สายตาของกั๋วฉานสบลงยังเม็ดยาที่ลอยอยู่บนฝ่ามือของเจียงเฉินทันที เขาสามารถััได้ถึงพลังหยางอันบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจากเม็ดยา และอักขระลึกลับที่ปกคลุมเม็ดยาทำให้มันดูลึกลับนัก
พลังงานที่เอ่อล้นออกมาจากเม็ดยาทำให้ใครที่สูดดมมันเข้าไปรู้สึกสดชื่น และมันให้ความรู้สึกเบาสบายอย่างไม่อาจสรรหาคำพูดมาอธิบายได้
"บัดซบ เม็ดยานี่ดูน่าอร่อยเสียจริง! มันคงจะดีไม่น้อยหากบิดาผู้นี้กับแกล้มคู่กับไวน์นี่!"
หวงต้าพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด สิ้นสุดคำพูดของมัน เท้าของเจียงเฉินก็ฟาดลงที่หน้าของมัน หลงเหลือรอยเท้าไว้บนหน้ามัน
"เ้าหมาเวร อย่าแม้แต่จะคิดยุ่งยาหกสุริยัน! อยากเจ็บตัวรึ!"
เจียงเฉินถลึงตาจ้องหวงต้า หวงต้ารู้ดีว่ามันผิด ดังนั้น นี่จึงเป็ครั้งแรกที่มันไม่เถียงกลับ
"สมุนไพรสี่สิบแปดชนิด ผสานเข้ากับดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคีและน้ำอมฤตหกสุริยัน ในที่สุดข้าก็ปรุงยาหกสุริยันได้สำเร็จ ด้วยเม็ดยานี่ก็จะสามารถประคับประคองชีวิตของหยวี่น้อยไว้ได้"
เจียงเฉินพูด เขาได้เตรียมน้ำศักดิ์สิทธิ์หกสุริยัน ก่อนที่เขาจะเริ่มปรุงยา เจียงเฉินได้บ่มเพาะทักษะหกสุริยัน เขาสามารถดูดซับพลังหยางบริสุทธิ์จากธรรมชาติและแปรเปลี่ยนออกมาเป็น้ำศักดิ์สิทธิ์หกสุริยันได้ มันเป็ส่วนผสมที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้
"เ้าน้องชาย...."
ทันใดนั้นกั๋วฉานได้ร้องไห้ออกมา น้ำตาได้ไหลริน เขาอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความสุข
เจียงเฉินรู้สึกสับสนกับน้ำตาของกั๋วฉาน เขาได้ดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคี และปรุงยาหกสุริยันได้สำเร็จ ดังนั้นตามที่เขาคิดกั๋วฉานควรจะมีความสุข หรือแม้ว่าเขาจะไม่มีความสุข แล้วทำไมเขาถึงร้องไห้ออกมา?
"พี่กั๋ว เป็อะไรไป? มีใครกลั่นแกล้งท่าน? หรือจะเป็หวงต้า? เช่นนั้นข้าจะแกล้งมันคืนให้ท่าน!"
เจียงเฉินพูดอย่างจริงจัง แต่นั่นทำให้เสียงร้องไห้ของกั๋วฉานดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม
"บัดซบ! มันเป็เ้าต่างหากที่ทำเขาร้องไห้ เื่นี้มันเกี่ยวอะไรกับข้า? เ้าแก่นี่มันร้องไห้เพราะสิ่งที่เ้าทำนั้นเกินกว่าที่เขาจะรับได้!"
