Chapter 38
"จะไปลองคุยก่อนใช่ไหมคะ?" เกรซถามเคธขึ้น
"ใช่ค่ะ ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า แต่ก็หวังว่าจะเป็แบบนั้นนะ"
เป้าหมายในวันนี้ของเคธ ก็คือการไปพบกับออกัสและพยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกคนมาช่วยเป็พยานในคดีให้ ทุกคนรู้ดีว่าถ้าได้ออกัสมาเป็พยาน โอกาสที่พอล บัตเลอร์จะได้รับโทษมีสูงมาก เพราะออกัสเป็คนที่ถูกกระทำโดยตรง และอยู่กับบ้านบัตเลอร์มานานพอสมควร แต่นั่นก็เป็เหตุผลที่ทำให้เื่นี้ยากมาก ๆ ยากที่ออกัสจะยอมมาเป็พยานให้ เพราะคนที่อยู่มานานแบบออกัส ก็มักจะได้รับรู้เื่ราวต่าง ๆ ในบ้านบัตเลอร์เยอะกว่าคนอื่นอยู่แล้ว และนั่นมันก็ทำให้เขากลัว เพราะในแต่ละวันที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น มันทำให้ออกัสได้รับรู้ว่าคนแบบพอล บัตเลอร์สามารถทำอะไรได้บ้าง
เคธติดต่อหาพอล บัตเลอร์ โดยที่ยื่นเอกสารจากทางการเป็การขอพบตัวและตรวจร่างกายของครึ่งทางที่อยู่ในทะเบียนบ้านบัตเลอร์ ไม่ใช่การจัดฉากแต่อย่างใด เพราะทางการสั่งให้ศูนย์ดูแลสัตว์ เรียกตรวจร่างกายครึ่งทางในบ้านบัตเลอร์จริง ๆ เพราะฉะนั้น พอลจะไม่สามารถปฏิเสธได้ พอถึงวันที่นัดหมายเอาไว้ คนของตระกูลบัตเลอร์ก็พาออกัสมาที่ศูนย์ดูแลสัตว์ประจำเมือง
"ออกัส"
"คุณเคธ"
พอเจอหน้ากัน ทั้งสองคนก็ต่างเรียกชื่อกันและกันออกมา แน่นอนว่าออกัสรู้จักเคธ รวมไปถึงเ้าหน้าที่ที่ศูนย์ดูแลสัตว์ประจำเมืองคนอื่น ๆ ที่เข้ามาทำงานั้แ่่ที่ออกัสยังไม่ได้ออกจากศูนย์
"เป็ยังไงบ้าง?" เคธถามขึ้นมา
"เราสบายดีเคธ"
"เอาความจริงสิคะ ตอนนี้รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"
"เคธตรวจร่างกายเราเถอะ เราไม่มีอะไรจะพูด" ออกัสพูดดักออกมาเมื่อรู้จุดประสงค์ของเคธ
"ออกัสคะ ตอนนี้มีอีกหลายสายตาจับจ้องเข้าไปแล้วนะ เธอไม่ได้สู้อยู่คนเดียวแล้ว เคธอยากให้เธอลองกล้าขึ้นมาอีกครั้ง"
"เคธ เราเข้าใจเคธนะ แต่เราสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าครั้งนั้นจะเป็ครั้งสุดท้ายที่เราจะสู้เื่นี้ เพราะเราเจ็บมากจริง ๆ" ออกัสพูดในขณะก้มหน้ามองพื้น มือเล็กก็กำแน่นอยู่ตลอดเวลา
"โอเคค่ะ เคธเข้าใจแล้ว"
พอเห็นท่าทางของออกัส เคธก็ตัดสินใจที่จะหยุดพูดทันที เพราะเื่นี้มันเป็เื่ที่กระทบจิตใจอีกคนมากจริง ๆ ในตอนที่ป๋ายเล่าให้เคธฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับออกัสบ้าง เคธใและหดหู่จนน้ำตาไหลออกมา ออกัสสู้กับมันด้วยตัวคนเดียว ตอนนั้นไม่มีใครฟังเสียงของเขาเลยด้วยซ้ำ ความพยายามจนถึงที่สุด แลกมากับาแที่เขาจำมันมาจนถึงทุกวันนี้ และผลตอบรับที่เรียกว่าแพ้ มันหนักหนาเหลือเกินสำหรับครึ่งทางตัวเล็ก ๆ เคธเข้าใจดี ถ้าอีกคนจะไม่อยากสู้ต่อ เพราะอย่างตัวเคธเองที่อยากจะพยายามจนถึงที่สุดในตอนนี้ ยังไม่สามารถการันตีได้เลยว่าจะชนะพอลได้ เพราะฉะนั้นเคธก็ไม่มีอะไรที่จะไปยืนยันกับออกัสได้เลย ว่าการลงทุนครั้งนี้มันจะคุ้ม และถ้าหากว่าแพ้ขึ้นมา ก็ไม่รู้เลยว่าทั้งป๋ายและออกัสจะโดนอะไรบ้าง
"ทุกวันนี้กินข้าวครบสามมื้อหรือเปล่าคะ?"
