“เหลียงหู่ เ้าอย่าให้มันมากเกินไป หงยู่อาจเป็ภรรยาเ้า เ้าตีคนเกือบตาย ขณะนี้ขายังหักอยู่เลย ทำไมเ้าใจดำอำมหิตเช่นนี้แล้วยังจะพานางกลับไปทรมานอีก” ผู้ที่กล่าวคือหัวหน้าหมู่บ้านจ้าวเหวินเฉียงนั่นเอง
“อ้าว... หัวหน้าหมู่บ้านจ้าว นี่เป็ภรรยาข้า ภรรยาของข้าไม่พักอยู่ที่บ้านของข้าดีๆ นับว่าเป็เื่ยังไง? ข้าเข้าใจและเห็นอกเห็นใจอาการป่วยของนาง กลับมาอยู่บ้านบิดามารดาสิบกว่าวันแล้ว ข้าก็มารับนางกลับบ้านถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง ไว้หน้านางมากพอแล้ว” เสียงป่าเถื่อนรุนแรงกลับแฝงไว้ด้วยอารมณ์ที่ไร้การควบคุม น้ำเสียงไม่เป็โล้เป็พายตามใจตัวเอง
“ใช่!ๆ ลูกพี่หู่ของพวกข้ามารับพี่สะใภ้ด้วยตัวเองแล้ว พวกเ้าแต่ละคนยังขวางไม่ให้ทางอีก หมายความว่าอย่างไร เห็นว่าลูกพี่ใหญ่ของเรารังแกง่ายหรือ?”
ทันใดนั้นเสียงหยาบคายของบุรุษไม่กี่คนที่อยู่ด้านข้างก็เอะอะโวยวายขึ้น
ชาวไร่ชาวนาที่มุงดูต่างถอยหลังไปด้วยความใทันที
“พวกเ้าห้ามไปข้างหน้า เดินอ้อมผ่านคนเ่าั้แล้วรีบกลับบ้านไป เหลียงหู่อันธพาลที่อยู่หมู่บ้านเหลียงผิงผู้นั้นมาแล้ว เขามีชื่อเสียงโเี้อำมหิตนัก พอไม่ระวังเพียงนิดอาจโดนตีได้ พวกเ้ากลับไปเรียกท่านพ่อกับท่านลุงมา ให้พวกเขามาช่วยเป็กำลังเสริมให้หัวหน้าหมู่บ้าน” เจินจูกำชับเสียงเบากับเด็กชายสองคน
“พี่สาม แล้วท่านอาหงยู่จะทำอย่างไร?” ผิงซุ่นมองลอดเข้าไปข้างในอย่างอดไม่ได้ เขาสนิทสนมกับตงเซิ่ง ย่อมเป็ห่วงจ้าวหงยู่ด้วยเช่นกัน
“ไม่ต้องกังวล มีหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ เขาไม่มีทางให้ท่านอาหงยู่ถูกคนรังแกหรอก” นางตบเบาๆ ปลอบใจเด็กสองคน
เด็กหนุ่มสองคนเดินอ้อมผ่านชาวไร่ชาวนาได้ก็วิ่งกลับไป เจินจูผ่อนลมหายใจ หมุนกายกลับมาแล้วมองลอดผ่านเข้าไประหว่างชาวไร่ชาวนาที่มุงดูอยู่
ในลานบ้านเสียงดังเอะอะโวยวาย ชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่สวมเสื้อยาวแบบจีนผ้าต่วน [1] สีน้ำเงินสดใสกำลังกอดอกยืนอยู่กลางลานบ้าน คิดแล้วน่าจะเป็คนอันธพาลเหลียงหู่ ข้างกายเขายังล้อมไว้ด้วยชายแข็งแรงบึกบึนห้าหกคน
