หัวหน้าหมู่บ้านจางเจียพาคนหนุ่มสองคนในหมู่บ้านมาที่จวนสกุลสวี่ั้แ่เช้าตรู่ ทว่ามาถึงแล้วก็ไม่กล้าเคาะประตูจึงนั่งรออยู่ตรงกำแพงหน้าประตูเรือน เป็ป้าจ้าวที่ออกมาแล้วพบเข้าพอดี หลังจากสอบถามถึงได้ความว่ามาหาสวี่ตี้
สวี่ตี้ออกมาต้อนรับคนของหมู่บ้านจางเจียที่โถงรับแขกหน้าเรือน
หลังจากฟังความคิดของคนในหมู่บ้านจากหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว สวี่ตี้จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้านขอรับ เื่ที่ท่านจะพาคนในหมู่บ้านมาปลูกข้าวสาลีด้วยกันกับข้า ตัวข้าเองนั้นมิมีปัญหาขอรับ แต่ว่าในตอนนี้พวกเราต้องเก็บเื่นี้เอาไว้ก่อน ส่วนเมล็ดข้าวข้าไม่สามารถให้พวกท่านเปล่าๆ ได้ขอรับ”
หัวหน้าหมู่บ้านฟังความแล้วก็รีบเอ่ยตอบ “เื่เช่นนี้ย่อมเป็เื่ที่เข้าใจได้ขอรับ ทว่าตอนนี้เงินในมือของพวกเราค่อนข้างตึงมืออยู่ คิดว่าหลังจากปลูกพืชได้ดีแล้ว จากนั้นค่อยมาซื้อเมล็ดพันธุ์ของท่านกลับไปขอรับ ส่วนจะต้องดูแลอย่างไรนั้น ก็คงต้องขอให้คุณชายช่วยชี้แนะสักหน่อยขอรับ”
สวี่ตี้เอ่ยตอบ “เื่นี้มันแน่นอนอยู่แล้วขอรับ ไร่ของพวกเรามีคนดูแลเื่การปลูกข้าวสาลีโดยเฉพาะ ถึงตอนนั้นข้าจะเชิญเขาให้ไปช่วยพวกท่านปลูก ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้านขอรับ ข้าแนะนำให้พวกท่านแบ่งที่นาเป็ส่วนๆ เอาไว้ จากนั้นขุดทางน้ำเอาไว้ให้ดี ขุดต่อจากที่ดินของพวกเรา ผ่านไปสักพักข้าจะสร้างกังหันวิดน้ำตรงข้างแม่น้ำแล้วสูบน้ำจากในแม่น้ำเข้ามาในไร่ ถึงตอนนั้นพวกเราจะได้รดน้ำผักได้สะดวกมากยิ่งขึ้น”
หัวหน้าหมู่บ้านฟังแล้วก็ถอนหายใจ “คุณชายขอรับ สร้างที่สูบน้ำย่อมเป็เื่ที่ดี ทว่าข้าขอเรียนตามตรง ข้ากลัวว่าแค่น้ำที่ไหลอยู่ในแม่น้ำสายนั้นจะมีไม่มากพอ กังหันวิดน้ำของท่านคงไม่ใช่เื่ที่ดีนักขอรับ”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านรู้จักที่สูบน้ำ จึงรีบถาม “ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน ฟังจากคำพูดของท่าน ท่านรู้ว่าจะทำกังหันวิดน้ำอย่างไรหรือขอรับ?”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวตอบ “ตอนข้ายังหนุ่มได้ติดตามช่างไม้คนหนึ่ง อาจารย์ของข้าคนนั้นเป็คนที่เดินทางไปทั่วทุกที่ขอรับ ข้าที่ติดตามเขาก็เคยไปที่ทางใต้ และเห็นกังหันวิดน้ำนี้มาก่อน อีกทั้งเพราะว่ากังหันวิดน้ำหนึ่งเครื่องของทางนั้นพัง อาจารย์ของข้าที่เป็ช่างไม้ จึงได้มีโอกาสได้ไปซ่อมกังหันวิดน้ำเครื่องนั้นด้วยขอรับ ส่วนข้าก็คอยเป็ลูกมืออยู่ด้านข้าง