หานอวิ๋นซีรู้ว่าห้องตำรามีกลิ่นเหม็นมาก นางจึงฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ออกไปข้างนอกเถอะ กลิ่นในห้องนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไร”
“ข้างนอกก็ไม่ได้ต่างกันหรอก” หลงเฟยเยี่ยพูดอย่างเ็า
“เช่นนั้นไปที่ลานบ้านดีหรือไม่” หานอวิ๋นซียักไหล่ ไม่ได้รู้สึกละอายใจอะไร และในฐานะเ้าบ้านแล้วนางก็ไม่ได้เป็คนเชิญเขามาด้วย
ในฐานะหมอ นางเองยังมีความรักสะอาดอยู่บ้าง แต่เมื่อใดก็ตามที่นางทุ่มเทจดจ่อกับการศึกษาค้นคว้าพิษที่ไม่คุ้นเคย นางก็จะไม่สนใจกับความสะอาดใดๆ อีกเลย ตอนนี้สภาพของห้องตำราถือว่ายังพอทนได้อยู่ แต่อีกหนึ่งถึงสองวันเดาว่าคงแย่ยิ่งกว่ากองขยะ
แน่นอน รอให้นางศึกษาอย่างรู้แจ้งแล้ว นางจะรีบปัดกวาดทำความสะอาดและจัดเป็ระเบียบทันที
“เ้ากำลังปรุงยาพิษหรือ?” หลงเฟยเยี่ยไม่ได้มีความคิดที่จะออกไปแม้แต่น้อย
“ก็แค่ทำเล่นๆ” หานอวิ๋นซีตอบ ความจริงแล้วถ้วยบนโต๊ะคือพิษงูหมื่นตัว มันถูกดึงออกมาจากระบบล้างพิษเมื่อบ่ายวานนี้และใส่ลงในน้ำสะอาด หนึ่งวันผ่านไปมันเลยกลายเป็อย่างตอนนี้
“นี่คือพิษอะไร?” หลงเฟยเยี่ยถามอีกครั้ง
“พิษงูหมื่นตัว ข้าเก็บพิษส่วนหนึ่งมาจากเืของแม่ทัพใหญ่ในคราวที่แล้ว ไม่มีอะไรทำก็เลยเอามันมาศึกษา” หานอวิ๋นซีตอบ จะบอกว่าพูดความจริงก็ไม่ใช่ แต่จะโกหกก็ไม่เชิง
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของหลงเฟยเยี่ยแล้ว นางกำลังโกหก
ดูเหมือนว่าสตรีผู้นี้กำลังวุ่นวายกับเื่ของมู่ชิงอู่ แต่ทำไมนางถึงปิดบังเื่นี้กับเขาล่ะ? ได้ยินจากฉู่ซีเฟิงว่านางไปหากู้เป่ยเยวี่ยเดือนละสองครั้ง แต่กู้เป่ยเยวี่ยก็ไม่สามารถออกจากวังได้
หลงเฟยเยี่ยไม่ได้พูดออกมา และกลับนั่งลงข้างๆ อย่างไม่คาดคิด พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เช่นนั้นแล้วเ้าได้อะไรจากการค้นคว้าบ้างล่ะ?”
หานอวิ๋นซีมองไปและพบว่าแม้เขาจะอยู่ท่ามกลางความสกปรกและกลิ่นเหม็นของยา แต่เขาก็ยังดูสูงส่งและสะอาดสะอ้าน ราวกับเทพเ้าที่ลงมาจากฟากฟ้า ไม่มีแม้แต่ฝุ่นผงแตะต้องร่างกายของเขา
เขาคิดจะทำอะไรกัน? จะคุยกันยาวอย่างนั้นหรือ?
“แล้วจะให้ค้นคว้าอะไรออกมาล่ะ?” หานอวิ๋นซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นางพูดโดยไม่ให้หลงเฟยเยี่ยมีโอกาสถามต่อ และถามกลับไปว่า “เมื่อครู่ท่านอ๋องบอกว่ามีเื่บางอย่าง...เื่อะไรอย่างนั้นหรือ?”
ใครจะรู้ว่า หลงเฟยเยี่ยที่เพิ่งจะนั่งลง ก็ลุกขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเ็าจนไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย “ไม่มีอะไร”
ขณะที่เขาพูด ก็เดินผ่านนางไปและเดินออกจากตำหนักหยุนเซี่ยนโดยไม่หันกลับมามอง
แบบนี้ก็ได้หรือ?