หวงต้าะโเข้ามาและบอกปัดไม่รู้ไม่เห็นอย่างไว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดเจียงเฉินก็เข้าใจว่าทำไมกั๋วฉานถึงร้องไห้ออกมา ทั้งหมดเป็เพราะว่าเจียงเฉินได้ปรุงยาระดับสูงอย่างยาหกสุริยันสำเร็จภายในหนึ่งวันครึ่ง กั๋วฉานเป็นักปรุงยาที่มีเลื่องชื่อในแคว้นฉี สิ่งนี้ทำให้ความภาคภูมิใจของเขาได้ถูกทำลายลง
"น้องชาย นี่มันมากเกินไปสำหรับข้าจริงๆ"
กั๋วฉานรู้สึกมีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน เขารู้สึกค่อนข้างรันทดตัวเอง เขามีความสุขที่เจียงเฉินปรุงยาหกสุริยันสำเร็จ นั่นหมายความว่าเยี่ยนเฉินหยวี่รอด อย่างไรก็ตามเขารู้สึกรันทดใจเพราะว่าเจียงเฉินได้หักหน้าของเขาอย่างรุนแรง เขาคิดว่าไม่ว่าเจียงเฉินจะอัจฉริยะขนาดไหน อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามถึงสี่วันในการปรุงยานี้ แต่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะสำเร็จเพียงในครั้งเดียวและใช้เวลาแค่หนึ่งวันครึ่ง แถมดูจากสีของเม็ดยา มันต้องมีประสิทธิภาพเต็มสิบส่วนเป็แน่ ทักษะการปรุงยาของเจียงเฉินมันน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง
"พี่ชาย ในตอนนี้ท่านมีทักษะยอดิญญาต้าเหยี่ยนแล้ว ทักษะการปรุงยาของท่านจะต้องก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน! ดังนั้นท่านไม่ต้องร้องนะ ข้าขอตัวไปช่วยหยวี่น้อยก่อน"
เจียงเฉินวางมือไว้บนไหล่ของกั๋วฉานปลอบประโลมเขา หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เยี่ยนเฉินหยวี่พักฟื้นอยู่
กั๋วฉานถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา จากนั้นเขาก็ตามเจียงเฉินไป ตัวตนของเจียงเฉินได้สอนเขาว่าปาฏิหารย์คืออะไร นับแต่นี้เป็ต้นไป ไม่ว่าสิ่งที่ท้าทาย์จะเกิดขึ้นรอบตัวเจียงเฉิน กั๋วฉานก็จะไม่เป็เช่นวันนี้อีก
เยี่ยนเฉินหยวี่ยังคงนอนอยู่บนเตียงภายในห้องที่เงียบสงบ นางดูราวเ้าหญิงนิทรา
เจียงเฉินนั่งลงไปข้างกายนาง เขายื่นฝ่ามือของเขาลูบบนใบหน้าที่เย็นเฉียบของนาง จากนั้นพูดเขาก็ค่อยๆพูดออกมาว่า
"หยวี่น้อย มันเป็ความผิดของท่านพี่เจียงเฉินที่ไม่สามารถปกป้องเ้าได้ เมื่อเ้าหายดีแล้ว ข้าให้สัญญา ข้าจะไม่ปล่อยให้เ้าต้องประสบกับเื่เลวร้ายใดๆ ใครก็ตามที่กล้าข่มเหงเ้า ข้าจะสังหารพวกมันทั้งหมด"
น้ำเสียงของเจียงเฉินนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่กั๋วฉานสามารถััได้ถึงความปราถนาที่แรงกล้าและความโเี้ในคำพูด คำพูดของชายผู้นี้ มิใช่เื่ล้อเล่น