จึงพอจะรู้ว่าสิ่งนี้ทำเพื่อเอาไปใช้อะไร หรือทำอย่างไรขอรับ”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็หัวเราะออกมาก่อนกล่าวขึ้น “นี่เป็การนอนสัปหงกก็มีคนยื่นหมอนมาให้อย่างแท้จริง ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน พวกเราไม่ต้องไปสนใจว่าน้ำในแม่น้ำจะแห้งเหือดเมื่อใด ที่สำคัญตอนนี้คือพวกเราต้องสร้างกังหันวิดน้ำขึ้นมาให้ได้ก่อน สามารถใช้ได้ครู่เดียวก็มิเป็ไร เมื่อถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากันอีกที ที่ดินที่หมู่บ้านของพวกท่านเช่าอยู่ก็เป็พื้นที่ของครอบครัวเรา รอเข้าฤดูใบไม้ร่วงตอนที่ท่านปลูกข้าวสาลี พวกเราก็จะปลูกไปพร้อมกัน”
หัวหน้าหมู่บ้านจางเจียรับคำสวี่ตี้ก่อนจะเอ่ย “ส่วนกังหันวิดน้ำ คุณชาย้าให้ข้าช่วยเมื่อใดก็ให้คนไปแจ้งข้าที่หมู่บ้านได้เลยนะขอรับ ข้าจะรีบมาช่วยขอรับ”
สวี่ตี้ดีใจมาก หลังจากส่งหัวหน้าหมู่บ้านที่ประตูใหญ่แล้วก็กลับไปดูภาพกังหันวิดน้ำของตนเองอีกครั้ง
่นี้สวี่เหราอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
สวี่เหรามาที่นี่ได้หนึ่งปีกว่าแล้ว ตอนแรกก็ยุ่งอยู่กับการหาโครงการที่ทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ต่อมาจึงตัดสินใจที่จะผลักดันการปลูกข้าวสาลีสายพันธุ์ฤดูหนาว
คนผู้นี้เมื่อได้ทำงานก็ทำเต็มที่มาก ข้าวสาลีสายพันธุ์ฤดูหนาวที่เผยแพร่ออกไปเมื่อปีที่แล้วก็นับได้ว่าสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่ง ผลผลิตในฤดูใบไม้ผลิเติบโตได้ดีมาก ปีนี้ฝนฟ้าอากาศเป็ใจ ฝนตกในปริมาณที่พอเหมาะพอดีจนทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้มาก
หลังจากที่สวี่เหรามีเวลาว่างมากขึ้นถึงได้พบว่าการต่อสู้ในที่ทำงานนั้นมีไม่น้อยเลยจริงๆ
อาลักษณ์แซ่หลี่ เป็คนนิสัยหนักแน่นเป็อย่างยิ่ง เขามาจากเมืองอื่น ทำงานอยู่ที่นี่มาได้สิบกว่าปีแล้ว รับใช้ผู้ปกครองเขตมาแล้วสามรุ่น ถือว่าเป็คนที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง
ผู้ช่วยผู้นำเขตแซ่เฉียนเป็คนก่านโจว ซึ่งเป็หนึ่งในพื้นที่ของเหอซี ได้ยินมาว่ายังเป็คนตระกูลร่ำรวยในพื้นที่ก่านโจว และเพราะว่าเป็คนพื้นที่ก่านโจว จึงมีความดูถูกดูแคลนคนนอกพื้นที่ที่เขาเข้ามารับหน้าที่
สวี่เหรามาอยู่ได้ปีกว่าแล้ว ผู้ช่วยเฉียนปฏิบัติต่อสวี่เหราแบบเฉยชาไม่สนใจ ก่อนหน้านี้ที่สวี่เหราผลักดันข้าวสาลีสายพันธุ์ฤดูหนาว ผู้ช่วยเฉียนผู้นี้ไม่เพียงแต่จะขัดขวาง ซ้ำยังพูดจาว่าร้ายสวี่เหราไปทั่ว บอกว่าลูกชนชั้นสูงที่มาจากเมืองหลวงนั้นไม่รู้จักเื่หนักเอาเบาสู้ การปลูกพืชนั้นมีหรือจะทำได้ง่ายเหมือนกับการแต่งกลอน ทว่าสวี่เหราก็ไม่ได้เอาคำพูดของผู้ช่วยเฉียนมาใส่ใจ
