งานชมดอกฉยงฮวาได้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็เวลาถึงห้าวันแล้วทว่าผู้ที่มาร่วมงานกลับดูครึกครื้นมากขึ้นทุกวันความตื่นเต้นดีใจของผู้คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากแต่เดิมที่เฝ้าจับตาดูว่าใครจะเป็ผู้คว้าตำแหน่งยอดบุปผากลายมาเป็การเฝ้าคอยดูว่าเซียวซู่ซู่จะแสดงความสามารถอันใดออกมาให้พวกเขาเห็น
ทุกการกระทำของนางล้วนสะกดความสนใจของผู้คนไม่ว่าจะเป็บุรุษหรือสตรี ทุกคนล้วนอยากจะรู้ว่านางจะเก่งกาจได้ถึงเพียงใด จะสร้างความแปลกใจเท่าใดให้กับพวกเขา
ความจริงที่เซียวซู่ซู่เดิมเป็สตรีปัญญาอ่อนนั้นมีเพียงคนของแคว้นป่ายฮวารับรู้แต่หลังจากที่ผ่านงานชมดอกฉยงฮวา ผู้คนทั่วทั้งสามแคว้นล้วนรับรู้กันโดยทั่ว
อีกทั้งเื่ของนางยังถูกล่ำลือกันดุจตำนานอันน่าอัศจรรย์ก็มิปาน บ้างก็พูดว่านางมีเทพเซียนมาสิงสถิตในร่างบ้างก็ว่านางมีมารปีศาจมาสิงสถิต แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ล้วนเป็สิ่งที่ผู้คนแอบซุบซิบกันเงียบๆ
การแข่งขันประเภทสุดท้ายคือบทกลอน
เพราะว่าเมื่อวานที่ได้พ่ายแพ้ให้แก่ฮวาเชียนจือไปครั้งหนึ่งทำให้ฮวาเชียนจือในตอนนี้โด่งดังในข้ามคืนเพราะสามารถเอาชนะเซียวซู่ซู่ได้อีกทั้งยังมีคนจำนวนไม่น้อยพากันซุบซิบคาดเดาถึงฐานะของนาง
ฮวาเชียนจือในตอนนี้เย่อหยิ่งกว่าเวลาทั่วไปอยู่ไม่น้อยนางเชิดหน้าขึ้นพลางก้าวขึ้นไปบนเวทีหยกขาว ท่าทางประหนึ่งไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาทำให้มีคนรู้สึกไม่ชอบพอนางอยู่มาก
นางต่างจากเซียวซู่ซู่เพราะเซียวซู่ซู่มีเพียงแค่บารมีที่ดูสูงส่งเหนือผู้คนโดยธรรมชาติต่างจากนางที่ตั้งใจดูถูกเหยียดหยามผู้คนทำท่าทางประหนึ่งบนโลกนี้ไม่มีใครสูงส่งเท่านางได้อีก
และก็ไม่ต้องสงสัยว่าการปรากฏตัวของนางได้ทำลายข่าวลือเื่ที่แคว้นป่ายฮวาไร้ผู้สืบทอดไปแล้ว แน่นอนว่านางเองก็รู้เื่ที่ฮวาหรูเสวี่ยรับนางกลับมาเพียงเพราะ้าให้ประชาชนสบายใจว่าสกุลฮวามีทายาท แต่ความจริงที่ว่าจะตั้งใครขึ้นเป็ฮ่องเต้ในอนาคตนั้นยังไม่อาจสรุปได้
ฮวาเชียนจือเป็เพียงแค่ตัวหลอกเท่านั้นความคิดที่แท้จริงของฮวาหรูเสวี่ยนั้นยากที่จะคาดเดาได้
กระทั่งฮวาเชียนจือที่คิดว่าตนจะได้ครองตำแหน่งฮ่องเต้ในอนาคตอย่างแน่นอนยังโมโหมีโทสะเป็อย่างมากอำนาจที่อยู่เหนือคนนับหมื่นเช่นนี้ ใครบ้างไม่อยากได้ แต่น่าเสียดายที่นางใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกมาโดยตลอดต่อให้มีความคิดแผนการร้ายมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่มีผู้สนับสนุนอยู่เื้ั
