ในวันเดียวกัน หลังจากที่ซุนเฟยออกมาจากโลก Diablo ก็พบว่าแองเจล่าและเจ็มม่าถูกองค์หญิงแห่งราชอาณาจักรเซนิทเรียกไปสนทนาด้วย คิดดูแล้วองค์หญิงผู้นี้ก็น่าสนใจ นางไม่เคยปรากฏตัวเลยั้แ่ที่มาถึงเมืองแซมบอร์ด แม้แต่ตอนที่ซุนเฟยสังหารอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทท่ามกลางสาธารณชนรวมทั้งรองหัวหน้าอัศวินของคณะทูต ก็ไม่เห็นออกมาพูดอะไรสักคำ หลังจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในฐานะที่เป็ผู้นำคณะทูต นางไม่มีท่าที้าให้ซุนเฟยเข้าพบและไม่มาให้ซุนเฟยพบ นางทำราวกับมาเที่ยวเมืองแซมบอร์ด และไม่พูดถึงเื่ราชโองการแต่งตั้งอีกครึ่งเดือนข้างหน้า ทั้งยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับแองเจล่าว่าที่ราชินีในอนาคตอีก และมักจะส่งคนมาหาแองเจล่าเพื่อเชิญนางไปสนทนากับตัวเอง
ซุนเฟยหลับตาลง เขาไม่กลัวว่าองค์หญิงจะเป็ภัยอะไรต่อแองเจล่า อย่างน้อยองค์หญิงราชอาณาจักรเซนิททำให้ซุนเฟยรู้สึกว่ายังอยู่ในระยะปลอดภัย
สำหรับซุนเฟยแล้ว เขายุ่งมาก
ยุ่งมากๆ
ปัจจุบันซุนเฟยมีเป้าหมายหลักอยู่สองประการ หนึ่งคือพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง สองคือพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของเมืองแซมบอร์ด อย่างแรกเขาได้พึ่งพาความสามารถอัพเลเวลของโลก Diablo อย่างที่สองเขาพึ่งพา 'น้ำยาฮัลค์' ชั่วคราว
แต่ที่ทำให้ซุนเฟยผิดหวังก็คือ อัตราการเกิด 'น้ำยาฮัลค์' มันต่ำมาก คงไม่ถึงสามสี่เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ และน้ำยานี้มีเพียงคนที่มีพื้นฐานความแข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะทำให้ผลกระทบของยาออกฤทธิ์เพิ่มพลังให้แก่ผู้ดื่มในชั่วพริบตา เหมือนบรู๊คและแช็คที่เป็นักรบระดับดาว เมื่อพวกเขาใช้ 'น้ำยาฮัลค์' ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือทหารรับจ้างร่างผอมที่ตายในเรือนจำก่อนหน้านี้ที่สามารถเพิ่มพลังขึ้นมาได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็ตาเฒ่าหน้าหล่ออย่างเบสท์ คนที่แทบจะไม่มีพื้นฐานการพลังใดๆ มาดื่มน้ำยา คาดว่าไม่กี่สิบวินาทีร่างกายคงะเิออกมา คนธรรมดาไม่อาจอดกลั้นรับความเ็ปเจียนตายนี้ได้
ก่อนหน้าที่ซุนเฟยจะเข้าไปในโลก Diablo และพบเื่ที่ไม่คาดคิด แท่นบูชาสีดำในพื้นที่ลึกลับในแต็นท์ของอาคาร่าและ ‘พันธสัญญาของบรรพบุรุษ’ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยปรากฏอยู่ในความทรงจำเกี่ยวกับเกมคอมพิวเตอร์ในโลกเก่าของซุนเฟยเลย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่างคลาดเคลื่อนไปจากความทรงจำของโลกเก่า นี่ทำให้ซุนเฟยสงสัยว่าในโลก Diablo ที่ตัวเองสังหารมอนสเตอร์เพื่ออัพเลเวล ตกลงมันเป็แค่เกมหรือไม่ หรือบางทีอาจจะเป็เพียงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในเกมเท่านั้น...