เจียงเฉินป้อนยาหกสุริยันเข้าไปในปากเรียวเล็กของเยี่ยนเฉินหยวี่ เมื่อเม็ดยาได้เข้ามาในร่างกายของนาง ทันใดนั้น พลังงานมหาศาลได้แผ่ออกมาจากร่างกายของนาง เพียงแค่ไม่นาน ม่านพลังแสงสีทองได้ปรากฎขึ้นภายนอกร่างกายของนาง เยี่ยนเฉินหยวี่ยังคงนอนหลับอย่างเงียบสงบภายในม่านพลังนั่น ม่านพลังสีทองนั้นเหมือนกับดักแด้ที่คอยปกป้องเยี่ยนเฉินหยวี่ รอจนถึงเวลาที่นางจะแตกออกมา และถือกำเนิดใหม่
"ด้วยฤทธิ์ของยาหกสุริยันสามารถรับประกันชีวิตของหยวี่น้อยได้ นางจะดูดซับความพลังจากเม็ดยาทีละน้อย ขณะที่นางกำลังหลับ ในอนาคตเมื่อข้าหาน้ำอมฤตเก้าสุริยันและให้นางดื่มมัน หยวี่น้อยก็จะตื่นขึ้นและระดับการบ่มเพาะของนางก็จะพุ่งทะยานสูงขึ้น"
เจียงเฉินอธิบาย
กั๋วฉานผงกหัว เขาไม่สงสัยในสิ่งที่เจียงเฉินพูด ส่วนประกอบของยาหกสุริยันมีดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคีอยู่ภายใน และมันก็ล้ำค่าเพียงพอ หากมีน้ำอมฤตเก้าสุริยัน ไม่ต้องพูดถึงเยี่ยนเฉินหยวี่ที่มีกายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยิน แม้แต่คนธรรมดาก็กลายเป็อัจฉริยะและระดับการบ่มเพาะก็จะทะยานสูงขึ้น
"พี่กั๋ว ข้าคงเดินทางไปนรกอเวจีในอีกไม่กี่วัน ท่านต้องช่วยข้าดูแลหยวี่น้อยกับอาหยานด้วย"
หลังจากที่ช่วยชีวิตเยี่ยนเฉินหยวี่ได้ เป้าหมายต่อไปของเจียงเฉินคือนรกอเวจี และตามหาอสูรโลกา ฮันหยานเป็พี่ชายคนแรกของเขาหลังจากที่เขาได้กำเนิดใหม่ ดังนั้นเจียงเฉินต้องช่วยเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
"น้องชาย เ้า้าเข้าไปยังนรกอเวจีจริงๆน่ะหรือ?"
เมื่อพูดถึงนรกอเวจี กั๋วฉานอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น มันเป็สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ทางที่ดีที่สุดคืออย่าได้ย่างกรายเข้าไป เพราะมันอันตรายเกินไป
"ข้าสนใจสิ่งที่อยู่ภายในนรกอเวจี นอกจากนี้ข้ายังจำเป็ต้องเข้าไปเพื่อช่วยอาหยาน เมื่อกวนอี้หยุนมีความกล้าพอที่จะเข้าไป ข้าเจียงเฉินก็ไม่มีอะไรให้เกรงกลัว"
เจียงเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขารักการผจญภัยและการท้าทาย มันได้ให้ความหมายกับชีวิตของเขา นอกจากนี้ ด้วยทักษะร่างแปลงั เขาจำเป็ต้องฟันฝ่าสิ่งท้าทายจำนวนหนึ่งก่อนที่จะคืบหน้าขึ้นมา การบ่มเพาะทักษะร่างแปลงัจะยากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทะลวงผ่านขั้นต่อไป ดังนั้นเจียงเฉินจึงถือโอกาสนี้เข้าไปยังนรกอเวจี
"หวงต้า การเดินทางไปนรกอเวจีนี่เต็มไปด้วยอันตราย เ้าสามารถเลือกจะไม่ตามข้าไปก็ได้ ข้าไม่บังคับเ้า"
เจียงเฉินมองไปที่หวงต้าก่อนจะพูดออกมา
"บัดซบ เื่อันตรายจะทำให้นายท่านหมาผู้นี้สะทกสะท้านหรืออย่างไร?ข้าจะบอกเ้าไว้นะเ้าหนู อย่าได้คิดทิ้งข้าไว้แล้วไปนรกอเวจีคนเดียว เื่นี้บิดาตัดสินใจแล้ว!"
