ผู้ใหญ่บ้านเฉินใคร่ครวญแล้วเอ่ยว่า “โยวหราน ตาเฒ่าจะบอกเื่หนึ่งกับเ้า”
“เชิญท่านผู้าุโกล่าวมาเถิด ข้าน้อมรับฟังเ้าค่ะ” เคอโยวหรานมองผู้ใหญ่บ้านเฉินพลางรอคำกล่าวถัดไปของเขาด้วยท่าทางจริงจัง
ผู้ใหญ่บ้านเฉินเอ่ยด้วยความจริงใจ “ยามนั้นที่เ้ามอบเคล็ดลับทำเต้าหู้ให้ตาเฒ่า พวกข้าล้วนไม่นึกว่าจะหาเงินทองได้มากมายถึงเพียงนี้
ตาเฒ่าแบ่งเงินจากเคล็ดลับหกส่วน ยามนี้ยังได้เงินกำไรจนเต็มไห
แต่เมื่อสร้างโรงงานขึ้นมาแล้ว ที่ดินสร้างโรงงานเป็ที่ดินที่เ้าซื้อ อาหารการกินของนายช่างก็มีเ้าเป็คนคอยสนับสนุน อีกทั้งเ้ายังเป็ผู้ไปหาคนมาสร้างโรงงาน นอกจากจัดการเื่อาหารการกินของนายช่าง ตาเฒ่าไม่ต้องคอยเหน็ดเหนื่อยใจแม้แต่นิด
หากยังแบ่งกำไรหกส่วนนับว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ตาเฒ่าอยากจะหารือกับเ้าสักหน่อย พวกข้าขอปันกำไรเพียงสองส่วนเป็อย่างไร?”
“นี่...” เคอโยวหรานกับคนสกุลต้วนล้วนตกตะลึงอย่างยิ่ง
ทุกคนนึกไม่ถึงว่าผู้ใหญ่บ้านเฉินจะเสนอเช่นนี้ออกมา ถึงอย่างไรก็ไม่มีครอบครัวใดรังเกียจว่าหาเงินได้เยอะกระมัง?
เคอโยวหรานเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ท่านผู้าุโเ้าคะ เงินกำไรหกส่วนเป็เื่ที่ตกลงกันเอาไว้ั้แ่ต้นแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ครอบครัวของพวกท่านต้องเสียเปรียบเพราะสร้างโรงงาน ยิ่งไปกว่านั้นทุกๆ เื่ภายในโรงงานยังต้องรบกวนท่านผู้าุโให้ช่วยดูแล เพียงแต่การแบ่งกำไรสองส่วนนับว่าน้อยเกินไปแล้วเ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินโบกมือเอ่ย “กำไรสองส่วนนับว่าน้อยหรือ? เงินหมื่นตำลึง แบ่งกำไรสองส่วนยังเป็เงินสองพันตำลึง
เมื่อก่อนตอนยังไม่ทำเต้าหู้ รายได้ทั้งเดือนของตาเฒ่ายังไม่ถึงสองตำลึงเลยด้วยซ้ำ ยามนี้เพิ่มขึ้นพันเท่า ยังนับว่าน้อยได้อีกหรือ?”
“แต่...” เคอโยวหรานยังอยากโน้มน้าวอีกหลายประโยค
ผู้ใหญ่บ้านเฉินรีบขัดว่า “โยวหราน ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเื่ที่เ้าซื้อที่ดินสร้างโรงงาน กระทั่งใบสั่งซื้อของโรงสุราฟู่หยวนก็ล้วนมีเ้าเป็คนหารือ
นอกจากนี้เคล็ดลับการทำเต้าหู้ยังเป็ของเ้า หากไม่มีเ้ากับซานหลาง ตาเฒ่าคงมิอาจรักษาเคล็ดลับเอาไว้และถูกผู้อื่น่ชิงไปนานแล้ว
ในสายตาของข้า การที่ครอบครัวของพวกข้าปันกำไรมาสองส่วนก็นับว่ามากเกินไปแล้ว
ตาเฒ่ารู้ว่าเ้าอยากจะเอ่ยสิ่งใด เื่นี้เ้าจำต้องฟังข้า ไม่จำเป็ต้องเกลี้ยกล่อมอีกแล้ว”
ครั้นได้ยินคำกล่าวทั้งหมดของผู้ใหญ่บ้านเฉิน มารดาสกุลต้วนกับพวกต้วนต้าหลางล้วนรู้สึกเลื่อมใสผู้เฒ่าท่านนี้กว่าเดิมอย่างอดมิได้