ตลอดทั้งวันในวันเดียวกัน ซุนเฟยก็กำลังพิจารณาถึงทักษะพระเ้าสามประการที่ได้รับมาในแท่นบูชาสีดำ 'เรียนรู้ ให้' และ 'อัญเชิญ'
ทักษะพระเ้าทั้งสามประการที่ได้รับมาจากแท่นหินบูชาสีดำในโลก Diablo ซุนเฟยไม่เข้าใจวิธีใช้ทักษะพระเ้าสามประการนั่นสักนิด ความจริงแล้วหลังแท่นบูชาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวลึกลับจากฟากฟ้า แถบสีขาวนอกจากชำระล้างร่างกายซุนเฟยแล้วยังเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายให้อีกด้วย ซุนเฟยถือว่าได้รับกำไรอย่างอื่นติดมาด้วย เสียงลึกลับทรงอำนาจบอกซุนเฟยเพียงแค่ว่า รูปแบบการใช้และผลของทักษะพระเ้าสามประการ ซุนเฟยจำเป็ต้องค่อยๆ ค้นหาเอาเองในอนาคต ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและโชคของซุนเฟย บางทีเขาอาจหาวิธีควบคุมและใช้งานมันได้เร็ววัน หรือบางทีตลอดชีวิตของซุนเฟยอาจไม่สามารถหาวิธีควบคุมทักษะพระเ้าทั้งสามประการนี้ได้
มารดามันเถอะ เป็คำพูดที่โคตรจะไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี
ตลอดทั้งคืนซุนเฟยเหมือนไม่ได้รับอะไรเลย แม้ตอนแรกเขาจะเริ่มสงสัยว่า ทักษะพระเ้าทั้งสามประการเป็เพียงเื่ที่กุขึ้นมาของเหล่าบรรพบุรุษในสมัยโบราณของค่ายโร้ก ที่ทิ้งไว้เพื่อกระตุ้นลูกหลานในอนาคตหรือเปล่า แต่เมื่อรุ่งเช้าของวันที่สอง เื่ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ซุนเฟยบังเอิญเรียกใช้ทักษะ 'อัญเชิญ' ทักษะพระเ้าสามประการ เขาเปิดประตูมิติ อัญเชิญทหารรับจ้างสาวนักธนูน้ำแข็งมือฉมังอย่างเอเลน่าออกมาจากโลก Diablo
ตอนนั้นเขามีความสุขมาก
แต่ในขณะเดียวกันซุนเฟยก็ตกตะลึง
ไม่ใช่เพราะเขาเรียกใช้ทักษะพระเ้าอย่าง 'อัญเชิญ' แต่เป็เพราะว่า...เนื่องจากท้องฟ้าแจ่มใส คาดว่าผู้คนในโลก Diablo จะยังไม่ตื่นกัน ดังนั้นตอนที่เอเลน่าปรากฏออกมาจากประตูมิติตรงหน้าเขา นางจึงยังคงสวมเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น นั่นทำให้ซุนเฟยได้มองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของโลกที่ช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งดีเยี่ยมจนพาลจะหน้ามืด ใบหน้าสวยๆ ที่ยังคงงัวเงียกับผมสีแดงที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทำเอาซุนเฟยตัวแข็งเป็หิน เืกำเดาแทบพุ่ง
เห็นได้ชัดว่าเอเลน่าจะยังไม่ตื่นเต็มตา ใบหน้าจึงสะลึมสะลือ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ในที่สุดนักธนูสาวสวยคนนี้ก็เริ่มได้สติแจ่มชัดมากพอที่จะทำความเข้าใจสถานการณ์ตอนนั้น นางอุทานใ สองมือยกขึ้นกันูเาั์ที่ตั้งตระหง่าน ปกปิด ‘ูเาหิมะ’ สองลูกจากสายตาซุนเฟย จากนั้นก็ฉวยโอกาสที่ประตูมิติในห้องโถงยังไม่ทันปิดวิ่งกลับไปทันที
