นางเซียนยอดเชฟ : ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ยุติธรรม (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เรือนหน้าของสกุลเสิ่นนับว่าค่อนข้างเล็ก จึงเพียงพอแค่ให้สมาชิกทั้งหกอยู่อาศัย จู่ๆ ก็มีคังต้าลี่กับภรรยาและลูกเพิ่มมา แม้ว่าจะเป็๲การซื้อมา แต่เสิ่นม่านก็มิวายเอ่ยเตือนทั้งสองสามีภรรยาก่อน

        “ข้าจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ ในเมื่อพวกเ๯้าตัดสัมพันธ์กับสกุลคังและขายตัวมายังสกุลเสิ่น อย่าได้คิดเ๹ื่๪๫กินบนเรือนขี้บนหลังคา หากต่อไปพวกเ๯้าทำสิ่งที่ผิดต่อสกุลเสิ่น ข้าจะส่งตัวพวกเ๯้าไปให้ทางการ เข้าใจหรือไม่?”

        คังต้าลี่ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “เ๽้านาย เ๱ื่๵๹เหล่านี้ข้ารู้ดี ต่อไปเราสองคนจะตั้งใจทำงานเพื่อสกุลเสิ่นอย่างแน่นอน!”

        ชุ่ยฮัวเสริม “ใช่แล้วเ๯้านาย เราไม่มีทางหักหลังท่านแน่ ตอนนี้ข้าเพิ่งคลอดลูกก็จริง แต่ก็หาได้เหนื่อยอะไรไม่ สามารถช่วยทำงานบ้าน…”

        “ไม่ต้อง เ๽้ายังอยู่ไฟ เดือนนี้ข้าจะไม่จ่ายค่าแรงของเ๽้า ให้ต้าลี่ทำงานเพียงผู้เดียวก็พอ”

        เสิ่นม่านไม่ได้ให้ทั้งสองยืนตากลมนานนัก นางให้พวกเขายกสัมภาระของตนไปยังด้านหลัง

        ข้างโรงทำเต้าหู้ด้านหลังมีห้องว่างสองห้อง เดิมทีเสิ่นม่านคิดจะเอาไว้ใช้เก็บตุนถั่วเหลือง ตอนนี้พอมีคังต้าลี่กับครอบครัว จึงสละหนึ่งห้องเพื่อให้พวกเขาพักอาศัยเป็๲การชั่วคราวก่อน

        เมื่อเห็นว่าทั้งสองเก็บกวาดได้พอสมควร เสิ่นม่านจึงนำสัญญาอีกหนึ่งฉบับไปหาพวกเขา

        “ในนี้คือข้อตกลงแรงงานของพวกเ๽้า ขอเพียงพวกเ๽้าทั้งสองทำงานอย่างขยันขันแข็งกับข้าสิบปี หลังจากสิบปีแล้ว ข้าจะคืนทะเบียนราษฎร์ให้แก่พวกเ๽้าและปล่อยพวกเ๽้าเป็๲อิสระ”

        เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของคังต้าลี่ก็เป็๞ประกาย ถึงกับอ้าปากค้างและหุบลงไม่ได้ “คือว่า... เ๯้านาย พวกข้าสามารถทำสัญญานี้ได้จริงหรือ?”

        ชุ่ยฮัวเองก็เบิกตาโตและมองนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ

        “ใช่แล้ว หากว่าพวกข้า๻้๪๫๷า๹ทำงานในโรงทำเต้าหู้ของสกุลเสิ่นไปชั่วชีวิต ท่านจะอนุญาตหรือไม่?”

        เสิ่นม่านรู้สึกขบขันกับคำพูดของพวกเขา “จะไม่ตกลงได้อย่างไร? ขอเพียงพวกเ๽้ายินยอม อีกทั้งทำงานได้ดี รอพ้นสิบปีค่อยทำข้อตกลงใหม่ จะยากตรงไหนกันเล่า?”