"กินครบนะเคธ"
"แล้วได้กินขนมบ้างหรือเปล่า?"
"ไม่หรอก"
เชื่อเถอะว่านั่นเป็คำตอบที่ทำให้เคธใจกระตุก สำหรับคนที่ผูกพันกับแมวและอยู่กับแมวมาเกินครึ่งชีวิตแบบเคธ เขาเห็นมาตลอดว่าเวลาที่แมวกินขนม มันมีความสุขมากขนาดไหน วันนี้เขาต้องมารับรู้ว่าครึ่งทางที่เขาเคยเห็นมาั้แ่ตัวเล็ก ๆ ในทุกวันนี้แทบจะไม่ได้แตะขนมเลย มันอาจจะมีครึ่งทางบางคนที่ไม่ชอบกินขนมก็จริง แต่สำหรับออกัสแล้วมันไม่ใช่ ออกัสชอบขนม ชอบขนมรสทูน่า เคธจำมันได้
"แล้วทุกวันนี้ออกัสเล่นอะไรบ้าง?"
ก็เพราะว่าได้กลับมาเพียงแค่ความว่างเปล่า น้ำตาเคธถึงได้ไหลลงมาไม่หยุด เขาเองก็ไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมโลกต้องใจร้ายกับครึ่งทางคนนี้ได้ขนาดนี้
"เคธ ไม่เป็ไรนะ เราสบายดี ถ้ามันไม่แย่ลงไปกว่านี้ ทุกวันนี้เรียกว่าดีมาก ๆ แล้ว"
ทั้งที่มันไม่ควรจะเป็แบบนั้น ทั้งที่ควรจะได้เล่น ได้ใช้ชีวิตเหมือนแมวทั่ว ๆ ไป แต่ตัวออกัสเอง คิดว่าทุกวันนี้มันดีแล้วที่อย่างน้อยก็ไม่โดนทำร้าย
เคธสวมกอดออกัสหลวม ๆ แล้วลูบหลังเบา ๆ ไม่รู้ว่ามันช่วยได้ไหม แต่อยากให้อีกคนได้รับมันจริง ๆ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของออกัส ได้รับกอดอุ่น ๆ แบบนี้อยู่ไม่กี่ครั้ง
"ขอบคุณนะเคธ ขอโทษจริง ๆ ที่ไม่กล้าพอ"
"ไม่เป็ไรเลยค่ะ"
ไม่เป็ไรจริง ๆ
เก่งมากแล้วนะ
วันตัดสินคดีครั้งที่ 1
สื่อมวลชนทุกช่อง รวมไปถึงประชาชนทุกคน กำลังรอคอยสำหรับผลการตัดสินที่จะออกมาในวันนี้ วันนี้เป็วันแรกในการตัดสินการพิจารณาคดีเกี่ยวกับครึ่งทางของพอล บัตเลอร์ ทั้งกรีน เวย์ มิเกล เคธ เกรซ บลู รวมไปถึงดีน่า ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่หอพิจารณาคดีประจำเมืองเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้จะพอเดาผลการตัดสินวันนี้ได้ เพราะถึงยังไงหลักฐานก็คงจะไม่เพียงพอ แต่อย่างน้อยก็อยากจะขอให้เกิดปฏิหารกับการตัดสินครั้งนี้ให้มันแล้วจบไป เคธแทบใจสลาย ในตอนที่รู้ว่าไฟล์วิดีโอที่เขาเก็บไว้หายไปทั้งหมด ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรเหมือนกัน แต่บัตเลอร์รู้ที่ซ่อนของไฟล์วิดีโอทุกที่จริง ๆ
เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ทางการก็เริ่มต้นสำหรับการประกาศการตัดสินคดีในวันนี้ทันที ร่างของป๋ายปรากฎขึ้นต่อหน้าผู้มารับทราบผลการพิจารณาคดีทุกคนในวันนี้ รวมถึงกรีนด้วย
แก้มเล็กลงนะตัวเล็ก
ไหนว่ากินข้าวครบทุกมื้อไง
ถึงแม้ว่าระยะห่างของจุดที่ยืนและนั่งอยู่จะมากแค่ไหน แต่สายตาของทั้งคู่ก็ไม่ละจากกันเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะว่าในตอนนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เจอกันเหมือนปกติ สิ่งที่ส่งผ่านความรู้สึกได้ก็มีเพียงแค่สายตาเท่านั้น