กระทั่งองค์หญิงที่ไม่เป็ที่โปรดปรานทั้งหลายในวังหลวงก็ล้วนแต่มีอำนาจเหนือกว่านางกันทั้งนั้น คนที่นางจะสามารถพึ่งพาได้ก็มีเพียงตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายยังมีคนที่จ้องจัดการนางอยู่ทุกเมื่ออย่างฮวาเชียนเย่
คนทั้งสองแม้จะเป็พี่น้องท้องเดียวกันแต่ก็ไร้ซึ่งความสนิทสนมฉันพี่น้อง หรือต่อให้มีก็คงถูกอำนาจที่สูงส่งทำให้จืดจางหรือกระทั่งมลายหายไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงแผนการและความหวังร้าย
“น้องเล็ก สู้ๆ”หลังจากที่เซียวเอินเห็นฮวาเชียนจือเดินขึ้นเวทีพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาแล้วเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมาก แม้ว่าฮวาเชียนจือจะเป็ราชนิกูล แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะเห็นนางอยู่ในสายตา เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็องค์หญิงที่ไม่มีคนสนับสนุนต่อให้สูงส่งแล้วจะอย่างไร
เซียวซู่ซู่พยักหน้าอย่างแรงมุมปากกระดกขึ้นเป็รอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นอ่อนโยนมาก สำหรับการแพ้ชนะนางมิได้ใส่ใจมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังหาได้เก็บสิ่งเ่าั้มาใส่ใจไม่
เดิมนางเพียงแค่้าให้องค์ชายเก้าป๋ายหลี่ม่อและแคว้นอ้าวอวิ๋นรู้สึกเสียใจกับการกระทำที่เสียมารยาทของเขาในวันนั้นและการที่เขากล้าขอราชโองการเชิญนางมาร่วมงานชมดอกฉยงฮวานี้อีกด้วยแต่ว่าตอนนี้นางกลับ้าทำเพียงเพื่อไม่ให้ตนต้องเดือดร้อนโดยแสดงออกมาสุดความสามารถของตนเท่านั้น
นางมิได้ชื่นชอบการมีชื่อเสียงที่โด่งดังแต่ว่านางไม่อยากจะใช้ชีวิตเหมือนดั่งชาติก่อนของตนอีกแล้ว
ต่อกลอนความจริงแล้วมิใช่สิ่งที่นางถนัด แต่ว่านางก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจเพราะมันแต่อย่างใด
บนเวทีมีกลอนท่อนแรกกว่าสิบบทเขียนเรียงเอาไว้อยู่ก่อนแล้วเงาร่างของฮวาเชียนจือขยับอย่างรวดเร็วนางได้ยกพู่กันเขียนต่อกลอนท่อนแรกเป็ที่เรียบร้อย และก็มีคุณหนูสกุลผู้ดีหลายคนล้วนเขียนประโยคต่อกันจนครบแล้วจึงก้าวลงจากเวทีหยกขาวไป
เซียวเอินและเซียวซู่ซู่เดินขึ้นเวทีไปพร้อมกันต่างฝ่ายต่างเขียนประโยคคำกลอนต่อเนื่องกันคนละแบบทั้งสองหันหน้ามาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนจะส่งมอบรอยยิ้มให้กำลังใจกันและกัน จากนั้นพวกเขาก็หยิบเอาพู่กันที่ชุ่มไปด้วยหมึกสีดำเข้มแล้วเริ่มโบกสะบัดมันออกไป