ฝั่งตรงข้ามพวกเขา เป็จ้าวเหวินเฉียงที่นำชาวไร่ชาวนาร่างกายกำยำล่ำสันไม่กี่คนยืนขวางอยู่ แต่สองสามวันนี้เป็ฤดูกาลเพาะปลูกพอดี เด็กหนุ่มและชายวัยกลางคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ล้วนไปลงนาทำงานกันแล้ว แค่ชาวไร่ชาวนาไม่กี่คนนี่เกรงว่าต่างก็ถูกเรียกมาช่วยเป็การชั่วคราว ขากางเกงของชาวไร่ชาวนาหลายคนยังติดสะเก็ดโคลนนิดๆ หน่อยๆ อยู่เลย
“เหลียงหู่เอ๋ย ตอนแรกเ้าตบหน้าอกกล่าวว่าจะดูแลหงยู่ของพวกเราให้ดี นี่เพิ่งผ่านมากี่ปีเอง ลูกสาวที่น่าสงสารของข้าถูกเ้าตีให้าเ็กลับมาตั้งกี่หนแล้ว ครั้งนี้อีกนิดก็เกือบจะช่วยชีวิตกลับมาไม่ได้ พวกข้าสกุลจ้าวไม่อาจให้เ้ารับหงยู่กลับไปได้ หน้าผากบุตรสาวข้าแตกเป็รูเืออก กระดูกไหล่หัก แล้วยังได้รับาเ็ภายในอีก ท่านหมอกล่าวว่าอย่างน้อยต้องนอนอยู่บนเตียงมากกว่าครึ่งปีถึงจะสามารถหายใจได้ทั่วท้อง ชีวิตของนางสูญสิ้นไปแล้วครึ่งหนึ่ง เ้ายังคิดจะทรมานนางอย่างไรอีก!” จ้าวสี่เหวินจ้องเหลียงหู่ที่ร่างสูงใหญ่ฝั่งตรงข้ามโดยที่ทั่วทั้งหน้าเต็มไปด้วยความปวดร้าว
สายตานั่นแทบอยากจะโผเข้าไปข้างหน้ากัดกินคนจิตใจโเี้เยี่ยงหมาป่า [2] จริงๆ
าเ็รุนแรงเช่นนั้น? เหลียงหู่ขมวดคิ้วขึ้น วันนั้นเขากับบรรดาพี่ชายน้องชายดื่มอย่างเต็มที่อยู่ที่หอบุปผา ฟ้ามืดถึงกลับบ้านอย่างโซเซ จำได้เพียงเลือนลางว่าจ้าวหงยู่ประคองมือเย็นเยือกของเขาอย่างสั่นเทา สีหน้าซีดขาวไม่กล่าวอะไรสักคำ เขาตอนนั้นเลยรู้สึกโมโหเพราะเื่นี้ สาวงามในหอบุปผาตั้งเท่าไรที่อ่อนหวานอาลัยอาวรณ์และประดิดประดอยคำพูดกับเขาไม่หยุด ตัวข้ากลับแต่งภรรยาที่โง่เขลาไร้เดียงสาเข้ามา คิดถึงความเงียบขรึมในวันธรรมดาของนางขึ้นมาได้ มองสีหน้าซีดนั่นของนางอีกครั้ง อารมณ์เมาครึ้มที่ดื่มสุราพรั่งพรูขึ้น ในตอนนั้นเลยถีบนางตัวปลิว เห็นว่านางกลิ้งลงไปร่วงอยู่ไม่ไกล ตนเองยังไม่พอให้หายโกรธเคือง จึงเดินไปข้างหน้าเตะต่ออีกไม่กี่ครั้ง
เขาในตอนนั้นใช้แรงมากเพียงนั้นเชียวหรือ? เหลียงหู่จำไม่ค่อยได้แล้ว หลังจากที่เขาทุบตีคนไปพักหนึ่ง ก็รู้สึกแย่เล็กน้อยจึงหมุนกายออกจากบ้านไปหาแม่ม่ายตัวน้อยที่หมู่บ้านข้างเคียง
บ่ายวันถัดมาจึงได้รู้ว่านางถูกคนที่บ้านบิดามารดาของนางรับไปแล้ว เขาในตอนนั้นไม่ได้สนใจ คิดว่าการที่ตนเองทุบตีคนาเ็ แล้วพวกเขารับกลับไปดูแลก็ยินดีเลย จะได้ประหยัดเงินจำนวนหนึ่งเป็ค่าสมุนไพรต้มของเขาด้วย
