จุนห่าวเห็นร้านอาหารที่นั่งเต็ม คิดในใจ มีคนี้เีมากมายนัก เดาว่าไม่มีอะไรทำคงมารวมกันที่ร้านอาหาร จุนห่าวสำรวจสภาพแวดล้อมของร้านอาหารครู่หนึ่ง รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมของร้านอาหารแห่งนี้ไม่เลวทีเดียว เป็สถานที่ที่ดีสำหรับการพบปะสังสรรค์ เห็นทะเลอันงดงามพร้อมฟังเสียงคลื่น ถือว่าได้ด่ำดื่มกับบรรยากาศ
ครอบครัวจุนห่าวหาที่นั่งริมหน้าต่าง จากหน้าต่างสามารถมองเห็นทะเลอันงดงามด้านนอก เมื่อเห็นสุดลูกหูลูกตา จุนห่าวไม่เพียงไม่รู้สึกผ่อนคลาย แต่กลับรู้สึกประหม่า จุนห่าวไม่รู้ว่าจะมีคลื่นอันวุ่นวายมากมายถูกซ่อนอยู่ใต้ทะเลอันเงียบสงบนี้หรือไม่ เขาไม่อาจวางใจให้ชีวิตของเขาและครอบครัวฝากไว้ในมือคนอื่น ดังนั้นเขาจึงต้องระวังตัวอยู่เสมอ
หานรุ่ยเห็นความกระวนกระวายและตื่นตัวของจุนห่าว เขาจับมือจุนห่าว พลางสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ เขาพบว่าไม่มีอะไรผิดแปลก เขาพูดกับจุนห่าวว่า “มีอะไรหรือ ที่นี่มีบางอย่างผิดปกติหรือ?”
จุนห่าวจับมือหานรุ่ย กล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่มีอะไรผิดแปลกหรอก ข้าแค่กังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับคลื่นใต้ทะเล ข้าเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเรือลำนี้”
หานรุ่ยฟังคำของจุนห่าว กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เรือลำนี้เดินเรือเส้นทางนี้จนคุ้นชินแล้ว จะมีเรือเข้าออกทุกวัน น้อยนักที่จะเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น เ้าไม่ต้องกังวล เราไม่โชคร้ายอย่างนั้นหรอก”
จุนห่าวยิ้มให้กับหานรุ่ย และพูดว่า “ข้าอาจจะป่วยเป็โรคขี้ระแวง แต่ตื่นตัวไว้ก็มิใช่เื่เสียหาย”
“เ้าพูดถูก ตื่นตัวไว้ก่อนดีกว่า หลังจากที่ข้าขึ้นเรือมา ข้าผ่อนคลายเกินไป นี่เป็ข้อห้ามอันยิ่งใหญ่ของตระกูลทหาร พอพลังปราณเพิ่มขึ้น ข้าก็ลำพองตัว สภาวะทางจิตใจไม่แน่วแน่ ดังนั้น ข้ายังต้องฝึกควบคุมสภาวะทางจิตใจ” หานรุ่ยพูดกับจุนห่าวอย่างไตร่ตรอง คิดในใจ หลังจากไปถึงเกาะหลานชิง เขาต้องออกไปล่าสัตว์ทะเล เพื่อรวบรวมพลังปราณ และควบคุมสภาวะจิตใจ หากวันนี้ไม่ได้ฟังคำของจุนห่าว เขาคงไม่ได้สังเกตเห็นข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ นี้ หากปล่อยให้อยู่คนเดียว ข้อบกพร่องเล็กๆ นี้ อาจกลายเป็ปัญหาใหญ่ในที่สุด ทั้งยังเป็สิ่งกีดขวางบนเส้นทางการบำเพ็ญเพียรของเขาในอนาคต