หลินเยว่หัวเราะ “แหะๆ” พร้อมพูดขึ้น “ก่อนอื่น ผมขอแก้ความเข้าใจผิดคำหนึ่งของคุณก่อนไม่ใช่ ‘ทำได้อย่างไร’แต่ควรเป็ ‘ทำหรือยัง’หากคิดอยากทำได้ 13 ดอกหรือมากกว่านี้ก็มีเพียงวิธีเดียว ก็คือ ‘ทำ!’”
“ทำ” เพียงคำเดียวก็สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจได้ทันที
นี่เป็ครั้งแรกที่คำเพียงคำเดียวกลับมีน้ำหนักทรงพลังได้มากถึงเพียงนี้
พวกเขาเคย “ทำ” จริงๆ หรือเปล่า?
ทุกๆคนต่างลูบหน้าอกแล้วตั้งคำถามให้กับตนเองอีกครั้ง
การผ่าธูปมั่วๆ ไม่จริงจังก็สามารถเรียกว่า “ทำ”ได้หรือไม่? หากไม่เรียกว่า “ทำ” แล้วจะเรียกว่าอะไร?
“หากไม่ทำก็ไม่มีทางที่จะพัฒนาตนเองได้เลยแต่การใช้แต่ความคิดหรือจินตนาการก็ไม่สามารถพัฒนาได้ยิ่งกว่า มันก็เหมือนกับการเดินนั่นแหละจุดเริ่มต้นเหมือนๆ กัน มีคนคนหนึ่งเดิน 100 ก้าว มีบางคนเดิน 1 ก้าว มันก็เป็การเดินเหมือนๆ กันแต่ผลของมันย่อมไม่มีทางเหมือนกัน ห้ามคิดว่าเมื่อมี 1 ก้าวนี้ก็เอาแต่ติดใจกับ 1 ก้าวนี้ แล้วอีก 99 ก้าวที่เหลือก็ค่อยๆ เดินทีละก้าวก็พอ เพราะว่าเมื่อเวลาผ่านไปจุดเริ่มต้นก็อาจจะเปลี่ยนไปแล้วคุณเดินไป 1 ก้าวแต่มันอาจจะขยับไปด้านหน้า 2 ก้าวหรืออาจจะขยับเป็ 10 ก้าวก็ได้ ซึ่งหลักการนี้ก็เป็หลักการเช่นเดียวกันกับการพายเรือทวนน้ำหากไม่ก้าวหน้าย่อมถอยหลัง ดังนั้น หากทุกคนอยากจะบรรลุเป้าหมายสักอย่าง คุณก็ต้องยืนหยัดและไม่ลังเลที่จะ‘ทำ’ ต่อไป”
“แปะๆ!......”
เมื่อหลินเยว่พูดจบทุกคนต่างปรบมือให้กับเขาจากใจจริงรวมทั้งคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดอย่างท่านฉางไท่และหลี่ชิงเมิ่ง
“ทำ” เป็คำที่มหัศจรรย์จริงๆ
ณ เวลานี้ นักศึกษาชั้นปี 1 ที่อยู่ในที่แห่งนี้ทั้งหมดต่างเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ของคำนี้แล้ว
ทำต่อไปเถอะ ไม่ว่าจะมีความยากลำบากขนาดไหนขอแค่ทำต่อไป ก็จะต้องประสบความสำเร็จในสักวัน
เสียงปรบมือดังอย่างกึกก้องอย่างยาวนาน
ณ เวลานี้ นักศึกษาทั้งหมดต่างไม่รู้สึกสงสัยในความสามารถของหลินเยว่อีกแล้วเพราะคนที่สามารถพูดบทเรียนอย่างลึกซึ้งให้กับพวกเขาได้เช่นนี้ คนคนนั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
อย่างน้อยเขาก็ต้องเคยผ่านประสบการณ์จากคำพูดเหล่านี้มาก่อน
เมื่อแนะนำตนเองเสร็จแล้วก็ถึงเวลาโชว์ความสามารถแล้วจริงๆ เพื่อให้มีความชัดเจนและสร้างความตื่นเต้นมากขึ้นผ้าสีดำที่ใช้สำหรับปิดตาจึงให้พวกนักศึกษาเป็คนเตรียม และก็เป็การหลีกเลี่ยงปัญหาที่พวกเขาอาจจะเกิดความสงสัยได้อีกด้วย
ขณะที่หลินเยว่เห็นว่านักศึกษาทุกคนต่างหยิบแว่นดำขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันสายตาของเขาจึงเปลี่ยนไปทันที
เป็ไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้......นี่เป็การวางแผนไว้ล่วงหน้าจริงๆ
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้เตรียมมีดไว้ให้เขาด้วยมิฉะนั้น แล้วอาจจะไม่ค่อยถนัดมือ อิอิ......