คิดถึงนะพี่กรีน
คิดถึงนะครับป๋ายป๋าย
"ตอนนี้จะเริ่มประกาศผลการพิจารณาคดีในครั้งที่ 1" เ้าหน้าที่ในกระบวนการเริ่มพูดขึ้น สายตาของผู้ที่อยู่ในหอพิจารณาคดีก็รวมไปวางไว้ ณ ผู้พูด
"การพิจารณาคดีระหว่างพอล บัตเลอร์ และ ซี บัตเลอร์ ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายคือ เ้าของทะเบียนบ้าน และผู้อาศัยร่วมในทะเบียนบ้าน การพิจารณาคดีเื่ การดูแลครึ่งทางในลักษณะที่ขัดต่อกฎของเมือง"
"หลักฐานที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ได้ในปัจจุบัน ได้แก่ คำให้การของผู้อาศัยร่วมในทะเบียนบ้าน"
แน่นอน ว่าหลักฐานมีแค่นั้น
คือคำให้การของป๋าย
เพราะนอกจากคำให้การของป๋ายในฐานะผู้อาศัยร่วมในทะเบียนบ้านแล้ว หลักฐานอื่น ๆ ไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาใช้ในการพิจารณาคดีได้ เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้
"ประกาศผลการตัดสินคดีในครั้งที่ 1 พอล บัตเลอร์ ไม่มีความผิด เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่หนาแน่นพอ"
ถึงแม้ว่าจะพอเดาผลการตัดสินได้อยู่แล้ว แต่พอมันได้รับการประกาศออกมาอย่างเป็ทางการ ใจทุกคนก็ไม่นิ่งไปตาม ๆ กัน ป๋ายก้มหน้ามองพื้นจนคางชิดอก และการกระทำนั้นก็อยู่ในสายตาของกรีนตลอด มันทำให้หัวใจของกรีนบีบรัดจนแทบจะทะลุออกมา
รออีกนิดนึงนะป๋ายป๋าย
พี่พาเธอออกมาได้แน่
"ครั้งหน้าที่ตรวจร่างกายออกัส คุณเคธเรียกผมหน่อยได้ไหมครับ? มีอะไรอยากจะคุยกับเขาหน่อย" กรีนหันไปพูดกับเคธเบา ๆ
"ได้ค่ะคุณกรีน"
วันถัดมา
แน่นอนว่าการพิจารณาคดีมีผลกับจิตใจทุกคน ถึงมันจะไม่มากขนาดนั้นเพราะสามารถเดาผลได้ั้แ่แรกอยู่แล้ว แต่พอถูกเน้นย้ำว่ามันคือเื่จริง ถูกเน้นย้ำว่าบัตเลอร์ถูกตัดสินว่าไม่ผิด ทุกคนก็รู้สึกแย่มากขึ้นกว่าเดิม
วันนี้ก็เป็อีกหนึ่งวันที่ออกัสจะถูกส่งตัวมาตรวจสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ศูนย์ดูแลสัตว์ประจำเมือง และอย่างที่กรีนได้นัดแนะกับเคธไว้ ว่าขอให้บอก ถ้าออกัสจะมาตรวจสุขภาพ เพราะมีเื่จะคุยด้วย
"สวัสดีครับคุณออกัส" กรีนเอ่ยทักทายออกัสทันทีที่พบหน้า
"สวัสดีครับ"
"ไม่ต้องประหม่านะ ผมแค่อยากมาคุยด้วยเฉย ๆ เคยได้ยินเื่เล่าถึงคุณมาบ้าง แต่ว่ายังไม่มีโอกาสได้เจอ"
"เราก็อยากเจอคนที่รับเ้าแมวป่วนนั่นไปเลี้ยงเหมือนกัน" ออกัสตอบกรีนออกมา
"ที่ผมอยากมาเจอคุณวันนี้ ไม่ได้อยากจะให้คุณมาพูดหรือเป็พยานอะไรในคดีหรอกนะครับ เพราะผมเข้าใจว่ามันยาก ถ้าจะต้องมาสู้กับอะไรที่เป็แผลใจของคุณมาตลอดหลายปี ผมแค่อยากมาเจอแล้วก็บอกให้รู้ ว่าหนึ่งในเป้าหมายของผมคือการพาคุณออกมาจากบ้านหลังนั้น เพราะมันเป็ความปรารถนาของป๋าย"
"คุณหมายถึงอะไร?"