เมื่อได้ยินคำตอบของหานรุ่ย จุนห่าวพึงพอใจอย่างมาก ไม่ว่าหานรุ่ยจะอายุเท่าไหร่ เขาก็เป็แค่ชายหนุ่มที่เพิ่งโต จากการบำเพ็ญเพียรอย่างรวดเร็ว มีบางอย่างผิดปกติกับสภาวะทางจิตใจ และค่อยๆ คลายความระแวดระวังของเขา มีบ้างที่รู้สึกตัวลอยๆ จุนห่าวไม่อยากกดดันหานรุ่ยมากเกินไป จุนห่าวจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและพูดว่า "ผู้คนมากมายมาที่นี่เพื่อทานอาหารค่ำ ดูเหมือนว่าร้านอาหารที่นี่ไม่เลวทีเดียว" จุนห่าวยื่นเมนูให้หานรุ่ยและกล่าวว่า "เสี่ยวรุย เ้าชอบกินอะไรก็สั่งเลย ไม่ต้องสนใจอาหารที่ถูกปากลูกและข้า"
"เ้าไม่ต้องบอกหรอก ข้าก็มิใช่คนที่ปฏิบัติต่อตัวเองไม่ดี ไม่เหมือนคนอื่นๆ" หานรุ่ยรับเมนูที่จุนห่าวยื่นให้ จากนั้นมองจุนห่าวอย่างมีความหมายและพูดว่า คิดในใจ ครั้งนี้จุนห่าวกำลังพูดถึงตัวเองแน่ ทุกครั้งที่จุนห่าวสั่งอาหาร ล้วนแต่สั่งอาหารที่เขาและลูกๆ ชอบทาน พอเขาให้จุนห่าวสั่งอาหารจานโปรด จุนห่าวจะพูดเสมอว่าเขาเป็คนทานง่ายและชอบกินทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม หลายปีมานี้ หานรุ่ยค้นพบว่าเขารับรสชาติเหมือนจุนห่าว กินอะไรได้หมด ทว่าก็มีเมนูที่ชอบกินด้วย
ฟังคำของหานรุ่ย จุนห่าวใช้มือขวายันหน้าผาก พลางมองหานรุ่ย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เพราะข้ารักเ้าและลูกไง ข้าเป็ชายที่ดีที่รักภรรยาและลูก ชายที่ดีจะไม่สนใจความชอบของตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องให้ความสำคัญกับภรรยาและลูก"
ใบหน้าของหานรุ่ยก็หนาขึ้นได้รับการฝึกอย่างหนักโดยจุนห่าว เขายกคิ้วขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ช่างพูดจาแถไถไหลลื่นนัก แต่ข้าก็ชอบฟัง จากนี้ไปจงทำดีต่อไป หวังว่าเ้าจะเป็ชายที่ดีที่เสมอต้นเสมอปลาย อย่าล้มเลิกกลางคัน"
"ขอแค่ภรรยาชอบฟังก็พอ ข้าสัญญาว่าจะชายที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย จากนี้ไปข้าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ล้มเลิกกลางคันเด็ดขาด" จุนห่าวไม่แปรเปลี่ยนท่าทีของเขา เขาหัวเราะเฮ่อๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ทว่าในสายตาของเขากลับแฝงไปด้วยความจริงใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จนหานรุ่ยไม่อาจย้อนได้
