ทั้งสามคนฟังที่ซูิเยว่พูดจบแล้วถึงได้วางใจ
“จริงสิ ยังมีเื่นี้ที่ข้าต้องให้หนิงหยวนกับเสี่ยวอวี่ไปช่วยจัดการ”
“เื่อะไรหรือเ้าคะ?”
ซูิเยว่หรี่ตาลง แผนแรกของนางก็คือซื้อร้านค้า เพื่อให้นางได้มีทางรอด แต่มีแค่เงินนั้นไม่พอ นางจะต้องมีคนงานด้วย
“เอาเช่นนี้แล้วกัน สองวันนี้ตอนที่พวกเ้าว่างๆ ก็ออกไปช่วยข้าหาคนเก่งๆ เอาพวกขอทาน ทางที่ดีที่สุดคือไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับใคร ไม่นำพาความยุ่งยากมาให้พวกเรา มีความซื่อสัตย์ แล้วก็ไม่เอาพวกมารอกินข้าวแล้วรอวันตายไปวันๆ เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจแล้วขอรับ” หนิงหยวนได้ยินก็รู้แล้วว่าซูิเยว่จะให้ทำอะไร “ท่านวางใจเถิด คุณหนู ข้าติดตามคุณหนูมานานขนาดนี้แล้ว เื่เลือกคนข้าทำได้ เื่นี้มอบให้ข้าทำเถิด”
“อืม” ซูิเยว่พยักหน้า เมื่อส่งให้หนิงหยวนทำนางก็วางใจ
“เช่นนั้นก็แค่นี้ก่อน รอทางด้านองค์ชายสามจัดการเื่ราวเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นเ้าก็ส่งคนพวกนี้ให้ไปเป็ลูกน้องช่วยหวังซวินทำงาน ตอนว่างๆ เ้าก็แอบไปฝึกอบรมพวกเขาด้วย เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจขอรับคุณหนู”
ภายในมุมมืดของห้องตำรา คนคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ ใบหน้าเพียงครึ่งถูกซ่อนอยู่ในเงามืด แสงที่เข้ามาจากด้านนอกหน้าต่างส่องกระทบหน้าอีกด้านหนึ่งของเขา ดวงตาเรียวยาวหลุบลง ในแววตาเหมือนกับมีพายุขนาดใหญ่โหมกระหน่ำอยู่
มีคนคนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่แทบเท้าของเขา ในตอนนี้คนคนนั้นกำลังตัวสั่นไปหมด หวาดกลัวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง แล้วก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วย
บรรยากาศหนักอึ้งปกคลุมไปในอากาศ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ถึงเริ่มขยับก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบคนที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นอย่างแรง
คนคนนั้นร้องเหอะออกมา คนที่ถูกถีบก็กระอักเืสดออกมาคำโต แต่ก็ไม่กล้าบ่นแม้สักครึ่งคำ หลังจากคลานขึ้นมาใหม่แล้วก็คุกเข่าตรงหน้าบุรุษคนนั้น
“ฝ่าาโปรดลงโทษ”
“ลงโทษ?”
องค์ชายห้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นเย็นจับใจ ไม่ได้มีความรู้สึกแฝงมาเลยสักนิด “คนลงมือตั้งมากมายขนาดนั้น แม้แต่สตรีคนเดียวก็ยังจัดการไม่ได้ ตายอยู่ที่นั่นจนหมด จะให้เปิ่นหวังไว้ชีวิตพวกเ้าหรือ?”
