แม้ว่าเขาจะตระหนักได้ว่าตนยังไม่อาจเอาชนะเดรัจฉานเฒ่าผู้นี้ได้ แต่มู่เฟิงก็ไม่้าที่จะอดทนอดกลั้นต่อความคับแค้นใจที่กำลังปะทุได้อีกต่อไป
“ครั้งแรก เ้าปฏิเสธผลการคัดเลือกบัณฑิตของข้า เ้าด่าข้ามู่เฟิงว่าเป็เพียงเศษสวะไร้ประโยชน์ เ้าทำข้อตกลงกับข้าเอาไว้สองปี คิดจะบีบให้ข้ายอมคุกเข่าและเหยียดหยามข้า แต่สุดท้ายกลับเป็เ้าเองที่แพ้เดิมพันจนต้องควักลูกตาตัวเอง
“ครั้งที่สอง ข้าถูกฝูงหมาป่าปิดล้อมระหว่างทำการประเมินของบัณฑิตใหม่ จ่าฝูงหมาป่าตนนั้นสวมห่วงครอบอสูรเอาไว้ที่คอ แท้จริงแล้วเื่นี้จะเป็เพียงเื่บังเอิญหรือเป็แผนชั่ว เฒ่าอสรพิษอย่างเ้าคงรู้อยู่แก่ใจดี
“ครั้งที่สาม มู่ขวงต่อยตีกับเฉินเซิ่ง เื่เล็กน้อยแค่นี้แต่เ้ากลับลงมือทำร้ายน้องชายของข้าจนาเ็สาหัส มาตอนนี้ก็ะโออกมากล่าวหาว่าข้ามู่เฟิงสังหารสหายร่วมสำนัก แท้จริงแล้วในใจเ้ามีเจตนาอะไรกันแน่? การที่สำนักศึกษามีผู้าุโอย่างเ้าอยู่ ไม่นานชื่อเสียงของสำนักศึกษาเทียนอวิ่นคงถูกเ้าฉุดให้ตกต่ำลงสักวัน”
มู่เฟิงชี้นิ้วไปยังจ้าวเหิงและตวาดอย่างเ็า
ความโกลาหลพลันขึ้นในหมู่บัณฑิตที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ทันที
“ไม่มีทาง เื่ที่มู่เฟิงถูกฝูงหมาป่าปิดล้อมในระหว่างทำการประเมินบัณฑิตใหม่ ทั้งหมดถูกจัดฉากขึ้นโดยผู้าุโจ้าวอย่างนั้นหรือ!”
“เื่นี้มีความเป็ไปได้มาก เ้าไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือ ผู้าุโจ้าวแพ้เดิมพันเขา ทำให้ต้องยอมควักลูกตาตัวเอง”
“น่าสนใจ ดูเหมือนว่ามู่เฟิงผู้นี้จะมีความขัดแย้งกับผู้าุโจ้าวอยู่ก่อนแล้ว”
เหล่าบัณฑิตต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันถึงเื่นี้อย่างสนุกปาก ส่วนจ้าวเหิงนั้นโกรธมากจนตัวสั่น เขากระโจนร่างออกมาและตบฝ่ามือไปทางมู่เฟิงทันที ตราฝ่ามือสีเหลืองพุ่งทะลวงแหวกอากาศออกไปโจมตีเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“หยุดมือ!”
ผู้าุโเจิ้งตวาดอย่างเ็า เขารีบเคลื่อนกายออกไปยังเบื้องหน้ามู่เฟิง พร้อมกับตบฝ่ามือออกมาทำลายฝ่ามือของจ้าวเหิงทันที
“จ้าวเหิง ท่านคิดจะทำอะไร?”
ผู้าุโเจิ้งตวาดเสียงเย็นอีกครั้ง
“ผู้าุโเจิ้ง ข้าทนไม่ได้ที่เ้าเด็กนั่นมาพูดจาดูถูกและใส่ร้ายข้าอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้!”
