“พี่เฟิง!”
เมื่อเห็นมู่เฟิงกำลังโดนดูถูกเหยียดหยาม คนตระกูลมู่บางส่วนต่างก็รู้สึกทั้งเห็นใจ และขุ่นเคืองขึ้นมา ทว่าก็ยังมีบางคนที่รู้สึกพอใจกับสิ่งนี้ และกล่าววาจาถากถางอีกฝ่ายต่อในทันที
“ฮึ่ม ช่างน่าอับอายขายหน้าต่อตระกูลมู่ของเราเสียจริง แม้เ้าจะมีกระดูกิญญา มีพร์ที่ล้ำเลิศโดดเด่นแล้วอย่างไร ในเมื่อตอนนี้เ้าก็เป็เพียงแค่คนไร่ค่าคนหนึ่งเท่านั้น”
มู่ชิงกล่าววาจาเหยียดหยามเด็กหนุ่มต่อหน้าฝูงชน
“เฮอะ เ้าเห็นหรือไม่ เป็เ้าที่นำความอัปยศมาให้ตัวเอง เห็นอยู่ชัดเจนว่าเส้นลมปราณของเ้าถูกทำลายไปแล้ว เ้าก็ยังดันทุรังมาที่นี่เพื่อทำให้ตัวเองขายหน้าอีก กำลังเล่นตบหน้าตัวเองอยู่หรืออย่างไร”
มู่ชิงยังคงกล่าวประชดประชัน ทำให้ซั่งกวานเชียนจื้อที่อยู่ทางฝั่งตระกูลซั่งกวานยิ้มเยาะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะพูดกล่าวเสริมอีกฝ่ายด้วยคำพูดเจ็บแสบ
“ฮ่าๆ นายน้อยกล่าวได้ถูกต้อง ตระกูลมู่เป็ถึงตระกูลแม่ทัพ แต่มู่เฟิงผู้นี้กลับทำให้ตระกูลมู่ต้องขายหน้าแล้ว”
"ใช่ๆ หากข้าเป็เขาไหนเลยจะกล้ามาที่นี่"
"......"
กลุ่มคนรุ่นเยาว์จากตระกูลซั่งกวานกล่าวเย้ยหยันและโห่ร้องราวกับสมเพชอีกฝ่ายหนักหนา
"เฟิง..."
เด็กสาวจากตระกูลอวิ๋นผู้มีดวงตาใสกระจ่าง ทว่าในเวลานี้แววตาของอวิ๋นชิงว่านกลับดูเป็กังวลอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเ้าของมันกำลังทุกข์ใจ
ทางฝั่งมู่เฟิงที่กำลังยืนอยู่บนกระแสลมปากอันแหลมคม*นี้ เด็กหนุ่มได้กวาดตามองสีหน้าของผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง ความจริงเป็อย่างไรนั้นมีเพียงตัวเขาที่ทราบดีกว่าใคร
(*ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกผู้คนในสังคมวิพากย์วิจารณ์อย่างโหดร้าย)
จ้าวเหิงจ้องมองมู่เฟิงอย่างเหยียดหยาม ก่อนที่สายตาของเขาจะเสมองไปยังชั้นบนของอาคารสูงแห่งหนึ่ง และพยักหน้า
มู่เฟิงกำหมัดแน่น ขณะจ้องมองจ้าวเหิงและกล่าวด้วยรอยยิ้มหยัน "ท่านผู้าุโ แม้เส้นลมปราณของข้ามู่เฟิงผู้นี้จะถูกทำลายไปแล้ว แต่ชีวิตของคนเรานั้นยังอีกยาวไกลนัก ในตอนนี้ผู้ใดที่จะได้เป็ฝ่ายหัวเราะก็คงยากที่จะบอกได้ ท่านจงจดจำคำพูดของท่านในวันนี้เอาไว้ให้ดีเถอะ วันหนึ่งข้าจะทำให้ท่านได้รับความรู้สึกของการโดนดูถูกเหยียดหยามเหมือนที่ท่านทำกับข้าในวันนี้ อย่าได้คิดรังแกคนที่ไร้หนทาง เพราะเด็กหนุ่มเช่นข้าก็มีความคิดและความฝันเช่นกัน”
มู่เฟิงชี้นิ้วไปยังจ้าวเหิง ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดัง โดยเสียงนี้ได้ก้องกังวานไปทั่วลานจัตุรัส
ผู้ใหญ่หลายคนที่อยู่ภายนอกอดไม่ได้ที่จะมองมู่เฟิงอย่างชื่นชม หากเทียบกันคนรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว คงไม่มีใครมีความทะเยอทะยานมากไปกว่าเขา แต่ท้ายที่สุดหนทางการฝึกยุทธ์ของเด็กหนุ่มก็ถึงทางตันแล้ว
หลังกล่าวจบมู่เฟิงได้หันหลังจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
"หยุด!"