เมื่อรอจนสองพี่น้องก้าวลงจากเวทีแล้วผู้คนทั้งหลายถึงจะได้มองดูผลงานของพวกเขาโดยละเอียด
ที่แท้เซียวซู่ซู่ก็ได้เลือกต่อบทกลอนชื่อดังท่อนที่ยากที่สุด โดยท่อนบนเขียนว่า ผีผาบรรเลงครึกครื้นอ๋องทั้งแปดล้วนสูงส่งงามสง่าเหนือผู้คน
เซียวซู่ซู่เขียนท่อนล่างว่า ท่ามกลางผีสางปีศาจ ผีน้อยทั้งสี่ล้วนสร้างความวุ่นวายไม่รู้จบ*
เป็การต่อประโยคกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เกิดเสียงถกเถียงพูดคุยของผู้คนขึ้นอีกครั้ง
ความจริงแล้วการแข่งขันบทกลอนในวันนี้มิสู้เรียกว่าเป็การแข่งการต่อท่อนล่างของโคลงกลอนจะเหมาะสมมากกว่าแต่ว่าทั้งหมดนี้ก็เป็เพียงแค่ชื่อเรียกที่ใช้ในงานชมดอกฉยงฮวาเท่านั้น
สำหรับกลอนคู่นี้ถือเป็กลอนคู่ที่เก่าแก่โบราณเป็อย่างมากวีรบุรุษและบัณฑิตผู้มากความสามารถจำนวนมากล้วนพ่ายแพ้ต่อมันมาแล้วทั้งนั้น
วันนี้เซียวซู่ซู่กลับไม่ต้องใช้แม้แต่เวลาตริตรอง นางหยิบพู่กันขึ้นมาก็ลงมือเขียนลงไปทันทีทำให้ความรู้สึกนับถือของผู้คนที่มีต่อนางเพิ่มขึ้นอีกครั้ง พวกเขารู้สึกว่านางคือสิ่งมหัศจรรย์อย่างแท้จริง
ยังมิต้องพูดถึงว่าผลลัพธ์เป็อย่างไรแค่ตอนนี้เซียวซู่ซู่ก็ได้ชนะใจและรับคำชื่นชมมาจากทุกคนในงานเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
“ต่อได้ดี”สวี่เว่ยหรานยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้กับเซียวซู่ซู่ความสนใจของเขาที่มีต่อนางเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
“สมบูรณ์แบบจริงๆอีกทั้งความหมายคำเปรียบเปรยยังสอดคล้องกันอีกด้วย” เฮ้ออี้เทียนมิได้มีรอบรู้ด้านกาพย์กลอนมากนักจึงทำได้เพียงแค่ออกความคิดเห็นเช่นนี้พลางหันไปมองทางเซียวซู่ซู่ที่ได้กลับไปนั่งประจำตำแหน่งเช่นกัน “น่าเสียดายที่เป็สตรีของแคว้นป่ายฮวา”
“ทำไมหรือ? พี่เฮ้อคิดว่ามีอันใดไม่เหมาะ?”สวี่เว่ยหรานยิ้มออกมาจางๆก่อนจะดึงสายตาของตนกลับมามองทางเฮ้ออี้เทียน
เฮ้ออี้เทียนเองก็อายุย่างเข้าสามสิบแล้ว นอกจากไออาฆาตที่กระจายอยู่บนใบหน้าและบุคลิกของจอมยุทธ์แล้วเขาก็ถือได้ว่าเป็บุรุษรูปโฉมหล่อเหลาผู้หนึ่ง
เพียงแต่ว่าเขาท่องเที่ยวยุทธภพมาเป็เวลานานทำให้ไม่สนใจความรู้สึกรักใคร่ของหนุ่มสาวแล้วเขามุ่งมั่นเพียงแต่จะมีชื่อเสียงโด่งดังในโลกของมือสังหารแต่กลับเป็เพราะม่อเวิ่นเฉินทำให้เขาชื่อเสียงของเขาพังทลายไปอย่างย่อยยับภายในค่ำคืนเดียว
ตอนนี้ได้ยินสวี่เว่ยหรานเอ่ยถามเช่นนั้นใบหน้าของเขากลับขึ้นสีแดงระเรื่อ