จ้าวเหิงกล่าวด้วยใบหน้าเขียวคล้ำจากแรงโทสะ
“ข้าไม่สนใจเื่ความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างท่านกับมู่เฟิง แต่นี่เป็เื่ภายในสำนักศึกษา หากท่านกล้าลงมือสังหารบัณฑิตในสำนัก ท่านก็ถือว่ากระทำความผิดเช่นกัน”
ผู้าุโเจิ้งตำหนิอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
“ข้า…”
ท้ายที่สุดจ้าวเหิงก็ยังคงกล่าวออกมาด้วยความโมโห “ถ้าอย่างนั้นท่านจะทนให้เขาดูถูกผู้าุโของสำนักศึกษาอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้าุโเจิ้งก็ขมวดคิ้ว เขาหันมองไปทางมู่เฟิงก่อนจะกล่าวว่า “มู่เฟิง เ้าต้องรับผิดชอบในคำพูดของเ้า ตอนนี้เ้าคือบัณฑิตของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น จ้าวเหิงเป็หนึ่งในผู้าุโของเ้า เ้ากล่าวคำพูดล่วงเกินเขาถือเป็ความผิด เ้าทราบความผิดของตนแล้วหรือไม่?”
มู่เฟิงตอบกลับด้วยท่าทางที่ไม่ได้อ่อนข้อและไม่แข็งกระด้างว่า “ศิษย์พูดจาไม่เคารพผู้าุโถือว่ามีความผิด แต่ท่านผู้าุโ หากจ้าวเหิงคิดจะสังหารข้าอีกข้าควรทำอย่างไร?”
“เ้าบอกว่าข้าควบคุมฝูงหมาป่าให้ไปโจมตีเ้าในระหว่างทำการประเมินบัณฑิตใหม่ เ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
จ้าวเหิงตวาดถามอย่างเ็า
“ข้าบอกว่าเ้าควบคุมฝูงหมาป่ามาโจมตีข้าหรือ? นี่เ้ากำลังสารภาพออกมาเองนะ”
มู่เฟิงยิ้มเยาะ
“เ้า…”
จ้าวเหิงโกรธมากจนร่างกายสั่นเทา และเกือบจะระงับโทสะเอาไว้ไม่ได้
“พอได้แล้ว สถานแห่งนี้เป็ที่พิจารณาคดีอันเที่ยงธรรม ไม่ใช่สถานที่จัดการความขัดแย้งส่วนตัวของพวกเ้า มู่เฟิง เมื่อครู่เ้าพูดจาหยาบคายต่อผู้าุโ ตามกฎแล้วเ้าสมควรถูกโบยหนึ่งร้อยครั้ง ส่วนเื่ที่เ้าถูกปิดล้อมโจมตี ทางสำนักศึกษาจะตรวจสอบเื่นี้ให้กระจ่างเอง”
ผู้าุโเจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
มู่เฟิงกัดฟันตอบรับในที่สุด “ศิษย์ยอมรับการลงโทษ"
ถึงอย่างไรเ้าสารเลวนั่นก็แข็งแกร่งกว่าเขา ดังนั้นเมื่ออยู่ที่นี่เขาย่อมไม่มีทางได้รับความยุติธรรม หากจะกล่าวโทษก็คงต้องโทษที่ตนแข็งแกร่งไม่พอ หากว่าวรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งกว่าจ้าวเหิง เขายังจำเป็ต้องพูดจาไร้สาระเช่นนี้อีกหรือ เพียงลงมือสังหารอีกฝ่ายเสียก็สิ้นเื่
“ผู้คุมกฎ ลงทัณฑ์”
ผู้าุโเจิ้งสั่งการ
ข่งย่วนเดินออกมาข้างหน้า สายตาของนางชำเลืองมองไปทางมู่เฟิงอย่างเห็นใจ
มู่เฟิงถอดเสื้อคลุมท่อนบนออก เผยให้เห็นรอยแผลเป็ทั้งเก่าและใหม่บนตัวเขา นอกจากนี้ยังมีรอยสักลายกิเลนสีเืบนไหล่ของเขาด้วย แน่นอนว่ารอยแผลเป็บนร่างของเด็กหนุ่มทำให้ผู้คนรู้สึกใไม่น้อย
แผลเป็เหล่านี้ ไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เคยผ่านการเข่นฆ่าและความทรมานจากการต่อสู้มามากเพียงใด?