สมแล้วที่เป็ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเถาหยวน กระทั่งยามอยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ยังสามารถยึดมั่นจุดยืนเอาไว้ได้และรู้จักประมาณตน มิได้ถูกผลประโยชน์บดบังจิตใจ นับว่าเป็ผู้าุโที่หลักแหลมยิ่งนัก
เคอโยวหรานมิได้เกลี้ยกล่อมต่ออีก นางคลี่ยิ้มบางเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็เยี่ยงนี้ เช่นนั้นก็ตามแต่ท่านผู้าุโเถิดเ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินกล่าวด้วยความยินดี “เช่นนั้น รบกวนต้าหลางเอากระดาษกับพู่กันเข้ามาเขียนสัญญาหนึ่งฉบับ ภายหน้าพวกเราทำตามสัญญาแผ่นนี้”
การลงนามในสัญญาเป็สิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านเฉินเรียนรู้มาจากต้วนเหลยถิง เขียนทุกสิ่งเอาไว้ให้ชัดเจนจะได้ไม่ทำให้คนในครอบครัวต้องพะวงกับผลประโยชน์และมาหาเื่สกุลต้วน
แท้จริงแล้วผู้ใหญ่บ้านเฉินไม่จำเป็ต้องกังวลเื่เหล่านี้ ภายใต้การอบรมของผู้ใหญ่บ้านเฉิน คนสกุลเฉินล้วนเข้าใจหลักเหตุผลเป็อย่างดี ไม่มีทางหาเื่สกุลต้วนกับเคอโยวหรานเพราะเื่เช่นนี้อย่างแน่นอน
ยามต้วนต้าหลางเขียนสัญญา เคอโยวหรานเสนอว่า “พี่ใหญ่เ้าคะ มิสู้เขียนสัญญาแผ่นนี้ให้ชัดเจนสักหน่อย
ภายหน้าสกุลเฉินปันกำไรสองส่วน ท่านกับพี่รองปันกำไรคนละสองส่วน ท่านแม่สกุลต้วนกับบิดามารดาของข้าปันกำไรคนละสองส่วน เป็อย่างไรเ้าคะ?”
มารดาสกุลต้วนส่ายหน้าเอ่ย “โยวหรานแบ่งกำไรเช่นนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เ้าเป็คนสร้างโรงงานขึ้นมากับมือ นับว่าไร้เหตุผลหากจะปันกำไรให้พวกเราแต่เ้ากลับมิได้สิ่งใดแม้แต่นิด”
ต้วนต้าหลางพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว พี่ใหญ่เสนอให้พวกข้า น้องรอง และท่านแม่ปันกำไรคนละหนึ่งส่วน สกุลเคอปันกำไรสองส่วน เ้ากับซานหลางปันกำไรคนละสามส่วน”
ไป๋ซื่อเอ่ย “โยวหราน โรงงานนี้พวกเรามิได้ทำสิ่งใดเลยสักนิด กลับได้เงินปันกำไรโดยเปล่า นับว่าได้เอาเปรียบไม่น้อยแล้ว ควรจะแบ่งกำไรเช่นนี้จึงจะสบายใจ”
มารดาสกุลต้วนเคาะนิ้วพลางเอ่ยว่า “ต้าหลางเขียนตามที่เ้าจัดแจงมาเถิด ครอบครัวของพวกเรามีวันนี้ได้ ล้วนแต่เป็ความดีความชอบของโยวหราน
หากไม่มีนาง มิเอ่ยถึงเื่ส่วนแบ่งกำไรจากการสร้างโรงงาน กระทั่งพวกเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แม้กำไรทั้งหมดเป็ของโยวหราน แม่ก็ไม่มีความเห็นอื่นใด”
เคอโยวหรานกวาดสายตามองสีหน้าของทุกคนในที่แห่งนี้ ขอบตานางถึงกับแดงก่ำโดยพลัน
เมื่อชาติก่อน ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนตัวคนเดียว จะเคยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวั้แ่เมื่อใดกัน?
