หลงอวี้ที่อยู่ภายในกระท่อมไม้ไผ่ ใช้ลมปราณหล่อหลอมตันเถียนจนสำเร็จวิชากายาพิชิตมารถึงขั้นสูงสุด
เหนือขั้นสูงขึ้นไป ก็คือขั้นสูงสุด
แม้จะต่างกันเพียงหนึ่งขั้น แต่ความสามารถของวิทยายุทธ์กลับสูงขึ้นอย่างก้าวะโ ไม่เพียงพลังพื้นฐานจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ความเร็วในการฟื้นฟูลมปราณก็เพิ่มสูงขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัวด้วย
และที่สำคัญที่สุดคือ สามารถใช้กระบวนท่าโจมตีที่ทรงพลังอย่างฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมารได้!
“ฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมารนี้ แม้จะเทียบกับหมัดัปรภพไม่ได้ แต่อานุภาพกลับไม่ได้ด้อยไปกว่าวิทยายุทธ์สายโจมตีขั้นสูงวิชาอื่นเลย”
หลงอวี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ รวบรวมลมปราณภายในร่างกายไว้ที่ฝ่ามือ พริบตาเดียวก็ปล่อยแสงสีทองออกมา ทำให้มือขวาของเขากลายเป็ฝ่ามือสีทอง!
ฝ่ามือสีทองนี้สามารถซัดออกจากฝ่ามือได้ และสามารถฟาดลงทั้งอย่างนั้นเลยก็ได้เช่นกัน ใช้งานสะดวก และที่พิเศษกว่านั้นคือ ฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมารดูเหมือนจะมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์แฝงอยู่บางๆ
“ฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมารคงไม่ได้มีความสามารถในการสะกดสิ่งชั่วร้ายเหมือนกับวิชาปราณขาวไพศาลที่หลิงหานอยากฝึกหรอกนะ?”
หลงอวี้คิดในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ถึงอย่างไร ตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีโอกาสได้เจอกับพวกภูตผีิญญาอยู่แล้ว
เขาใช้เวลาหนึ่งวันในการฝึกกระบวนท่าฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมารจนคุ้นชิน จากนั้นก็เริ่มใช้ลมปราณหล่อหลอมอวัยวะภายในอย่างไม่หยุดพัก เตรียมยกระดับการบรรลุของวิชากายาพิชิตมารขึ้นสู่ขั้นสมบูรณ์
ม้าม ปอด หัวใจ ไต ตับ อวัยวะภายในที่สำคัญที่สุดทั้งห้าส่วนนี้เป็สิ่งค้ำจุนการทำงานขั้นพื้นฐานของร่างกายมนุษย์ ทันทีที่ส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดปัญหา ร่างกายมนุษย์ก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทุกส่วน
หลงอวี้ที่ใช้ลมปราณหล่อหลอมอวัยวะภายในทั้งห้าอยู่ตอนนี้ ความยากเกินจะจินตนาการ หากผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว อาจถึงขั้นเสียวรยุทธ์ไปตลอดกาลเลยก็เป็ได้
เพียงแต่ว่า หากเขาสามารถใช้ลมปราณหล่อหลอมอวัยวะภายในทั้งห้าได้สักหนึ่งรอบ อวัยวะภายในก็จะแข็งแกร่งขึ้น หรืออาจสร้างผลลัพธ์พิเศษบางอย่างขึ้นได้เหมือนกับตอนที่หลอมตันเถียนเสร็จก็เป็ได้
‘หัวใจ เป็ส่วนสำคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์! หัวใจเต้น ทำให้เืไหลเวียน หากใช้ลมปราณหล่อหลอมหัวใจ ก็จะทำให้หัวใจเต้นได้แข็งแรงและมีพลังมากขึ้น ทำให้สมองปลอดโปร่ง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็สามารถรักษาความสงบเยือกเย็นได้’
‘อวัยวะภายในส่วนที่เหลือล้วนมีหน้าที่เฉพาะตัว เมื่อใช้ลมปราณหล่อหลอมแล้ว ก็จะเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้ราวกับถอดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นก็ไม่ปาน’
ระหว่างที่หลงอวี้กำลังคิดอยู่ก็เร่งเร้าลมปราณภายใน เริ่มหล่อหลอมอวัยวะภายในทั้งห้าส่วน
......