แต่ทว่าสองวันก่อน ซื่อจื่อเว่ยหลางแอบมาพบเขาแล้วบอกกับสวี่เหราว่า จือโจว [1] ของก่านโจวผู้นั้นพูดกับคนอื่นๆ ว่า สวี่เหราใช้วิธีสกปรกในการได้รับตำแหน่งและชื่อเสียงมา เมื่อถูกระดับสูงกว่าตนเองออกความเห็นเช่นนี้ สำหรับคนที่อยู่ในราชการถือว่าอนาคตน่าเป็ห่วง
สวี่เหราไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่ ตอนนี้เขาเองก็ถือว่าแขวนป้ายที่องค์ฮ่องเต้ให้เอาไว้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น พูดแค่เื่ที่เฉินกงกงพาคนมาเอาธัญพืชพวกนั้นกลับไป ปีที่แล้วทางราชวังยังส่งคนให้เอารางวัลมาให้อย่างไม่เอิกเกริก ผู้ติดตามหลายคนที่ตามมาด้วยครั้งที่แล้วสนทนากับสวี่เหราอยู่นานมาก ถามเกี่ยวกับการดูแลข้าวสาลีสายพันธุ์ฤดูหนาวและการปลูกข้าวโพดอย่างละเอียด ทั้งสองอย่างนี้ตอนที่สวี่ตี้ปลูกก็ได้ลากสวี่เหราไปด้วย แน่นอนว่าสวี่เหราย่อมทราบอย่างละเอียด โดยเฉพาะหลังจากฤดูใบไม้ผลิเป็ต้นมา ต้นกล้าจะกลับมาเป็สีเขียว จะต้องใช้หินมากลิ้งทับต้นกล้าของข้าวสาลี เื่นี้เป็เื่ที่สำคัญอย่างยิ่ง
ตอนแรกที่ดูซีรี่ย์ในยุคปัจจุบัน สวี่เหราเห็นพระเอกในโทรทัศน์ลากหินกลมๆ มาทับต้นกล้า ด้วยความสงสัยจึงไปค้นหาอย่างละเอียดว่าเหตุใดถึงทำเช่นนั้น จากนั้นจึงได้รู้ว่า หลังจากโปรยเมล็ดต้นข้าวสาลีตอนปลายฤดูใบไม้ร่วง โดยอาศัยอากาศร้อนเล็กน้อยจนรากงอก และฝังรากลงไปในดิน ในตอนนี้ต้นอ่อนจะยังขึ้นไม่สูงมาก รากเล็กๆ ที่งอกออกมาจำเป็ต้องประคองลำต้นให้มั่นคงเพื่อดูดซับน้ำและแร่ธาตุอาหารในดิน จนสามารถมีแร่ธาตุมากพอที่จะเอามาต้านความหนาวเย็น ไม่ใช่เพื่อเตรียมลำต้นให้สูงใหญ่ขึ้น
หลังจากฤดูใบไม้ผลิมาถึง ต้นอ่อนกลับมาเป็สีเขียว เพราะอากาศเย็นขึ้นอย่างน่ากลัว การเติบโตของส่วนรากตามความ้าของการเจริญเติบโตของลำต้นไม่ทัน จึงใช้หินมากลิ้งเพื่อกดทับเอาไว้ ทำให้ต้นข้าวสาลีไม่เติบโตเร็วจนเกินไป และก็เพื่อทำให้พื้นดินที่แตกออกมาสามารถกลับไปเหมือนเดิมได้ เช่นนี้ตอนปลายหนาวต้นฤดูใบไม้ผลิก็จะไม่ทำให้รากถูกแช่แข็งจนตายในตอนที่อากาศหนาว
ความรู้พวกนี้มาจากการเก็บเกี่ยวความรู้มาหลายรุ่น แม้แต่คนจากทางใต้พวกนั้นก็ไม่รู้เื่พวกนี้ชัดเจน หลังจากสวี่เหราอธิบายเื่พวกนี้ให้ฟังอย่างละเอียด ดวงตาของคนเ่าั้ก็แวววาว พอมาคิดอย่างละเอียด เื่ก็เป็เช่นนี้จริงๆ