ผ่านมาสิบกว่าวันเช่นนี้ แม้เขาจะเบื่อใบหน้าโง่เขลาที่น่าเบื่อของจ้าวหงยู่ แต่ที่บ้านไม่มีคนหุงข้าว ซักผ้า ดูแลงานบ้านไม่ได้จริงๆ เห็นว่าทั่วทั้งบ้านเสื้อผ้าถ้วยกะละมังรกระเกะระกะ เขาจึงรวบรวมพี่ชายน้องชายหนึ่งกลุ่มมาหาถึงหน้าบ้าน คิดว่าการให้นางพักอยู่บ้านบิดามารดาของนางนานเพียงนี้ก็ดีมากที่สุดแล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่า วันนั้นเขากลับทำให้คนาเ็รุนแรงเพียงนี้ หน้าผากแตก เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเสียโฉมแล้วหรือ? เหลียงหู่ขมวดคิ้วแน่น สตรีผู้นั้นใบหน้ายังพอดูได้ หากใบหน้าาเ็? นี่…
“เหลียงหู่! เ้าปฏิบัติต่อน้องสาวข้าอย่างโหดร้ายทารุณ สกุลจ้าวของพวกข้ากับเ้ายังมีอะไรต้องคุยกันอีก เ้าตีน้องสาวคนเล็กบ้านข้าจนเสียโฉม แล้วยังอวัยวะภายในาเ็หนัก ท่านหมอกล่าวแล้วว่ารักษามากกว่าปีสองปียังไม่แน่เลยว่าจะสามารถลงจากเตียงทำงานได้ พวกข้าไม่้าให้เ้าออกเงินค่ารักษาอะไร หากเ้ายังมีคุณธรรมอยู่สักนิดก็ปล่อยหงยู่ไป อย่าร้างกับนางเถิด” จ้าวหงซานกล่าวด้วยใบหน้าจริงใจ
อะไรนะ? หย่าร้าง? เชอะ! ฝันไปเถอะ
เหลียงหู่เลิกคิ้ว ั์ตาแสดงความโเี้ “พี่เขยนี่หมายความว่าอย่างไร? ผู้คนล้วนกล่าวว่ายอมรื้อถอนวัดสิบแห่ง ไม่ทำลายครอบครัวเดียวกัน! [3] ฮ่าๆ ข้าจะกล่าวไว้ ณ ที่นี้ จ้าวหงยู่ครอบครัวเ้า มีชีวิตอยู่เป็คนของสกุลเหลียง ตายก็เป็ผีของสกุลเหลียง หย่าร้างไร้สาระอะไรกัน แค่คิดก็อย่าได้คิด”
เสียงพูดของเขายังไม่ทันจบ จ้าวหงซานใช้มือที่สั่นเทาชี้มาที่เขาด้วยความเจ็บแค้น ทั้งกายอยากจะโผเข้าไปข้างหน้าตีกันกับเขาสักรอบ
จ้าวเหวินเฉียงยับยั้งเขาไว้ เหลียงหู่ชายโฉดผู้นี้พาลูกสมุนมามากมายเพียงนี้ แล้วต่างยังเป็คนระยำที่รับจ้างทำร้ายผู้อื่นอีก จ้าวหงซานโผไปข้างหน้า ผู้ที่เสียเปรียบก็มีเพียงเขา
“เหลียงหู่ เ้าอยู่ต่างถิ่นก็นับเป็บุคคลที่มีชื่อเสียง ทำร้ายภรรยาของตนเองาเ็หนักจนกลายเป็เช่นนี้ ไม่ใช่เื่ครั้งสองครั้ง สกุลจ้าว้าให้เ้าหย่าร้างกับหงยู่ นั่นเป็เื่ที่ชอบธรรม บุตรชายบุตรสาวของผู้ใดไม่ใช่คนสำคัญของตัวเองบ้าง หงยู่เป็บุตรสาวที่ดีมากเพียงใด ทำไมเ้าถึงโหดร้ายลงมือได้ลง” จ้าวเหวินเฉียงกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหลียงหู่พาคนมามากมายเพียงนี้ เขาก็รู้สึกว่าจัดการได้ยากเช่นกัน คนเหล่านี้ล้วนเป็พวกระยำไม่มีกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตา หากไปยุแหย่พวกเขาเข้าก็ไม่รู้ว่าจะก่อเื่อะไรออกมาอีก