หลงอวี้เก็บตัวฝึกฝนเป็ระยะเวลาครึ่งเดือน
ณ บริเวณที่พักของลูกศิษย์ระดับพิเศษ ชายหนุ่มรูปงามชุดขาวที่ดูสูงสง่าราวกับวิญญูชนผู้หนึ่งกำลังเดินออกมา เขาคือเฟิงอวิ๋นนั่นเอง
เขาเดินทางออกจากหุบเขาสยบฟ้า ควบม้าพยศสามตัวไปพร้อมกับผู้ติดตามที่เป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษอีกสองคน มุ่งหน้าสู่เมืองอวี้กวนที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของลัทธิสยบฟ้า
ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่างานชุมนุมตระกูลเฟิงจะเริ่มขึ้น แต่เฟิงอวิ๋นเลือกที่จะออกเดินทางล่วงหน้า!
จะเกิดอะไรกับตระกูลเฟิง หลงอวี้ไม่อาจล่วงรู้ได้ เพราะว่าเขากำลังอยู่ใน่เวลาสำคัญของการฝึกวิชากายาพิชิตมาร
หลังผ่านการฝึกเป็เวลาเกือบสิบวัน ในที่สุดเขาก็สามารถหล่อหลอมอวัยวะภายในเสร็จไปสี่ส่วน หัวใจที่เป็ส่วนสุดท้ายก็หล่อหลอมจนถึง่สุดท้ายแล้ว
ในที่สุด เมื่อหัวใจเต้นเสียงดังตึก เืภายในร่างกายพลันไหลเวียนเชี่ยวกราก ทำให้พลังชีวิตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“หล่อหลอมอวัยวะภายในทั้งห้าเสร็จสิ้นแล้ว ในที่สุดก็ฝึกกายาพิชิตมารถึงขั้นสมบูรณ์!”
หลงอวี้ยืนขึ้น ตาเป็ประกายแวววาว!
วิชากายาพิชิตมารต้องฝึกถึงขั้นสมบูรณ์ ถึงจะนับว่าฝึกสำเร็จอย่างแท้จริง ร่างกายของเขากลายเป็กายาพิชิตมารไปทุกส่วน มีแสงสีทองชั้นหนึ่งสว่างขึ้นรอบตัวตลอดเวลา
แสงสีทองนี้คือม่านพลังป้องกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ พลังป้องกันของมันเทียบเคียงได้กับพลังม่านเหล็กพิชิตมารที่หลงอวี้เคยใช้ แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องรวบรวมลมปราณขึ้นมาเพื่อใช้อีกแล้ว
วิชากายาพิชิตมารขั้นสมบูรณ์ ทำให้ตัวเขาราวกับมีม่านเหล็กพิชิตมารปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ร่างกายแข็งแกร่งทนทานดุจหินผาก็ไม่ปาน!
‘การฝึกวิชากายาพิชิตมารสำเร็จได้อย่างราบรื่น ส่วนหนึ่งเป็เพราะความสามารถของสัญลักษณ์ัช่วยไว้ หากไม่มีสัญลักษณ์ั ข้าคงไม่สามารถหล่อหลอมตันเถียนกับอวัยวะภายในทั้งห้าส่วนสำเร็จได้รวดเร็วขนาดนี้แน่...’
หลงอวี้คิดในใจ จากนั้นก็เริ่มฝึกวรยุทธ์ประเภทท่าร่างขั้นพิเศษอย่าง วิชาิญญาเคลื่อน
วิชาิญญาเคลื่อน เป็การใช้ลมปราณเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็ิญญา ทำให้ร่างกายและอวัยวะภายในกลายเป็ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ และเพิ่มความเร็ว หลังจากบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ได้ก็จะทะลุกำแพงได้เป็ต้น มีประโยชน์ไม่น้อย
การที่ฝึกวิชากายาพิชิตมารสำเร็จขั้นสมบูรณ์ ทำให้อวัยวะภายในของหลงอวี้ทนทานมากกว่าปกติ สามารถทนรับลมปราณที่จะเข้ามาเปลี่ยนร่างกายให้ว่างเปล่าได้อย่างง่ายดาย
การฝึกฝนวิชาิญญาเคลื่อนเป็เื่ที่ทำสำเร็จได้แน่นอน อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
สำหรับหลงอวี้นั้นใช้เวลาเพียงสามวันในการฝึกวิชาิญญาเคลื่อนให้บรรลุถึงขั้นกลาง สามารถเปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็ิญญาได้ในเบื้องต้น ถ้าใช้ตอนกลางวันแสกๆ จะยังไม่มีประโยชน์อะไร แต่อย่างน้อยก็สามารถเร้นกายไปยังสถานที่ต่างๆ ในยามรัตติกาลได้ วิชานี้ทำให้เขาซ่อนตัวได้แเีกว่าเดิม ยากที่ผู้ใดจะพบเห็น!
