หลงเซี่ยวอวี่จ้องมองนางโดยไม่กะพริบตา
ในมุมมองของมู่จื่อหลิง สายตาเช่นนี้ เขาดูเหมือนจะพยายามค้นหาความจริงใจจากคำพูดที่นางกล่าวย้ำซ้ำๆ จากสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งของดวงตาของนาง
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขาพูดเป็คำขอที่ไร้ยางอาย ทั้งยังเห็นได้ชัดว่านางจำเป็ต้องตอบรับคำขอที่ไร้ยางอายของเขาอย่างจริงจัง แต่ยามถูกจ้องมองอย่างตั้งใจเช่นนี้ มู่จื่อหลิงกลับรู้สึกได้ว่าการว่าร้ายในใจของนางถูกมองทะลุจนหมด ทำให้นางรู้สึกผิดเล็กน้อย
การจับผิดของมารร้ายผู้นี้ไม่มีใครเทียบได้ แต่นางก็พูดอย่างจริงจังถึงเพียงนี้แล้ว มันควรที่จะไม่มีปัญหาใด
มู่จื่อหลิงแอบกลืนน้ำลาย แสร้งทำเป็สงบ พยายามขยับศีรษะออกห่างจากใบหน้าของเขา
แต่เขากุมใบหน้าของนางไว้ในมือ และหน้าผากของเขายังคงกดแนบหน้าผากของนาง นางจะขยับไปไหนได้เล่า?
ดังนั้นจึงทำได้เพียงปล่อยให้เขาจับจ้องต่อไป มองดูเขาเช่นเดิม
เพียงแต่ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง หรือนางจะต้องเข้าเมืองยามมืดค่ำจริงๆ?
มู่จื่อหลิงกะพริบตา พูดอย่างแ่เบาว่า “หลงเซี่ยวอวี่...”
นางรู้ว่าเขากำลังจะจากไปในเร็วๆ นี้ แต่นางก็ยังอยากถามว่าเขาจะจากไปเมื่อใด แต่...นางไม่สามารถถามออกไปได้
เมื่อเห็นว่ายามได้ยินเสียงเรียกของนาง หลงเซี่ยวอวี่กลับไม่ตอบสนอง มู่จื่อหลิงก็ยิ่งหดหู่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเมื่อครู่นี้นางจะถูกจูบจนสมองพร่ามัว แต่ยามนี้...
นางกลืนคำที่จะถามกลับไป กัดมุมปากที่ชาจากจูบเบาๆ เอื้อมมือไปจับมืออุ่นที่แนบแก้มของนางออก
มู่จื่อหลิงแตะใบหน้าหล่อเหลาของหลงเซี่ยวอวี่ด้วยหลังมือ เขย่งปลายเท้า เอียงศีรษะเล็กน้อย กดริมฝีปากไปบนริมฝีปากของเขา สัมพันธ์บางเบาดั่งแมลงปอเกาะอยู่บนผิวน้ำ [1] ลิ้มรสเพียงน้อยนิดก่อนจะหยุดไป
อย่างไรก็ตามสำหรับฉีอ๋องแล้ว การที่ฉีหวางเฟยจะเป็ฝ่ายเข้ามาใกล้ชิดด้วยตนเองนั้นเป็เื่ที่หาได้ยาก ในยามนี้ เขาจึงทำตัวนิ่งเฉยราวกับไม่รับรู้การกระทำของนาง
เขายังคงไม่พูดอะไรสักคำ ดวงตาสีเข้มราวสีหมึกยังคงจ้องมองนางอย่างจริงจังโดยไม่กะพริบตา
ในยามนี้ ดวงตาเฉียบคมของหลงเซี่ยวอวี่ราวกับเหยี่ยว เขาทำราวกับจะมองให้ทะลุเข้าไปในดวงตาใสของนาง มองทะลุผ่านชั้นตาของนาง ผ่านดวงตาใสคู่นั้นเข้าสู่ความลึกลับภายในของนาง
่เวลานี้ เขามองเข้าไปในดวงตาของนางลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จดจ่อมากยิ่งขึ้น ความหมายลึกซึ้งในแววตายิ่งซับซ้อนยากจะเข้าใจ
รอบข้างเงียบสงัด เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจบางเบาของหลงเซี่ยวอวี่อย่างชัดเจน
ลมหายใจอุ่นๆ ออกมาจากจมูกของเขา พรมลงบนใบหน้ามู่จื่อหลิง ลมหายใจผสานกลิ่นดอกเหมยเย็นจางๆ พัดพาความร้อนที่ทำให้หัวใจเต้นระรัว ทำให้หัวใจของนางที่สั่นสะท้านไม่เป็จังหวะ เต้นรัวเร็วไม่หยุด
เมื่อมู่จื่อหลิงกำลังจะทนต่อการถูกจ้องมองด้วยดวงตาลึกซึ้งยากเข้าใจนี้ได้อีกไม่ไหว นางจึงกำลังจะลดสายตาและก้มหน้าลง หยุดมองตรงไปที่เขา...