“ศิษย์พี่ย่วน โปรดลงมือเถิด”
มู่เฟิงหันไปกล่าวกับข่งย่วนด้วยรอยยิ้ม
“มู่เฟิง...ข้าขอโทษเ้าด้วย”
ข่งย่วนกัดริมฝีปากบางของนางแน่น นี่เป็ครั้งแรกที่นางกล่าวเช่นนี้กับผู้ที่ถูกลงทัณฑ์
นางเคยลงทัณฑ์บัณฑิตที่ละเมิดกฎมามากมายนับไม่ถ้วน แต่นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแส้เหล็กในมือของนางจะมีน้ำหนักมากถึงเพียงนี้
“ข้าไม่โทษท่าน ลงมือเถิด”
มู่เฟิงยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ข่งย่วนง้างมือขึ้นและพร้อมหลับตาลง
“พี่หญิง…”
ทันใดนั้นข่งเซวียนเอ๋อร์ก็ส่งเสียงะโเรียกมาจากด้านข้าง
ข่งย่วนกัดฟันแน่น จากนั้นนางก็โยนแส้เหล็กนั่นทิ้ง ก่อนจะประสานหมัดคำนับไปทางผู้าุโเจิ้งและกล่าวว่า “เรียนท่านผู้าุโ ศิษย์ผู้นี้ยินดีจะรับโทษโบยหนึ่งร้อยครั้งแทนมู่เฟิงเ้าค่ะ”
เมื่อข่งย่วนกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ผู้คนที่รอดูสถานการณ์อยู่ต่างก็ตื่นตะลึงขึ้นมาทันที พวกเขาแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
ผู้าุโเจิ้งและผู้าุโคนอื่นๆ ต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน
สำหรับข่งย่วนเป็ที่รู้จักกันดีว่านางนั้นเข้มงวดในกฎระเบียบและไม่เคยแยแสต่อผู้ที่ถูกลงทัณฑ์เลยแม้แต่น้อย ทว่าวันนี้นางกลับ้าจะรับโทษแทนผู้อื่น!
ระหว่างมู่เฟิงกับข่งย่วนมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่?
“ขะ ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่? ศิษย์พี่ข่ง้าจะรับการลงทัณฑ์แทนมู่เฟิงจริงหรือ!”
“ผิดแล้ว ได้ยินผิดแล้ว ข้าต้องได้ยินผิดไปแน่ๆ ข่งย่วนผู้เืเย็นของสำนักศึกษาน่ะหรือจะทำเช่นนั้น?”
เหล่าบัณฑิตต่างก็ส่งเสียงฮือฮาออกมาอีกครั้ง
“เรียนท่านผู้าุโ ศิษย์ยินดีรับการลงทัณฑ์แทนมู่เฟิงเ้าค่ะ”
ทันใดนั้นข่งเซวียนเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นและกล่าวออกมาเช่นกัน พวกนางสองพี่น้อง้ารับการลงทัณฑ์แทนมู่เฟิง
สายตาของทุกคนพลันจ้องไปทางมู่เฟิงด้วยความอิจฉาริษยาและมึนงงสงสัยททันที
ด้านมู่เฟิงเองก็ตกตะลึงกับเื่นี้เช่นกัน เมื่อหันไปมองสองพี่น้องที่้ารับโทษทัณฑ์แทนเขา หัวใจของเด็กหนุ่มก็พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
มู่เฟิงยิ้ม ดวงตาของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า “ศิษย์พี่ข่ง เซวียนเอ๋อร์ เพียงถูกโบยแค่นี้ข้าสามารถแบกรับได้ พวกเ้าประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว การโบยร้อยครั้งสำหรับข้าสบายมาก ข้ายังสามารถด่าคนได้อีก อย่าว่าแต่ร้อยครั้งเลย ต่อให้เป็พันครั้งข้าก็สามารถแบกรับได้สบายมาก!”