“งานชุมนุมตระกูลเฟิงจะเริ่มขึ้นอีกสามวัน ควรเริ่มออกเดินทางได้แล้ว”
หลังจากฝึกวิชาิญญาเคลื่อนสำเร็จถึงขั้นกลางแล้ว หลงอวี้ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ไปบอกลาผู้เฒ่าขาวและดำรวมถึงเลี่ยวเล่อเล่อด้วย ก่อนจะลงจากหุบเขาสยบฟ้ามุ่งหน้าไปเมืองอวี้กวนที่อยู่ทางเหนือ
เดิมที เลี่ยวเล่อเล่ออยากจะติดตามหลงอวี้ไปด้วย แต่หลงอวี้คิดในใจว่าเขาสร้างศัตรูในเมืองอวี้กวนไว้ไม่น้อย ไม่ควรพาเลี่ยวเล่อเล่อไปเสี่ยงด้วย ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงออกเดินทางไปคนเดียว
หลงอวี้ไม่ได้ขี่ม้าไป เขาเดินทางด้วยวิชาิญญาเคลื่อนพร้อมกับเร่งเร้าพลังของเท้าเหมันต์คลั่งวิ่งรุดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเป็เช่นนี้ การเดินทางของเขาจึงเป็ไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าการขี่ม้าเสียอีก ระหว่างทางยังสามารถทำความคุ้นเคยและสร้างสายสัมพันธ์กับรองเท้าเหมันต์คลั่งไปด้วย!
หลงอวี้เคยััถึงการประสานใจกับรองเท้าเหมันต์คลั่งมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยความช่วยเหลือจากสัญลักษณ์ัปรภพตอนอยู่ในป่าโสมโบราณ หลังจากนั้น หลงอวี้และรองเท้าเหมันต์คลั่งก็ราวกับเกิดสายสัมพันธ์ขึ้นเสี้ยวหนึ่ง การเต้นของหัวใจเขาราวกับผสานการไหลเวียนของลมปราณภายในรองเท้าได้ก็ไม่ปาน
‘แม้การทำแบบนี้จะเหนื่อยสักหน่อย แต่หากผสานใจกับรองเท้าเหมันต์คลั่งได้ ก็นับว่าคุ้มค่า!’
หลงอวี้คิดได้เช่นนั้นก็วิ่งไปยังเมืองอวี้กวนทั้งอย่างนั้น
ท้องฟ้าสูง แผ่นดินกว้างใหญ่ เส้นทางช่างยาวไกล!
หลงอวี้กวาดตามองไปรอบๆ ระหว่างทาง ในรัศมีร้อยลี้นี้เกรงว่าคงมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ราวกับเป็ผู้ปกครองใต้หล้ากว้างใหญ่ก็ไม่ปาน ช่างเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
“โลกทัศน์ของข้าตอนนี้ยังแคบเกินไป! โลกที่มีวรยุทธ์เป็ใหญ่นี้ ไม่รู้ว่ากว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด จะมีวันที่ข้าได้กลายเป็ผู้ปกครองของฟ้าดินผืนนี้จริงๆ หรือเปล่า...”
เมื่อเดินทางบนทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้คนเดียว หลงอวี้ก็อดคิดเรื่อยเปื่อยไม่ได้
ผ่านไปไม่นาน ก็มีก้อนหิมะสีขาวแผ่กระจาย จู่ๆ ระหว่างเขากับรองเท้าเหมันต์คลั่งก็ได้ผสานใจขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ในครั้งนี้เขาไม่ได้พึ่งพาพลังของสัญลักษณ์ัปรภพเลย!