ตอนนั้นผักในเรือนเพาะชำของสวี่ตี้เติบโตได้ดี และเพราะว่าระยะทางที่ไกล จึงไม่สามารถนำผักสดใหม่ไปถวายแด่องค์ฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตร ได้ชิมความสดใหม่นั้น
เรือนเพาะชำในความเห็นของสมาชิกขุนนางฝ่ายพลเรือน คือการใช้เงินไปเปล่าๆ มีคนมากมายในเมืองหลวงที่เพื่อจะทำให้บนโต๊ะอาหารมีผักผลไม้สีเขียวๆ บ้างใน่ฤดูหนาว กลับดูเหมือนจะต้องลงทุนไปไม่น้อย
สวี่เหราจึงอธิบายผักทุกชนิดกับขุนนางคนนั้นอย่างละเอียด ของพวกนี้ล้วนมาจากต่างแคว้น การลองปลูกครั้งนี้ก็เพื่อให้ได้เมล็ดเพิ่มขึ้น สวี่เหราบอกว่าต่อไปตนเองจะเขียนในรายงานให้ชัดเจน รอปีหน้าที่นำเมล็ดไปปลูก หากสำเร็จจะต้องนำไปให้ดูด้วยตนเอง
เื่พวกนี้ล้วนดำเนินการไปอย่างลับๆ หากกระโตกกระตากออกไปคาดว่าจะมีหลายคนฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ จนถึงขั้นมาเด็ดเถาจื่อ [2] ไป ถ้าหากรายงานไปทีละระดับ สุดท้ายแล้วความดีความชอบนั้น เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะไปอยู่ที่ผู้ใด
สวี่เหราได้ยินคนระดับสูงกว่าบอกว่าตัวเขานั้นใช้วิธีสกปรกให้ได้ชื่อเสียงมา ตอนแรกไม่ค่อยเข้าใจ ต่อมาจึงรู้ว่าคงจะมีคนไปพูดจาใส่ร้ายป้ายสีตนเองต่อหน้าจือโจวเป็แน่
เมื่อกลับเรือนมาในตอนกลางคืน สวี่เหราได้นำเื่นี้ไปบอกกับจางจ้าวฉือและสวี่ตี้ จางจ้าวฉือได้ฟังแล้วก็เงียบอยู่นาน ก่อนจะเอ่ย “พรุ่งนี้ข้าจะไปงานชมบุปผาที่ฮูหยินของอาลักษณ์หลี่จัดขึ้น ข้าจะไปดูเสียหน่อยว่าท่าทีของฮูหยินของอาลักษณ์หลี่และผู้ช่วยเฉียนเป็อย่างไร
จางจ้าวฉือกับฮูหยินของอาลักษณ์หลี่ และฮูหยินของผู้ช่วยเฉียนต่างเคยเจอหน้ากันมาแล้วหลายครั้ง แต่ว่าไม่ได้พูดคุยอันใดกันมากนัก ฮูหยินของอาลักษณ์หลี่เป็สตรีอายุสี่สิบกว่าปี บุตรชายคนโตแต่งงานออกเรือนไปแล้วแต่ว่ายังไม่มีบุตร ในเรือนยังมีบุตรสาวอีกสองคนที่ยังไม่ออกเรือน และอยู่ใน่อายุที่กำลังหาสามีพอดี ดังนั้นสำหรับงานชมบุปผาครั้งนี้ ในงานเลี้ยงน้ำชาพวกนางจึงกระตือรือร้นยิ่งนัก
ฮูหยินของผู้ช่วยเฉียน เป็สตรีอายุสามสิบกว่าปี ได้ยินมาว่าครอบครัวมารดาเองก็เป็เศรษฐีของก่านโจว ติดตามผู้ช่วยเฉียนมายังสถานที่เล็กๆ แห่งนี้ ไม่ว่าผู้ใดนางล้วนดูถูกดูแคลน ในเรือนมีบุตรชายหนึ่งคน และบุตรสาวหนึ่งคนที่เป็บุตรของฮูหยินเอก ได้ยินมาว่ายังมีบุตรสาวของอนุอีกหลายคน
สวี่ตี้เอ่ย “ท่านพ่อขอรับ ระดับสูงกว่าท่านนี่หมายความว่าอย่างไร บอกว่าท่านใช้วิธีสกปรกให้ได้ตำแหน่งมา นี่แปลว่าไม่พอใจท่านมากเลยใช่หรือไม่ขอรับ?”