หลินเยว่ยิ้มพร้อมกับหยิบมีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บออกมาแต่เมื่อพวกนักศึกษาเห็นมีดแกะสลักของหลินเยว่แล้วก็มองอย่างตกตะลึง
โอ้ว นี่สิถึงจะเป็มืออาชีพกับมีดแกะสลักสำหรับมืออาชีพจริงๆพวกเขาวันๆ เอาแต่ถือมีดอีโต้มันจะใช้ได้ผลที่ไหนกันล่ะ!
ดังนั้น ในใจของทุกคนจึงเกิดความข้องใจ
เป็เพราะเขามีมีดแกะสลักเล่มนี้ถึงได้ประสบความสำเร็จเช่นนี้หรือเปล่า?
หากตนเองมีมีดแกะสลักเช่นนี้เหมือนกันไม่แน่หรอกนะพวกเขาอาจจะมีฝีมือเฉียบขาดแบบนี้บ้างก็ได้
เมื่อท่านฉางไท่เห็นสายตาของทุกๆ คนแล้วท่านจึงเข้าใจได้ทันทีว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ในใจจึงได้แต่แอบถอนหายใจแล้วพูดกับหลินเยว่ “หลินเยว่ เก็บมีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บลงไปเถอะ”
“เก็บลงไป?”
เมื่อหลินเยว่ได้ยินเช่นนี้จึงงงทันทีแต่เมื่อเขาเห็นสายตาของพวกนักศึกษาในห้องแล้วเขาก็จึงเข้าใจความหมายของท่านฉางไท่
เด็กพวกนี้นี่ไม่รู้หรือไงว่าตอนแรกเขาก็เหมือนกับพวกคุณเหมือนกัน? หรือบางทีพวกคุณอาจจะใช้มีดสั้นแต่เขาใช้มีดอีโต้ในการฝึกด้วยซ้ำ
หลินเยว่ส่ายศีรษะแล้วเก็บมีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บลงไปอย่างเรียบร้อย
“พวกคุณลองปรึกษากันว่าจะให้หลินเยว่ใช้มีดอะไรในการผ่าธูปปรึกษากันได้ตามสบาย พวกคุณคิดอยากให้เขาใช้มีดเหลาดินสอก็ยังได้เลย”ท่านฉางไท่พูดขึ้น สายตาของท่านเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของท่านฉางไท่ภายในห้องจึงเกิดเสียงดังอื้ออึงขึ้นมาทันที
ผ่านไปสองนาทีนักศึกษาที่รวมกลุ่มกันก็แยกย้ายกันออกไป ผลของการปรึกษากันออกมาแล้ว นั่นก็คือให้หลินเยว่ใช้มีดอีโต้ขนาดใหญ่
ส่วนธูปนั้นก็เป็สิ่งที่พวกนักศึกษาเตรียมมาและนี่จึงเป็การตัดโอกาสการโกงของหลินเยว่ในทุกๆ ด้านไม่ว่าหลินเยว่จะผ่าธูปได้สักกี่ดอก นั่นก็คือความสามารถที่แท้จริงของหลินเยว่
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วหลินเยว่จึงใช้ผ้าสีดำปิดดวงตาทั้งสองข้างของตนเอง เขามองไปรอบๆ ห้อง ผ้าผืนนี้มีสีจางกว่าที่เขาใช้ในบ้านของท่านฉางไท่เล็กน้อย
หลินเยว่ดึงผ้าสีดำลงมาท่ามกลางสายตาของทุกๆ คนแล้วพับซ้อนลงมาอีกสองชั้นแล้วใช้ผ้าดำ 3 ชั้นผูกปิดดวงตาของตัวเองขึ้นอีกครั้ง
เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของหลินเยว่จึงส่งเสียงออกมาอย่างตกตะลึง
ผ้า 3 ชั้น???
เขาคงไม่ได้บ้าหรอกนะ หากเป็ผ้า 3 ชั้นนั่นก็หมายความว่าเขามองไม่เห็นอะไรเลย
นักศึกษาทุกคนต่างได้ลองทดลองผ้าผืนนี้มาแล้วทั้งนั้นพวกเขาจึงรู้สถานการณ์เป็อย่างดี ในใจจึงมีแต่ความใมากยิ่งขึ้น
การกระทำที่ดูเหนือความคาดหมายเช่นนี้ทำให้ความรู้สึกสงสัยของพวกเขาลดน้อยลงและก็เกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
บางที เขาอาจจะสามารถลงมีด 10 ครั้ง ผ่าถูก 9 ครั้งจริงๆ
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทำไม่ได้ แต่ก็คงจะไม่ได้แย่ไปกว่านี้สักเท่าไร
การปิดตาด้วยผ้าสีดำ 3 ชั้นทำให้พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าหลินเยว่จะต้องผ่าถูก9 ครั้งหากสามารถผ่าได้ 3 - 4 ครั้งก็ถือว่าเป็เื่มหัศจรรย์แล้ว
แล้วเขาจะผ่าถูกกี่ครั้งกันล่ะ?