นี่ต่างหาก คือการสร้างสายสัมพันธ์กับยุทธภัณฑ์ขึ้นอย่างแท้จริง
หลงอวี้ก้าวเท้าวิ่งอย่างรวดเร็ว น้ำแข็งอันเย็นะเืสายหนึ่งถาโถม สะท้อนแสงอาทิตย์จนเปล่งประกายแสงแวววาว พออยู่บนทุ่งหญ้าเขียวขจีเช่นนี้แล้วก็ดูสะดุดตาเหลือเกิน
‘ในที่สุดก็สร้างสายสัมพันธ์ขึ้นแล้ว เพียงแต่นี่เป็แค่ขั้นตอนผสานใจเท่านั้น ระดับถัดไปคือการเชื่อมปัญญา ทำให้รองเท้าเหมันต์คลั่งสร้างสติปัญญาของตัวเอง สามารถสนับสนุนการเคลื่อนไหวของข้าได้มากยิ่งกว่าเดิม...’
หลงอวี้คิดในใจเช่นนั้น แต่หากคิดจะสร้างสายสัมพันธ์กับยุทธภัณฑ์ถึงขั้นทำให้ยุทธภัณฑ์สร้างสติปัญญาขึ้นมา จะใช้ความพยายามของฝ่ายเ้านายอย่างเดียวไม่ได้ ตัวยุทธภัณฑ์เองก็เป็ปัจจัยสำคัญเช่นกัน
เพียงแต่ตอนนี้หลงอวี้ยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้ยุทธภัณฑ์สร้างสติปัญญาได้ จึงได้แต่ปล่อยผ่านไป
เขาวิ่งห้ออยู่บนทุ่งหญ้ากว้างสองวัน หลังจากนั้น ก็มาถึงป่าผืนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองอวี้กวน
แต่เดิมเขาคิดอยากจะไปถึงเมืองอวี้กวนให้เร็วที่สุด แต่หลังจากเข้ามาในป่าแล้ว เขาพลันััได้ถึงบรรยากาศผิดปกติบางอย่าง
เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
“มีคนดักซุ่มโจมตีอย่างนั้นหรือ”
หลงอวี้คิดในใจ จากนั้นก็เดินทางในป่าต่อราวกับไม่รู้เื่อะไร
ทันใดนั้น เสียงอาวุธตัดผ่านอากาศก็ดังขึ้นสองสาย คนที่ซุ่มโจมตีคงอดใจไม่ไหว ถึงได้เปิดฉากโจมตีทันที!
“คิดตื้นๆ!”
เมื่อฟังจากเสียงอาวุธที่ตัดผ่านอากาศ หลงอวี้ก็รับรู้ได้ว่า ผู้ที่ลอบโจมตีมีระดับวรยุทธ์เพียงขั้นหก เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็ตัวตนที่ไร้ความคุกคามอย่างสิ้นเชิง!
ฉัวะ! ฉัวะ!
เกิดเสียงเฉือนเนื้อ ตามด้วยเสียงล้มกระแทกพื้นราวกับว่าหลงอวี้ถูกอาวุธลับสองชิ้นลอบโจมตีสำเร็จจนาเ็
นี่ย่อมเป็การแสร้งทำอยู่แล้ว เพื่อจะดูว่าใครเป็คนลอบโจมตี!
พอเห็นหลงอวี้ล้มลง คนที่ลอบโจมตีก็ดูตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“แค่นี้ก็เสร็จแล้วหรือ?”
เสียงพูดที่ดูเหมือนกดไว้ดังในหูของหลงอวี้ พอเขาได้ยินก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็ใคร
มันคือผู้าุโของตระกูลเฟิง เฟิงเทียนเสียง!
ตอนที่หลงอวี้อยู่ที่หอวิทยายุทธ์ของตระกูลเฟิง เ้าเฟิงเทียนเสียงผู้นี้นี่แหละที่ลงมือบีบคั้นจนหลงอวี้ต้องออกจากตระกูลเฟิงมาในท้ายที่สุด
ตอนนี้ เขาจะมาเข้าร่วมงานชุมนุมตระกูลเฟิง เ้าเฟิงเทียนเสียงนี่กลับมาดักรอลอบสังหารเขาระหว่างทาง!