มองท่าทางี้เีของจุนห่าว พร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก หานรุ่ยคิดในใจ จุนห่าวช่างทำตัวน่ารักจริงๆ หากปล่อยให้สตรีหรือซวงเอ๋อร์เ่าั้เห็นเขาในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะมีคนกี่คนที่หลงใหล โชคดีที่ปกติแล้วจุนห่าวจะทำตัวปกติ มิฉะนั้นเขาคงมีคู่แข่งมากมาย
"ท่านแม่ ท่านอย่าจ้องมองแต่ท่านพ่อ ถึงท่านพ่อจะดูดี ทว่าท่านมองอยู่นานแล้ว หรือว่ายังมองไม่พอ? ข้าหิวแล้ว รีบสั่งอาหารเถอะ หากท่านยังมองไม่พอจริงๆ งั้นท่านเอาเมนูให้ข้า ข้าและท่านพี่จะสั่งอาหารแทน" จุนหนานพูดกับหานรุ่ยที่จ้องมองจุนห่าว คิดในใจ ท่านพ่อลำเอียงนัก ส่งเมนูให้ท่านแม่แต่ไม่ให้เขา ดูเหมือนว่าในหัวใจของท่านพ่อ ท่านแม่สำคัญที่สุด การเป็ลูกชายของท่านพ่อ ช่างน่าสงสารเสียจริง
"ใช่ ท่านแม่ จุนหนานกับข้าสั่งอาหารแทนได้ ท่านส่งเมนูในมือของท่านให้ข้า จากนั้น ท่านจะมองท่านพ่อเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ท่าน้า ท่วงท่าของท่านพ่ออย่างนกยูงรำแพน ถ้าท่านไม่ดูมันซักหน่อย ท่านพ่อก็รู้สึกเสียดาย" จุนตงพูดเสริมต่อจากจุนหนาน คิดในใจ ท่านแม่และท่านพ่อแสดงความรักต่อกันแม้กระทั่งตอนสั่งอาหารเลยหรือ ในฐานะที่เป็ลูกชายของพวกเขา ต้องมีจิตใจเข้มแข็ง มิฉะนั้นคงรู้สึกบาดตาเพราะท่านพ่อและท่านแม่แน่
ฟังคำของจุนตง หากใบหน้าของจุนห่าวหนาเท่ากำแพงเมืองจีน เขาคงเอาไม่อยู่ ดังนั้น เขาจึงจัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาแล้วนั่งตัวตรงให้ดูยำเกรง กระแอมปลอมๆ สองครั้ง พูดอย่างจริงจังกับหานรุ่ยว่า "เสี่ยวรุ่ย เ้ารีบสั่งเถอะ ลูกทั้งสองจะไม่ไหวแล้ว อดที่จะทานอาหารอร่อยไม่ได้ ตอนนี้อดใจรอไม่ไหวแล้ว หากเ้าไม่สั่งข้าว่าพวกเขาจะคว้าเมนูในมือของเ้าไป"
คิดในใจ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาทำให้หานรุ่ยหลงใหล กลับถูกเ้าเด็กอ้วนสองคนทำลาย
หานรุ่ยอับอายด้วยคำพูดของลูกสองคน เขาคิดไม่ถึงว่า เขาจะมองจุนห่าวจนเหม่อ เมื่อนึกถึง ก็จ้องมองจุนห่าวอย่างไม่พอใจ
จุนห่าวเห็นหานรุ่ยจ้องมองเขา เขาขยิบตาให้หานรุ่ยอย่างไร้เดียงสา และพูดว่า "เ้ามองข้าทำไมหรือ รีบสั่งอาหารเร็ว ลูกๆ ร้อนใจแล้ว" จากนั้นก็เอนตัวไปข้างหูของหานรุ่ย พร้อมกับกระซิบว่า "หากเ้ายังจะมองข้าอีก รอจนกลับบ้าน ข้าจะให้เ้ามองให้พอ ถอดให้เ้าเห็นทั้งหมด ดังนั้น ภรรยาจ๋า เ้ารีบดึงอารมณ์กลับมา ที่นี่มีคนมากมายนัก เห็นสายตาอันร้อนแรงของเ้ามองข้าแบบนี้ ข้าก็เขินอายนะ" พูดจบจุนห่าวก็ยิ้มอย่างมีความสุข คิดในใจ การได้หยอกล้อภรรยาของตัวเอง ถือเป็ความสุขอย่างหนึ่ง
เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของจุนห่าว หานรุ่ยจ้องจุนห่าวอีกครั้ง คิดในใจ เขาประเมินความหนาของใบหน้าจุนห่าวต่ำไปจริงๆ ลูกบอกว่าเขาเป็นกยูงรำแพน ทั้งยังมีความกล้าที่จะแซวเขา
หานรุ่ยจ้องมองจุนห่าวครู่หนึ่ง ก็เริ่มจริงจังกับการสั่งอาหาร จุนห่าวรู้ว่าเขาต้องยอมรับมันทันที จึงไม่แซวหานรุ่ยต่อ
"ลูกผู้พี่ เรานั่งตรงนั้นกันเถอะ ตรงนั้นอยู่ใกล้หน้าต่าง เรามองเห็นทะเลได้" เสียงพูดที่ชัดเจนเอ่ยขึ้น หากหานรุ่ยได้ยินเสียงนี้ เขาย่อมรู้ว่าเ้าของเสียงนั้นคือเพื่อนคนเดียวของเขา...หยุนจ่านเผิง แต่น่าเสียดาย หานรุ่ยไม่ได้ยินมัน
"ทะเลมีอะไร ดูมาหลายวัน ข้าคิดว่าเซวียนอี้คงเห็นจนเอียนแล้ว เซวียนอี้ เ้าว่าไหม ข้าคิดว่าเราควรนั่งตรงนั้นดีกว่า ตรงนั้นเงียบดี" หลังจากหยุนจ่านเผิงพูดจบ หยางเซียนเอ๋อร์ก็ชี้ไปที่นั่งคนละมุมกับหยุนจ่านเผิง หยางเซียนเอ๋อร์เกลียดหยุนจ่านเผิงนัก เธอชอบเซวียนอี้มานาน ทว่าเซวียนอี้ไม่เคยแสดงออกทางสีหน้าให้แก่เธอเลย ั้แ่หยุนจ่านเผิงมา เซวียนอี้ก็ใส่ใจดูแลหยุนจ่านเผิงเสมอ เธอเห็นความเสน่หาในสายตาของเซวียนอี้ที่มีต่อหยุนจ่านเผิงหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงอิจฉา เธอเป็คนขี้อิจฉายิ่งนัก เธอไม่รู้ว่าเธอสู้หยุนจ่านเผิงซวงเอ๋อร์ผู้นี้ไม่ได้ตรงไหน
"ลูกผู้น้อง ได้ยินเ้าอยากไปตรงนั้น ข้าก็ชอบมองทะเลเช่นกัน มองยังไงก็ไม่พอ ได้มองทะเลพร้อมกับรับประทานอาหาร ข้าจะรู้สึกสบายใจ" เซวียนอี้พูดกับหยุนจ่านเผิง ในสายตาของเขาแฝงด้วยความรักใคร่เอ็นดูและไม่มีใครสังเกตถึงความรักที่มี เซวียนอี้คิดในใจ ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไหร่ที่ลูกผู้น้องกลับมา ความรักที่มีต่อลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาแทบจะไม่อาจเก็บซ่อนได้ แม้แต่หญิงโง่เขลาอย่างหยางเซียนเอ๋อร์ยังมองออก คิดถึงตรงนี้ เซวียนอี้รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก นึกถึงตัวเอง ครั้งหนึ่งเคยเป็คนที่ใบไม้หมื่นดอกก็ไม่อาจััร่างกาย ยามนี้ เขากลับมีความรัก ทั้งคนที่เขาชอบยังไม่รู้ว่าเขามีใจให้ เขารู้สึกเศร้าใจนัก