สายตาของหลงเซี่ยวอวี่ซึ่งจ้องมองมาที่นางตลอดเวลาไม่กะพริบคู่นั้น สั่นไหวเล็กน้อย ได้สติกลับมาอีกครั้ง
จากนั้น ดวงตาของเขาก็สบเข้ากับริมฝีปากแดงเย้ายวนอย่างเป็ธรรมชาติของนาง ดวงตาของเขาเปล่งประกายแสงแห่งความปรารถนาที่ยังไม่สิ้นสุด
มีความเสน่หารักใคร่อยู่ภายใน เขาขบเม้มริมฝีปากบอบบางของนางอีกสองสามครั้งเป็การทิ้งท้าย ก่อนจะยอมปล่อยนางอย่างไม่เต็มใจ
เนื่องจากเมื่อครู่ที่นางเป็ฝ่ายริเริ่มจูบหลงเซี่ยวอวี่ โดยที่เขาไม่ตอบสนองเป็เวลานาน มู่จื่อหลิงจึงมีความรู้สึกแปลกๆ ก่อนที่นางจะเข้าใจว่าเป็เพราะเหตุใด นางก็ต้องรู้สึกสับสนกับพฤติกรรมในยามนี้ของหลงเซี่ยวอวี่อีกครั้ง
มู่จื่อหลิงแตะคางของเขาด้วยความสงสัย ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย จ้องมองกลับไปที่เขา
“มู่มู่คนโง่ มองนานถึงเพียงนี้แล้วเ้ายังไม่พออีกหรือ?” หลงเซี่ยวอวี่เคาะปลายจมูกบอบบางของนาง ริมฝีปากเม้มเล็กน้อย ดวงตาอ่อนโยนเป็อย่างมาก “ลังเลใจที่จะแยกทางกับเปิ่นหวางในยามนี้เลยหรือ?”
ยังคงหลงตนเองถึงเพียงนี้...ก็ดูปกติดี! ไม่เห็นเลยจริงๆ ว่ามีสิ่งใดผิดปกติ มู่จื่อหลิงแอบส่ายหัวในใจ พึมพำกับตนเองว่า “ดูแปลกจริงๆ ใช่ไหม? แต่มีสิ่งใดที่ผิดปกติกันนะ?”
ในขณะที่มู่จื่อหลิงกำลังสงสัย หลงเซี่ยวอวี่ลดเปลือกตามองลงไปที่นาง สายตาจับจ้องแขนของนาง จับแขนซ้ายของนางอย่างระมัดระวัง เขาคว้าข้อมือเรียวอย่างเบามือ
ปลายนิ้วอ่อนนุ่มของเขาลูบไล้นางผ่านแขนชุดบางอย่างแ่เบาสองครั้ง มันเป็ัับางเบาผ่านแขนชุดเรียบลื่นของนาง เบาราวกับไม่ได้ัักับสิ่งใด
ในเวลาเดียวกัน เขาก็โน้มตัวลงมาเล็กน้อย เข้าใกล้หูของมู่จื่อหลิง พูดด้วยเสียงแ่เบาว่า “มู่มู่ เมื่อเปิ่นหวางกลับมา เปิ่นหวางจะนำความประหลาดใจมาให้เ้า”
เื่ประหลาดใจ?