สีหน้าของจ้าวเหิงพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียด เขาะโสั่งอย่างเ็า
"ท่านยังมีธุระอันใดอีกงั้นหรือ?"
มู่เฟิงหยุดยืนโดยไม่หันกลับมามอง
“เฮอะ จะทำให้ข้าได้รับความรู้สึกของการโดนดูถูกเหยียดหยามงั้นรึ ข้าอยากจะเห็นนักว่าเ้าจะทำอย่างไร เช่นนั้นเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่”
จ้าวเหิงกล่าวเยาะเย้ย
“หื้ม เดิมพันอะไรงั้นหรือ?”
มู่เฟิงหันกลับมาในทันที
“ปีนี้เ้าเพิ่งอายุได้สิบห้าปี ในอีกสองปีจะมีการเปิดรับศิษย์อีกครั้ง หากตอนนั้นเ้าสามารถเอาชนะเขาได้ ข้าจะเป็ฝ่ายขอโทษเ้าต่อหน้าสาธารณชนที่ข้าจ้าวเหิงผู้นี้ดวงตามืดบอด แต่ถ้าเ้าไม่อาจเอาชนะเขาได้ เ้าต้องยอมก้มหัวขอโทษข้าต่อหน้าสาธารณชนที่ทำตัวหยาบคายไร้มารยาท เ้ากล้าหรือไม่?”
จ้าวเหิงกล่าวกับมู่เฟิงอย่างเ็า ขณะชี้นิ้วไปยังซั่งกวานเชียนจื้อ
หลังจากได้ฟังคำพูดเหล่านี้ ผู้าุโหลายคนต่างขมวดคิ้ว การกระทำของจ้าวเหิงดูจะเกินเลยไปหน่อยหรือไม่ ถึงอย่างไรเขาก็เป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตาน เหตุใดต้องไปเพ่งเล็งเด็กหนุ่มคนหนึ่งถึงเพียงนี้ด้วย
"ฮ่าๆ ในอีกสองปีข้างหน้าข้ายินดีประลองกับยอดอัจฉริยะมู่ผู้ยิ่งใหญ่"
ซั่งกวานเชียนจื้อหยัดกายลุกขึ้น ก่อนหัวเราะออกมาเสียงดัง เวลานี้วรยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับทงม่ายขั้นเก้าแล้ว และอีกไม่นานคงสามารถทะลวงสู่ระดับจื่อฝู่ได้สำเร็จ ยิ่งหากเป็หลังจากที่เขาได้ฝึกฝนวรยุทธ์ในสำนักศึกษาราชวงศ์เป็เวลาสองปีแล้ว เขาย่อมมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถเอาชนะมู่เฟิงได้อย่างแน่นนอน
“ว่าอย่างไร เ้ากล้าหรือไม่?”
ซั่งกวานเชียนจื้อแสยะยิ้ม ในขณะที่จ้าวเหิงจ้องมองอย่างเย้ยหยัน
“ช้าก่อน ข้าไม่เห็นด้วย”
ฉับพลันนั้นได้มีเสียงของสตรีนางหนึ่งดังแทรกขึ้น โดยเสียงนี้คือเสียงของอวิ๋นชิงว่าน
อวิ๋นชิงว่านเดินออกมาเบื้องหน้า ก่อนกล่าวว่า "ข้าไม่เห็นด้วยกับการเดิมพันนี้ ในอีกสองปีข้ายินดีต่อสู้แทนมู่เฟิง!"
คำพูดนี้ของอวิ๋นชิงว่านก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ผู้คนทันใด มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เกิดความรู้สึกอิจฉาริษยา
ตอนนี้มู่เฟิงได้กลายเป็เพียงแค่เศษสวะผู้หนึ่ง แต่อวิ๋นชิงว่านกลับยังคงทุ่มเทให้เขามากมายถึงเพียงนี้ แบบนี้จะไม่ให้ผู้คนรู้สึกอิจฉาได้อย่างไร
เมื่อซั่งกวานเชียนจื้อเห็นอวิ๋นชิงว่านออกตัวแทนมู่เฟิงเขากลับยิ่งโกรธเคือง จึงกล่าวต่อว่าอีกฝ่าย "มู่เฟิง เ้าคิดจะหลบอยู่หลังสตรีเช่นนี้หรือ?"