หวงต้าเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส และพูดออกมาอย่างโอหัง
"ฮ่าฮ่า ดีมาก!"
เจียงเฉินะเิหัวเราะออกมา ความยินดีนี้มาจากใจ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวงต้าจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด หลังจากที่ใช้เวลาด้วยกัน และผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของพวกเขาได้ก่อตัวขึ้น ไม่ว่าเจียงเฉินจะทำอะไร ไม่ว่ามันจะอันตรายเพียงใด หวงต้าก็เต็มใจที่จะติดตามเขาไปเสมอ ั้แ่การสังหารราชันย์จันทราโลหิตจนไปถึงหมูป่าหนามอัคคี หวงต้าได้ช่วยเหลือเขาเสมอมา
นอกจากนี้ เมื่อเ้าหมานี่ติดตามเขา มันช่วยเขาได้มาก
หลังจากที่จัดการเื่เยี่ยนเฉินหยวี่เสร็จเรียบร้อย ในที่สุดในใจของเจียงเฉินสามารถวางใจได้เสียที เขารู้สึกผ่อนคลาย ในคืนเดียวกันด้านนอกสวนสมุนไพรของกั๋วฉาน เจียงเฉิน กั๋วฉาน และหวงต้า นั่งอยู่รอบโต๊ะหิน พร้อมดื่มด้วยกัน และแน่นอนว่า พวกเขาดื่มไวน์ที่ดีที่สุดที่กั๋วฉานได้บ่มขึ้นมา
ฟุ่บ...!
ทันใดนั้น ได้มีร่างร่อนลงมาจากท้องฟ้า และปรากฏขึ้นที่โต๊ะตัวถัดไป ชายคนนั้นไม่ได้เกรงใจแต่อย่างใด เขานั่งลงและหยิบแก้วไวน์ จากนั้นซดลงไปหนึ่งกรึ๊บ
"ท่านผู้นำ ท่านไม่มีความเกรงใจกันเลย นั่นไวน์ข้าไม่ได้ขอข้าสักคำ"
กั๋วฉานพูดออกมา ผู้ที่มาถึงไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากผู้นำนิกายเซวียนอี้ นักพรตเซวียนอี้
"อะไรเล่า?บิดาแค่ดื่มไวน์ของเ้า เ้าจะงกไปทำไม?"
หาได้ยากที่นักพรตเซวียนอี้จะพูดตรงไปตรงมา
"ข้ามั่นใจว่าท่านผู้นำมาที่นี่ต้องมีเหตุผลเป็แน่"
เจียงเฉินพูดพร้อมกับกุมมือต่อนักพรตเซวียนอี้
"ก็มีเื่จริงๆน่ะแหละ ที่ข้ามาที่นี่แจ้งข่าวแก่พวกเ้า มันอาจทำให้เ้ารู้สึกได้ถึงวิกฤติ"
นักพรตเซวียนอี้มองไปยังเจียงเฉินและพูดขึ้น
"รู้สึกถึงวิกฤติการณ์?หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับหนานเป่ยเฉา?"
เจียงเฉินเป็คนหลักแหลม สิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักพรตทมิฬและเจียงเฉินได้ มันต้องเป็เื่บางอย่างเกี่ยวกับหนานเป่ยเฉา
"ถูกแล้ว ข้าเพิ่งได้ข่าวมา หนานเป่ยเฉาทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว นี่ยังไม่เท่าไร ส่วนสำคัญจริงๆอยู่ที่เขาถูกวังยุทธเลือก หลังจากนี้เขาจะได้เป็ศิษย์ของวังยุทธ"
เมื่อพูดถึงวังยุทธ (武府) เพียงคำสองคำ ก็ทำให้นักพรตเซวียนอี้อดที่จะแสดงความชื่นชมนับถือมิได้
"ว่ายังไงนะ? หนานเป่ยเฉาถูกวังยุทธเลือก?"