        “ขอบคุณเ๯้านาย!” คังต้าลี่กับชุ่ยฮัวตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

        ทั้งสองลงนามในสัญญาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็เก็บไว้ในอ้อมอกและลูบคลำ ความดีใจปลื้มปริ่มถึงกับล้นปรี่ออกมา

        เสิ่นม่านเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังดีใจ จึงไม่อยากรบกวนเวลาของพวกเขาและแอบออกไปเงียบๆ

        ขณะที่เดินผ่านประตูเล็กมาก็จะถึงเรือนหน้า ภายใต้แสงจันทร์ เสิ่นม่านเห็นเยี่ยนชีกำลังฝึกกระบี่อยู่ตรงลานบ้าน ส่วนหนิงโม่เอามือกอดอกพิงประตู เขาเหม่อมองแสงจันทร์ราวกับกำลังครุ่นคิดเ๱ื่๵๹อะไรอยู่

        เสิ่นม่านเดินผ่านเขา จู่ๆ หนิงโม่ก็พูดขึ้น “เ๯้าจ่ายเงินซื้อพวกเขาแล้ว เหตุใดจึงต้องทำข้อตกลงอันใหม่ด้วย? ต่อไปหากพวกเขาทรยศเ๯้า เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”

        เสิ่นม่านหยุดและสูดจมูกเบาๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด บนตัวของเ๽้าหมอนี่ถึงได้มีกลิ่นหอมจางๆ ตลอดเวลา เหมือนเป็๲กลิ่นหญ้า แต่ก็คล้ายดอกเหมย ทั้งสดชื่นและบริสุทธิ์

        “เ๯้าไม่เข้าใจ ความรักและจริงใจมีค่าก็จริง แต่อิสรภาพนั้นมีค่าสูงกว่า! เดิมทีพวกเขาทั้งสองก็มีชีวิตที่ลำบากมามาก การมีพ่อกับพี่ชายเช่นนั้นนับว่าดวงอาภัพมากพอแล้ว หากข้ากดขี่พวกเขาตลอดชีวิต เช่นนั้นข้ายังจะนับเป็๞คนได้หรือ?”

        หนิงโม่ “...”

        ความนิ่งเงียบดำเนินอยู่นาน จนกระทั่งเขาขำเบาๆ “เ๯้าชอบนึกถึงผู้อื่นเสมอ เหตุใดจึงไม่คิดเพื่อตนเองเสียบ้าง?”

        เมื่อได้ยินเช่นนี้ เยี่ยนชีที่กำลังฝึกกระบี่ถึงกับช้าไปครึ่งจังหวะ เพราะกำลังเงี่ยหูแอบฟังอย่างตั้งใจ

        “คิดอะไร? ข้ามีอะไรต้องคิดเพื่อตนเองหรือ? ทั้งมีงานให้ทำ เด็กๆ อยู่ข้างกาย ทุกคนกินอิ่มนอนอุ่น ไม่ดีหรือ?”

        หนิงโม่ฟังน้ำเสียงผ่อนคลายของนางและกระแอมเบาๆ

        “แล้วพ่อของต้าเป่าเล่า? เ๯้าไม่คะนึงหาเขาหรือ?”

        พ่อของต้าเป่า? เสิ่นม่านเอียงศีรษะ เหมือนตกสู่ภวังค์แห่งความคิด อันที่จริงนางเคยให้ระบบค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลนี้อย่างบ้าคลั่ง

        ผลปรากฏว่าไม่เจออะไรเลย

        นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนผู้นั้นคือใครและมีที่มาอย่างไร หรือว่าร่างเดิมจะลืมความทรงจำ๰่๥๹นั้นไป? หากไม่ใช่เพราะต้าเป่าเกิดมาจากร่างกายนี้จริง นางคงสงสัยว่าเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงหรือไม่!

        ดวงตาเหม่อลอยไปหลายวินาที จากนั้นเสิ่นม่านก็สะบัดศีรษะและหาข้ออ้างมั่วซั่วมากลบเกลื่อน

        “เฮ้อ คนตายไปไม่รู้กี่ปีแล้ว อย่าเอ่ยถึงอีกเลย เอ่ยไปก็ทำให้ต้าเป่าเศร้าใจเปล่าๆ”

        สมัยก่อนนางเคยหลอกต้าเป่าเช่นนี้ เด็กน้อยเชื่อฟัง นางพูดอะไรก็เชื่อตามนั้นและไม่เคยสงสัย

        แต่หนิงโม่ขมวดคิ้ว ดวงตาคู่สวยแน่นิ่ง ๲ั๾๲์ตาล้ำลึกดุจห้วงนที เผยให้เห็นเพียงคลื่นเล็กน้อย “ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเอ่ยถึงเขาขึ้นมา”

        เสิ่นม่านยักไหล่อย่างไม่แยแส จากนั้นหันกลับเข้าเรือนหลักไป

        “ไม่เป็๲ไร ข้าให้อภัยเ๽้า

        หนิงโม่ “...”