หลังจากที่ถูก ‘ทัศนียภาพที่สวยงาม’ ทำเอานิ่งค้างไปชั่วครู่ ซุนเฟยเริ่มระลึกถึงคำพูดและการกระทำของตัวเองก่อนหน้านั้นที่เปิดใช้ทักษะพระเ้า 'อัญเชิญ' เขาคลำหาแตง1 ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เมื่อสิบวินาทีก่อน เขาก็แค่พูดออกมาลอยๆ ประโยคหนึ่งว่า “ถ้าเอเลน่ามาอยู่ข้างๆ ตอนนี้ บางทีนางอาจแนะนำอะไรข้าได้บ้าง...” ทันใดนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันตา เสียงวิ้งๆ ดังขึ้น ประตูมิติวงรีสีฟ้าครามที่ดูเหมือนประตูมิติ 'ม้วนคัมภีร์กลับเมือง' ปรากฏออกมากลางอากาศ หลังจากนั้นเอเลน่าในชุดเกือบเปลือยก็เดินออกมาจากประตูมิติ
ซุนเฟยคิดว่านั่นคงเป็กุญแจสำคัญ คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะทดลองดูอีกหลายๆ ครั้ง
เป็ไปตามที่คิดยี่สิบวินาทีต่อมา ในที่สุดเขาก็สามารถเปิดประตูมิติได้สำเร็จอีกครั้ง และอัญเชิญเอเลน่าออกมาจากโลก Diablo แต่ก็ทำให้ซุนเฟยรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่ครั้งนี้ เอเลน่าเตรียมตัวมาดี นางสวมเกราะอ่อนทั้งร่างกายอย่างแ่า เดินทะลุมิติมาอยู่ตรงหน้าซุนเฟย
การที่อัญเชิญเอเลน่าได้สำเร็จทำให้ซุนเฟยดีใจมาก
ต่อมาเขาลองอัญเชิญทุกคนใน 'ค่ายโร้ก' ไม่ว่าจะเป็ยัยป้าอาคาร่า ผู้นำทหารรับจ้าคาเชีย ช่างตีเหล็กชาร์ซี และคนอื่นๆ...แต่ผลที่ออกมาคือ นอกจากเอเลน่าแล้ว ไม่สามารถอัญเชิญคนอื่นๆ ใน 'ค่ายโร้ก' ออกมาที่โลกแห่งความจริงได้ และซุนเฟยเองก็ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
ตลอดทั้งวัน ซุยเฟยทดลองซ้ำไปซ้ำมา ได้ข้อสรุปสุดท้ายคือ เพราะมีเหตุผลลึกลับบางอย่าง ดูเหมือนว่าทักษะพระเ้า ทักษะ 'อัญเชิญ' ในปัจจุบันของเขาสามารถอัญเชิญเอเลน่าออกมาได้แค่คนเดียว โดยที่รูปแบบและขั้นตอนการเรียกง่ายมาก เพียงซุนเฟยคิด ก็สามารถเปิดใช้ประตูมิติสีฟ้าครามแล้วอัญเขิญเอเลน่าจากโลก Diablo มาสู่โลกแห่งความจริงได้
แน่นอนว่ายังมีข้อจำกัดที่เหมาะสม
ข้อแรกจำเป็ต้องอยู่ใน 'โหมดคนเถื่อน' ถึงจะสามารถใช้ทักษะอัญเชิญได้ กระบวนการอัญเชิญจะต้องเสียมานาเยอะพอสมควร พลังมานาของคนเถื่อนซุนเฟยเลเวล 16 สามารถอัญเชิญออกมาได้เพียงสามครั้ง หลังจากอัญเชิญครบสามครั้งแล้วอยากจะอัญเชิญครั้งที่สี่ต่อ จะต้องดื่ม 'น้ำยาฟื้นฟูมานา' เพื่อฟื้นฟูค่ามานา
พฤติกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้เปิดใช้งานทักษะ 'อัญเชิญ' ของทักษะพระเ้าสามประการได้ส่วนหนึ่ง สุดท้ายม่านบางๆ ที่ครอบคลุมไว้ก็ถูกซุนเฟยฉีกออกและเผยเบาะแสเล็กๆ ออกมา ซุนเฟยคาดเดาว่าในเมื่อทักษะนี้ได้ถูกโลก Diablo ขนานนามว่าเป็ทักษะพระเ้า มันก็ไม่ควรอัญเชิญได้แค่เอเลน่าคนเดียว ว่ากันตามทฤษฎีแล้วเขาน่าจะสามารถอัญเชิญแม่ชีอาคาร่า คาเชีย และคนอื่นๆ ใน 'ค่ายโร้ก' ได้เช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ปัจจุบันนี้เขายังไม่สามารถทำได้