“ฝ่า...ฝ่าา ซูิเยว่คนนั้นได้เตรียมตัวเอาไว้แล้ว อีกทั้งคนขององค์ชายสามก็ยังยื่นมือเข้ามาช่วยใน่เวลาสำคัญอีก พวกเราเองก็ทำอะไรไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“องค์ชายสาม...องค์ชายสาม....” องค์ชายห้ากัดฟันแน่นพลางตบไปที่เท้ามืออย่างแรง “เป็องค์ชายสามคนดีของข้าที่คอยเข้ามาทำลายเื่ดีๆ ของข้าสองสามครั้งแล้วสินะ ครั้งที่แล้วที่จวนองค์หญิงใหญ่ก็เป็แบบนี้”
คนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นตัวสั่นเงยหน้ามององค์ชายห้า “ฝ่า...ฝ่าา พวกคนที่อยู่ข้างกายองค์ชายสามพวกนั้น ท่านเองก็รู้ว่าพวกเขาติดตามอยู่ข้างกายองค์ชายสามมาหลายปี วิทยายุทธ์แข็งแกร่ง คนที่พวกเราส่งไปเมื่อคืนก็ไม่ใช่คนที่สามารถประมือกับพวกเขาได้”
“เหอะ พวกเ้ายังกล้ามาหาข้ออ้างให้ตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
มุมปากขององค์ชายห้ายกยิ้ม “โชคดีที่ครั้งนี้พวกโง่พวกนั้นตายจนหมดแล้วเลยไม่ได้ทิ้งหลักฐานมัดตัวอะไรไว้”
“เช่น...เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”
องค์ชายห้าลุกขึ้น เขาก้มลงมองคนที่คุกเข่าบนพื้น ก่อนจะยกมือขึ้น
“ลุกขึ้นมา ตอนนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรไปก่อน พวกเราสูญเสียคนไปเยอะมาก อีกทั้งองค์ชายสามก็เข้าร่วมแล้ว ตอนนี้เื่ก็ยุ่งยากขึ้น เปิ่นหวังไม่มีทางเชื่อว่าแค่เดินผ่านทางมาแน่นอน ตอนนี้ก็เงียบเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไร”
“พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยพะย่ะค่ะฝ่าา” คนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นลุกขึ้นมาจากพื้น “เช่นนั้นข้าน้อยขอทูลลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเถิด” องค์ชายห้าไขว้มือไว้ด้านหลังทั้งสองข้าง ในแววตาประกายวาววาบ
คนคนนั้นไม่ได้มีการป้องกันตัวใดใด เขาหมุนตัวแล้วเดินออกไปด้านนอก
แต่เพิ่งจะเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็ชะงัก ดวงตาเบิกกว้างหันกลับไปมององค์ชายห้าที่ยืนอยู่ด้านหลังตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
องค์ชายห้ายิ้มเย็น ในมือถือมีดสั้นเล่มหนึ่งแทงเข้าที่ด้านหลังเอวของเขา ทั้งยังกำมีดสั้นแล้วบิดอยู่หลายที
คอของชายคนนั้นส่งเสียงเฮือกสุดท้ายออกมา สีหน้าขาวซีด เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผาก “ฝ่า..ฝ่าา...”
เสียงพูดหยุดแค่นั้น บุรุษคนนั้นล้มลงกับพื้น ตายไปโดยที่ตายังไม่หลับ
องค์ชายห้าเก็บมือแล้วเดินไปด้านข้าง เขาหยิบผ้าเช็ดมือจากบนชั้นมาเช็ดเืที่มือจนสะอาด จากนั้นก็มองศพบนพื้นปราดหนึ่งแล้วพูดออกมาเนิบนาบ “เปิ่นหวังไม่เคยเก็บคนไร้ประโยชน์เอาไว้ข้างกาย”
เขาพูดจบก็พูดต่อ “ทหาร”
เพียงไม่นานด้านนอกก็มีเสียงคนคนหนึ่งดังเข้ามา พอเปิดประตูมาเห็นศพกองอยู่บนพื้นก็ชะงักไป ก่อนจะสาวเท้าไวๆ เข้ามาคุกเข่าตรงหน้าองค์ชายห้า “ฝ่าา มีเื่อะไรจะรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“มู่เฟิง เหตุใดถึงเป็เ้า ยาซูล่ะ?”