กั๋วฉานอุทานออกมาด้วยความใ สิ่งที่เขาได้ยินนั้นเป็เื่ฟ้าดินะเืจริงๆ
เจียงเฉินมีท่าทีงุนงง จึงถามออกมาว่า
"วังยุทธ มันคืออะไรรึ?"
"เจียงเฉิน ดูเหมือนว่าเ้าจะไม่รู้ถึงขุมกำลังในทวีปตะวันออกดีนัก เ้าเคยได้ยิน'ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์'หรือไม่?"
นักพรตเซวียนอี้ถามขึ้น
เจียงเฉินส่ายหัว เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นมาก่อน ั้แ่เขามาจากเมืองชื่อ ผ่านเขาต้นกำเนิด และมายังแคว้นฉี เขาก็ไม่ได้ไปแวะหยุดที่อื่น ในทวีปตะวันออกมีแคว้นทั้งหมดยี่สิบแปดแคว้น และบรรดาขุมกำลังใหญ่และความสัมพันธ์ระหว่างขุมกำลัง ซึ่งเป็สิ่งที่เจียงเฉินไม่คุ้นจริงๆ
"น้องชาย ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็ขุมกำลังั์ใหญ่ของทวีปตะวันออก เ้าสามารถบอกได้ว่าขุมกำลังของพวกเขาได้ปกครองทั่วทั้งทวีปตะวันออก ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์ได้สร้างวังยุทธขึ้นมา และเป้าหมายของมันคือฝึกฝนอัจฉริยะที่มาจากทุกแคว้นของทวีปตะวันออก"
กั๋วฉานอธิบาย
"เป็อย่างนี้นี่เอง ด้วยความสามารถและศักยภาพของหนานเป่ยเฉา เป็ธรรมดาที่มันจะถูกวังยุทธเลือก จริงด้วย เมื่อราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์ปกครองทั่วทั้งทวีปตะวันออก แคว้นฉีเองก็อยู่ในอาณาเขตปกครองด้วยนี่ เหตุใดถึงไม่มีใครพูดถึงมาก่อน?"
เจียงเฉินถามอย่างงุนงง
"มันน่าอับอายนัก แคว้นฉีเป็หนึ่งในแคว้นที่อ่อนแอที่สุดในทวีปตะวันออก และราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตา ในความจริงนั้น ไม่มีนิกายไหนในแคว้นฉีที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์ มีอัจฉริยะจำนวนไม่น้อยจากนิกายใหญ่ทั้งสี่และพวกเขาทั้งหมดได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ก่อนอายุสามสิบ และกลายเป็ศิษย์หลัก แต่ไม่มีคนใดที่สามารถดึงดูดความสนใจของวังยุทธได้ ดังนั้น พวกเขาทำได้เพียงเดินทางไปยังแคว้นที่ทรงพลังยิ่งกว่าเพื่อฝึกฝนตัวเอง มันเป็ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่คนของวังยุทธเดินทางมายังแคว้นฉีเพื่อเชิญหนานเป่ยเฉาเป็ศิษย์ของพวกเขา นี่มันได้พิสูจน์ถึงศักยภาพที่เหลือเชื่อของหนานเป่ยเฉา ตอนนี้ หนานเป่ยเฉาทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว และเ้าก็จะแบกรับแรงกดดันหนักหน่วงยิ่งขึ้น"
นักพรตเซวียนอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็กังวล หนานเป่ยเฉาเป็คนแรกจากแคว้นฉีที่ได้เป็ศิษย์ของวังยุทธ ตัวตนของมันไม่เป็เพียงแค่ภัยคุกคามสำหรับเจียงเฉินเท่านั้น แต่มันยังเป็ภัยคุกคามสำหรับนิกายใหญ่อีกสามนิกายในแคว้นฉี อีกเพียงไม่กี่ปีสมดุลอำนาจระหว่างนิกายใหญ่ทั้งสี่ก็จะหมดไป