สวี่เหราตอบ “ผู้ใดจะรู้ว่าหมายความว่าอย่างไร ข้าคิดว่ามีอยู่เหตุผลหนึ่ง ข้าก็แค่ทำเื่ที่ดีกับประชาชน ให้ทุกคนต่างมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าใส่ มีเงินใช้มากมายไม่ขาดมือ ข้ามาที่นี่ก็ปีกว่าแล้ว ทุกสิ้นปีข้าก็จะไปก่านโจวเพื่อรายงานการทำงานของข้า และไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับใต้เท้าจือโจวสักเท่าไหร่ แต่ว่าคนอื่นทำอย่างไรข้าเองก็ทำเช่นนั้นเหมือนกันนี่”
สวี่ตี้ลูบคางก่อนจะเอ่ย “สำนักงานเขตของพวกท่านมีกันอยู่ไม่กี่คน คนที่สามารถไปที่ก่านโจวแล้วพูดเื่พวกนี้ได้ก็มีแค่ไม่กี่คนเช่นกัน ข้าคิดว่าผู้ช่วยเฉียนน่าสงสัยมากที่สุด ข้าได้ยินมาว่าน้องสาวภรรยาคนหนึ่งของผู้ช่วยเฉียนเป็อนุของใต้เท้าจือโจว นี่มันความสัมพันธ์ทางเครือญาตินี่ขอรับ ท่านพ่อ ข้าคิดว่าคงจะเป็ผู้ช่วยเฉียนนั่นแหละที่ทำ”
สวี่เหราเอ่ย “หากจะพูดถึงผู้ช่วยเฉียนคนนี้ เขาเป็คนที่ชอบประจบประแจง วาจาไหลลื่นเกินไปสักหน่อย อีกทั้งเป็คนที่โลภมาก การเป็ขุนนางเื่ต้องห้ามที่สุดก็คือการแย่งชิงผลประโยชน์กับประชาชน”
จางจ้าวฉือเอ่ย “เ้าเป็หัวหน้าของเขาไม่ใช่หรือ เ้าพูดกับเขาไม่ได้หรือ?”
สวี่เหราตอบ “ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้มาก เื่นี้ทุกคนต่างรู้ดี แต่ว่าไม่สามารถพูดออกมาได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ เื่นี้ล้วนเป็ความเคยชินของสังคมที่มีมาช้านาน ข้าเองก็ไม่สามารถพูดอันใดได้”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ในเมื่อพูดเช่นนี้แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะลองไปพูดคุยกับฮูหยินเฉียนดูก่อน”
สวี่ตี้เอ่ย “ท่านพ่อ ในเมื่อเป็เช่นนี้ ท่านจัดการหัวหน้าของท่านแล้วเอาตัวเองขึ้นไปนั่งในตำแหน่งของเขาแทนไม่ได้หรือขอรับ?”
สวี่เหราฟังแล้วก็ถลึงตาใส่สวี่ตี้ “รู้จักแต่พูดจาไร้สาระ ข้าที่เป็ขุนนางขั้นเจ็ดคนหนึ่ง แต่โจวจือนั้นถือเป็ขั้นห้าเชียวนะ ข้าไม่เคยมีความดีความชอบมาก่อนก็ต้องทำงานของตนเองให้ดีต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะได้เลื่อนขั้นถึงขั้นห้าก็ได้”
สวี่ตี้เอ่ย “เช่นนั้นท่านจะต้องตั้งใจทำงาน คว้าโอกาสเอาไว้ให้ได้ ทำผลงานออกมาให้ดี จากนั้นก็พุ่งชนเป้าหมายเลยไม่ได้หรือ?”