“อ๋อ กระหม่อมมีเื่จะรายงานพอดีพ่ะย่ะค่ะ จึงเข้ามา”
องค์ชายห้ามองคนที่นั่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่ที่พื้นก่อนจะพูดเสียงเนิบ “เ้ายึดติดกับตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์มาตลอดไม่ใช่หรือ?”
องครักษ์นามว่ามู่เฟิงตัวแข็งขึ้นมาทันที ไม่ได้พูดอะไร องค์ชายห้าหัวเราะเบาๆ เอาผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเืในมือโยนไปบนตัวของศพ
“ตอนนี้ตำแหน่งนี้เป็ของเ้าแล้ว ลากเ้านี่ออกไป จัดการคราบเืในห้องให้สะอาดด้วย แม้แต่กลิ่นเืก็อย่าให้เหลืออยู่”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าา” มู่เฟิงพูดจบก็จะออกไป แต่องค์ชายห้ากลับเรียกเขาไว้
“รอก่อน เมื่อครู่เ้ามีอะไรจะรายงาน?”
ตอนที่มู่เฟิงเข้ามาความสนใจได้ไปอยู่ที่ในห้องทั้งหมด เขาจึงลืมเื่ที่ตนจะรายงานไปจนหมด
เขารีบเอ่ยออกมา “ฝ่าา เื่หวังซวินที่ให้กระหม่อมไปตรวจสอบตอนนี้มีเบาะแสแล้วพ่ะย่ะค่ะ เที่ยงวันนี้ที่ถนนฉาวอันมีร้านขายผ้าไฟไหม้พ่ะย่ะค่ะ และร้านนั้นก็คือร้านที่หวังซวินเคยบริหารมาก่อน”
หลังจากรอให้ไฟเบาลงแล้ว คนของทหารคุ้มกันเมืองหลวงก็พบศพหนึ่งไหม้อยู่ภายในร้าน คนที่มามุงดูจำได้ว่าศพนั้นคือหวังซวินที่พวกเราตามหามาตลอดพ่ะย่ะค่ะ”
“จริงหรือ” องค์ชายห้าหรี่ตาลง “หวังซวินถูกคนช่วยไปแล้ว เหตุใดจู่ๆ ถึงไปปรากฏตัวที่ร้านผ้าแล้วถูกไฟไหม้ตายได้”
“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ อาจเป็เพราะเขาไปแอบพวกเราอยู่ที่นี่ หรือเขายังมีศัตรูคนอื่นอยู่อีก”
“เอาเถิด เอาเถิด ข้ารู้แล้ว เ้าออกไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ” มู่เฟิงจัดการลากศพนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็สั่งให้คนมาจัดการคราบเืภายในห้องตำราให้สะอาดราวกับว่าที่นี่ไม่เคยมีเื่อะไรเกิดขึ้น
องค์ชายห้ายืนหันหลังให้โต๊ะหนังสือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผ่านไปนานมุมปากของเขาถึงค่อยยกยิ้มออกมาราวกับกำลังพูดกับตัวเอง “องค์ชายสามเอ๋ย เื่นี้จะมาโกรธข้าไม่ได้แล้ว”
สองวันต่อมา ซูิเยว่รอข่าวจากจี๋โม่หานอยู่ในเรือนมาตลอด เื่คนมาลอบฆ่าก็ผ่านไปนานมากแล้ว นอกจากวันแรกที่หลินโม่สั่งคนให้ไปตรวจสอบให้ทั่ว หลายวันต่อมาก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก เื่นี้จึงปล่อยผ่านไปเช่นนี้
แต่คนที่รู้เื่นี้ดีที่สุดก็คือซูิเยว่เอง นางรู้ว่าคนพวกนี้เป็คนที่องค์ชายห้าส่งมาแน่นอน ไม่แปดก็เก้าส่วน เหตุใดจู่ๆ องค์ชายห้าถึงได้คิดจะกำจัดนางขึ้นมากัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้