท่าต่อไปก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว นางมองจนตาลาย อีกทั้งกระบวนท่าของพวกเขายังแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนไม่อาจจับจุดได้ รวดเร็วราวปีศาจ กลายเป็ภาพอันพร่ามัว
ในชั่วพริบตานั้น มู่หรงอวี้ถูกความเร็วในการโจมตีของพวกเขาทำให้ลำบากอยู่เล็กน้อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เริ่มคุ้นเคยกับการโจมตีนี้ ก่อนจะโต้กลับไปอย่างรุนแรง
มู่หรงฉือมองการต่อสู้อยู่ด้านข้าง กระทั่งตาทั้งสองข้างก็มองไม่ทันแล้ว มองไม่เห็นเลยว่าพวกเขาออกกระบวนท่ากันอย่างไร รู้สึกแค่ว่าเงานั้นเคลื่อนไหวติดต่อกันไม่หยุด ประหนึ่งคลื่นทะเลอันไม่สงบสูงใหญ่เท่าฟ้าที่สาดซัดประดังประเดเข้ามาเป็ชั้นๆ
มู่หรงอวี้ถูกคนสามคนล้อมโจมตีแต่ยังต่อกรราวัพลิ้วไหว รวดเร็วราวปีศาจ ทว่าสุดท้ายยังค่อยๆ ตกเป็รองอีกฝ่าย
ทันใดนั้นนางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ที่บ่าซ้ายของเขาถูกพิษก่อนหน้านี้ ทั้งยังขับออกไปไม่หมด
จังหวะนั้นเอง บุรุษชุดดำคนหนึ่งก็พุ่งมาทางนางพร้อมกระบวนท่ารุนแรง
นางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะชักกระบี่อ่อนออกมารับการต่อสู้ เคร้งๆๆ แสงสีเงินกระจายออกมา
“พวกเขาเป็หนูทดลอง ออกกระบวนท่าได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งยังาเ็ได้ยาก ระวังตัวด้วย!”
มู่หรงอวี้เห็นนางเผยความสามารถไม่ธรรมดาออกมา ในใจรู้สึกตื่นเต้นจึงเอ่ยปากเตือน
มู่หรงฉือตั้งใจรับมือ หนูทดลองเหล่านี้เก่งกาจจริงๆ เสียด้วย นางตามจังหวะของเขาไม่ทัน ทั้งยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาจะออกกระบวนท่าใดจึงเสียเปรียบอย่างมาก
เพียงครู่เดียวนางก็เพลี่ยงพล้ำ ถูกบีบจนต้องถอยร่นไปอย่างทุลักทุเล
จะทำอย่างไรดี?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้