หลิ่วจิ้งเอาคืนนางจ้าวกลับไปอย่างแรงได้ทันควัน จึงอารมณ์ดีนักหนาทั้งอวี้จิ่นและอิ๋งเหอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ราวกับพวกนางเป็คนระบายอารมณ์โกรธเสียเองสีหน้าโมโหที่มีอยู่แต่ก่อนก็กลับกลายเป็ยิ้มแย้ม
หลังจากดื่มน้ำกุหลาบอึกสุดท้ายหมด หลิ่วจิ้งก็เอามือแตะเบาๆที่ริมฝีปากแดง ใส่ยาแรงให้นางจ้าวต่อไป
“ฮูหยินใหญ่ ท่านรออีกสักประเดี๋ยว ครู่เดียวก็พอรอให้ข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากับท่าน”
หลิ่วจิ้งพูดพลางลุกขึ้น “ฮูหยินใหญ่ร่างกายท่านไม่สะดวกเช่นนั้นก็รอข้าอยู่ที่นี่ พอดีว่าตอนเข้านอนข้าปลดเครื่องประดับบนหัวเอาไว้บนเตียง ข้าแค่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จะมาแล้ว”
หลิ่วจิ้งพูดจบก็ค่อยๆ เดินไปผลักประตูข้างเข้าไปในห้องนอนของหั่วอี้
นางจ้าวถลึงตากว้างมองหลิ่วจิ้งเข้าห้องนอนของหั่วอี้เมื่อครู่หลิ่วจิ้งบอกว่าเครื่องประดับบนหัวของนางเก็บอยู่ในห้องนอนของหั่วอี้เช่นนั้นก็หมายความว่าหั่วอี้และหลิ่วจิ้งนอนกอดก่ายอยู่ด้วยกันทุกคืน
‘แกรก’ นางจ้าวโมโหเกินไปกำมือแน่นจนทำเล็บตนเองหัก
“ฮูหยินใหญ่” เหมยเซียงร้องอย่างใพลางรีบเข้ามาเปิดมือที่กำแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยวของนางจ้าวออกดูจึงดึงเล็บมือทีเหลือคลายออกได้
ห้องนอนของหั่วอี้ในหอหั่วเยี่ยนมีประตูข้างสองบาน ทำให้สามารถเดินทะลุจากห้องนอนหลักไปยังห้องด้านข้างทั้งสองห้องได้หลิ่วจิ้งพักอยู่ที่ห้องข้างห้องหนึ่ง ส่วนห้องข้างอีกห้องหลิ่วจิ้งเอาไว้เก็บเสื้อผ้าของนาง
อวี้จิ่นหัวไวจึงฟังความหมายแฝงที่อยู่ในคำพูดของหลิ่วจิ้งได้เข้าใจทันทีนางย่องออกไปหยิบเสื้อผ้าของหลิ่วจิ้งชุดหนึ่งมาจากห้องเก็บเสื้อผ้าจากนั้นเปิดประตูข้างมายังห้องนอนหลักแล้วแอบส่งให้อิ๋งเหอที่เข้ามาพร้อมกับหลิ่วจิ้ง
เมื่อหลิ่วจิ้งเดินเข้าไปในห้องนอนของหั่วอี้ ปิดประตูลงกลอนดีแล้วจึงโค้งตัวลงหัวเราะไม่มีเสียงยกใหญ่
คิดสู้กับนาง ให้ลงมือมาได้เลย นางคอยเอาคืนตามน้ำเป็พอแล้ว
อิ๋งเหอช่วยหลิ่วจิ้งเปลี่ยนเสื้อผ้าแม้อยากจะหัวเราะแต่ก็ต้องกลั้นไว้เพราะพวกนางอยู่ห่างจากฮูหยินใหญ่เพียงประตูกั้นเท่านั้น อย่าลิงโลดเกินไปเป็ดี
หลิ่วจิ้งเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จอย่างรวดเร็วนางสั่งความอิ๋งเหอพลางผลักประตูออกไป
“อวี้จิ่น เ้าไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากับข้าอิ๋งเหอเ้าเอาเสื้อผ้าที่ข้าเพิ่งเปลี่ยนเมื่อครู่ไปไว้ที่ห้องข้าง หาไม่แล้วพอท่านแม่ทัพกลับมาเห็นก็จะบอกว่าสีนี้ไม่เข้ากับข้า สีนั้นไม่ดีอย่างไร แล้วก็เอาไปทิ้งเหมือนกับเสื้อผ้าชุดก่อนๆเห็นแล้วน่าเสียดายนัก”
