เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้แสร้งประหลาดใจแต่อย่างใด
หลังเธอตอบคำถามการแข่งขันรอบก่อนชิงชนะเลิศการด้านทักษะการพูดตามความคิดของตัวเอง ก็แทบโบกมือลารอบชิงชนะเลิศไปได้เลย!
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์หลินก็คิดเช่นเดียวกันกับเธอ ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างก็ไม่คาดหวังว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ตอนนี้อยู่ๆ ผลก็ออกมาว่า เซี่ยเสี่ยวหลานผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแล้ว อาจารย์หลินเองก็รู้สึกประหลาดใจมาก หัวชิงมีเด็กผ่านเข้ารอบสี่คน และสองจากในสี่คนนั้นเป็นักศึกษาจากชั้นปีที่หนึ่ง
คนหนึ่งคือเซี่ยเสี่ยวหลาน อีกคนคือจี้เจียงหยวน
จี้เจียงหยวนผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไม่น่าแปลกใจเท่าไร ถึงอย่างไรเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกามาแล้วสิบกว่าปี และแน่นอนว่าภาษาอังกฤษคือภาษาที่สองของจี้เจียงหยวน
ขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานนั้นนับว่าเป็ ‘เซอร์ไพร์ส’ ของการแข่งขันภาษาอังกฤษในครั้งนี้ โดยถือว่าเซี่ยเสี่ยวหลานได้ทำการสร้างเกียรติยศให้กับภาควิชาสถาปัตยกรรม จะติดอับดับสุดท้ายหรือไม่ไม่มีใครทราบได้ แต่การแข่งขันภาษาอังกฤษที่มีนักศึกษาจากทั้งประเทศมารวมตัวกัน เซี่ยเสี่ยวหลานกลับสามารถผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ถือเป็การยืนยันระดับภาษาอังกฤษของเธอแล้ว
ไม่ง่ายเลยจริงๆ อีกทั้งเธอยังเป็นักศึกษาจากชนบทอีกด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกว่าการแข่งขันนี้ไม่ง่ายเลย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาจากการโกง แต่เป็ความสามารถที่เธอสะสมมาทีละน้อยจากชาติก่อน และเพราะสภาพแวดล้อมการเติบโตของเธอในชาติก่อน สมัยเรียนเธอไม่ใช่เด็กเก่งแต่อย่างใด คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ดีเลิศ เธอเป็เพียงนักศึกษาธรรมดาๆ ที่เรียนจบแล้วหางานทำทั่วไป หากให้ลงแข่งขันภาษาอังกฤษ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยมีความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น
หลังเกิดใหม่อีกครั้ง เธอได้เข้าเรียนที่หัวชิง อีกทั้งยังใช้ชีวิตนักศึกษาอย่างมีสีสัน ได้เติมเต็มเื่น่าเสียดายจากชาติก่อนด้วย
“คราวนี้ทุกวันหลังหมดคาบเรียน เธอคงต้องใช้เวลากับการเรียนวิชานี้ให้มากขึ้นแล้ว!”
“ฉันทราบค่ะ อาจารย์หลิน คงต้องรบกวนอาจารย์อีกครั้งแล้วล่ะค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดด้วยน้ำเสียงสดใจ แม้แต่อาจารย์หลินก็อดขำไม่ได้ “รบกวนเื่แบบนี้ ยิ่งบ่อยฉันยิ่งชอบ”
หลังจากนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานกับอาจารย์หลินก็ปรึกษากันเื่เวลาติวเข้มหลังเลิกเรียน
สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานต้องเผชิญ นอกจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ่ปลายเดือนมกราคมแล้ว ยังมีการสอบปลายภาคที่กำหนดเวลาไล่เลี่ยกันอีกด้วย อาจารย์หลินเองก็เตือนเธอว่า แม้การแข่งขันภาษาอังกฤษจะสำคัญ อย่างไรก็ไม่ควรละเลยวิชาหลักของสาขา
ก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานออกจากห้องทำงาน อาจารย์หลินกระแอมเล็กน้อย
“นักศึกษาเสี่ยวหลาน อาจารย์รู้ว่าเธอเป็คนขยันหมั่นเพียร คนดีย่อมคือคนดี เธอเป็คนอย่างไรไม่ช้าก็เร็วทุกคนจะต้องให้การยอมรับอย่างแน่นอน ปัญหาเล็กน้อยจากปัจจัยภายนอกพวกนั้น ไม่อาจเป็อุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าของเธอได้หรอก!”