เหลียงหู่แสดงน้ำเสียงไม่พอใจหนึ่งเสียงอย่างเ็า กล่าวด้วยเสียงอึมครึม “หัวหน้าหมู่บ้านจ้าว นี่เป็เื่ในบ้านของพวกข้าสองครอบครัว ท่านอย่าได้ยุ่งให้มากเกินไปนัก”
เขายังหวาดกลัวจ้าวเหวินเฉียงอยู่สองสามส่วน หลานชายของเขาผู้นั้นเข้าเรียนที่หอสมุดไท่ผิง ได้ยินว่าค่อนข้างได้รับความสำคัญจากท่านอาจารย์ที่โรงเรียนมาก ผ่านไปไม่กี่ปีนี้พื้นที่และหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงของพวกเขาก็ไม่แน่ว่าอาจปรากฏขุนนางใต้เท้าผู้หนึ่งขึ้นก็ได้
“เชอะ!” จ้าวเหวินเฉียงก็แสดงเสียงเ็าไม่พอใจหนึ่งเสียงเช่นกัน เขาเป็หัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปีเช่นนี้ ย่อมมีชื่อเสียงบารมีอยู่มาก “เ้ากล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก แม้หงยู่แต่งให้กับเ้า แต่นางเติบโตอยู่หมู่บ้านวั้งหลิน เป็หลานสาวของข้าจ้าวเหวินเฉียงผู้นี้ เ้าทำคนาเ็จนกลายเป็เช่นนี้ ยังคิดจะไม่ให้คนเข้ามาสอดได้หรือ”
เจินจูเคลื่อนย้ายฝีเท้าช้าๆ เดินมาถึงข้างลานบ้าน ขมวดคิ้วมองสองฝ่ายที่ต่างยืนกรานไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ครอบครัวจ้าวหงยู่้าให้เหลียงหู่หย่าร้างกับจ้าวหงยู่ ยุคสมัยนี้การหย่าร้างก็สามารถทำได้?
นางกำลังคิดอย่างใจลอย แขนเสื้อถูกคนดึงเล็กน้อย จึงหันศีรษะไปด้วยความประหลาดใจ “ถู่วั่ง? ทำไมเ้ามาอยู่ที่นี่? ที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัย ฝั่งนั้นอาจจะวิวาทกันขึ้นได้ เ้าเป็เด็กน้อยคนหนึ่งอย่าอยู่กวนที่นี่เลย รีบกลับไป”
นางกล่าวสั่งอย่างจริงใจกับเด็กชายร่างผอมเล็กที่อยู่ตรงหน้า ลืมไปว่านางในตอนนี้เป็เพียงเด็กสาวอายุสิบเอ็ดปี
“พี่สาวเจินจู พี่สาวชุ่ยจูก็อยู่ที่นี่ด้วย” บนใบหน้าคล้ำซูบของถู่วั่งกระสับกระส่ายนิดหน่อย
“ว่าไงนะ? พี่รองอยู่ข้างในหรือ?” เจินจูตะลึง เวลาเช่นนี้พักอยู่บ้านจ้าวหงยู่ นี่ไม่ใช่ข่าวดีอะไรเลย
