แผนสวาท
ลุงยามกะดึก
ผู้เขียน
ข้าวหลาม
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเื่นี้เป็เพียงเื่ที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเื่จริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเื่ ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
บาง่บางตอนของความระทึก
“งืออออ… ไม่นะ”
ซีนน์ใกลัว…
“ไหนขอลุงดูซิ… เอ็งซ่อนอะไรไว้ในนี้ ทำไมมันตึงแน่นแบบนี้ อู้ว… ก้นสวยมากไอ้หนู”
ฝ่ามือใหญ่ของลุงดำฟาดลงบนแก้มก้นเอิบอิ่มของซีนน์เสียงดังเพียะ ก่อนจะเอามือข้างหนึ่งรวบเอว…
มืออีกข้างที่เหลือตะปบ บีบขยำแล้วลูบไล้ขึ้นมาที่เอวและเนินอกขาวเขียน
“อ๊ะ… อ๊า… ”
ซีนน์สะดุ้ง…
ลุงดำเอามือหยาบกร้านบีบขยำเนินอกแล้วบี้เม็ดหัวนมทั้งสองข้างสลับไปมาจนปลายหัวนมของซีนน์ชูชันชี้ฟ้า ก่อนจะเผลอครางออกมาด้วยความเสียว
“ก้นแน่นดีจังไอ้หนู… ว้าว… งอนสวยแบบนี้ยิ่งน่าจับกระเด้า”
ลุงยามเผยความหื่นออกมาว่าเป็สายรุก มือใหญ่บีบขยำก้นหนั่นแน่นของซีนน์อย่างกระหาย
มืออีกข้างที่เหลือบีบบี้หัวนมที่กำลังชูชัน แข็งโด่ขึ้นมาเสียดสีอยู่ภายใต้ฝ่ามือหยาบใหญ่ของลุงยาม
“อ๊า… ลุงจะทำอะไร… ”
ซีนน์เสียงสั่น ยอมรับว่ากลัว…
แผนสวาท
ลุงยาม
ตอนที่ 1
ตอนค่ำของวันศุกร์
ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของภาคเหนือ
“ง่วงหรือยังวะก้อง… ”
‘ซีนน์’ นักศึกษาหนุ่มสาขาวิชาศิลปะปีหนึ่ง เอ่ยถามกับรูมเมทร่วมห้องขณะยืนกอดยกอยู่ที่ระเบียงหลังห้องพักชั้นสาม อยู่ในหอพักชายอาคารสี่
ดวงตาของซีนน์จ้องมองไปยังร้านอาหารอยู่ที่หอพักฝั่งตรงข้าม คือหอพักชายอาคารสาม แต่รู้กันว่าด้านล่างเป็ร้านขายอาหาร
มีทั้งอาหารตามสั่งและร้านขายเครื่องดื่ม แต่ที่ซีนน์กำลังให้ความสนใจอยู่นี้ก็คือกลิ่นของมาม่าต้มที่โชยตามลมขึ้นมากระทบจมูก
เป็ที่รู้กันว่าที่หอชายสามแห่งนี้มีร้านขายมาม่าต้มซึ่งเป็ร้านขายดี เป็ที่รู้จักของบรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะพวกที่มักจะหิวรอบดึก จึงชวนกันลงมากินมาม่าต้ม
“หิวไหมวะเพื่อน… ”
ซีนน์ถามรูมเมท
“หิวสิวะ… กูรู้นะว่ามึงอยากกินมาม่า… อยากมาม่า… ก็มาม่าสิ… ”
‘อาร์ต’ หนุ่มนักศึกษาปีหนึ่งคณะเกษตรฯ หันมาตอบคำถามของเพื่อน ทำเสียงล้อเลียนโฆษณาที่เห็นผ่านตาบ่อยๆ ทางหน้าจอทีวี
หลังจากนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเล็กๆ ตั้งอยู่ติดกับเตียงนอนด้านในมาพักใหญ่ๆ จนรู้สึกเมื่อยล้าและหิว
“เออ… กูก็หิวว่ะ งั้นเราไปกินมาม่ากันดีกว่า”
ซีนน์ตอบแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง จากนั้นจึงรู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองหายไป
“ซวยแล้วว่ะ… กูลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนไม่รู้”
ซีนน์กล่าวด้วยสีหน้าเป็กังวล…
ไม่รู้ว่าโทรศัพท์หายไปนานแค่ไหนแล้ว และที่สำคัญก็คือมารู้ว่าไปลืมไว้ที่ไหน