เซี่ยเสี่ยวหลานตะลึงงันไปเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งถึงตั้งสติได้ อาจารย์หลินอาจจะได้ยินข่าวลือเื่จี้หย่าแล้วสินะ?
่นี้ปัญหาที่เซี่ยเสี่ยวหลานเจอที่มหาวิทยาลัยมีแค่เื่นี้เื่เดียวเท่านั้น
เธอกับจี้เจียงหยวนดันเป็ตัวแทนของหัวชิงเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเหมือนกันอีก หัวชิงมีนักศึกษาเพียงสี่คนเท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบชิง การแข่งขันระดับประเทศเช่นนี้ มีใครบ้างที่้าจะถอนตัว ตัวจี้เจียงหยวนเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เช่นนี้ ทางมหาวิทยาลัยยิ่งไม่มีทางลงโทษเขา
อาจารย์หลินคงกลัวเธอคิดไม่ตก ถึงได้ปลอบใจเป็พิเศษ
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้าตอบรับ
“ฉันจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังค่ะ ฉันไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองเป็คนล้มเหลวอย่างแน่นอน”
หากอยากหยุดยั้งข่าวลือ อาศัยเพียงคำชี้แจงซ้ำๆ ของตัวเองมันไม่มีประโยชน์อะไร น้อยคนที่จะยอมรับฟังคำพูดของผู้ล้มเหลว มีเพียงการพิสูจน์ว่าตัวเองเป็ผู้ประสบความสำเร็จเท่านั้น ที่จะทำให้ไม่จำเป็ต้องเอื้อนเอ่ยสิ่งใด คนรอบกายก็พร้อมที่จะอธิบายแทน
วิธีนี้คือสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยใช้ตอนอยู่ที่อวี้หนาน หากไม่แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา พวกครูและนักเรียนที่อันชิ่งเซี่ยนอีจงมีหรือจะยอมเชื่อเธอ?
ผู้อ่อนแอนั้นน่าสงสาร แต่หลังความรู้สึกสงสารหมดสิ้นลง สถานการณ์ย่อมไม่มีวันดีขึ้น
ผู้แข็งแกร่งต่างหากที่จะได้รับความเคารพ และทำให้ผู้อื่นไม่กล้าคาดเดาอะไรส่งเดชอีกต่อไป
“ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวอะไรกัน นี่เป็แค่การแข่งขันหนึ่งเท่านั้น เธอไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้”
อาจารย์หลินกลัวเซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้สึกกดดันมากไป จึงแกล้งตำหนิเธอไม่กี่คำ และบอกให้เธอไปทำธุระของตัวเองได้
หลังเซี่ยเสี่ยวหลานกลับออกไป อาจารย์หลินก็ขมวดคิ้วมุ่น
นักศึกษาที่อายุยังน้อยเช่นนี้ ไปเอาแรงกดดันมากมายเช่นนั้นมาจากไหนกัน เื่ที่แม่ของจี้เจียงหยวนมาโวยถึงมหาวิทยาลัยคงส่งผลกระทบกับเซี่ยเสี่ยวหลานเป็แน่ ว่าแล้วอาจารย์หลินจึงไปหาหัวหน้าภาควิชา
“เซี่ยเสี่ยวหลานเป็เด็กที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศการแข่งขันทักษะภาษาอังกฤษ เธอเป็นักศึกษาที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ฉันมีลางสังหรณ์ว่าอนาคตเธอจะเป็คนที่ยอดเยี่ยมได้ยิ่งกว่านี้... แม้เธอจะมาจากครอบครัวชนบท แต่อย่างไรก็เป็เด็กของภาควิชาเรา ทำไมต้องยอมปล่อยให้คนอื่นรังแกด้วยคะ?”
หัวหน้าภาคลูบศีรษะที่มีเส้นผมอยู่น้อยนิดของตน
“เสี่ยวหลิน เื่นี้น่ะ ตอนนี้สถานการณ์ของมันเปลี่ยนไปแล้วล่ะ”
มันไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วจะจบปัญหาทั้งหมดลงได้
ใครจะไปคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะมีคนหนุนหลังที่ไม่ธรรมดาเช่นนั้น นอกจากนี้จี้หลินยังโทรมาหาเขาด้วยความโมโหว่า ตนขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลานไปแล้ว แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่ยอมรับ
หัวหน้าภาควิชาเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
เขาหวังดีถึงได้บอกเื่นี้กับตระกูลจี้ หรือที่จริงแล้วเขาไม่ควรยุ่งเื่ชาวบ้าน?