"คุณคงรู้มาบ้างแล้วว่าเมื่อวานมีการประกาศผลการตัดสินคดีครั้งแรกไป และใช่ บัตเลอร์รอด แต่ผมจะทำให้มันมีการตัดสินครั้งที่สองให้ได้ ยังไงคุณก็จะได้ออกมาจากบ้านหลังนั้นนะ"
"คุณมั่นใจในหลักฐานที่คุณมีจริง ๆ เหรอ?" ออกัสถามย้ำออกมา
"ผมมั่นใจครับ คุณไม่ต้องห่วง"
"ไม่รู้สิ ตอนนี้เราไม่ได้รู้สึกเชื่อมั่นในอะไรเลย"
"ผมเข้าใจ และตอนนี้ผมก็ไม่หวังให้คุณตั้งความหวังอะไรด้วย ถ้ามันจะทำให้คุณเ็ป"
"คุณมาพูดขนาดนี้ เราจะไม่หวังได้ยังไง" ออกัสยิ้มออกมาบาง ๆ
"เคยมองหาบ้านใหม่ไว้หรือเปล่า?"
"ไม่เคยหรอก"
"ผมไม่อยากให้คุณจมอยู่กับมันเลย อยากให้คุณค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า ช้ามากแค่ไหนก็ได้ แต่ลองเริ่มเดินไปได้ไหม?" กรีนพูดออกมาเสียงติดขัด ๆ เพราะเริ่มมีอาการแพ้ออกมาบ้างแล้ว
"คุณแพ้ขนสัตว์เหรอ?"
"อ่า ครับ"
"แล้วอยู่กับเ้าแมวนั่นได้ยังไง?" ออกัสเอียงหัวถามออกมาด้วยความสงสัย
"เขาไปฉีดวัคซีนมา" พอได้ยินคำตอบ ออกัสก็แสดงความใออกมาทันที
"เหลือเชื่อเลยนะ อยู่ด้วยกันแค่แป๊บเดียว ทำไมเขาถึงรักคุณขนาดนั้น"
"เพราะผมก็รักเขาเหมือนกัน"
"คุณรู้ไหม? เหล่าแมว ๆ แบบพวกเราถูกปลูกฝังมาว่าการฉีดวัคซีนเพื่อไม่ให้มนุษย์แผลขนเรามันเป็อะไรที่น่ากลัวมาก สิ่งแรกที่พวกเราจำได้สำหรับผลของการฉีดวัคซีน คือเราจะไม่มีความสุข เพราะเราทำงานหรือแม้แต่งานอดิเรกไม่ได้เต็มที่เหมือนกับมนุษย์ การได้เล่น แล้วก็การได้กินอะไรอร่อย ๆ มันคือชีวิตของพวกเราเลย เพราะฉะนั้น การเสียการรับรู้รสชาติส่วนหนึ่งไป มันเป็อะไรที่ร้ายแรงมาก"
"มันแย่หรือเปล่าครับ? กับการถูกปลูกฝังและรับรู้มาแบบนั้น"
"ก็คือแย่ แต่เขามีความสุขใช่ไหมที่ได้อยู่กับคุณ"
"มีสิ ผมเองก็มี ถึงมันจะไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนานเท่าไหร่ แต่เราทั้งคู่ได้แลกความสุขกันเต็มที่มาก ๆ"
"น่าอิจฉาจัง"
"ถ้าคุณอยากลองดู มันก็โอเคนะครับ"
"คุณหมายถึงอะไร?"