สวี่เหราส่ายหน้าแล้วเอ่ยตอบ “ตอนนี้ข้าแขวนป้ายเอาไว้ที่องค์ฮ่องเต้แล้ว เช่นนั้นตอนนี้ข้ายังไม่ต้องทำเื่อื่น แค่ต้องจัดการเื่การปลูกผักให้ดีก็พอ และผักพวกนั้นของเ้าก็ต้องปลูกให้ดีๆ นะ ตอนนี้ครอบครัวพวกเราก็คงต้องพึ่งแต่การปลูกพืชปลูกผักแล้วล่ะ”
สวี่ตี้ส่ายหน้าก่อนจะเอ่ย “ท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่าท่านยังไม่ได้จับถูกจุดสำคัญ ท่านแค่สามารถเติมเต็มตำแหน่งหัวหน้าเขตที่ขาดไปก็เท่านั้น และที่พาพวกเราทั้งครอบครัวมาที่นี่ได้ ข้ายังคิดว่าเป็เพราะท่านแม่ที่ช่วยจิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อเอาไว้ ถ้าหากท่านแม่ไม่พาข้ากับน้องสาวตามท่านมา คาดว่าซื่อจื่อเองก็จะคิดหาวิธีให้ท่านพ่อเอาท่านแม่และพวกเรามาที่นี่ อีกอย่างฝีมือด้านการผ่าตัดของท่านแม่ใน่เวลานี้เป็สิ่งที่ก้าวล้ำที่สุด หากทำได้ดีจะช่วยชีวิตคนจากาได้กี่คนกัน”
สวี่เหราฟังแล้วก็ทำมือคำนับใส่จางจ้าวฉือ “ฮูหยิน ข้าได้รับผลบุญมาจากเ้าแล้ว”
จางจ้าวฉือหัวเราะแล้วเอ่ย “เ้าไปเลียนแบบการพูดจาไหลลื่นเช่นนี้มาจากที่ใดกัน ศาสตราจารย์สวี่เหราผู้จริงจังคนนั้นหายไปที่ใดแล้ว?”
สวี่เหราเอ่ยตอบ “ข้าก็แค่เข้าเมืองตาหลิ่วจึงหลิ่วตาตามน่ะ เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้พวกเ้ายังต้องไปงานเลี้ยงอีก รีบพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เที่ยวกันให้สนุกล่ะ”
สวี่ตี้เอ่ยขึ้น “ข้าไม่อยากไปเลยจริงๆ กลุ่มสตรีที่แต่งงานแล้วไม่มีเื่อันใดให้ทำ จึงพาลูกของตนเองมาเจอกัน ไม่ก็เพื่อให้ลูกของตนเองที่ถึงวัยแต่งงานแล้วมาหาคู่ หรือไม่ก็มาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ให้กับสามีของตนเอง มีอะไรน่าสนใจกัน”
จางจ้าวฉือตอบ “ลูกพูดจาเช่นนี้ดูตื้นเขินไปสักหน่อยนะ แม่กลับคิดว่านี่เป็เื่ที่ดี อย่าเห็นว่าเป็เพียงการรวมตัวของสตรีเชียว การจัดเลี้ยงทำให้เราสามารถมองเื่ราวภายในได้มากมายเชียวล่ะ ในวันพรุ่งนี้ลูกไม่ต้องไปสนใจคนอื่น สนใจก็แค่คนของสกุลเฉียนก็พอ ลูกจับตาดูการแสดงออกของพวกเขาเอาไว้ แล้วเราก็จะสามารถมองเื่ราวภายในได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น”
สวี่ตี้ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ย “ข้าก็แค่นักวิจัยคนหนึ่ง มีหรือจะมองเื่พวกนี้ออก หากรู้ก่อนว่าพวกเราจะมามีชีวิตอย่างตอนนี้ ข้าจะตั้งใจเรียนพวกความรู้ด้านเคมี การปลูกพืช ข้าจะได้เป็เหมือนกับคนที่ทะลุมิติในนิยาย พวกนั้นที่ทำของอะไรสักหน่อยให้ร่ำรวยขึ้นมา ทำให้พวกท่านร่ำรวยเงินทอง พาพวกท่านเดินไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต เช่นนี้ไม่ดีหรือ?