หานอวิ๋นซีงุนงงเป็อย่างมาก เมื่อเดินตามไปที่ประตู หลงเฟยเยี่ยก็หายไปแล้ว ชายผู้นี้มาทำอะไรที่นี่กันแน่?
แปลกกว่าทุกครั้ง!
หลงเฟยเยี่ยที่ดูเหมือนจะเดินอย่างช้าๆ แต่ในความเป็จริงแล้วร่างของเขายังคงเคลื่อนไหว และมาถึงประตูห้องนอนในเวลาเพียงครู่เดียว
ฉู่ซีเฟิงที่รออยู่ที่ประตูมีสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ท่านอ๋อง ท่านกลับมานานแล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ต้องรู้ว่า เขามีเื่ที่สำคัญอย่างมากต้องมารายงาน ด้วยนิสัยขององค์ชายท่านนี้แล้ว จะมาถึงช้าได้อย่างไรกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาจากสีหน้าของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย
หลงเฟยเยี่ยเปิดประตูเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไร ฉู่ซีเฟิงเดินตามหลังเขาเข้ามาโดยไม่เห็นคิ้วอันหล่อเหลาที่ยกขึ้น
ให้ตายเถอะ ต้องรีบมาพบฉู่ซีเฟิงแท้ๆ แต่เมื่อเขาเห็นนางที่ลานบ้านกลับเดินช้าลงเสียอย่างนั้น ทั้งยังไปหานางอีก เขาเกลียดพฤติกรรมไร้ความคิดและความรู้สึกที่อยู่เหนือการควบคุมเช่นนี้สุดๆ
เมื่อเห็นเ้านายหยุด ฉู่ซีเฟิงที่เดินตามเข้ามาก็พูดเบาๆ ว่า “ท่านอ๋อง ได้ข่าวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เช่นนี้หลงเฟยเยี่ยจึงจะได้สติกลับมา หันหน้าและเหลือบไปมองด้วยสายตาเคร่งขรึมและเ็า “ได้ความว่าอย่างไร?”
ความสามารถในการทำงานของหลงเฟยเยี่ยนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยล่ะ?
เมื่อเขาได้รับรายการยาของหานอวิ๋นซีจากมู่ชิงอู่ในวันนั้น เขาก็รีบติดต่อคนรู้จักในวงการแพทย์ทันทีเพื่อทำการสืบสวนลับๆ
“ท่านอ๋อง พิษงูทั้งสามชนิดนั้นหายากจริงๆ มีเพียงสามตระกูลเท่านั้นที่มีพิษงูสามชนิดนี้ อย่างไรก็ตามหากหนึ่งหรือสองชนิดนั้นมีมากกว่าสิบตระกูล”
ฉู่ซีเฟิงตอบตามจริง เหม่อลอยเล็กน้อยและรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเ้านายของเขาในวันนี้ ทว่ากลับบอกไม่ได้ว่าคืออะไร
หลงเฟยเยี่ยรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉู่ซีเฟิงไม่พูดต่อ ก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่เ็าอยู่แล้ว และดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งเพิ่มอีกหนึ่งชั้น “มีอะไรอีกหรือไม่?”