"หมายถึงลองตั้งเป้าหมายในความสุขของคุณให้เยอะ มีความหวังให้มากขึ้น"
"เราไม่อยากผิดหวัง"
"ครับ ผมเข้าใจ" หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เงียบใส่กันไปสักพัก
"เขาชอบเล่นอะไรเหรอ?" เป็ออกัสที่เอ่ยถามขึ้นมาก่อน
"ชอบเล่นไฟ ชอบมาก ๆ แต่สิ่งที่ชอบที่สุดอาจจะเป็การวาดรูป เขาดูได้ปลดปล่อยอะไรหลาย ๆ อย่าง มีความสุขที่ได้คิด ลงมือกับมัน"
"พอจะรู้อยู่นะ ตอนอยู่ที่บ้านบัตเลอร์เขาก็วาดมันเยอะเลย แต่โดนฉีกทิ้งตลอด"
"นั่นแหละที่ทำให้เขามีความสุขมาก ๆ ในตอนนี้ เพราะตอนอยู่ที่นั่น เขาไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำเลย อะไรที่รู้ว่าชอบก็ไม่ได้ทำ กับอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่อาจจะชอบก็ได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ลอง ตอนที่เขามาอยู่กับผม ผมเลยให้เขาลองทุกอย่างเลยนะครับ"
"เราถามได้ไหม ว่าทำไมถึงต้องทำเพื่อกันขนาดนั้น?" ออกัสตั้งคำถามขึ้น
"รักไงครับ แค่นั้นเลย เพราะรัก เลยหวังดี อยากให้เขามีความสุข สำหรับคนอื่นผมไม่รู้นะ แต่สำหรับผม ถ้าผมรักใคร แล้วก็รู้สึกว่าเขารักผม เราจะอยากให้อะไรเขาตลอดเวลาเลย เดินไปเจออะไรที่เขาชอบก็จะนึกถึง อยากซื้อไปฝาก มันเป็แบบนั้นตลอด"
"ขอโทษนะ แต่เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่"
"ไม่เป็ไรครับ แต่ถ้าคุณอยากจะกล้าขึ้นมา ผมอยากให้รู้นะ ว่ามีคนพร้อมจะรักคุณแน่นอน"
"คุณหวังดีกับเราเหรอ?" ออกัสหันหน้าไปหากรีนที่กำลังมองเขาอยู่แล้ว
"ผมหวังดีกับแมวทุกตัวบนโลก" กรีนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
"ถึงเราจะเป็แค่หนึ่งแมวหลาย ๆ ตัว แต่ก็ขอบคุณนะ"
"ยินดีมากครับ บอกอีกรอบนะว่าไม่ได้จะมากดดันให้คุณออกัสทำอะไร ผมแค่อยากมาให้รู้ว่าผมจะทำให้คุณออกจากที่นั่นให้ได้ เพราะนั้นคือความปรารถนาของป๋าย"
"เขาโชคดีที่ได้เจอคุณ"
"คุณเองก็ต้องโชคดีในสักวัน"
สุดท้ายกรีนและออกัสก็ยิ้มให้กัน ถึงจะยังไม่เข้าใจในสถานการณ์ของกรีนและป๋ายแบบ 100% แต่หลังจากที่ได้คุยกัน ออกัสก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น ว่าทั้งสองคนพยายามเพื่อกันทำไม กับการที่ได้ฟังว่าป๋ายได้ลองทุกอย่างที่อยากลอง ตัวเขาเองก็ไม่ได้ตื่นเต้นมาขนาดนั้น เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยากทำอะไร แต่คิดว่ามันเป็โอกาสที่ดีมากที่ป๋ายได้รับ
หลายครั้งที่เขาเห็นรูปที่ป๋ายวาดโดนฉีกต่อหน้าต่อตา ณ ตอนนั้นเขาเองก็รู้สึกไม่ดี เพราะได้เห็นด้วยตัวเองว่าป๋ายมีความสุขขนาดไหนตอนได้วาด ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมีดินสอติดมืออยู่แค่แท่งเดียว แต่ตอนนี้คงจะมีดินสอเยอะขึ้นแล้วล่ะ อาจจะได้ใช้สีเยอะขึ้น มีกระดาษให้เลือกเยอะขึ้น ออกัสเองก็ยินดีด้วยโดยไม่มีข้อแม้เลย ยินดีด้วยที่ตอนนี้มีคนเติมเต็มความฝันของเขาได้มากขนาดนี้