ฉีอ๋องจะทำสิ่งใดให้นางประหลาดใจกัน?
ดวงตาของมู่จื่อหลิงเปล่งประกาย ในใจเริ่มตั้งตารอ
เมื่อเห็นดวงตามู่จื่อหลิงเป็ประกายสดใส ราวกับพวกคลั่งไคล้ในทรัพย์สมบัติ หลงเซี่ยวอวี่ลูบหัวเล็กๆ ของนางด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว ก่อนกล่าวพึมพำเบาๆ ออกมาว่า ‘หญิงโง่’
......
หลงเซี่ยวอวี่ยกมือขึ้น ปลายนิ้วขาวควบแน่นพลังจนกลายเป็แสงเงาสีขาว สะบัดนิ้วไปในอากาศ พุ่งไปทางเล่อเทียนซึ่งกำลังเหล่ตามองจากบนต้นไม้อย่างสบายอารมณ์
เล่อเทียนผู้ซึ่งยังคงหลับตาพักผ่อนอยู่บนต้นไม้สูงในสภาพว่างเปล่า ไม่คาดคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่จะโจมตีอย่างกะทันหัน
เนื่องจากวิธีการปลุกแบบพิเศษของหลงเซี่ยวอวี่ จู่ๆ ร่างของเล่อเทียนก็สั่นคลอน ก่อนที่เขาจะตกจากต้นไม้สูงด้วยท่าทางน่าอับอายในทันที
หลี่ซินหย่วนผู้ซึ่ง ‘เฝ้ารอเนื้อกระต่าย [2]’ อยู่ใต้ต้นไม้ตลอดเวลา เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาดอกท้อตุ้งติ้งส่องประกาย เขายื่นมือออกไปอย่างตื่นเต้น แสดงท่าทางที่มีความสุขเพื่อเตรียมรับร่างเล่อเทียน
“เสี่ยวเทียนเทียน ไม่ต้องกลัว...มาเลย ข้ารับเ้าเอง...” หลี่ซินหย่วนะโไปมาอย่างตื่นเต้นใต้ต้นไม้ น้ำลายเขาสอออกมาด้วยความโลภ
...เล่อเทียนกัดฟัน
เขาดูโง่ถึงสองสามครั้ง ทั้งยังต้องทนทุกข์อีกหลายครั้ง เขาจะปล่อยให้ตนเองต้องทนทรมานอีกได้อย่างไร?
ดังนั้นในคราวนี้เล่อเทียนจึงหลบเลี่ยงด้วยท่าทางผวา
เห็นได้ว่ายามที่ร่างของเขาร่วงหล่นอยู่กลางอากาศ ใน่เวลาสั้นๆ เขาก็พลิกกลับได้อย่างงดงาม ชุดคลุมสีขาวปลิวไสวล่องลอยราวเทพเซียน
ในที่สุดก็ร่อนลงสู่พื้นดินในตำแหน่งที่ห่างจากหลี่ซินหย่วนได้
หลี่ซินหย่วนมุ่ยปากบอบบาง พร้อมบ่นอย่างไม่พอใจเมื่อไม่ได้รับเล่อเทียนไว้ในอ้อมแขน
แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าทางรำคาญเสียงของตน
จู่ๆ เล่อเทียนก็กางพัดด้ามจิ้วในมือ โบกไปมาด้วยความไม่พอใจ ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วมองหลงเซี่ยวอวี่ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เซี่ยวอวี่ ข้าว่า ท่านคงไม่อาจอ่อนโยนต่อข้าได้ละ...”
ดวงตาสงบเฉยเมยตามปกติของหลงเซี่ยวอวี่กวาดไปทางเล่อเทียนอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าน้ำค้างแข็งและหิมะตกในวันซานฝู [3] เล่อเทียนผู้มีชีวิตชีวาจึงถูกแช่แข็งไปก่อนที่จะพูดจบประโยค อกของเขาราวกับกำลังถูกบีบรัดจนแน่นทันที
ก็ได้ ความอ่อนโยนของฉีอ๋องเป็ของฉีหวางเฟยเท่านั้น สำหรับคนอื่นนอกจากฉีหวางเฟยแล้ว...ก็ยังหนาวเหน็บเช่นเคย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้ที่เกาะดั่งขนมหนิวผีถังซึ่งอยู่ด้านข้างก็เข้ามาร่วมสนุกด้วยอีกครั้ง เขาเลิกคิ้วให้เล่อเทียนอย่างประจบประแจง “เสี่ยวเทียนเทียน เช่นนั้นข้ายังอ่อนโยนกับเ้าไม่พออีกหรือ?”