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงหารือเื่การปันกำไรจนเสร็จสิ้นและเขียนลงในกระดาษอย่างชัดเจน ภายหน้ายังคงมีต้วนต้าหลางเป็คนคิดบัญชี
ผู้ใหญ่บ้านเฉินเก็บใบสัญญาไว้ในอก เอามือไพล่หลังเดินกลับเรือนอย่างมีความสุข
เสี่ยวสู่กับลี่ชิวพากันออกไปข้างนอกตามคำสั่งของผู้เป็นายหลังผู้ใหญ่บ้านเฉินกลับไป ยังคงป่าวประกาศถึงความกตัญญูของถงซื่อหนึ่งรอบก่อนจะเข้าไปช่วยงานในเรือนผู้เฒ่าเคอ
นอกจากนี้พวกนางทั้งสองยังเปิดประตูเอาไว้ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนแต่ประจักษ์แก่สายตาของเพื่อนบ้าน
แม่เฒ่าเคอยิ่งหวังให้ผู้อื่นรู้ว่าภายในเรือนของตนมีบ่าวให้เรียกใช้และพึงพอใจกับการกระทำของเสี่ยวสู่กับลี่ชิวอย่างยิ่ง มิได้นึกถึงความหมายลึกซึ้งแม้แต่นิด
เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเพียรพยายามมาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน ครั้นแสงอรุณค่อยๆ คืบคลานขึ้นเหนือยอดเขา ความอบอุ่นแผ่กระจายไปทั่วขุนเขาและลำธาร
ในที่สุดพวกต้วนเหลยถิงก็ขึ้นมาถึงยอดเขา อาจเพราะเขาเหลียนอู้สูงมากเกินไป ทั้งลมแรงและสัตว์ป่าดุร้าย พัดกระโชกเสียจนต้นไม้ใบหญ้าเกิดเสียงดังซ่าๆ
มิกล่าวไม่ได้ว่า เขาเหลียนอู้เป็สถานที่ที่ง่ายต่อการเฝ้าระวังยากต่อการโจมตีจริงๆ หากมิใช่ว่าพวกอั้นจิ่วลอบเข้ามาวางยาถึงภายในเขา เช่นนั้นพวกพั่วหุนคงไม่มีทางถูกจัดการเป็อันขาด
โชคดีที่ตรงเชิงเขากับกลางเขาล้วนแต่ถูกตั้งค่ายกลเอาไว้ ทว่าบนยอดเขากลับเปิดโล่ง ไม่มีร่องรอยของค่ายกลหรือกับดักแม้แต่นิด
หลังได้รับการยืนยันจากต้วนเหลยถิง พวกพั่วหุนก็ลัดเลาะผ่านวัชพืชสูงเหนือศีรษะ จากนั้นมุ่งตรงไปยังปากูเาอย่างบ้าคลั่ง
บนปากเขามีบ้านเรือนตั้งเรียงราย มีจำนวนมากพอที่จะรองรับหลายหมื่นคน
ทว่ายามนี้กลับทรุดโทรมและอ้างว้างยิ่งนัก ครั้นเดินไปยังใจกลางของปากูเา พวกพั่วหุนล้วนอดมิได้ที่จะน้ำตานองหน้าอย่างไร้เสียง
คนชรา เด็ก และสตรีล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่ละคนผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก คนสี่ถึงห้าพันกว่าคนมาล้อมรอบหม้อเล็กเพียงหนึ่งใบ จดจ้องเปลือกไม้อันน้อยนิดภายในหม้อด้วยสายตาเลื่อนลอย
ทุกคนไร้ซึ่งความกล้าหาญที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่บนพื้น นำน้ำต้มเปลือกไม้แบ่งให้เด็กเล็กแต่ละคนอย่างงกเงิ่น ปากยังคงเอ่ยปลอบโยนว่า
“มาเถิดพวกเด็กๆ กินข้าวได้แล้ว ทุกคนกินกันคนละนิด กินเสร็จจะได้มีเรี่ยวแรง...
ข้าวเย็นตาเฒ่าจะไปขุดรากไม้มาให้พวกเ้า พวกเราจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้จงดี...รอจนเ้าห้ากลับมา พวกเราก็จะมีความหวังแล้ว”
หญิงชราอายุห้าสิบกว่าผู้หนึ่งเอ่ยด้วยสายตาว่างเปล่า “ท่านพ่อ ไม่ต้องลำบากแล้วเ้าค่ะ ไม่มีประโยชน์หรอก น้องห้าคงไม่กลับมาแล้ว พวกเขาถูกกรอกยาพิษก่อนพาตัวไป กลับมาไม่ได้แล้วเ้าค่ะ”
ชายชรายังคงแบ่งน้ำต้มให้พวกเด็กๆ อย่างงกเงิ่น เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยเอ่ยว่า
“ต้าเม่ยเอ๋ย พ่อมีลางสังหรณ์อันแรงกล้า น้องห้าของเ้าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน เชื่อพ่อได้หรือไม่ ยืนหยัดต่อไป หากยืนหยัดได้หนึ่งวันก็หนึ่งวัน
เ้าดูหลานกับเหลนเหล่านี้ พวกเขายังเล็กถึงเพียงนี้ ยังไม่เคยได้ออกไปดูโลกภายนอก พวกเรามิอาจพาพวกเด็กๆ มุ่งหน้าสู่ความสิ้นหวังได้”
เด็กน้อยวัยสามขวบที่ได้รับน้ำแกงเปลือกไม้มาใช้สองมือประคองถ้วยพลางยกขึ้นจรดริมฝีปากสตรีวัยห้าสิบกว่าปี เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนเยาว์ว่า “ท่านย่า ไกวเป่าไม่หิวขอรับ...”
หญิงชรารับถ้วยของเด็กน้อยมา นางโอบเด็กน้อยเอาไว้และร้องไห้อยู่ค่อนวัน จากนั้นใช้แขนปาดน้ำตาก่อนจะจรดถ้วยข้างริมฝีปากเด็กน้อย
“ไกวเป่าของย่าช่างว่าง่ายนัก ไกวเป่าดื่มเถิด ย่าไม่หิว...”