ขอให้มีความสุขไปเรื่อย ๆ นะ
"หลักฐานพร้อมแล้วนะคะคุณกรีน"
"ครับ งั้นเดี๋ยวเราไปยื่นเื่กันเลย"
กรีนพร้อมกับคนสำคัญกำลังจะเดินทางไปที่หอพิจารณาคดีเพื่อทำการยื่นหลักฐานเพิ่มเติม และส่งคำร้องขอพิจารณาคดีอีกครั้ง อันที่จริงคดีนี้ยังไม่ถึงการตัดสินครั้งสุดท้าย แต่ในระหว่างรอสามารถยื่นเื่ได้ตลอดเวลา ถ้าหากหลักฐานมีน้ำหนักมากพอ ก็จะมีการพิจารณาใหม่เร็วขึ้นโดยที่ไม่ต้องรอกำหนดการเดิม
"ทางการรับหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงการพิจารณาคดี ทางการจะติดต่อไปเพื่อนัดแนะเข้ามาฟังผลอีกครั้งนะคะ"
"ขอบคุณครับ"
"รบกวนขอชื่อผู้ยื่นหลักฐานค่ะ" เ้าหน้าที่เอ่ยถามขึ้น
"เพิร์ธ บัตเลอร์"
เ้าหน้าที่ใเล็กน้อยที่ได้ยินนามสกุลของผู้ที่มายื่นหลักฐาน เธอคนนั้นก็คือเพิร์ธ บัตเลอร์ คนที่อยู่บ้านตรงข้ามกรีนมาหลายปี แต่กรีนก็เพิ่งจะได้รู้จากปากของเพิร์ธ ว่าเธอคือพี่สาวแท้ ๆ ของพอล บัตเลอร์ เธอออกมาจากบ้านบัตเลอร์หลาย 10 ปีแล้ว เหตุผลก็เพราะทนพฤติกรรมของน้อชายและน้องสะใภ้ไม่ไหว
"ขอบคุณคุณเพิร์ธมากนะครับ ที่มาช่วย" หลังจากที่เดินออกมาจากหอพิจารณาคดี กรีนก็เริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น
"ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะคุณกรีน แค่นี้คุณเพิร์ธก็ละอายใจจะแย่อยู่แล้ว"
"คุณเพิร์ธไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิดมากมายขนาดนั้นหรอกครับ ผมพูดจริง ๆ"
"คุณเพิร์ธรู้ทั้งรู้ แต่ก็เพิ่งจะออกมา"
"ผมเข้าใจว่ามันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่กล้า คุณเพิร์ธหนีออกมาจากที่นั่นแล้ว แปลว่ามันคงหนักหนามากจริง ๆ จะให้วันหนึ่งกลับมารับผิดชอบอะไรที่คุณไม่ได้ก่อก็คงไม่ได้หรอก คุณเป็บัตเลอร์ แต่ชื่อคุณคือเพิร์ธ ไม่ใช่พอล แล้วการมาเกี่ยวข้องกับคดีหรือเื่พวกนี้มันเหนื่อยมาก ๆ ผมเข้าใจ ทั้งเสียเวลา ทั้งเสียสุขภาพจิต คุณไม่จำเป็ต้องมารับผิดชอบแค่เพราะเขาเป็น้องชายคุณนะครับ ตอนทำผิดก็ทำคนเดียว ทำไมคุณจะต้องมารับผิดชอบ"
"ขอบคุณนะคุณกรีน" เพิร์ธเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัวของกรีนเพื่อกลับไปที่บ้าน กรีนประจำที่นั่งคนขับ ส่วนคุณเพิร์ธก็นั่งที่ข้าง ๆ ตามปกติ เพิ่มเติมคือมีรถของเ้าหน้าที่เตรียมตัวขับตามไป ตามกฎของตอนนี้ เพราะกรีนเพียงแค่ถูกปล่อยตัวชั่วคราวเท่านั้น