“อื้ม อยู่ในห้องของท่านอาหงยู่ ไม่ได้ออกมาเลย” ถู่วั่งพยักหน้ายืนยันหนักแน่น ที่บ้านเขาไม่มีที่นาเลยว่างจากการปรับปรุงดิน ตอนนี้สกุลหูมักช่วยเหลือเขากับท่านย่าอยู่เสมอ ไม่สามวันก็ห้าวันจะนำธัญพืชกับอาหารประเภทเนื้อมามอบให้ครอบครัวเขา ท่านย่าของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งอยู่ตลอดเวลา มักพร่ำบอกให้เขาไปช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ให้สกุลหู แต่สกุลหูจะให้เขาทำงานได้อย่างไร ทุกครั้งที่ไปหลี่ซื่อหรือหวังซื่อล้วนพูดคุยกับเขาด้วยดวงยายิ้มหยี หลังจากนั้นถือโอกาสหั่นชิ้นเนื้อมอบให้แล้วให้เขากลับบ้านไป
ท่านย่าของเขาจนปัญญา แต่นึกขึ้นได้ว่าสกุลหูเลี้ยงวัว หญ้าเลี้ยงสัตว์ในหน้าหนาวหายาก แต่หญ้าแห้งเหี่ยวยังมีอยู่มาก ดังนั้นเมื่ออากาศดีจึงให้ถู่วั่งไปเกี่ยวหญ้าแห้งเหี่ยวในที่ราบกลางหุบเขาหนึ่งตะกร้าแล้วนำไปให้สกุลหู
เช้าวันนี้เขาเกี่ยวหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์หนึ่งตะกร้าเสร็จแล้ว ตอนนำมาส่งให้กับสกุลหูถึงหน้าประตูบังเอิญพบเข้ากับหูชุ่ยจู
เดิมทีเมื่อเขานำหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์มาส่งทุกครั้ง มักแอบเอาหญ้ากองไว้หน้าประตูลานบ้านแล้ววิ่งหนีไป ครั้งนี้เขาเพิ่งเทหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์เสร็จก็ถูกนางเห็นเข้าพอดี
“ถู่วั่งเอ๋ย หญ้าแห้งที่หน้าประตูบ้าน่นี้ล้วนเป็เ้านำมามอบให้หรือ ต้องขอบใจเ้ามากจริงๆ!” ชุ่ยจูยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน แล้วเดินมาถึงข้างกายเขาหยิบใบไม้แห้งจากศีรษะของเขาลงมาเบาๆ
ในตอนนั้นใบหน้าเล็กของถู่วั่งแดงขึ้นมาทันที
ชุ่ยจูกำชับเขาด้วยเสียงอ่อนโยน ขึ้นเขาไปเกี่ยวหญ้าเองต้องระมัดระวัง ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว หญ้าเลี้ยงสัตว์ที่งอกใหม่ก็มากขึ้นด้วย ดังนั้นต่อไปไม่ต้องลำบากให้เขานำหญ้าเลี้ยงสัตว์มาส่ง หลังจากนั้นก็ถามความเป็อยู่่นี้ของท่านย่าเขาสองสามประโยค แล้วจึงหยิบลี่จื่อเกา [4] สองชิ้นจากในตะกร้าของนางใส่ให้ในมือพร้อมกับยิ้มแล้วจึงเดินไปบ้านจ้าวหงยู่ที่อยู่ไม่ไกล
“พี่สาวชุ่ยจูเข้าไปไม่นาน คนพวกนั้นก็เข้ามาส่งเสียงเอะอะโวยวายแล้ว” ในมือถู่วั่งยังถือลี่จื่อเกาอยู่สองชิ้นด้วยความระมัดระวัง มือน้อยสั่นเทาแสดงความกังวลใจและหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็ไร หัวหน้าหมู่บ้านก็อยู่ คนพวกนั้นไม่กล้าก่อความวุ่นวายขึ้นหรอก อีกอย่างคนหมู่บ้านเราเยอะเพียงนั้น ไม่มีทางให้พวกเขารังแกได้แน่” เจินจูยิ้มแล้วลูบศีรษะเล็กของเขา “ขอบใจที่เ้าบอกเื่นี้แก่ข้า ตอนนี้เ้ากลับบ้านไปก่อนเถิด จะเที่ยงแล้วท่านย่าเ้าน่าจะกังวลใจแล้วล่ะ”