ฉู่ซีเฟิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและพูดว่า “งูทั้งสามชนิดนั้นล้วนมีพิษ ตระกูลแรกที่มีคือตระกูลหลี่แห่งอาณาจักรเป่ยลี่ อีกตระกูลคือร้านขายยาของราชวงศ์ซีโจว และตระกูลที่สามคือหุบเขายาผี ส่วนอีกสิบตระกูลที่เหลือ ยังไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจน กระหม่อมได้ส่งคนไปสืบที่ตระกูลหลี่แห่งอาณาจักรเป่ยลี่แล้ว เชื่อว่าเร็วๆ นี้จะมีข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น”
ฉู่ซีเฟิงที่มีบทเรียนจากอดีตแล้ว เมื่อรายงานเื่การค้นหายาเสร็จ ก็รีบรายงานเื่อื่นทันที “ท่านอ๋อง สายลับสองคนที่ถูกขังอยู่ในคุกลับได้อดอาหารจนตายไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงสองคนที่เหลือรอดอยู่ จากที่กระหม่อมดูแล้ว มันไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่จะให้พวกเขายอมเปิดปาก”
หลงเฟยเยี่ยพยักหน้า “จัดการต่อไป ข้าจะสอบสวนด้วยตัวเอง”
ในตำหนักหยุนเซี่ยน หานอวิ๋นซียืนพิงหน้าต่างอย่างเกียจคร้านและมองไปที่วังลึกลับที่อยู่ไม่ไกลพลางขมวดคิ้วแน่น คนรับใช้ยังไม่ได้ส่งใบชามา เสี่ยวเฉินเซียงก็ไม่อยู่ นางที่ไม่มีอะไรทำ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเดินขึ้นมาชั้นบนแล้วยืนพิงหน้าต่างอย่างเหม่อลอยได้อย่างไร
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เห็นฉู่ซีเฟิงออกมาจากห้องนอนและออกไปอย่างรีบร้อนราวกับว่ามีเื่ด่วน
หลงเฟยเยี่ยยุ่งอยู่กับอะไรทั้งวันกันนะ? เขามีตำแหน่งและอำนาจในอาณาจักรเทียนหนิง แค่จามก็สามารถสั่นคลอนทั้งราชสำนักเทียนหนิงทั้งหมดได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ค่อยไปราชสำนักเพื่อหารือเื่ต่างๆ สักเท่าไร นับประสาอะไรกับการเข้าวัง เป็ไปได้หรือไม่ว่างานลับของอาณาจักรเป่ยลี่ยังไม่จบ?
หานอวิ๋นซีกำลังครุ่นคิดเื่นี้ ในขณะเดียวกัน องครักษ์ก็นำใบชามาส่ง
ในลานดอกบัว คนรับใช้ทั้งหมดเป็องครักษ์ของหลงเฟยเยี่ยและไม่มีสาวใช้แม้แต่คนเดียว ดังนั้นหลงเฟยเยี่ยจึงให้เสี่ยวเฉินเซียงมาดูแลนาง แต่ตอนนี้เสี่ยวเฉินเซียงไม่อยู่ นางเลยต้องขอแบ่งองครักษ์จากหลงเฟยเยี่ยมาก่อน
“ทูลหวังเฟย กระหม่อมนำสิ่งนี้มาจากทางฝั่งห้องครัวพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ถือใบชากองใหญ่และยืนทำความเคารพที่ประตูลานบ้านและไม่กล้าเข้ามา
“เอามันไปไว้ที่ห้องตำราให้ข้าที” หานอวิ๋นซีะโจากชั้นบน
แต่ใครจะรู้ว่า องครักษ์กลับพูดอย่างจริงจังว่า “ทูลหวังเฟย ฉินอ๋องมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดก้าวเข้าไปในตำหนักหยุนเซี่ยนพ่ะย่ะค่ะ”
หานอวิ๋นซีถึงกับตกตะลึง คิดว่าตนเองได้ยินผิดไป “ว่าอย่างไรนะ?”
“ทูลหวังเฟย ฉินอ๋องมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดย่างก้าวเข้าไปในตำหนักหยุนเซี่ยนพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้หานอวิ๋นซีได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว และโพล่งออกมาด้วยความไม่พอใจ “ทำไมล่ะ?”
องครักษ์จะไปรู้ได้อย่างไรกัน คำสั่งนี้ก็เพิ่งจะได้รับจากฉู่ซีเฟิงเมื่อไม่นานมานี้ อันที่จริงในวันนั้นไม่ใช่แค่ฉู่ซีเฟิงเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายคนเห็นท่านอ๋องนั่งอยู่บนหลังคาห้องนอนและไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน
“กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ โปรดหวังเฟยทรงออกมารับเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์พูดพลางวางของไว้ที่ประตู และหันหลังเดินออกไป
หานอวิ๋นซีกลอกตาครั้งแล้วครั้งเล่า หลงเฟยเยี่ย เ้าคนบ้า!