"จะไม่ฟ้องเื่ที่เขาทำร้ายร่างกายคุณจริง ๆ เหรอครับ?" หลังจากที่ขับรถออกมาได้สักพัก กรีนก็ถามคุณเพิร์ธขึ้นถึงเื่การทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน คู่กรณีก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพอล น้องชายของเธอ
"ไม่หรอกค่ะ เื่มันผ่านมานานแล้ว ฉันไม่อยากกลับไปเล่าเื่พวกนั้นซ้ำ ๆ ไหน ๆ มันก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก ๆ แล้วคุณกรีน ขอให้ได้ช่วยเ้าป๋ายกับคุณกรีนก็พอแล้วค่ะ"
"ขอบคุณที่ช่วยกันขนาดนี้นะครับ"
"รู้ไหมคุณกรีน? ตอนนั้นที่คุณเพิร์ธแย่มาก ๆ ก็มีคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณกรีนช่วยเอาไว้ คุณเพิร์ธไม่ได้มีความคิดที่ว่าพ่อแม่เขาช่วยเราแล้วเราต้องดูแลลูกเขาดี ๆ นะ แต่เพราะคุณกรีนเป็สิ่งมีชีวิตที่คุณแม่และคุณพ่อตั้งใจเลี้ยงมาให้โตมาอย่างสวยงาม คุณเพิร์ธเห็นมันมาตลอด ๆ แล้วคุณกรีนก็โตมาแบบที่พวกเขาตั้งใจไว้ ที่คุณเพิร์ธยอมก้าวออกมาช่วยก็เพราะคุณกรีนล้วน ๆ เลยนะคะ เพราะเห็นคุณสวยงามมาั้แ่เล็ก ๆ ตอนนี้คุณเจออีกหนึ่งองค์ประกอบของความสวยงามของคุณ คุณเพิร์ธก็ไม่อยากจะให้มีอะไรมาแยกกันและกันออกไปนะ"
"คุณเพิร์ธ" รถยนต์คันสวยต้องจอดลงอย่างห้ามไม่ได้ เพราะคนที่ประจำตำแหน่งคนขับน้ำตาไหลออกมา
มันทำให้เขานึกถึงคำพูดของบลูขึ้นมา ในตอนที่บลูจะแยกไปอยู่ที่อื่นวันแรก
'ตอนนี้กรีนกำลังเป็ที่พึ่งให้คนอื่น ส่วนถ้าวันไหนกรีนไม่มีที่พึ่งและรู้สึกว่าตัวเองโตเป็ผู้ใหญ่ที่สุดในโลก กรีนมาหาพี่บลูได้เลยนะ พี่บลูจะโตกว่าให้รู้สึกว่ากรีนพึ่งพิงได้ ให้รู้สึกว่ากรีนเป็เด็กได้ ไม่เก่งได้'
เพราะการโตเป็ผู้ใหญ่มันมีความกดดันเข้ามามากเกินไป กับคนที่สูญเสียคนที่ดูแลเขาไปั้แ่ยังตั้งตัวไม่ได้ สภาพแวดล้อมมันบังคับให้เขาต้องรู้สึกว่าตัวเองโตเป็ผู้ใหญ่ เข้มแข็งให้มากพอ มาถึงการเป็หัวหน้าคน ก็ยิ่งเพิ่มพูลขึ้นไปว่าเขาต้องเป็ที่พึ่งให้ลูกน้องได้ เป็ที่พึ่งให้เพื่อนได้
"สู้ไปกับคุณเพิร์ธนะคุณกรีน ไปเอาป๋ายกลับมาให้คุณกรีนกันเถอะค่ะ" กรีนเงยหน้าจากพวงมาลัยเพื่อมองคนข้าง ๆ
"ผมจะเอาป๋ายกลับมาครับ"
"คุณกรีนไม่ได้สู้คนเดียวแน่นอน เ้าป๋ายก็คงกำลังสู้อย่างเต็มที่แน่ ๆ เลยน้า"
หอพิจารณาคดี
"สวัสดีครับ แจ้งความประสงค์ได้เลย"
"แจ้งความประสงค์ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมคดีของพอล บัตเลอร์ เื่การดูแลครึ่งทางในลักษณะที่ขัดต่อกฎของเมืองครับ"
"้าให้ปากคำเพิ่มเติมด้วยหรือเปล่าครับ?"
"ครับ ้า"
"ขอทราบชื่อผู้ยื่นหลักฐาน"
"ออกัส บัตเลอร์"
ถึงใครสักคนที่อยากจะรักเราในอนาคต
เราอยากจะสู้แล้วล่ะ
อยากลองใช้ชีวิตของตัวเองสักครั้ง
ลองก้าวออกมาแล้วนะ
ถึงวันนี้จะเป็ก้าวเล็ก ๆ ก้าวแรก
แต่เห็นถึงความพยายามของเราหน่อยนะ
ช่วยเราด้วย
เราอยากมีความสุขแล้ว