“ไปตรวจดูหน่อย ล้อมมันไว้ ระวังอย่าให้มันหนีไปได้!”
เสียงพูดที่ค่อนข้างน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังขึ้น พอหลงอวี้ได้ยินก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็ใคร
‘เฟิงฉางสิง’ บิดาของเฟิงหยางและเฟิงชิงชิง และเป็พี่สองของเฟิงฉางเกอ!
‘คิดไม่ถึงว่าเฟิงฉางสิงจะนำกลุ่มมาเอง เฟิงเทียนเสียงก็อยู่ด้วย คนที่ลงมือโจมตีหยั่งเชิงเมื่อกี้คงเป็เฟิงเทียนเสียง’
หลงอวี้ยังคงแกล้งตายอยู่บนพื้น คิดวิเคราะห์ในใจอย่างต่อเนื่อง
อาวุธลับที่ซัดมาทางเขาสองชิ้นนั้น ทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย การลอบโจมตีของผู้ที่มีวรยุทธ์ขั้นหก ไม่มีทางเจาะการป้องกันของวิชากายาพิชิตมารได้แน่นอน
เพียงครู่เดียว เสียงก้าวเท้าก็ดังขึ้นรอบทิศทาง จากนั้นก็มีลูกหลานตระกูลเฟิงจำนวนสิบคนปรากฏตัว ล้อมจุดที่หลงอวี้นอนอยู่
เฟิงฉางสิงและเฟิงเทียนเสียงก็อยู่ในกลุ่มด้วย
นอกจากพวกมันแล้ว ยังมีชายหนุ่มที่ห้อยตราประจำตัวของลัทธิสยบฟ้าไว้ที่เอวคนหนึ่งอยู่ในกลุ่มด้วย หลงอวี้ััได้ว่า เ้าหมอนี่มีวรยุทธ์ขั้นแปดเช่นกัน
ชายหนุ่มผู้นี้เดินมา พูดเสียงเรียบ
“ศิษย์พี่เฟิงอวิ๋นบอกว่า เ้าหลงอวี้มีวรยุทธ์ขั้นแปด วรยุทธ์ขั้นหกไม่มีทางโจมตีได้แน่ พวกเราทั้งหมดอย่าเพิ่งเข้าใกล้มัน ส่วนคนที่วรยุทธ์ขั้นเจ็ดสังหารมันจากระยะไกลได้เลย!”
‘ชายหนุ่มผู้นี้ เรียกเฟิงอวิ๋นว่าศิษย์พี่!’
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจเื่ราวทันที ชายหนุ่มวรยุทธ์ขั้นแปดผู้นี้ คือลูกสมุนที่เฟิงอวิ๋นเตรียมไว้ เป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้า!
เฟิงฉางสิงและชายหนุ่มผู้นี้ล้วนมีวรยุทธ์ขั้นแปดทั้งคู่ พวกเขาดักซุ่มโจมตีเช่นนี้ หลงอวี้เพียงคนเดียวย่อมจัดการได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
“น้อบรับคำสั่งขอรับ ท่านหลีชง”
ผู้าุโของตระกูลเฟิงที่มีวรยุทธ์ขั้นเจ็ดสองคนหันมาทางหลงอวี้ เตรียมโจมตีเขา คิดจะบดขยี้เขาให้เป็เศษเนื้อจากระยะไกล
ที่แท้ ลูกศิษย์ระดับพิเศษคนนั้นมีชื่อว่า ‘หลีชง’ นี่เอง
หลีชงออกคำสั่งแล้ว ก็เตรียมจะปล่อยวิชาโจมตีเพื่อสังหารหลงอวี้จากระยะไกลเชิงเดียวกับเฟิงฉางสิง เขาไม่ประมาทเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนั้นเอง หลงอวี้ที่นอนอยู่บนพื้นก็พลันเกิดเสียงปะทุ ในจังหวะเดียวกันนั้นแก่นพลังกดทับอันทรงพลังสายหนึ่งก็ได้กดทับลงมาจากบนท้องฟ้า ครอบคลุมผู้คนทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆ ไว้ทันที!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้