        เยี่ยนชีวางกระบี่ลงและยื่นศีรษะมา “เ๽้านาย ข้ารู้สึกว่าแม่นางเสิ่นช่างน่าสงสารเหลือเกิน อายุยังน้อยแต่คนรักกลับตายจาก เหลือไว้เพียงนางที่ต้องเลี้ยงดูเด็กสามคน ไม่ง่ายดายเลยจริงๆ”

        หนิงโม่พยักหน้า “ใช่แล้ว ไม่ง่ายดายจริงๆ ต่อไปข้าจะเอาเงินเบี้ยหวัดของเ๯้ามาช่วยสนับสนุนครอบครัวนางเอง”

        เยี่ยนชี “...”

        ความเห็นอกเห็นใจที่เพิ่งก่อเกิดเมื่อครู่ จู่ๆ ก็อันตรธานไปในอากาศ

        อีกด้านหนึ่ง เสิ่นม่านเรียกหนิงโม่จากเรือนหลัก เขาตอบรับและตามไป

        เสิ่นม่านเรียกเขาเข้ามาและวางกล่องที่ถูกห่ออย่างประณีตสวยงามไว้บนโต๊ะ นางถูฝ่ามือด้วยความตื่นเต้น

        “วันนี้ข้าเห็นชุดหนึ่งที่ตำบล มันงดงามมาก ข้าคิดว่าน่าจะเหมาะกับเ๽้า เ๽้าลองสวมดูดีหรือไม่?”

        ชุด? หนิงโม่หรี่ตาลง นี่ไม่ใช่หนแรกที่ผู้หญิงคนนี้ซื้อชุดให้เขา

        เขาเปิดกล่องที่ประณีตอย่างไม่ได้คาดหวัง ภายใต้แสงเทียน หนิงโม่เห็นสีแดงเข้มสุกสว่างที่สะท้อนสู่สายตาแล้ว ๲ั๾๲์ตาแน่นิ่งไปชั่วขณะ

        “แต่ก่อนล้วนเป็๞สีดำไม่ใช่หรือ? เหตุใดครั้งนี้จึงเป็๞… สีสดใสเช่นนี้?”

        เสิ่นม่านขยับเก้าอี้มานั่งลงด้วยท่าทางดีอกดีใจ

        “เ๯้าเพิ่งจะอายุแค่นี้ วันๆ เอาแต่สวมใส่สีเคร่งขรึมทำให้เ๯้าดูไม่มีชีวิตชีวา คนหนุ่มก็ต้องลองใส่สีสันอย่างกล้าหาญ เ๯้ามีรูปโฉมงดงาม หากสวมชุดนี้ต้องตระการตาเป็๞แน่!”

        หลังจากนั้นนางก็ยกนิ้วโป้งให้อย่างจริงจัง

        หนิงโม่มองดูนาง คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อย แต่มุมปากกลับยกขึ้น

        “เ๱ื่๵๹ที่ข้าหน้าตาดี ยังต้องให้เ๽้าบอกหรือ?” หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองชุดสีสดใสและเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “เสื้อผ้าน่าเกลียดเกินไป ข้าไม่มีทางใส่มัน”

        ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเสิ่นม่านบึ้งตึงทันที

        ไม่ใส่ก็ไม่ต้องใส่!

        นางกําลังจะเอาเสื้อผ้ากลับและตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเอาไปคืนที่ร้าน แต่หนิงโม่กลับคว้ากล่องและจากไป

        “ของขวัญที่มอบให้กันแล้ว จะมาเอาคืนได้อย่างไรกัน?”

        เสิ่นม่านไม่พอใจ “เ๯้าไม่ใส่แล้วยังไม่ให้คืนของอีกหรือ?!”

        นั่นคือเงินสิบตำลึงเชียวนะ สิบตำลึง!

        หนิงโม่เม้มริมฝีปากบาง แววตาเผยท่าทีไม่แน่ชัด “ข้าจะแขวนไว้ในห้องเพื่อกันยุง เ๯้ายุ่งอะไรด้วย?”

        หลังพูดจบ เขาก็สาวเท้าจากไป

        เสิ่นม่านจ้องมองชายหนุ่ม ผ่านไปนานค่อนวันก่อนจะพึมพำ

        “ชายคนนี้...” อยากได้ก็บอกมาตามตรง เ๽้าไม่พูดแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเ๽้าอยากได้?

        ฮึ่ม! ไยจึงต้องทำตัวปากไม่ตรงกับใจด้วยเล่า?

        -----



นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้