คนเช่นนี้ มิได้มีเล่ห์เหลี่ยมอันใดมากนักชอบก็คือชอบไม่อ้อมค้อมเป็คนที่คู่ควรแก่การฝากเนื้อฝากตัวมากเสียยิ่งกว่าบุรุษที่ทำให้หญิงสาวนับหมื่นต้องหวั่นไหวอย่างอดไม่ได้แบบสวี่เว่ยหรานอยู่มากนัก
แต่ว่าในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้เขากับเซียวซู่ซู่กลับไร้ซึ่งโอกาสที่จะเกี่ยวพันธ์กัน
เฮ้ออี้เทียนที่ใบหน้ายังคงมีสีแดงระเรื่ออ้ำอึ้งอยู่นานก่อนจะแหงนหน้าขึ้นแล้วยกมือขึ้นเกาหัวของตน “เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่เป็สตรีแคว้นป่ายฮวา”
ก่อนจะเอ่ยเสริมออกมาอีกประโยคหนึ่ง
ทำให้สวี่เว่ยหรานอดมิได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “นั่นสินะ น่าเสียดายอยู่บ้างจริงๆ”
อย่างที่รู้กันว่านอกจากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นแล้วสตรีของแคว้นป่ายฮวานั้นล้วนแต่งสามีเข้าเท่านั้น
บุรุษแคว้นโยวเจิ้นและแคว้นอ้าวอวิ๋นล้วนจะไม่ทำการผูกสัมพันธ์รักใคร่กับสตรีของแคว้นป่ายฮวาโดยง่าย
เซียวซู่ซู่ เขาสวี่เว่ยหรานนั้นนึกสนใจแต่ก็เป็เพียงแค่ความสนใจเท่านั้น
สำหรับเขาสตรีนั้นมิใช่สิ่งที่เขาจะผูกใจรักใคร่อย่างแท้จริงมาโดยตลอดทุกอย่างทำเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
“ข้าเสียใจกับการกระทำของตนเองแล้ว”เมื่อเห็นท่อนล่างของกลอนที่ดูธรรมชาติไร้กฏเกณฑ์ดุจสายลมของเซียวซู่ซู่แล้วองค์ชายเก้าป๋ายหลี่ม่อก็เอ่ยออกมาเบาๆ เขามิได้หันไปมองหนานกงม่อเสมือนว่าประโยคเมื่อครู่เขาเอ่ยให้ตัวเองฟัง
หนานกงม่อนิ่งอึ้งไป คนที่เย่อหยิ่งอย่างป๋ายหลี่ม่อกลับพูดประโยคเช่นนั้นออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะถูกเสน่ห์ของเซียวซู่ซู่ทำให้ลุ่มหลงแล้วจริงๆ
แน่นอนว่าใจของเขาเองก็ลุ่มหลงนางมาั้แ่แรกแล้วความสามารถที่เก่งกาจเช่นนั้นประกอบกับความงดงามดุจเทพเซียนก็มิปานจะมีสักกี่คนที่ไม่หวั่นไหวต่อนางกัน
ป๋ายหลี่ม่อกำหยกสลักรูปหงส์ของตนไว้แน่นใบหน้าของเขาเป็สีขาวซีดเล็กน้อย
“ท่านคิดจะทำอย่างไร?”หนานกงม่อมองดูการกระทำของเขาก่อนจะเอ่ยถามออกมาเบาๆ
“ข้าคิดจะขอคืนคำพูดที่ถอนหมั้นเซียวซู่ซู่กลับมา”องค์ชายเก้าป๋ายหลี่ม่อเอ่ยแต่ละคำออกมาอย่างชัดเจนสายตาของเขาจับจ้องไปที่เซียวซู่ซู่ที่กำลังเอ่ยพูดคุยกับเซียวเอินอย่างสนุกสนาน
เดิมเขาก็เป็คนที่ตัดสินคนจากภายนอกอยู่แล้ว
หนานกงม่อยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าป๋ายหลี่ม่อจะเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา “แต่ว่า...”