หลิ่วจิ้งทำทีเสียใจที่เสื้อผ้าหลายตัวถูกหั่วอี้ทำให้เสียหายสีหน้าแสนเสียดายของหลิ่วจิ้งทำเอานางจ้าวเห็นแล้วอยากลุกขึ้นไปตบหน้าหลิ่วจิ้งสักหลายๆ ฉาดแต่จนใจนักที่นางได้เค่คิดแต่ไม่กล้าทำ จึงทำได้เพียงขบกรามอดกลั้นเอาไว้
หลิ่วจิ้งออกจากหอหั่วเยี่ยนพร้อมกับนางจ้าว คนหนึ่งสดใสแช่มชื่นส่วนอีกคนร้อนรนรำคาญใจ
เช้าวันนี้ เดิมทีนางจ้าวคิดมาลบหลู่หลิ่วจิ้งแต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้นางรู้เื่ที่หลิ่วจิ้งและหั่วอี้ร่วมเตียงเคียงกายกันทุกคืนเข้าโดย ‘บังเอิญ’ แล้วจะไม่ให้นางริษยาจนแทบตายได้อย่างไร
นอกจากนั้น คำพูดของหลิ่วจิ้งก็ยังทำให้นางเดือดร้อนใจจนถึงตอนนี้นางจึงยิ่งไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของหั่วอี้
เมื่อเข้ามาในเขตอิทธิพลของฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วจิ้งก็ปรับท่าทีเก่งกล้าของตนมาเป็สีหน้ากระวนกระวายไม่สงบเพราะนางมาขอรับผิด เื่ใดควรสงวนท่าทีก็สงวนเสียประกายแสงของดาบล้ำค่าจะเผยออกมาให้เห็นในชั่วพริบตาที่ออกจากฝักในยามที่ควรเก็บซ่อนแววเฉียบคมเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดพบเห็นก็ต้องทำซื่อว่านอนสอนง่ายเข้าไว้
พวกนางเดินเข้าไปในลานบ้านผ่านูเาเทียมที่มีสายน้ำไหลและสะพานเล็กๆโดยมีสาวใช้ไหวพริบดีเข้าไปรายงานข้างในเรียบร้อยแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าทานอาหารเช้าเสร็จมาพักใหญ่ๆนางกำลังเอ่ยเื่ข้อดีข้อเสียของผู้คนในจวนแม่ทัพกับป้าจ้าวอยู่
หลังจากเมื่อวานนี้ที่หั่วอี้บอกกับฮูหยินผู้เฒ่าว่ามีคนนอกแฝงตัวเข้ามาเป็หนอนบ่อนไส้ภายในจวนฮูหยินผู้เฒ่าก็คอยระแวดระวัง เมื่อหมดธุระที่ต้องทำแล้วนางจึงมานั่งนึกทบทวนจากความทรงจำเรียกบ่าวชราที่รับใช้ข้างกายมาพูดคุยกันเื่ที่มาของคนนั้นคนนี้ในจวน
ป้าจ้าวจะไปรู้ถึงความคิดที่แท้จริงของฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไรยังนึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าอยู่คนเดียวรู้สึกเหงา จึงเรียกพวกนางมาสนทนาคลายความอ้างว้างและเล่าเื่ของบ่าวไพร่ต่างๆ ที่พวกนางรู้ให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังอย่างละเอียด
ฮูหยินผู้เฒ่ามีความคิดลึกล้ำตั้งใจฟังอย่างถี่ถ้วนแล้วให้ป้าจ้าวเรียกผู้คนที่นางคิดว่าคล้ายจะมีปัญหาเข้ามาหาโดยบอกว่านางจำคนเ่าั้ไม่ได้แล้ว อยากเรียกมาให้รู้จักหน้าสักหน่อย
ป้าจ้าวไม่ได้ระแวงสงสัยว่ามีปัญหาใดจึงทยอยไปเรียกบ่าวหลายคนมาหานาง
ตอนที่หลิ่วจิ้งและนางจ้าวเข้าไปในโถงหลักนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งสอบถามจางเฉียงซึ่งเป็ลูกจ้างระยะยาวคนหนึ่งเสร็จในขณะที่เขากำลังเดินออกมาเพียงลำพัง หลิ่วจิ้งจึงได้พบกับเขาเข้าพอดี