น้ำเสียงของรุ่นพี่จี้เหมือนตั้งข้อสงสัยว่า ภาควิชาสถาปัตยกรรมอบรมนักศึกษาของตนไม่ดีพอ... หัวหน้าภาควิชาจึงถามจี้หลินกลับไปว่า เซี่ยเสี่ยวหลานมีเงื่อนไขอะไรกันแน่ จี้หลินบอกว่า้าให้จี้หย่ามาขอโทษเธอด้วยตนเอง
หัวหน้าภาควิชาข่มใจไม่ให้ตอกกลับไปว่า ตระกูลจี้ยังจะไม่พอใจอะไรอีก คำขอนี้สมเหตุสมผลแล้วด้วยซ้ำ นักศึกษาบางคนหลอกง่ายเพราะหัวอ่อน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนแบบนั้น เธอ้าความชัดเจนและเถรตรง จะให้หัวหน้าภาควิชาตำหนิเซี่ยเสี่ยวหลานว่าทำไม่ถูกอย่างนั้นหรือ?
พวกนักศึกษาชอบใช้อารมณ์เป็ใหญ่ หากเซี่ยเสี่ยวหลานยอมรับการชดเชยของตระกูลจี้แล้วจบเื่ทั้งหมดลงแค่นี้หัวหน้าภาควิชาคงรู้สึกโล่งอก แต่ในใจเขาย่อมรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ ว่านักศึกษาของหัวชิงไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรืออย่างไร!
เซี่ยเสี่ยวหลาน้าแค่คำขอโทษจากจี้หย่า ทว่าจี้หลินกลับพูดเหมือนเธอจงใจ ‘งัดข้อ’ กับเขา
หัวหน้าภาควิชารู้สึกว่า ตระกูลจี้คงรับมือเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ไหวสินะ มิเช่นนั้นรุ่นพี่จี้คงไม่โทรมาหาเขา
แต่เขาจะทำอะไรได้?
จะให้เขาเห็นแก่ผู้เฒ่าจี้ แล้วไปบีบบังคับเซี่ยเสี่ยวหลานให้ยอมรับ ‘คำขอโทษ’ ที่ไร้ความจริงใจอย่างนั้นหรือ?
นี่ไม่ต่างอะไรจากการทำชื่อเสียงของผู้เฒ่าจี้แปดเปื้อนเลยสักนิด!
หัวหน้าภาควิชาเองก็ไม่พอใจเช่นกัน เื่ที่สามารถจบได้วันนั้นที่สำนักงานภาควิชาสถาปัตยกรรม แต่ตระกูลจี้กลับไม่ยอมก้มหัวรับผิด ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของเขา ตระกูลจี้ย่อมไม่เห็นค่าอะไรอยู่แล้ว
—-----------------------------------------------
ตระกูลจี้สร้างศัตรูไว้รอบด้าน
ต่อให้จี้หลินร้อนใจมากแค่ไหน ความบาดหมางระหว่างตระกูลของเขากับตระกูลโจวก็แพร่สะพัดไปทั่วอยู่ดี
หัวหน้าของจี้หลินถึงกับถามเขาอย่างอ้อมๆ จี้หลินนึกว่าเหล่าลูกศิษย์ของผู้เฒ่าจี้จะยอมให้ความช่วยเหลือแก่ตระกูลจี้ แต่เมื่อตระกูลโจวและทังหงเอินพร้อมใจกันไม่พอใจตระกูลจี้เช่นนี้ จะกระโจนเข้ามายุ่งเื่นี้ด้วยหรือไม่ คนอื่นย่อมคิดหนักอย่างแน่นอน
จี้หลินชักรับมือกับเื่นี้ไม่ไหว เขาจำเป็ต้องประนีประนอมกับหนึ่งในนั้นก่อน
และคนที่จี้หลินเลือกคือทังหงเอิน
อย่างน้อยหังหงเอินก็เป็อดีตลูกเขยของตระกูลจี้ ตอนนี้ตระกูลจี้กำลังลำบาก จี้เจียงหยวนเองก็ได้รับผลกระทบ จี้เจียงหยวนลาหยุดยาวกับทางมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้ไปเรียนหลายวันแล้ว หากทังหงเอินไม่ยอมประนีประนอม ก็เท่ากับว่าเขาทำให้ลูกชายตัวเองเดือดร้อน จี้หลินจึงคิดว่าการไปหาทังหงเอินย่อมมีความหวังมากกว่า
“ถ้าไม่ยอมประนีประนอม ก็ออกจากตระกูลจี้ไปเสีย ปลาเน่าตัวเดียวทำเอาเหม็นเสียทั้งข้อง!”