ด้วยความสิ้นหวัง นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงไปชั้นล่างเพื่อเก็บใบชาด้วยตัวเอง จริงอยู่ที่ใบชาไม่ได้หนักอะไร ทว่ามีหลายประเภทและรวมกันเป็จำนวนมาก นางจึงใช้เวลาขนย้ายถึงสามครั้งกว่าจะเสร็จ
การทำงานของคนรับใช้ที่อยู่ในห้องครัวยังถือว่าใช้ได้ โดยรวมแล้วประเภทชาที่ดื่มได้ทั้งหมดถูกจัดอยู่รวมกัน แต่ก็ถูกแบ่งประเภทไว้อย่างชัดเจน
ชานั้นมีสี่ประเภทหลัก คือชาแดง ชาเขียว ชาขาว และชาดำ แต่ละประเภทแบ่งออกเป็หลายแบบตามแหล่งกำเนิดและมีทั้งหมดมากกว่าห้าสิบกระป๋อง
การที่ชามีหลากหลายชนิด เนื่องจากมีสภาพดิน น้ำ ภูมิอากาศ วิธีการคั่ว วิธีเก็บรักษา และเวลาในการเก็บเกี่ยวแตกต่างกัน เช่นนั้นแล้วใบชาจึงออกมาไม่เหมือนกัน รสชาติเวลาดื่มก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่ามีเพียงผู้ที่มีประสบการณ์สูงในเื่ชาเท่านั้นที่จะแยกออก ถึงหานอวิ๋นซีจะชอบชา แต่ก็ไม่ใช่ปรมาจารย์ แน่นอนว่านางไม่สามารถชิมแล้วแยกประเภทออกมาได้
อย่างไรก็ตาม นางมีระบบล้างพิษ! ระบบปรุงยาในระบบล้างพิษนั้นสามารถแยกย่อยส่วนประกอบต่างๆ ของยาแผนจีนออกมาได้ทั้งหมด
ยาจีนโบราณเรียกว่ายาสมุนไพร ซึ่งประกอบด้วยยาสมุนไพร (ราก ลำต้น ใบ ผล) ยาสัตว์ (อวัยวะภายใน ิัและกระดูก ฯลฯ) และยาธาตุ
โดยธรรมชาติแล้วใบชายังถือเป็ยาสมุนไพรชนิดหนึ่งอีกด้วย
หานอวิ๋นซีหยิบใบชากว่าห้าสิบชนิดมาอย่างละหนึ่งใบ และชงชากว่าห้าสิบถ้วย จากนั้นจึงใส่เข้าไปในระบบล้างพิษทีละถ้วย แล้วจึงจะเข้านอน
ในขณะที่นอนหลับ สติสัมปชัญญะจะผ่อนคลายและถูกรบกวนน้อยที่สุด อีกทั้งยังเป็เวลาที่ระบบล้างพิษทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดด้วย
บางทีอาจเป็เพราะการทำงานหนักเกินไป กว่าหานอวิ๋นซีจะตื่นขึ้นมาก็เช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
ผลลัพธ์เป็อย่างไรบ้างนะ?
หานอวิ๋นซีผิดหวังอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าทั้งใบชาหรือส่วนผสมต่างๆ ที่วิเคราะห์ออกมาไม่สามารถจับคู่กับพิษงูหมื่นตัวได้เลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็ไปไม่ได้เลยที่จะผสมพิษงูหมื่นตัวลงในใบชาหรือน้ำชาเหล่านี้ หากผสมเข้าไปแล้ว หากไม่ทำให้ความเป็พิษเกิดขึ้นทันทีและส่งผลให้ชาเสีย ก็อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็พิษ และเมื่อใช้ไปนานๆ พิษที่ตรวจพบก็จะไม่ใช่พิษงูหมื่นตัวอีกต่อไป
หานอวิ๋นซีที่กำลังนั่งอยู่ในกองใบชาในห้องตำรา คิ้วที่สวยงามขมวดแน่น เป็ไปได้หรือไม่ว่านางพลาดอีกครั้ง ยาพิษไม่ได้ถูกวางพิษผ่านใบชา?
ไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่ชา แล้วจะเป็อะไรล่ะ?
นางเคยถามมู่ชิงอู่เกี่ยวกับเื่นี้มาก่อน นอกจากอาหารสามมื้อปกติแล้ว มู่ชิงอู่ก็จะดื่มน้ำเปล่าและชาเป็เครื่องดื่มเพียงสองอย่างเท่านั้น
แน่นอนว่า ในตอนที่ไปที่จวนแม่ทัพใหญ่เพื่อตรวจสอบในวันนั้น สิ่งแรกที่นางตรวจสอบคือสิ่งของของมู่ชิงอู่ ทั้งยังตรวจสอบใบชาในจวนแม่ทัพแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลย
หลังจากนอนเป็เวลานาน หัวของนางก็หนักอึ้ง เมื่อมองไปยังสิ่งที่ยุ่งเหยิงบนโต๊ะ หานอวิ๋นซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้ว พลาดตรงไหนกันแน่ มีรายละเอียดตรงไหนที่พลาดไปอีก?
