“เราชื่อพิมเเก้ว เป็ลูกสาวคนเดียวของออกญาศรีภิบาล ว่าเเต่ท่านจับเรามาทำไมกันหรือ”
‘สามก๊ก’ หรี่ตามองแม่สาวสวยตรงหน้า ที่ราวกับแม่วัวชั้นดี หน้าอกเอย ทรวดทรงองค์เอวเอย งดงามสมจะมาเป็นางบำเรอราคะชั่วคราวของเขามาก
แต่ทำไมถึงพูดจาประหลาด เหมือนหลุดมาจากละครจักรๆ วงศ์ๆ
ชายหนุ่มนิ่งสงบ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย หญิงสาวสวยจึงโพล่งขึ้นมาอย่างลนลานอีกครั้ง
“ที่เรือนเ้าคุณพ่อมีเงินพดด้วงแลเบี้ยมากมาย ถ้าท่าน้าแลกกับการพาเรากลับไปหาเ้าคุณพ่อ เรายอมยกให้หลายถุงเลย”
“วิลลี่ มึงพาคนบ้ามาเหรอไง ไปเอาคนใหม่มา” พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูท่าจะเป็หญิงสาวสวยที่สติสตังไม่ค่อยดี เขาเลยลูบหัวคิ้วตัวเองพลางปัดมือไล่ให้ลูกน้องลากเธอออกไป
วิลลี่ หรือชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่ยืนหัวโล้นอยู่ข้างหลังเธอ จึงก้าวฉับๆ มาเพื่อป้องปากกระซิบข้างหูนายใหญ่ของตน
“แต่นายครับ สวยขนาดนี้ หายากมากนะครับ ระดับดาราก็ไม่มีสวยแบบราคาดีขนาดนี้”
“กูรู้ แต่นี่มันคนสติไม่ดี” สามก๊กแสนจะหงุดหงิดใจ ถึงจะถูกใจหน้าตารูปร่างอยู่มาก แถมยังอยากได้คนตรงหน้ามาเป็นางบำเรอก็จริง แต่จะให้มามีเซ็กซ์กับคนบ้า ก็คงจะไม่ไหว
“ให้ผมไปสืบประวัติของเธอมั้ยครับนาย เผื่อจะสบายใจขึ้น ในคืนนี้ก็ทำความรู้จักกันในห้องรับรองไปก่อน”
“จะให้กูเลี้ยงมันไปก่อนอย่างงั้นเหรอ” แววตาคมกริบเหลือบไปมองลูกน้องคนสนิท เขาพยักหน้ารับ สามก๊กจึกถอนหายใจยาวๆ “ก็ได้ ไปสืบประวัติมาภายในคืนนี้”
“ครับนาย ให้ผมส่งผู้หญิงคนนี้ไปในห้องรับรองเลยมั้ยครับ” วิลลี่ยิ้ม รู้อยู่ว่าเ้านายของตนนั้นใจดี แถมผู้หญิงคนนี้ก็สวยสดใหม่อย่าบอกใคร ดูเหมือนถึงจะสติไม่สมประกอบ แต่น่าจะยังสด นายน่าจะชอบ
อย่างน้อยก็ดีกว่าพวกแม่เล้า เด็กเอ็นคนอื่นๆ ที่นายจ้างมาเป็เด็กเสี่ย สวยไม่เท่าผู้หญิงคนนี้ แถมสุดท้ายเด็กพวกนั้นก็ปอกลอกนายไม่เหลือ ชอบเสียท่าความใจดีที่อยู่ภายใต้หน้ากากเ็านั่นอยู่ร่ำไป
“แล้วแต่”
สิ้นเสียงอนุญาต วิลลี่และสหายคนสนิทที่ทำงานรับใช้สามก๊กมาหลายปี จึงคว้าแขนของหญิงสาวผู้นั้น หิ้วปีกไปที่ห้องรับรองที่หรูหรา หรือให้เรียกอีกชื่อหนึ่งก็คือห้องเชือดนั่นเอง
สามก๊กถอนหายใจหนัก ยกมวนกัญชามาสูบพลางพ่นควันบุหรี่เป็วงอยู่กลางโถง เขาเป็คนที่ทำธุรกิจสายเทา จับงานที่คนว่าว่าไม่ดีอยู่หลายงาน เพราะชื่นชอบในเส้นทางนี้ อีกอย่างเพราะพ่อวางมือให้ตัวเองขึ้นทำงานแทนั้แ่เด็ก
เขาถูกตั้งชื่อว่า ‘สามก๊ก’ เพราะพ่อชอบอ่านวรรณกรรมเื่นี้ ชอบเื่การชิงดีชิงเด่น การทำา ฆ่าฟัน ห้ำหั่นสติปัญญากันทั้งบุ๋นและบู้ เลย้าให้ลูกชายเพียงคนเดียวอย่างเขานั้นเป็ได้อย่างตัวละครเด่นในเื่