พวกเขาเกิดความคาดหวังอยู่ในใจ
และเวลานี้เอง นักศึกษาที่ได้ยินข่าวลือต่างมาล้อมอยู่นอกห้องเต็มไปหมดอย่างรวดเร็วมีบางส่วนที่มาดูเพราะอยากรู้ว่าเมื่อสักครู่ที่พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากด้านในนั้นเป็เพราะอะไรแต่มีคนจำนวนมากที่มาที่นี่เพราะได้ยินข่าวว่าราชินีน้ำแข็งกับผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนห้องนี้ดังนั้น พวกเขาจึงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อเห็นว่าหลินเยว่กำลังพูดบรรยายอยู่หน้าชั้นพวกเขาจึงรู้สึกโล่งใจ... คงเป็ผู้บรรยายที่เชิญมาเท่านั้นเองมันไม่ใช่ตามข่าวลือที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วว่าเป็แฟนกันแต่ทว่าคนที่สามารถร่วมนั่งรถคันเดียวกันกับราชินีน้ำแข็งก็เป็เื่ที่น่าอิจฉามากน่าจะเป็ผลบุญที่เกิดจากการบำเพ็ญเพียรมาหลายร้อยปีอย่างแน่นอน
นักศึกษามหาวิทยาลัยคุนิถือว่ามีมารยาทมากทีเดียวเมื่อเห็นว่าด้านในกำลังสอนอยู่ พวกเขาจึงไม่ส่งเสียงรบกวนเลย และเมื่อเห็น“อาจารย์” หนุ่มคนหนึ่งรับมีดอีโต้มาหนึ่งเล่ม อีกทั้งยังปิดตาไว้ด้วยพวกเขาก็ใจนไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจเสียงดัง
นี่กำลังจะทำอะไรกันเนี่ย?
กำลังสาธิตสุดยอดวิชามีดบินอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่คนตรงหน้าห้องเรียนกำลังข้องใจและคนภายในห้องเรียนกำลังรอคอยอย่างคาดหวังนั้น หลินเยว่ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวเขาค่อยๆ เดินทางไปธูปดอกแรก
สำหรับหลินเยว่แล้วเขาไม่ได้รู้สึกไม่คุ้นเคยกับมีดอีโต้ในมือเลย แต่เขากลับรู้สึกจับมันได้อย่างมั่นใจความรู้สึกเคยชินตอนที่เขาเริ่มฝึกในตอนแรกนั้นได้กลับมาอีกครั้ง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆทำจิตใจให้สงบเยือกเย็น เขาไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกเลยความสนใจทั้งหมดต่างพุ่งไปยังมีดในมือของเขาเพียงจุดเดียว
ณ เวลานี้ บรรยากาศรอบๆ มีแต่ความเงียบสงัดในใจของเขา มีเพียงมีดอย่างเดียวเท่านั้น
สมองของเขากำลังเคลื่อนไหวโดยไม่สามารถััได้สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กได้ปรากฏขึ้น!
นาทีถัดไป หลินเยว่พลันเคลื่อนไหวตัว
เขาไปหยุดตรงหน้าธูปดอกที่ 1
เมื่อเห็นการกระทำของหลินเยว่ นักศึกษาทั้งหมดในห้องที่กำลังสวมแว่นดำต่างจดจ่ออยู่ที่ธูปดอกแรกที่กำลังลุกไหม้อยู่โดยไม่กะพริบตาในใจของพวกเขากำลังตื่นเต้น
การลงมีดครั้งแรกจะผ่าถูกหรือไม่?
ลงมีด 10 ครั้งผ่าถูก9 ครั้งจะได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งหรือเปล่า?
นักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ช่างสังเกตก็พบว่าการก้าวเท้าของหลินเยว่มีความมั่นคงมากให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่ได้เดินปิดตาอยู่และดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขา นักศึกษาพวกนี้ครุ่นคิดอย่างตกตะลึงหรือว่าเขายังมีความสามารถในการมองเห็นแม้จะถูกปิดตาด้วยผ้า 3 ชั้น?
ไม่! ไม่มีทาง!
ยังไม่ทันรอให้พวกนักศึกษามีสติกลับคืนมาประกายจากการลงมีดพลันสะท้อนขึ้นในดวงตาของพวกเขา
การลงมีดครั้งแรก
ธูปดอกแรกดับลงอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า
พวกเขาทุกคนต่างตกตะลึง ผ่า...ผ่าถูกธูปแล้วจริงๆ!
ช่างเร็วมาก!
มีคนจำนวนมากที่รู้สึกแค่เพียงมีประกายมีดวูบผ่านไปแล้วก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย นักศึกษาที่อยู่ใกล้จึงจะได้ััถึงความมหัศจรรย์ของการลงมีดครั้งนี้อย่างลึกซึ้ง
จุดแดงตรงนั้นไม่ได้ดับไปเพราะถูกกระทบแต่เป็การที่คมมีดของมีดอีโต้ได้ผ่าลงไปตรงกลางจุดแดงๆ ตรงนั้นจริงๆแล้วก็ทำให้จุดแดงๆ ตรงนั้นดับไป
ช่างเป็การลงมีดที่น่าตกตะลึงมาก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้