หากนับรวมวันนี้ ก็ยังมีเวลาเหลืออีกสิบสี่วัน ทว่าใน่สองสามวันที่ผ่านมาก็ไม่มีข่าวสารจากทางฝั่งมู่ชิงอู่เลย
เมื่อคิดเช่นนี้ คิ้วของหานอวิ๋นซีก็ขมวดแน่นยิ่งขึ้น นางจ้องไปที่โต๊ะเป็เวลานาน และเริ่มจริงจังขึ้นมาอย่างมาก บนใบหน้าของนางราวกับมีคำว่า “อย่าเข้ามาใกล้” เขียนไว้
ใช่แล้ว อารมณ์เสียสุดๆ!
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว นางลุกขึ้น หันหลังกลับและเดินออกไป ตัดสินใจออกมาสูดอากาศ และไปที่ตระกูลหานเพื่อหาหานหยุนอี้...
ในตำหนักหยุนสุ่ยของตระกูลหาน เสี่ยวเฉินเซียงกำลังทำงานฝีมือกับอี๋เหนียงเจ็ดอยู่ที่ลานบ้าน ไม่ว่าหานฉงอันจะอยู่หรือไม่ ฮูหยินสวี่ก็คือคนที่จัดการบัญชี และเงินรายเดือนที่ให้แก่บ้านแต่ละหลังต่างถูกจำกัด ทางฝั่งของอี๋เหนียงเจ็ดก็ยิ่งถูกกดขี่สุดๆ อี๋เหนียงเจ็ดจึงต้องแอบทำงานฝีมือเพื่อเอามาเป็ค่าใช้จ่าย
แม้ว่าอี๋เหนียงเจ็ดจะได้รับการสนับสนุนจากหานฉงอัน แต่นางมักจะเก็บความโกรธไว้ หากหลีกเลี่ยงได้ก็จะหลีกเลี่ยง อันที่จริง หานฉงอันรับรู้ถึงความไม่ยุติธรรมของฮูหยินสวี่มาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้นางรังแกอี๋เหนียงเจ็ดไป เนื่องจากอำนาจของตระกูลฮูหยินสวี่
บางทีอาจจะเป็เพราะอี๋เหนียงเจ็ดไม่สู้ หานฉงอันจึงเต็มใจที่จะมาหานางถึงที่นี่
“อี๋เหนียงเจ็ด ท่านรอก่อนนะ รอให้หวังเฟยจัดการให้คุณชายน้อยของเราได้สถานะผู้สืบทอดโดยชอบธรรมก่อน เมื่อถึงเวลาท่านก็จะเป็คนดูแลตระกูลนี้ ทุกอย่างต่างหมุนเวียนผลัดเปลี่ยน ข้าจะช่วยท่านหาวิธีจัดการฮูหยินสวี่เอง!”
เสี่ยวเฉินเซียงพูดอย่างจริงจัง ทว่าใบหน้าของอี๋เหนียงเจ็ดกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ชู่ว...เฉินเซียง เ้ากำลังพูดถึงอะไร เบาเสียงลงหน่อย!”
เสี่ยวเฉินเซียงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างช่วยไม่ได้ นางเสียใจมาก!
ทุกวันนี้ นางพูดโน้มน้าวอี๋เหนียงเจ็ดอยู่หลายครั้ง ทั้งให้ความมั่นใจแก่นางอีกด้วย แต่ใครจะรู้ว่าอี๋เหนียงเจ็ดยังมีคุณธรรมเช่นนี้ ต้องระมัดระวังอย่างมาก แม้จะพูดอะไรสักคำ ก็กลัวที่จะไปทำให้ฮูหยินสวี่ขุ่นเคือง
เสี่ยวเฉินเซียงวางงานลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยืนขึ้นและพูดอย่างจริงจังว่า “อี๋หนียงเจ็ด กุญแจห้องเก็บของอยู่ในมือเ้านายของข้า ท่านยังต้องกลัวอะไรอีก? ในวันนั้นเ้านายของข้าจัดการคุณชายใหญ่ ท่านเองก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ?”