สามก๊กไม่ชอบอ่านหนังสือ เขาชอบชกมวยและมีความฝันอย่างเป็พระอาจารย์ แต่กลับโดนดึงมือให้มาจับงานสีเทา จึงทำให้สิ่งที่ฝันนั้นเป็อันต้องล้มเลิก เพราะแค่ธุรกิจพวกนี้ก็ดึงเวลาจนการสวดมนตร์ทำบุญและชกมวยให้กลายเป็แค่งานอดิเรก
แต่สามก๊กนั้นเป็ผู้ชายขี้สงสาร เมตตา รักสัตว์ แต่บทจะเืเย็นก็เืเย็นอย่างถึงที่สุด ยอมให้ผู้หญิงที่นอนด้วยปอกลอกโดยทำแค่เพียงปล่อยไปเฉยๆ ไม่เอาเื่เอาราว เพราะคิดว่าคงมีกรรมร่วมกัน
ผู้หญิงไม่สมประกอบคนนี้ก็คงจะมีเวรกรรมทำให้กลายเป็ผู้หญิงสติไม่ดีพูดเหมือนตัวเองอยู่สมัยรัตนโกสินทร์ก็ได้
เอาเป็ว่า จะทำบุญทำทาน ส่งบุญไปให้เธอ เผื่อผลบุญจะส่งไปในชาติหน้าให้เธอได้บ้าง
สามก๊กนั้นถวายตัวบูชาท้าวเวสสุวรรณั้แ่เล็กเพราะความศรัทธาอันแรงกล้า ตั้งรูปใหญ่อยู่ตรงหน้าภายในห้องสวดมนต์ใหญ่โตหรูหรา จัดสรรปันส่วนอย่างดี เขาปักธูปเก้าดอก บูชาด้วยผลหมากรากไม้ที่ท่านชอบ พร้อมช่อดอกกุหลาบสีแดงสด พลางสวดบูชาท่านอยู่ทุกคืน ก่อนจะไปทำกิจกรรมเข้าจังหวะ
มีอารมณ์ก็จริง แต่การบูชาท่านต้องมาก่อน
เมื่อเขากราบไหว้อย่างเรียบร้อย สามก๊กคุดเข่าออกจากห้องพระ โดยยกให้เมดปิดประตูห้องพระลง
คนตัวใหญ่จึงเข้าไปอาบน้ำชำระกายที่แข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามทุกส่วน ชำระคราบเหงื่อ ทำความสะอาดอย่างดีพร้อมกับสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำ เดินตรงไปยังห้องรับรองที่ถูกเตรียมไว้เพื่อให้เขากับ ‘นางบำเรอ’ ได้ร่วมรักกันอย่างสงบ
แกรก
ประตูบานใหญ่ที่ทำจากไม้สักทองถูกเปิดออก พบกับหญิงสาวในชุดเปิดเผยเรือนร่าง ชุดนอนลูกไม้ที่บางแสนบางเปิดเผยเส้นขอบของสะโพกที่คอดกิ่วเข้ารูป หน้าอกที่ใหญ่จนคับชุดแทบทะลักออกมา ทำให้มาเฟียหนุ่มนั้นกลัดมันเต็มที่ แต่ต้องทำเป็ตีสีหน้านิ่ง เข้าไปนั่งข้างๆ เธอที่พับเพียบตัวสั่นเหมือนลูกเจี๊ยบตัวน้อยอยู่บนฟูกนอน
“กลัวเหรอ” เขาถาม ถึงจะเป็คนสติไม่ดี แต่สถานการณ์แบบนี้ก็คงกลัวเป็เื่ธรรมดา “กูจะถนอมที่สุด อย่าได้กลัวไป”
“คะ... คือ คือเรารู้สึกเหมือนว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราเคยอยู่”
“...”
“ท่านใช่ฝรั่งมังค่าที่เข้ามาทำการค้ากับทางพระนครหรือไม่เ้าคะ ช่วยบอกให้เราใจชื้นหน่อยว่าที่นี่คือพระนครศรีอโยธยา”
“จะสติไม่ดีแค่ไหน ก็ให้มีขอบเขตหน่อย นังเด็กโง่” สามก๊กรู้สึกรำคาญกับเสียงหวานที่เอาแต่พ่นสำนวนไทยโบราณจนระคายหู จึงรั้งสะโพกดึงนางเข้ามานั่งบนตักอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง “เห็นมั้ยว่ากูแข็งแล้ว จัดการให้ที”
พิมแก้วที่อยู่ดีๆ ก็ถูกบุรุษแปลกหน้ายกตัวเองขึ้นมานั่งบนตักเขา แนบชิดกับสรีระของบุรุษเพศที่แข็งขืนก็ถึงกับหน้าชา ไปไม่เป็ นั่งตัวเกร็งอยู่บนตักแกร่งอยู่เช่นนั้น จนสามก๊กต้องถอดแว่นออกอย่างหงุดหงิด พลางออกปากเร่งเร้านาง
“จัด-การ-ซะ เร็วๆ”