“ข้ารู้ ตอนนั้นคนที่ตัดสินใจจะถอนหมั้นก็คือข้าแต่ว่าตอนนี้ข้า้าให้ฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยถอนคำสั่งกลับคืนมา” ป๋ายหลี่ม่อกลับได้ตัดสินใจเป็ที่เรียบร้อยแล้วสีหน้าของเขาเด็ดเดี่ยวและมั่นคงมาก
เขาไม่คิดที่จะทำให้การผิดพลาดเพียงก้าวเดียวของตนทำให้เขาพลาดไปชั่วชีวิต ฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยเป็คนเช่นไรป๋ายหลี่ม่อนั้นรู้ดี
สถานการณ์ของทั้งสามแคว้นอันตรายถึงเพียงนี้ ขอเพียงมีสองแคว้นร่วมมือกันก็จะสามารถทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปได้
เซียวซู่ซู่ผู้นี้จะต้องกลายเป็หมากตัวหนึ่งในมือของฮวาหรูเสวี่ยอย่างแน่นอน เช่นนั้นเขาป๋ายหลี่ม่อก็จะต้องแย่งหมากตัวนั้นมาไว้ก่อน
ตอนนี้หนานกงม่อนั้นไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกมาอีกแม้ว่าเขาเองก็อยากจะทำดั่งป๋ายหลี่ม่อ แต่ก็รู้ว่าตนนั้นทำไม่ได้
เขาเป็เพียงแค่ขุนนางคนหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปแย้งกับองค์ชายทำได้เพียงแค่มองไปทางเซียวซู่ซู่ที่เจิดจรัสอยู่ห่างๆแม้ว่าภายในใจจะรู้สึกไม่ยินยอมก็ตาม
“ป๋ายหลี่ม่อจะต้องไม่ยอมรามือแน่เพราะฉะนั้นพวกเราก็ต้องเริ่มลงมือแล้ว” และตอนนี้สวี่เว่ยหรานก็มิได้เอ่ยหยอกล้อเฮ้ออี้เทียนอีกแต่กลับพูดอย่างจริงจังออกมากะทันหัน
“อะไรนะ?”เฮ้ออี้เทียนตอนนี้รู้สึกงุนงงอยู่ไม่น้อย
“เ้าลืมแล้วหรือจุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่” สวี่เว่ยหรานมีสีหน้าจริงจัง แววตาแฝงไปด้วยความชั่วร้าย
“ให้การร่วมมือระหว่างแคว้นป่ายฮวาและแคว้นอ้าวอวิ๋นล้มเหลว”เฮ้ออี้เทียนเองก็มีสีหน้าจริงจังขณะเอ่ยตอบสวี่เว่ยหรานเป็ความจริงที่ว่าตอนแรกที่มีคนเอาความลับไปบอกป๋ายหลี่ม่อว่าคุณหนูเล็กแห่งสกุลเซียวนั้นเป็สตรีปัญญาอ่อนซึ่งนั่นก็ล้วนเป็สิ่งที่สวี่เว่ยหรานได้วางแผนเอาไว้
จุดประสงค์ในตอนแรกคือการทำลายรูปแบบการร่วมมือหนึ่งร้อยปีระหว่างแคว้นป่ายฮวาและแคว้นอ้าวอวิ๋น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*ประโยค้าคือ琴瑟琵琶,八大王,王王在上 เซียวซู่ซู่เขียนต่อว่า 魑魅魍魉,四小鬼,鬼鬼犯边 โดยประโยคบนมีตัว王เขียนประกอบ เซียวซู่ซู่จึงใช้คำที่มีตัว鬼เขียนประกอบมาให้สอดคล้องกัน ซึ่งทุกคำยังสามารถบรรยายถึงความหมายตามข้างต้นที่เอ่ยด้วย