บทที่ 5 เนตรอัคคีของซุนหงอคง
เย่จื่อเฉินลุกขึ้นมาจากเตียง พร้อมกับคลึงศีรษะที่มีอาการปวดตุบ
เมื่อคืนเขาโดนซูอี้อวิ๋นมอมเหล้าจนเมาหมดสภาพ จนจำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนเขากลับมาที่หอได้ยังไง
เย่จื่อเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรีบร้อน ในกลุ่มแชทนั้นเป็เทพเซียนทุกคน การที่คนธรรมดาอย่างเขาสามารถเข้าร่วมกลุ่มได้ก็เป็ความบังเอิญที่โชคดีแล้ว ถ้าปล่อยให้โดนถีบออกไปก็โง่น่ะสิ
โชคยังดีที่กลุ่มแชทยังอยู่ ครอบครัวเทพเซียนยังคงพูดคุยกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เมื่อเลื่อนย้อนขึ้นไป ก็พบว่าเวลาครึ่งค่อนคืนแล้วพวกเขาก็ยังคงส่งอั่งเปากันอยู่ แต่ตอนนั้นเย่จื่อเฉินเมาจนไม่รู้เื่อะไรแล้ว ก็เป็ธรรมดาที่จะแย่งไม่ทัน
เจ็บใจอยู่นิดหน่อย แต่เย่จื่อเฉินก็ยังยิ้มออกมาเล็กน้อย
วันหน้ายังอีกยาวไกล อั่งเปาก็มีส่งมาทุกวัน มันจะแย่งไม่ทันเลยหรือยังไง?
เพิ่งจะล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็มีคนในชุดเครื่องแบบตำรวจกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในห้อง
"ใครคือเย่จื่อเฉิน?"
"ผมครับ"
เย่จื่อเฉินมึนงงนิดหน่อย เขาก็ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีนี่ ทำไมถึงได้มีตำรวจมาหาล่ะ?
หรือว่าอธิบดีหลิวจะเป็อะไร?
บ้าน่า นั่นมันยาวิเศษของไท่ซางเหล่าจวินเชียวนะ ต้องไม่มีปัญหาสิ!
"ทางเราได้รับแจ้งมาว่าคุณได้ทำการหลอกลวงผู้อื่นโดยเจตนา ขอเชิญไปโรงพักกับเราด้วยครับ"
บนโซฟาของสถานีตำรวจมีเหยาเยว่นั่งอยู่ คนที่แจ้งความก็คือเธอนั่นเอง
รอยขีดข่วนตามร่างกายเธอคือหลักฐานที่เธอได้ทุ่มเทในการแย่งชิงเงินกงเต๊กพวกนั้นมาอย่างบ้าคลั่ง
เธอล้มลุกคลุกคลานอยู่นาน แต่หลังจากได้เห็นเงินถึงได้รู้ว่ามันคือเงินกงเต๊ก
ซึ่งบ่งบอกได้เลยว่าเป็การเปลืองแรงโดยใช่เหตุ
เธอรู้สึกคับแค้นใจ จึงตัดสินใจมาแจ้งความ
"ฉันเดาไว้แล้วว่าต้องเป็เธอ"
พอเดินเข้ามา เย่จื่อเฉินก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้
เหยาเยว่ลุกออกจากโซฟา ใบหน้าบึ้งตึงพร้อมกับแผดเสียงดังลั่น
"เย่จื่อเฉิน นายหลอกฉันอย่างนั้นเหรอ"
"โอ๊ะ แปลกใจจัง ฉันไปหลอกอะไรเธอ?"
"ก็นายหลอกฉันเื่เงินกงเต๊กนั่นไง"
"คุณผู้หญิง ระวังคำพูดหน่อยนะ ฉันเอาเงินกงเต๊กฟาดหัวเธอก็จริง แต่ฉันก็แค่ฟาดหัวเธอ ฉันหลอกอะไรเธอ ฉันไปเอาเงินมาจากเธอหรือไง?"
มุมปากของเย่จื่อเฉินแสยะยิ้มเ็า ผู้หญิงที่เห็นแก่เงินแบบนี้ แม้แต่เงินกงเต๊กกับเงินจริงก็ยังแยกไม่ออก...
เมื่อก่อนเขาตาบอดจริงๆ
"สถานีตำรวจไม่ใช่ที่ที่พวกคุณจะมาทะเลาะกัน เข้าไป"
นายตำรวจได้ดันเย่จื่อเฉินเข้าไปในห้องสอบสวน โดยที่มีเหยาเย่เดินเข้ามาด้วย
เมื่อเข้ามาในห้องสืบสวน เย่จื่อเฉินก็เลิกคิ้วพร้อมกับหัวเราะ
"คุณตำรวจจาง สบายดีไหมครับ"
"เสี่ยวเย่ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?"