“ลูกผู้พี่ช่างดีนัก ไม่เหมือนบางคนที่ชอบขัดข้า” หยุนจ่านเผิงพูดกับหยางเซียนเอ๋อร์อย่างมีชัย จากนั้นก็เดินนำไปยังที่นั่งนั้น เขาพูดกับเซวียนอี้ในใจของเขาว่า ลูกผู้พี่ ข้าขอโทษ ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่เห็นความรักในสายตาของท่านที่มีต่อข้า ทว่าชะตาของเราในชาตินี้ถูกกำหนดแล้วว่าไม่มีวาสนาร่วมกัน ข้ายังต้องล้างแค้นให้หานรุ่ย ข้าไม่อยากให้ท่านต้องเหนื่อย ด้วยเหตุนี้ ข้าทำได้เพียงแสร้งทำเป็มองไม่เห็นความรักในสายตาของท่าน โดยหวังว่าพอลูกผู้พี่เห็นข้าไม่ตอบสนอง ลูกผู้พี่ก็จะลืมข้าได้ ลูกผู้พี่เป็คนดีเช่นนี้ คู่ควรกับความรักของคนที่ดีกว่า เมื่อเขาเดินไปถึงที่นั่ง หยุนจ่านเผิงก็เก็บอารมณ์ของเขา กลับมาเป็หยุนจ่านเผิงที่ไร้ความรู้สึกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง กลุ่มหยุนจ่านเผิงห้าคน นำโดยเซวียนอี้ ลูกผู้พี่ของเขา พวกเขาทั้งห้าออกมาเผชิญสถานการณ์ที่อันตรายร่วมกัน หลังจากได้ยินข่าวเื่สมัครลูกเขยและตั๋วเรือ พวกเขาจึงรีบมาโดยไม่หยุดพัก เซวียนอี้ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณหนูจากตระกูลอู๋ ทว่าเื่ตั๋วเรือคือพลังอันยิ่งใหญ่ที่ต้อง เขาอยากออกจากที่นี่นานแล้ว เพียงแค่ไม่มีโอกาส บัดนี้ มีโอกาสแล้วต้องคว้ามันให้ได้ เขาอยากพาหยุนจ่านเผิงไปท่องโลกอันกว้างใหญ่กว่านี้ เขาคิดว่าหยุนจ่านเผิงคงจะไม่ปฏิเสธเขา เซวียนอี้คิดอย่างไม่มั่นใจ
หยุนจ่านเผิงไม่รู้ว่าเซวียนอี้้าพาเขาไปยังดินแดนอื่น เขามาที่นี่อย่างบริสุทธิ์ใจและไม่มีอะไรแอบแฝงเลย ก่อนที่เขาจะล้างแค้นให้หานรุ่ย เขาจะไม่ไปจากแผ่นดินนี้เด็ดขาด เว้นแต่ว่าสุ่ยเย่ว์หรูหวาองค์ชายสามจะออกไป ทว่าเขาคิดในใจสุ่ยเย่ว์หรูหวาเป็คนกลัวตายและละโมบในอำนาจ คงไม่จากไปหรอก หากเขาจากไป ความเพียรพยายามของเขาใน่หลายปีที่ผ่านมาก็ไร้ประโยชน์
หลังจากหยุนจ่านเผิงนั่งลง ก็มองไปทางหน้าต่าง เขาอยากเห็นทะเล การเห็นทะเลจะช่วยสะกดอารมณ์เคียดแค้นที่เขามีต่อองค์ชายสามได้ หานรุ่ย...เพื่อนรักของเขา เป็คนที่หาที่เปรียบมิได้ แต่เขากลับถูกทำลายด้วยน้ำมือของสุ่ยเย่ว์หรูหวา เขาจะไม่เคียดแค้นได้อย่างไร
ขณะที่เขามองไปยังท้องทะเล สายตาของเขากลับเห็นคนๆ หนึ่งที่ก้มหน้าก้มตาคนอยู่ข้างหน้าต่าง เขาไม่ได้ถอนของสายตาของตัวเองอยู่นาน
เขาไม่อาจเชื่อว่า สิ่งที่เขาเห็นจะเป็ความจริง เขากระพริบตาอยากหนัก ชายคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น คราวนี้ หยุนจ่านเผิงในที่สุดก็ยืนยันว่า เขาไม่มีอาการวิงเวียนศีรษะ คนที่เขานึกถึงอยู่ตลอดผู้นั้น นั่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ เขามองชายคนนั้นก็ยิ้มออก ยิ้มรับด้วยการปล่อยวาง