จางจ้าวฉือเอ่ยขัด “เอาล่ะๆ รีบไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนเถิด มีเงินก็ยากที่จะซื้อ ‘รู้งี้ทำแบบนี้ดีกว่า’ มาได้ หากสามารถรู้ล่วงหน้าได้ มีหรือจะมีความเสียดายมากมายขนาดนี้? ชีวิตที่ไม่มีความเสียดายจะเรียกว่าเป็ชีวิตที่สมบูรณ์แบบหรือ?”
สวี่ตี้ได้ฟังคำมารดาแล้วก็พูดด้วยความใ “ไอ๊หยา ท่านแม่ของข้า ท่านยังมีคำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ท่านหัวหน้าจาง มองไม่ออกจริงๆ นะขอรับ”
จางจ้าวฉือหัวเราะแล้วเอ่ย “เอาเถิด รีบไปพักผ่อนเสีย อายุของเ้าแค่นี้หากไม่สนใจเื่พักผ่อนจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตนะ”
สวี่ตี้ไปนอนที่ห้องของตนเอง ตอนนี้สวี่เหรานอนอยู่ในห้องนอนกับจางจ้าวฉือที่เรือนหลัง ภายใต้คำสั่งอันเคร่งครัดของแม่นมลู่ สวี่จือจึงถูกแม่นมลู่พาไปอยู่ที่ห้องทางปีกตะวันตกเพื่อนอนด้วยกันกับตนเอง ภายในห้องใกล้ๆ หน้าต่างวางตั่งตัวหนึ่งเอาไว้ แม่นมลู่พาสวี่จือไปนอนอยู่บนตั่ง ความจริงแล้วห้องในเรือนหลังควรจะเป็ของสวี่จือ อายุอานามของสวี่จือก็หกขวบกว่าแล้ว ควรจะมีห้องส่วนตัวของตนเองได้แล้ว แต่ว่าห้องที่ว่านั้นได้ถูกสวี่ตี้เปลี่ยนมาเป็เรือนเพาะชำไปเสียแล้ว
เดิมทีจางจ้าวฉือรู้สึกว่าการที่ลูกสาวนอนกับตนเองไม่เห็นจะเป็อันใด แต่แม่นมลู่ไม่เห็นด้วยเป็อย่างยิ่ง นางไม่อนุญาตให้สวี่จือนอนในห้องกับบิดามารดาของนาง ซึ่งจางจ้าวฉือรู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนทำเพื่อลูกของตนเองจึงทำได้แค่ทำตามความ้าของแม่นมลู่ และให้สวี่จือย้ายออกจากห้องของตนเองไป
และเพราะเหตุนี้ สวี่ตี้ถึงสามารถแอบมาหารือในห้องของพ่อแม่ได้
ทั้งสองคนล้มตัวลงนอน สวี่เหราถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “ข้าพิจารณามาหลายวันแล้ว ตอนนี้พวกเราน่ะ มีจิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อปกป้องนั้นย่อมดีพอสมควรเลย แต่ถ้าหากไม่มีเขา เมล็ดพันธุ์พวกนั้นสุดท้ายแล้วความดีความชอบจะไปตกอยู่ที่ผู้ใดก็สุดจะรู้ได้”
จางจ้าวฉือกล่าว “ไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้พวกเราเองก็ฝากเนื้อฝากตัวกับผู้นำสูงสุดของที่นี่แล้ว ต่อไปยังจะไม่มีอนาคตที่ดีรออยู่อีกหรือ? ไม่ว่าจะมีใครคิดอย่างไรกับเ้า สุดท้ายแล้วคนที่สามารถคุ้มครองเ้าได้ก็คือคนที่อยู่เมืองหลวงอยู่ดี”
เชิงอรรถ
[1] ชื่อตำแหน่งของข้าราชการของจีนสมัยโบราณ
[2] คือการขโมยผลงานของคนอื่นไปเป็ของตนเอง