ที่จริงนายตำรวจจางก็เป็คนที่ใช้ได้เลย เมื่อวานนี้เขาก็แค่ไม่อยากให้ผู้การหลิวต้องเสี่ยงอันตราย ถึงได้วู่วามไปสักหน่อย
เมื่อผู้การหลิวฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาก็อยากจะขอบคุณมาตลอด แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้สักที
และในทันใดนั้น เหยาเยว่ก็เดินเข้ามา นายตำรวจจางจึงหยุดทันที แล้วพูด
"นายคือนักต้มตุ๋นคนนั้น?"
"คุณตำรวจจาง คุณอย่าแซวผมอย่างนั้นสิครับ คุณดูสิผมเหมือนนักต้มตุ๋นเหรอ?"
เย่จื่อเฉินแบมืออย่างจนปัญญา
"เขานั่นแหละไอ้ต้มตุ๋น เขานั่นแหละ..."
เหยาเยว่เต้นเร่าเหมือนกับจะกินคน นายตำรวจจางขมวดคิ้ว ออกแรงตบโต๊ะเสียงดัง
"หุบปาก"
เหยาเยว่สะดุ้งโหยงใ เธอจึงนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้โดยไม่กล้าปริปาก
"เล่าเื่ทั้งหมดให้ฟังสิ..."
เย่จื่อเฉินเล่าเื่ราวทั้งหมดไปโดยละเอียด รวมถึงเื่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ด้วย
หลังจากที่นายตำรวจจางได้ฟังแล้ว สายตาที่มองไปทางเหยาเยว่ก็ดูไม่ค่อยเป็มิตร เมื่อพูดมาถึงตอนท้าย เย่จื่อเฉินก็เปิดปากพูดเสริมขึ้นอีกครั้ง
"คุณตำรวจจาง ผมผิดจริงที่ใช้เงินกงเต๊กฟาดหัวคน แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นักต้มตุ๋นหรอกมั้ง คุณคิดว่าผมไปได้แล้วหรือยัง หรือถ้าคุณไม่สามารถจัดการได้ จะให้ผมโทรหาผู้การหลิวไหม?"
"อย่า ผู้การหลิวยังพักฟื้นอยู่ เื่นี้ฉันจัดการได้"
เย่จื่อเฉินออกมาจากสถานีตำรวจโดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน เมื่อเดินออกมาจากประตูสถานีตำรวจ เขาก็เห็นรถเฟอรารี่ 458 สีแดงคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตู พร้อมด้วยซูอี้อวิ๋นที่กำลังก้มหน้าเดินกลับไปกลับมา
"เ้าสาม นายมาที่นี่ได้ยังไง?"
ซูอี้อวิ๋นเงยหน้าขึ้นทันที เขาวิ่งเข้าไปหาเย่จื่อเฉินด้วยความตื่นเต้น แล้วตบบ่าเขาสองที
"ไม่เป็ไรใช่ไหม"
"ชิ เื่เล็กแค่นี้ คิดว่าจะทำอะไรฉันได้หรือไง?" เย่จื่อเฉินยิ้มหยัน เหยาเยว่คิดจะจัดการเขา มันยังอ่อนหัดเกินไป
"ฉันว่าแล้วว่านายต้องไม่เป็อะไร" ซูอี้อวิ๋นพูดพร้อมกับล้วงเอาบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า "ในบัตรนี้มีอยู่สองแสน เป็ค่าตอบแทนที่พ่อฉันให้นาย"
"เงินนี้ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก"
"อย่ามาทำเสแสร้งหน่อยเลย พ่อฉันบอกว่ายานั่นมีค่ามากกว่าเงินนี่อีก ที่พวกฉันให้นายไปสองแสนมันก็ยังไม่คุ้มค่ายานายอยู่ดี นายเก็บเอาไว้เถอะ นายชอบเศรษฐีมากไม่ใช่เหรอ ก็พ่อฉันไง"
"ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ปฏิเสธ"
เย่จื่อเฉินรับบัตรเก็บใส่กระเป๋า ซูอี้อวิ๋นถึงได้ยิ้มออกมา แล้วพูด
"ไป ฉันจะพานายไปเปิดหูเปิดตา"
ในขณะที่นั่งอยู่บนรถของซูอี้อวิ๋น เย่จื่อเฉินก็เอาแต่ตามติดกลุ่มแชท
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ตลอด่สายมานี้ไม่มีใครส่งอั่งเปามาเลย ทุกคนล้วนแต่คุยกันเื่การปฏิรูปสรวง์อะไรทำนองนั้น
เื่เหล่านี้ไม่ว่าเย่จื่อเฉินจะอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จึงเก็บโทรศัพท์ แล้วเย่จื่อเฉินถึงได้มองสำรวจรถคันนี้
"เ้าสาม สรุปว่าบ้านนายทำอะไรกันแน่?"