จี้หย่าใจแข็งเหลือเกิน จี้หลินไม่เคยแบกรับแรงกดดันมากเช่นนี้มาก่อน แค่ไม่กี่วันทำให้เขาดูแก่ขึ้นหลายปี
ภรรยาของจี้หลินตัดพ้อกับจี้หย่า
“ปีนั้นตอนเธอบอกว่าจะไปต่างประเทศ ฉันกลัวเธอจะไม่มีเงินใช้ จึงเอาแจกันเก่าแก่ที่เป็ของหมั้นตอนแต่งงานยกให้เธอไปขายที่อเมริกา เื่นี้ยังจำได้ไหม ตอนบ้านเรามีของดีอะไร ฉันก็ให้เจียงหยวนเป็คนเลือกก่อนเสมอ แม้แต่ลูกของตัวเองฉันยังต้องให้เขารอก่อนเลย เธอยังจำได้หรือเปล่า คิดเสียว่าสงสารพี่สะใภ้คนนี้เถิด สงสารหลานชายหลานสาวของเธอ อย่างไรเขาก็คือพ่อบังเกิดเกล้าของเจียงหยวน เขาไม่มีวันทำร้ายเจียงหยวนหรอก!”
อยากสู้กับทังหงเอินก็ควรสู้ให้ชนะไม่ใช่หรือ
แต่ถ้าสู้ไม่ไหวก็เท่ากับลากคนในตระกูลจี้ให้ไปตายด้วยกันมิใช่หรือ
ตระกูลจี้ไม่ได้มีแค่จี้หลินกับจี้หย่าเสียหน่อย คนอื่นๆ เองก็ใกล้จะเป็บ้ากันไปหมดจึงผลัดกันมาขอร้องจี้หย่า นี่คือเื่ภายในตระกูลจี้ จอร์จจึงไม่อาจเข้ามาแทรกแซงได้ ความจริงจอร์จเองก็ไปสถานทูตมาแล้วตามลำพัง ทันทีที่จี้หลินทราบ เขาก็รู้สึกว่าหากให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันต่อไปดีไม่ดีอาจจะเกิดความคิดพิลึกพิลั่นก็เป็ได้ จึงบังคับให้พวกเขาแยกกันอยู่
จี้หย่าจะทำอะไรได้
ความหยิ่งผยองของเธอได้มาจากการตามใจของคนตระกูลจี้ ตอนนี้คนตระกูลจี้ไม่ตามใจเธออีกแล้ว จี้หย่าย่อมหมดที่พึ่งพิง
ที่อเมริกาเธอพอมีเงินอยู่บ้าง แน่นอนว่าเงินดอลลาร์สามารถใช้ในประเทศจีนได้ดีเหลือเกิน แต่เวลาแบบนี้เงินดอลลาร์ของเธอใช้งานได้เสียที่ไหน
จี้หย่ากัดฟันพลางพยักหน้า
“ได้ ฉันจะยอมประนีประนอม!”
ทว่านี่ไม่ใช่ความ้าของเธอ มันเป็แค่การประนีประนอมชั่วคราวเท่านั้น ออกนอกประเทศได้เมื่อไร จี้หย่าสาบานกับตัวเองว่า เธอจะต้องกลับมาล้างแค้นความรู้สึกเหยียดหยามที่เธอได้รับในวันนี้อย่างแน่นอน
จี้หลินส่งข่าวบอกทังหงเอิน แต่ทังหงเอินกลับไม่รีบร้อน เขาบอกให้ตระกูลจี้รอต่อไปอีกสองวัน!
จี้หย่าโกรธจัดจนปาข้าวของในบ้านจนกระจัดกระจาย
ทังหงเอินกำลังขอความเห็นจากเซี่ยเสี่ยวหลาน
“เื่นี้ฉันอยากให้จี้หย่าขอโทษต่อหน้าแม่ของเธอ เธอคิดเห็นอย่างไร”
อายุปูนนี้แล้วยังรังแกลูกสาวคนอื่น ทังหงเอินจึงไม่อยากให้เื่จบง่ายๆ แค่เพราะคำ ‘ขอโทษ’ คำเดียวจากจี้หย่า จี้หย่าไม่ได้เหยียดหยามแค่เซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่ารวมถึงหลิวเฟินอีกด้วย สองแม่ลูกเป็ผู้บริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวข้องกับคนแซ่ทังอย่างเขาแม้แต่ปลายเล็บ จิตใจของจี้หย่าสกปรกเกินไปแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้