มู่เฟิงสูดลมหายใจก่อนมองไปยังว่านเอ๋อร์ที่มองมาทางตนด้วยความกังวล เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้า
จากนั้นเขาได้มองไปยังจ้าวเหิงด้วยสายตาเด็ดขาดแน่วแน่ ท่าทีของเขาในตอนนี้ดูดุดันไม่น้อย "ข้ารับเดิมพัน แต่หลังจากนี้อีกสองปี หากข้าสามารถเอาชนะเขาได้ ท่านต้องขอโทษข้าต่อหน้าผู้คนทั้งหมดในเมืองหลวง จากนั้นก็ควักดวงตาของตัวเองและยอมรับว่าท่านนั้นดวงตามืดบอด"
“ฮ่าๆ ๆ ตกลง ข้าอยากจะเห็นนักว่าเ้าจะทำให้ข้าขอโทษเ้าได้อย่างไร แล้วจะควักดวงตาของข้าออกมาได้อย่างไร”
จ้าวเหิงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
"เฟิง..."
อวิ๋นชิงว่านหันมามองมู่เฟิงอย่างขุ่นเคือง นางนึกตำหนิเขาที่หุนหันพลันแล่นตกปากรับคำในเงื่อนไขที่ไม่มีทางเป็ไปได้
ทว่ามู่เฟิงกลับส่งยิ้มให้นาง ก่อนเปิดปากพูดอย่างไร้เสียงออกมาสามคำว่า เชื่อใจข้า!
“สำนักศึกษาราชวงศ์รังแกผู้คนเกินไปแล้ว สำนักศึกษาเช่นนี้ ข้าไม่สนใจหรอก พี่เฟิง สองปีจากนี้ข้าจะอยู่ข้างท่านเอง ส่วนสิทธิ์การเข้าศึกษาของข้าในปีนี้ ข้ามู่ขวงไม่สนใจ”
ท่ามกลางฝูงชน นอกจากอวิ๋นชิงว่านแล้วยังมีมู่ขวงที่สนับสนุนมู่เฟิงเป็ที่สุด เขาหยัดกายลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาหามู่เฟิง
มู่เฟิงพลันรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที ไม่ว่าผู้คนบนโลกจะเย้ยหยันหรือเหยียดหยามเขาอย่างไร แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีน้องชายผู้นี้ที่ไม่เคยทอดทิ้งเขา
“มู่ขวง เ้าบ้าไปแล้วหรือ อย่าได้พูดจาเหลวไหล”
ท่ามกลางฝูงชน ชายร่างกำยำผู้หนึ่งที่คล้ายคลึงกับมู่ขวงะโขึ้น
“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้บ้า คนพวกนี้ต่างหากที่บ้าไปแล้ว พี่เฟิงเข้าร่วมกองทัพั้แ่อายุเก้าขวบ สร้างเกียรติยศให้กับตระกูลมู่ของเรา สังหารศัตรูมากมายเพื่อชาติและบ้านเมือง แล้วพวกเขาเล่าทำอะไรบ้าง พวกเขาต่างก็เป็พี่น้องตระกูลมู่ พี่เฟิงถูกเหยียดหยามต่อหน้าเช่นนี้ แต่พวกเขากลับเข้าร่วมวงวิจารณ์ เหตุใดเมื่อก่อนไม่เห็นพวกเ้ากล้าพูดเช่นนี้? เ้าพวกคนเสแสร้ง เป็แค่เศษขยะ ในชีวิตนี้ของข้ามู่ขวงมีเพียงคนสองคนที่ข้าเคารพและเลื่อมใสเป็ที่สุด หนึ่งคือท่านลุงมู่เทียนที่ตายในสนามรบเพื่อบ้านเมือง สองคือพี่เฟิง"
มู่ขวงชี้นิ้วไปยังกลุ่มคนรุ่นเยาว์ของตระกูลมู่ พลางกล่าวกับผู้เป็บิดา เด็กหนุ่มเลือกจะยืนอยู่ข้างมู่เฟิงด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่
"บนร่างกายของพี่เฟิงมีรอยแผลมากมายที่เขาทำเพื่อบ้านเมือง แล้วพวกเ้าเล่า? เป็เพียงกลุ่มคุณชายเ้าสำอาง พวกเ้ามีคุณสมบัติอันใดมากล่าวหาว่าพี่เฟิงเป็คนไร้ประโยชน์ ไว้พวกเ้าเข้าร่วมสนามรบสังหารศัตรูและหิ้วหัวพวกเขากลับมาให้ได้สักสองคนก่อนเถอะค่อยมาพูด”
สีหน้าเหล่าคนรุ่นเยาว์ของตระกูลมู่พลันเปลี่ยนเป็แดงก่ำ คำพูดของมู่ขวงทำให้พวกเขาพูดอะไรไม่ออก กระทั่งบิดาของเขายังหยุดชะงัก
ในความเป็จริง บรรดาผู้ใหญ่ในตระกูลมู่ต่างชื่นชอบในตัวมู่เฟิง พวกเขามักจะคอยปกป้องเด็กหนุ่ม และยกอีกฝ่ายมาเป็ตัวอย่างให้บุตรของตนได้เรียนรู้ สิ่งเหล่านี้จึงทำให้คนรุ่นเยาว์ในตระกูลมู่รู้สึกไม่พอใจในตัวมู่เฟิง
“ข้าเองก็ขอถอนตัวออกจากการสมัครในครั้งนี้เช่นกัน”
ทันใดนั้นอวิ๋นชิงว่านก็ได้กล่าวขึ้น เด็กสาวเดินไปอยู่ข้างกายมู่เฟิง ฉากนี้ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
"ว่านเอ๋อร์ เ้า..."