เล่อเทียนไม่สนใจเขา ไม่แม้แต่จะใส่ใจหันมองเขาด้วยซ้ำ
ตราบใดที่ชายตุ้งติ้งผู้นี้ไม่เข้าใกล้เขา เขาจะเป็ดั่งพระอมิตตาพุทธ [4] ที่สามารถปิดกั้นผู้ที่เข้ามายั่วยุได้โดยสมบูรณ์
ราวกับรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายเย็นะเืที่เล็ดลอดออกมาจากดวงตาที่ไม่เฉยชาของหลงเซี่ยวอวี่ เล่อเทียนจึงปิดปากของตนลง ลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ปรับอารมณ์ของตนให้สงบ
ในพริบตา เล่อเทียนได้กลับมาเป็ชายหนุ่มอ่อนโยนสง่างามอีกครั้ง
หลงเซี่ยวอวี่เหลือบมองเพียงแวบเดียว แต่ดูเหมือนเล่อเทียนจะสามารถอ่านความหมายลึกซึ้งที่ส่งมาได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...ดวงตาที่เป็ประกายของเล่อเทียน มองมู่จื่อหลิงซึ่งอยู่ข้างกายหลงเซี่ยวอวี่ แล้วเกิดความรู้สึกกดดันอย่างมาก
แต่ความกดดันนี้เขาย่อมยอมรับมันอย่างมีความสุข
เล่อเทียนแอบดีใจ ครั้งนี้เขาไม่เพียงแต่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของการทรมานจิตใจเท่านั้น แต่ยัง...เฮ้อ ครั้งก่อนเขาใช้น้ำยาหลิงอวิ้นไปแล้ว
แม้ว่าในใจจะแอบมีความสุข แต่เล่อเทียนก็ไม่กล้าแสดงออก ไม่เช่นนั้นความฝันจะสูญเปล่า
เล่อเทียนทำตัวปกติ พยักหน้าเล็กน้อย มองหลงเซี่ยวอวี่ด้วยท่าทางมั่นใจ
...ไม่เอ่ยคำใดออกมา
สุดท้ายแล้วหลงเซี่ยวอวี่จึงทำเพียงมองมู่จื่อหลิงอย่างลึกซึ้ง แล้วสุดท้ายก็จากไป
ยามเห็นฝุ่นควันพวยพุ่งราวม่านหมอก ก่อนเหลือเพียงถนนมืดครึ้มที่ว่างเปล่า มู่จื่อหลิงก็ตัวแข็งทื่อด้วยความตะลึง
เขาบอกกับนางถึงหลายสิ่งหลายอย่าง นางรู้ว่าคราวนี้ เขาจะจากไปนาน เขาจะไม่กลับมาลอบแสดงความรักต่อนางในยามหลับทุกคืนเหมือนครั้งก่อน
การจากกันนานในครั้งนี้...หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้บอกเหตุผลที่ต้องจากไปต่อนาง และนางก็ไม่ได้ถามเช่นกัน
เื่ของเขา ยังมีอีกหลายสิ่งที่นางไม่รู้ ดังนั้นนางจะไม่เป็ฝ่ายเริ่มถาม
โดยปกติแล้วสิ่งที่ลงมือทำด้วยตนเอง ย่อมส่งผลมากกว่าสิ่งที่ถูกกระทำ ดังนั้นนางจึงให้ความสนใจต่อสิ่งที่เกิดในอดีต
หรือบางทีนางอาจอยู่ในหัวใจของเขาแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถทำให้เขาซื่อสัตย์ต่อกันได้
แม้ว่าเื่นี้จะทำให้นางค่อนข้างอึดอัด แต่นางรอได้
เพียงแค่...หลงเซี่ยวอวี่ เ้าอย่าปล่อยให้ข้าต้องรอนานเกินไป ข้ากลัว กลัวว่าใจของข้าจะไม่เข้มแข็งพอ!