ถู่วั่งมองลานเล็กด้วยความเป็ห่วง หมู่บ้านวั้งหลินเป็หมู่บ้านเล็กๆ แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีกรณีพิพาทใหญ่โตอะไร มีการทะเลาะวิวาทลงมือเป็บางคราว แต่ไม่นานก็ถูกคนโน้มน้าวได้ เหมือนเหลียงหู่ที่รวบรวมคนระยำมาถึงหน้าบ้านเช่นนี้ ไม่เคยมีเลยจริงๆ ถู่วั่งจะกังวลใจและหวาดกลัวก็เป็ธรรมดา
เจินจูปลอบเขาด้วยเสียงอ่อนโยนอยู่สองสามประโยค เด็กชายตัวผอมลีบจึงกลับบ้านไปอย่างหนึ่งก้าวสามหันหลังกลับ
“โอ๊ะ เจินจูนี่ ครอบครัวเ้าร่ำรวยขึ้นแล้ว แถมยังดีกับเ้าเด็กเหลือขอนั่นอีก ลี่จื่อเกาในมือเขาเป็เ้าให้กระมัง? เป็ลี่จื่อเกาของร้านหยูจี้เกาเตี่ยนในเมือง? ชั่งละสามสิบเหวินเลยนะ!” รูปแบบเหลืองอร่ามนั่นเป็ลี่จื่อเกาของร้านหยูจี้เกาเตี่ยนอย่างชัดเจน ยามปกติที่บ้านนางมีเพียงฉลองปีใหม่ถึงจะตัดใจซื้อมาได้เล็กน้อย
เจินจูจ้องฟู่เหรินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความริษยาแวบหนึ่ง คุ้นหูคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้คิดไม่ออกว่าเป็ผู้ใด
“จุ๊ๆ ดูรูปลักษณ์ที่น่าสมเพชของเ้าสิ ตอนนี้คนเขาร่ำรวยมั่งคั่งแล้ว ไม่ได้มองลี่จื่อเกาชิ้นเล็กนั่นอยู่ในสายตา ครอบครัวหลิวเอ้อร์ เ้าคิดว่าพวกสกุลหูเขายังเป็ครอบครัวตกอับที่ทานกากซังข้าวโพดเหมือนเก่าก่อนหรือ เ้าเหลือบตาดูสิคนเขาสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อดี ลายดอกไม้เล็กๆ สีเหลืองอมชมพู เ้ารู้หรือไม่ว่าหนึ่งพับเป็เงินมากเท่าไร?” เสียงแหลมสูงมาพร้อมกับความอิจฉาอย่างแรงกล้า เป็เถียนกุ้ยจือที่ตบหน้าขาวไปทั้งดวงผู้นั้น
เจินจูหางตากระตุก ฟู่เหรินสองคนพูดจาซ้ำไปซ้ำมาอยู่ด้วยกัน แต่ไม่มีเื่ดีสักเื่เลย
เชิงอรรถ
[1] ผ้าต่วน คือ ชื่อผ้าทอเนื้อเรียบลื่นมันเงาหน้าเดียว ลักษณะคล้ายแพรจีน นิยมนำมาตัดเย็บเสื้อผ้าและทำผ้าซับใน
[2] จิตใจโเี้เยี่ยงหมาป่า หมายถึง โหดร้ายเสียจนไม่มีคราบความเป็คน
[3] ยอมรื้อถอนวัดสิบแห่ง ไม่ทำลายครอบครัวเดียวกัน เป็คำพังเพยมีความหมายว่า ยอมที่จะรื้อวัดมากมายหลายแห่ง ดีกว่าการชวนให้คนหย่าร้างกันหรือดีกว่าทำลายงานแต่งของผู้อื่น
[4] ลี่จื่อเกา คือ เค้กลูกเกาลัด