มู่เฟิง้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่านเอ๋อร์กลับยกมือขึ้นแตะใบหน้าของเขา พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "เ้าคือสายลมที่อิสระ ส่วนข้าคือใบไม้ที่เกาะเกี่ยวไปตามสายลม สายลมอยู่ที่ใด ใบไม้ย่อมอยู่ที่นั่น"
รอยยิ้มของเด็กสาวราวกับหยดน้ำที่ไหลชโลมหัวใจอันแห้งเหี่ยวของเขา ทำให้มันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ดวงตาของมู่เฟิงฉายแววพอใจเป็อย่างยิ่ง
ใบหน้าผู้าุโทั้งสามของสำนักศึกษาพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียด อวิ๋นชิงว่านคือคนที่มีพร์สูงสุดในการทดสอบครั้งนี้ หากนางถอนตัวเพื่อไปยังสำนักศึกษาอื่น เกรงว่าพวกเขาอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน
"เหลวไหล!"
ฉับพลันนั้นได้ปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่งขึ้น ครั้งนี้เป็อวิ๋นไห่
"ท่านพ่อ!"
อวิ๋นชิงว่านหันไปมองทางอวิ๋นไห่ในทันที อวิ๋นไห่กำหมัดคำนับผู้าุโทั้งสามของสำนักศึกษา "ท่านผู้าุโทั้งสาม สิ่งที่นางกล่าวออกมาเมื่อครู่ล้วนเป็คำพูดเหลวไหล ไม่อาจถือเป็จริงเป็จังได้"
“ท่านพ่อ ข้าไม่...”
“หุบปาก หากครั้งนี้เ้าไม่เข้าศึกษาในสำนักศึกษาราชวงศ์ เช่นนั้นก็ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าพ่อ ส่วนเ้ามู่เฟิง เ้าลืมข้อตกลงระหว่างเราแล้วหรือ”
อวิ๋นไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะใช้สันมือกระแทกลงบนท้ายทอยของอวิ๋นชิงว่านจนนางสลบลงในอ้อมแขน จากนั้นเขาก็หันไปมองมู่เฟิงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเ็า
“ข้าย่อมจำได้แน่นอน”
มู่เฟิงกล่าว
“เ้าจำได้ก็ดี เื่เมื่อครู่เป็นางที่พลั้งพลาดไป หวังว่าผู้าุโทั้งสามคงไม่ตำหนิ ในวันพรุ่งนี้ข้าจะเป็คนส่งนางเข้าสำนักศึกษาด้วยตัวเอง”
อวิ๋นไห่โอบร่างของอวิ๋นชิงว่านไว้ พร้อมกับกล่าวขออภัยผู้าุโทั้งสาม จากนั้นเขาก็เหลือบมองมู่เฟิงก่อนจะเดินจากไป
มู่เฟิงเฝ้ามองว่านเอ๋อร์ที่ถูกอุ้มจากไป ก่อนที่เด็กหนุ่มจะกำหมัดแน่น
"ว่านเอ๋อร์วางใจเถอะ เฟิงจะไม่ทำให้เ้าผิดหวัง ไม่มีวัน!"
หลังจากนั้น มู่เฟิงก็ไม่ได้มองหน้าผู้ใดอีก เขาเดินออกจากแท่นหินไปพร้อมกับมู่ขวง
เื่การเดิมพันเมื่อครู่กลายเป็ประเด็นร้อนในหัวข้อสนทนาของผู้คนทันที แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็สามารถคาดเดาตอนจบได้อยู่แล้ว เกรงว่าท้ายที่สุดคงเป็มู่เฟิงที่ต้องคุกเข่าขอโทษ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้