และนอกจาก 'อัญเชิญ' แล้ว ทักษะพระเ้าอีกสองอันอย่าง 'เรียนรู้' และ 'ให้' ที่ได้มาจากแท่นบูชา แม้ว่าซุนเฟยจะพยายามครุ่นคิดมาตลอดสิบวัน แต่ก็ยังไม่ได้รับเบาะแสใดๆ เลย ไม่มีแม้แต่เงื่อนงำ
แต่ซุนเฟยก็ไม่ได้รีบร้อน
เพราะแค่อัญเชิญเอเลน่าออกมาโลกจริงได้ สำหรับซุนเฟยแล้วเรียกได้ว่าเป็เื่น่าแปลกใจที่ไม่คาดคิด
การที่เอเลน่านักธนูเวทเลเวล 14 ปรากฏออกมาในโลกแห่งความจริง พลังของนางเทียบเท่ากับนักรบสามดาวระดับเริ่มต้น การซ้อบรบของราชอาณาจักรในอีกครึ่งปีหลัง การแข่งขันการต่อสู้เดี่ยวหกรอบแรกจะต้องมีเอเลน่าอยู่ด้วย แทบเรียกได้ว่าได้จองชัยชนะไปแล้ว ความจริงยังมีเวลาอีกหกเดือน และใน่เวลาครึ่งปี พลังของเอเลน่าก็เพิ่มมามากขึ้นจากการไปล่ามอนสเตอร์กับซุนเฟย
ใน่ระยะเวลาสิบวัน ซุนเฟยจะใช้ทักษะ 'อัญเชิญ' เรียกเอเลน่ามาที่เมืองแซมบอร์ดทุกวัน แม้ว่าการอัญเชิญจะมีเวลาจำกัด นั่นคือสี่ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็ไม่อาจขัดขวางความอยากรู้อยากเห็นและการหลอมรวมเข้ากับโลกแห่งความจริงของทหารรับจ้างสาวที่ทำตัวเหมือนนักเดินทางที่อยู่ในทะเลทรายและกระหายน้ำอย่างมาก เมื่อหาโอเอซิสพบก็พุ่งออกไปดื่มน้ำอย่างบ้าคลั่ง ในความคิดของเอเลน่า เมืองแซมบอร์ดเป็เหมือนภาพวาดที่สวยงามและเงียบสงบ เห็นได้ชัดว่าที่นี่แทบไม่ต่างอะไรกับสรวง์ที่สวยงามตามที่บรรพบุรุษโร้กเคยกล่าวถึง เมื่อนางมายืนอยู่ในห้องโถงของซุนเฟย สิ่งแรกที่ทำคือมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วตกหลุมรักเมืองแซมบอร์ด
“ที่นี่คือ์ในโลกมนุษย์ที่สวยงาม...นายท่านซุนเฟย หากจำเป็ข้ายินดีที่จะร่วมรบสู้ตายเพื่อเมืองนี้เหมือนที่ข้าทำเพื่อ 'ค่ายโรเจอร์'” เอเลน่ามองดูแสงอาทิตย์ที่กำลังทอแสงทาบทับเมืองแซมบอร์ด ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยขณะที่พูดกับซุนเฟย
ซุนเฟยพยักหน้าน้อยๆ
เพราะว่าเขาก็คิดเหมือนเอเลน่า เขาได้หลงใหลเมืองที่สวยงามและเงียบสงบนี้เช่นกัน
ในเวลาต่อมา เอเลน่าก็หลอมรวมเข้าเมืองแซมบอร์ดนี้ได้อย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ เอเลน่าไม่เคยแสดงตัวตนให้ทุกคนในเมืองแซมบอร์ดเห็นนอกจากซุนเฟย เกรงว่าคนแรกที่นางพบคงจะเป็สาวน้อยแองเจล่าที่งามบริสุทธิ์ดุจคริสตัลและยังรู้ด้วยว่าสาวน้อยคนนี้เป็คู่หมั้นซุนเฟย ตอนนั้นเอเลน่าก็อดไม่ได้ที่จะห่อเหี่ยวขึ้นทันที แต่นางก็ไม่ได้แสดงตัว...จนสามสิบนาทีผ่านไป ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าในเมืองมีนักธนูเวทมนตร์สาวที่แข็งแกร่งและมีพลังเทียบเท่านักรบสามดาวระดับเริ่มต้นอยู่ในเมืองด้วย
เมื่อครู่ในห้องโถง พัศดีโอเลเกร์เป็คนแรกที่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของเอเลน่าในเมืองแซมบอร์ด แม้กระทั่งจะกล่าวได้ว่าเป็ชาวอาเซรอทคนแรกที่ได้พบกับเอเลน่าก็ได้