หลงเซี่ยวอวี่ออกเดินทางคราวนี้ อย่าปล่อยให้ข้ารอนาน ข้าจะคิดถึงเ้า
ทำอย่างไรดี? จู่ๆ นางก็ไม่อยากแยกทางกับเขา เป็เพราะ...รัก รักจนไม่อยากจากกัน!
ในยามที่มู่จื่อหลิงตกอยู่ในความสับสน ลมหายใจหอมกรุ่นก็พุ่งผ่านเข้าจมูกนาง
ตามมาด้วยพัดด้ามจิ้วอันประณีตที่ถูกกางออก บดบังสายตาที่มองออกไปไกลของนางจนมิด
“เฮ่อ เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ เ้าช่างน่าอิจฉา น่าอิจฉาเสียจริง!” เล่อเทียนถอนหายใจแ่เบา น้ำเสียงสงบแต่สง่างามค่อยๆ ลอยเข้าหูมู่จื่อหลิง แต่ดูเหมือนจะมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์?
เล่อเทียนติดเชื้อจากชายตุ้งติ้งหลี่ซินหย่วนใช่หรือไม่? หรือสมองทำงานผิดปกติ?
มู่จื่อหลิงขมวดคิ้ว มุมปากกระตุกเล็กน้อย นางปัดพัดด้ามจิ้วให้พ้นสายตา
ใครจะคิดว่าเล่อเทียนจะมีสายตาและมือที่ว่องไว เขาหุบพัดที่กางอยู่เร็วกว่านางหนึ่งก้าว
ล้อเล่นหรือ พัดด้ามนี้เป็ชิ้นโปรดของเขา เขาเก็บรักษาเป็อย่างดี หากเสียหายไปจะทำอย่างไร? เล่อเทียนฮึดฮัดด้วยความโกรธ
อารมณ์ด้านลบของมู่จื่อหลิงมักเกิดและหายไปอย่างรวดเร็ว เพียงถูกเล่อเทียนหัวเราะเยาะ นางก็สงบลงทันที
นางกอดอกจ้องมองเขาอย่างไม่รีบร้อน มุมปากโค้งเป็รอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม นางย่อมต่อกรกับเขาตามปกติ “เมื่อเทียบกับการทำให้ผู้คนอิจฉาริษยาแล้ว ใครจะเปรียบเทียบกับท่านได้เล่า เสี่ยวเถียนเถียน”
ในตอนท้าย นางเลิกคิ้วขึ้น สายตาชำเลืองมองไปยังจุดที่อยู่ไม่ไกล โดยไม่สนใจเล่อเทียน ด้านหลี่ซินหย่วนซึ่งแสดงความไม่พอใจออกมาด้วยการถอนหายใจเบาๆ การจ้องมองแสนหวานเช่นนั้นเป็ท่าทางที่ไม่อาจชัดเจนกว่านี้ได้อีกแล้ว
เล่อเทียนแทบสำลักน้ำลาย
ได้ ปากแหลมคมของฉีหวางเฟยยิ้มเยาะเขา เขาเคยได้รับมันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ? ช่างน่าตายนัก!
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] สัมพันธ์บางเบาดั่งแมลงปอเกาะอยู่บนผิวน้ำ (蜻蜓点水) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า แตะเบาๆ หรือทำสิ่งต่างๆ อย่างผิวเผินไม่ลึกซึ้ง
[2] เฝ้ารอเนื้อกระต่าย (守株待肉) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า เฝ้ารอบางอย่างด้วยใจจดจ่อ
[3] วันซานฝู (三伏天) เป็่ร้อนที่สุดในรอบหนึ่งปี หรือวันที่อากาศร้อนสุดในฤดูร้อน
[4] พระอมิตตาพุทธ (阿弥陀佛) เป็คำเรียกหนึ่งของพระพุทธอมิตาภะ