“มู่เฟิง เ้า...”
“ช่างเถอะ หากพวกเ้าต้องมาแบกรับโทษแทนข้าเช่นนี้ ชีวิตนี้ของข้ามู่เฟิงคงไม่อาจเชิดหน้าชูคอได้อีกแล้ว!”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเด็ดขาด ข่งย่วนไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบแส้เหล็กขึ้นมาและหลับตาฟาดมันลงไปอย่างแรง
เผี๊ยะ!
แส้เหล็กกระทบลงบนร่างของมู่เฟิงจนเกิดเสียงดังคมชัด ิัของเขาปริแตกในทันที จากนั้นเืก็ไหลซึมออกมา
มู่เฟิงกัดฟันแน่น อาการปวดแสบปวดร้อนบนแผ่นหลังไม่ได้ทำให้เขาแสดงความเ็ปออกมา เขาจ้องมองไปยังสีหน้ามืดครึ้มของจ้าวเหิงก่อนจะหัวเราะออกมา
“สบายมาก มาอีก!”
ข่งย่วนฟาดแส้ลงไปอีกครั้ง รอยเืบนแผ่นหลังของเด็กหนุ่มปรากฏเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรอย แววตาของข่งย่วนดูเ็ป ในขณะที่ข่งเซวียนเอ๋อร์ไม่อาจทนมองได้ น้ำตาของนางค่อยๆ ไหลนองจนอาบใบหน้า
เสียงโบยยังคงดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง เวลานี้แผ่นหลังของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยรอยแส้แล้ว เนื้อบนแผ่นหลังของเขาปริแตกและฉีกออกจากกัน ทำให้เืไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ร้องคร่ำครวญออกมาเลยสักนิด สายตาของเขายังคงจ้องเขม็งไปยังจ้าวเหิง ความอดทนนี้ทำให้บัณฑิตหลายคนรู้สึกชื่นชมในตัวเขาไม่น้อย
หากว่าเปลี่ยนเป็พวกเขาจะมีใครกล้ากล่าวโจมตีผู้าุโเช่นนั้นบ้าง ใครจะสามารถอดทนต่อการโบยหนึ่งร้อยครั้งโดยไม่ส่งเสียงออกมาได้บ้าง?
แส้เหล็กนั่นเพียงแค่โบยครั้งเดียวก็สามารถฆ่าคนให้ตายไปครึ่งหนึ่งได้แล้ว สำหรับคนธรรมดาทั่วไป หากถูกโบยหนึ่งร้อยครั้งเกรงว่าคงต้องตายอย่างแน่นอน
หลังจากโบยครบหนึ่งร้อยครั้ง ข่งย่วนไม่รู้ตัวเลยว่าดวงตาของนางกำลังแดงก่ำเพียงใด ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถยกแส้ในมือได้อีกแล้ว
หญิงสาวเก็บแส้เหล็ก ก่อนจะนำยารักษาาแออกมาและทาลงบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยแผลปริแตกของมู่เฟิง และบางรอยนั้นก็ลึกมากจนสามารถมองเห็นกระดูกของเขาได้
นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอสะอื้นออกมา
มู่เฟิงยกมือข้างหนึ่งปาดน้ำตาบนใบหน้างามของข่งย่วน ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าร้องไห้ ไม่อย่างนั้นคนชั่วจะหัวเราะเอาได้”