"พ่อฉันเขาทำธุรกิจเล็กๆ น่ะ"
"ธุรกิจเล็กๆ?" เย่จื่อเฉินทำหน้าไม่เชื่อ แต่ซูอี้อวิ๋นกลับไหวไหล่พูดกลั้วหัวเราะ "เชื่อเถอะน่า เดี๋ยวฉันจะพานายไปที่ที่หนึ่ง คนที่นั่นต่างหากถึงจะพูดได้ว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี"
ติ๊ง!
จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เย่จื่อเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความเร็วสูงสุด ซูอี้อวิ๋นที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหัวเราะ
"แฟน?"
"เพิ่งเลิกกัน ไม่ใช่ว่านายไม่รู้นี่?"
"แล้วหาใหม่ไม่ได้หรือไงล่ะ?"
ซูอี้อวิ๋นไม่ได้ปลอบใจเย่จื่อเฉินเหมือนกับรูมเมทคนอื่นๆ ประเด็นสำคัญคือวิถีชีวิตแตกต่างกัน วิธีคิดก็แตกต่างกันไปด้วย
เย่จื่อเฉินไม่ได้สนใจเขา และมองดูกลุ่มแชทด้วยความตั้งใจ
เมื่อครู่นี้นางฟ้าลูกท้อส่งอั่งเปามาแล้ว ไม่ต้องคิดเลย กว่าเย่จื่อเฉินจะกดแย่งก็หมดไปนานแล้ว
พอเปิดดูตรงรายชื่อคนรับโชค ถึงได้พบว่าคนที่โชคดีที่สุดก็คือาาวานร
ในกลุ่มก็กำลังคุยเื่นี้อยู่เหมือนกัน
นางฟ้าลูกท้อ : ซุนหงอคง เ้ามาแย่งอั่งเปาทุกครั้ง แต่ไม่เห็นว่าเ้าจะเคยส่งกลับมาบ้างเลย แบบนี้ไม่ดีเลยนะ (สติกเกอร์ยิ้มร้าย)
าาวานร : ทำไมข้าต้องส่งด้วย?
ตือโป๊ยก่าย : ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอย่าขี้งกไปหน่อยเลย นางฟ้าลูกท้อก็ยังส่งมาแล้ว ท่านไม่ส่งแบบนี้ก็ไม่ดีเท่าไรนะ
ยี่หนึงจินกุน : เ้าลิงอันธพาลนี่ขี้งกจะตาย
คำพูดของยี่หนึงจินกุนราวกับไปกระตุกต่อมของาาวานร ไม่ต้องพูดอะไรต่อ ก็มีอั่งเปาซองใหญ่ปรากฏขึ้นมา
ได้แล้ว
กลยุทธ์เนตรอัคคี x1
เนตรอัคคี
เย่จื่อเฉินตะลึงงัน หัวใจเต้นตึกตัก
นี่คงจะไม่ใช่ดวงตาสีทองของซุนหงอคงหรอกนะ นั่นคืออาคมที่ทำให้สามารถมองเห็นภูตผีปีศาจได้
เมื่อดูโชคของคนอื่น ถึงได้พบว่าคนอื่นนั้นแย่งได้ลูกท้อกันหมด ยกเว้นแค่เขาคนเดียว
หรือว่าเขาจะได้รับรางวัลพิเศษอีก?
เย่จื่อเฉินอดขำไม่ได้ ซูอี้อวิ๋นที่ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาก็ลอบยิ้มโดยอัตโนมัติ
แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ใช่แฟนอีก
แต่ก็ดี การมีแฟนสักคนก็สามารถคลายความทุกข์ใจได้เหมือนกัน แล้วเขาก็จะได้ไม่ต้องไปช่วยหาแฟนให้เย่จื่อเฉินด้วย
ในขณะที่เย่จื่อเฉินกำลังคิดอยู่ในใจว่าต่อไปนี้ตัวเองจะมีเนตรอัคคีเหมือนกับซุนหงอคง ทันใดนั้นก็มีรายชื่อเพื่อนปรากฏขึ้นมาในสมุดรายชื่อ
าาวานร
พอได้เห็นรายชื่อเพื่อน มือของเย่จื่อเฉินก็สั่นเทิ้ม จนโทรศัพท์เกือบจะหลุดมือ
ซวยแล้ว หรือว่าเขาจะเผลอแสดงพิรุธออกไป?