“ข้าน้อยคารวะฮูหยิน คารวะฮูหยินใหญ่ขอรับ”
หลิ่วจิ้งพยักหน้ารับการคารวะของจางเฉียง
ส่วนนางจ้าวกลับไม่มีท่าทีสนใจไยดี เอาแต่เดินไปข้างหน้าไม่หยุด
ป้าจ้าวจึงได้ยินเสียงในตอนนั้นเองและรีบออกไปรับเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าท้องนางจ้าวโตขึ้นทุกวันนางก็อารมณ์ดีนักอยากให้นางจ้าวมาหานางทุกวันจนแทบทนไม่ไหว ป้าจ้าวชำนาญในการจับสีหน้าน้ำเสียงย่อมต้องคอยต้อนรับขับสู้นางจ้าวเป็อย่างดีตามไปด้วย
“ฮูหยิน ฮูหยินใหญ่มา เร็วเข้าเ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งจะบ่นถึงว่าไม่ได้เห็นฮูหยินใหญ่มาหลายวันอยู่ทีเดียวเ้าค่ะ”
มองเผินๆ แล้วป้าจ้าวออกไปรับฮูหยินทั้งสองคนเข้ามาในห้องแต่นางกลับเข้าประคองแต่นางจ้าว แล้วพานางจ้าวเข้าไปข้างในอย่างพินอบพิเทา
เมื่อได้รับการต้อนรับเป็อย่างดีในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าในที่สุดนางจ้าวก็สบายใจขึ้นมาบ้างเพราะเมื่อมาที่นี่นางก็สามารถกลับมาชนะหลิ่วจิ้งได้แล้ว
ยิ่งเมื่อเห็นว่าหลิ่วจิ้งเดินเข้ามาเองโดยไม่มีใครสนใจนางจ้าวก็ยิ่งเบิกบานใจ
หลิ่วจิ้งไม่ได้เก็บอากัปกิริยาเล็กน้อยของพวกนางมาใส่ใจ เพราะยามนี้นางกำลังใช้สมองกลั่นกรองทุกคนที่นางเคยพบเจอ
จางเฉียงที่ได้พบเมื่อครู่นั้น นางเห็นหน้าเพียงครั้งอย่างรวดเร็วหน้าตาเขาไม่คุ้นยิ่งนัก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดหลิ่วจิ้งกลับรู้สึกว่าตัวเขามีบางสิ่งที่นางคุ้นเคย?
ตอนนี้พวกนางเข้ามาภายในโถงหน้าห้องนอนของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วมีนางจ้าวอยู่ข้างหน้า ส่วนหลิ่วจิ้งอยู่ข้างหลัง แต่หลิ่วจิ้งยังคงย้อนกลับไปคิดเื่นี้อย่างละเอียด
ฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังนั่งสำรวมอยู่บนเก้าอี้ยาวส่งสายตาจับจ้องนางอย่างเ็าหลิ่วจิ้งจึงไม่อาจใจลอยต่อไปได้ และต้องข่มความสงสัยของตนลงคิดว่าเมื่อหั่วอี้กลับมาค่อยบอกเื่นี้กับเขา
“คารวะฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ”หลิ่วจิ้งและนางจ้าวแทบจะเอ่ยปากทักทายฮูหยินผู้เฒ่าเป็เสียงเดียวกัน
“โอ้ ไฉ่เอ๋อร์มาแล้ว เร็วรีบเข้ามา เดินมาตั้งไกลอย่าทำให้บุตรชายคนโตของสกุลหั่วเราต้องเหน็ดเหนื่อยเสียเล่า”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดพลางถึงกับลุกขึ้นมารับมือนางจ้าวที่ป้าจ้าวกำลังประคองอยู่ก่อนจะพานางมานั่งบนตั่งยาว ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าเองก็นั่งลงข้างตัวนางจ้าว
_____________________________