“แม้จะบอกว่าเ้าภูติตูดม้าตนนี้มันรักตัวกลัวตาย แต่โชคดีที่มันมีกึ๋นกว่าคนธรรมดาทั่วไป...”เมื่อซุนเฟยนึกถึงพัศดีโอเลเกร์ขึ้นมา พวกราชวงศ์ในสมัยโบราณทั้งๆที่รู้มานานแล้วว่าขุนนางทุจริตแต่ก็ยังเก็บไว้ใช้งานซึ่งแต่ก่อนในใจของเขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้ซุนเฟยเริ่มเข้าใจถึงเหตุผลแล้วว่าขุนนางทุจริตบางคนก็เป็พวกขุนนางทุจริตที่ใช้ได้...ไม่รู้ทำไม ดูเหมือนว่าโอเลเกร์จะเป็ ‘ขุนนางทุจริตที่ใช้ได้’ และรูปแบบในการใช้งานก็อาจจะแตกต่างกันไป เทียบแล้วในด้านการทำงานบางอย่างโอเลเกร์ดีกว่าบรู๊คมาก
ซุนเฟยอยู่ในห้องโถงสักพัก ทันใดนั้นก็นึกถึงเื่การสนับสนุนด้านอาหารให้แก่ 'ค่ายโร้ก' ที่เอเลน่ากล่าวถึง ดังนั้นจึงสั่งให้ทหารไปหาเมล็ดข้าวสาลีฤดูหนาวมา เมื่อได้มาแล้วก็เก็บเข้าเข็มขัดมิติคนเถื่อน จากนั้นก็คำนวณเวลา การกลับมาของโอเลเกร์และเอเลน่าหลังจากที่ไปสำรวจเขาวงกตใต้ดินที่อยู่ด้านหลังูเาเมืองแซมบอร์ด แล้วให้ทหารถอยกลับไป จากนั้นก็ใช้พลังมานาส่วนนึ่งเปิดประตูมิติในห้องโถงก่อนจะเดินเข้าไป...
เมื่อร่างของซุนเฟยหายลับเข้าไปในแสงสีฟ้าคราม ประตูมิติทั้งหมดก็สลายหายไปทันที ไม่หลงเหลือแม้แต่คลื่นพลังเวทย์ใดๆ ในห้องโถง เหมือนกับฟองสบู่ที่จู่ๆ ก็แตกแล้วหายไปไร้ร่องรอย
วินาทีต่อมา ซุนเฟยก็เดินข้ามประตูมิติมาที่ 'ค่ายโรเจอร์'
นี่เป็ ‘ผลพลอยได้’ ที่ซุนเฟยได้รับหลังจากที่ใช้ทักษะ 'อัญเชิญ' ที่เป็หนึ่งในสามทักษะเทพ ั้แ่นั้นมาเมื่อเขาอยากเข้าไปในโลก Diablo เมื่อไร ก็ไม่จำเป็ต้องติดต่อกับเสียงลึกลับเ็าในหัวนั่น แค่เสียมานาสักหน่อยก็สามารถเปิดประตูมิติขึ้นมาได้แล้ว จากนั้นก็เดินทะลุผ่านประตูมิติไปตรงๆ ไม่เหมือนก่อนที่หากจะเข้าสู่โลก Diablo เขาจะต้องรวบรวมสมาธิและจิตใจในระหว่างที่หลับเพื่อเข้าสู่โลก Diablo ไปสังหารเล่ามอนสเตอร์ ตอนนี้เขาสามารถเข้าสู่โลก Diablo ได้ด้วยร่างกายของเขาเอง
สิ่งแรกที่ทำเมื่อเข้าสู่โลก Diablo ซุนเฟยไม่ได้รีบร้อนไปหาอาคาร่าหรือคาเชีย เขาเปิดเข็มขัดมิติแล้วสำรวจด้านใน ในใจของซุนเฟยก็พลันรู้สึกดีใจ เพราะเขาพบว่าถุงเมล็ดข้าวสาลีฤดูหนาวที่ตัวเองใส่ไว้ในเข็มขัดมิติของคนเถื่อนไม่ได้สูญสลายหายไป
ซึ่งหมายความว่า...
“ข้าสามารถนำสิ่งของของโลกที่แท้จริงเข้ามาในโลก Diablo ได้”
การค้นพบนี้ทำให้ซุนเฟยปลื้มปิติมาก
เพราะนี่ไม่ใช่เพียงปัญหาเื่ถุงเมล็ดพันธุ์
แต่นี่หมายความว่า...เขายังสามารถนำของสำคัญอย่างอื่นจากโลกแห่งความจริงเข้ามาโลก Diablo ได้
-------------------------------------------------------------------------
1 คลำหาแตง เป็อุปมา ค้นหาตามเส้นสนกลในก็จะเจอเบาะแส
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้