ทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูพวกเขาไม่ได้เดินเข้าไปหรือออกมาจึงขวางทางชายหญิงที่อยู่ด้านหลังใบหน้าของผู้หญิงที่แต่งหน้าหนาเตอะมืดมนทันที เสียงของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก
“อุ๊ยตาย นี่พวกคุณจะเข้าหรือไม่เข้า? เป็เด็กเป็เล็กถ้าอยากจะจีบสาวก็พาไปดูหนัง กินอะไรเผ็ดๆ ตอนกลางคืน และพาเข้าห้องไปทำอะไรก็ได้จะแกล้งมาร้านแบรนด์เนมระดับโลกทำไม?”
หวังอิ่งตอนนี้กอดแขนของซุนเย่และทำวางมาดเมื่อเธอพูดั์ตาของเธอมองขึ้นฟ้าดูเหมือนอยากจะบิน
เพียงแค่หลังจากเยาะเย้ยถากถางสายตาของหวังอิ่งก็จับจ้องไปที่ฉินเฟิงและหลินเป้ยเป้ยเมื่อเธอเห็นฉินเฟิงสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปหลายครั้งก่อนจะเยาะเย้ยทันที “ฮ่าๆก็สงสัยอยู่ว่าบ้านนอกคอกนาที่ไหน พนักงานขายของหวงเจียกรุ๊ปเองไม่ใช่หรือ?”
“อุ๊ยต๊ายตาย นายนี่ช่างไร้หัวใจนักมีหลี่อวี่เฉินอยู่แล้วและตอนนี้ยังมาควงเด็กนักศึกษา...นักศึกษาสมัยนี้ก็โดนหลอกง้ายง่ายแค่ซื้ออะไรให้และพูดจาหวานๆ ก็พาขึ้นเตียงได้แล้ว โลกนี้มันอะไรกัน?”
ฉินเฟิงคิดว่าตัวเองค่อนข้างหน้าด้านแล้วแต่ดันเจอคนที่หน้าด้านยิ่งกว่า
เธอยืนบ่นเื่ความวุ่นวายของโลกทั้งที่ตัวเธอเป็เมียน้อยของคนอื่นฉินเฟิงี้เีจะมองผู้หญิงเหลาะแหละอย่างเธอ
ซุนเย่เห็นฉินเฟิงและไม่สามารถดับเปลวไฟที่ลุกโชนในดวงตาเมื่อวานฉินเฟิงโกงเขาแปดล้านหยวนซุนเย่จึงอยากจะกัดเขาให้ตายแต่เมื่อเขาเห็นหลินเป้ยเป้ยที่ยืนอยู่ถัดจากฉินเฟิงไฟในดวงตาก็ดับลงและแทนที่ด้วยสีเขียว เขายืนอยู่เงียบๆ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ฉินเฟิงของที่นี่แพงมากเราน่าจะออกไป...ฉันแค่อยากเดินเล่นเฉยๆฉันไม่ได้จะซื้ออะไร” หลินเป้ยเป้ยโกรธเล็กน้อย เธอสะกิดฉินเฟิงและเตรียมจะออกไป
หวังอิ่งขวางทางทันทีเธอยิ้มอย่างเ็า “อุ๊ย ดูเหมือนฉันจะประเมินเทคนิคจีบหญิงของนายต่ำไปสาวคนนี้ดูค่อนข้างนุ่มนวลแต่ไร้สมองเธอไม่ได้ใช้เงินนายและยังให้นายพาเธอขึ้นเตียงอีกเหรอ? ใจง่ายแท้!”
“คุณพูดอย่างนั้นได้อย่างไร? ฉันรู้จักคุณหรือเปล่า?กรุณาอย่าใช้ภาษาแบบนั้นมาดูถูกฉัน” หลินเป้ยเป้ยทนเื่อื่นได้แต่เธอทนไม่ได้ถ้ามีใครมาบอกว่าเธอใจง่ายต่อหน้าฉินเฟิง
ั์ตาของฉินเฟิงฉายแววความเ็าที่เกือบจะมองไม่เห็นเขาโอบไหล่ของหลินเป้ยเป้ยและหัวเราะทันที “เป้ยเป้ยไปกันเถอะเราจะเข้าไปเลือกชุดกัน”
“ฮึ่ม จนไม่เจียมแล้วยังแกล้งมาที่ร้านแบรนด์เนมระดับโลก? ฉันก็อยากจะเห็นนักว่านายจะมีปัญญาจ่ายแม้แต่เข็มขัดสักเส้นหรือเปล่า”
เมื่อวานซุนเย่เพิ่งโดนโกงที่หวงเจียกรุ๊ปและวันนี้พวกเขาบังเอิญพบกับฉินเฟิงอีกครั้งไม่ใช่แค่หวังอิ่งที่อยากจะใช้โอกาสนี้เหยียดหยามฉินเฟิงซุนเย่ก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปได้ั์ตาของเขาเกือบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อเห็นหลินเป้ยเป้ยที่ยืนอยู่ข้างฉินเฟิง
เขาไม่เข้าใจว่าเหล่าสาวสวยชั้นดีชอบเด็กจนๆอย่างฉินเฟิงได้อย่างไร
ทั้งสองตามฉินเฟิงและหลินเป้ยเป้ยเข้ามาในร้านชาแนลพวกเขาไม่สนใจพนักงานที่ต้อนรับอย่างอบอุ่นและเดินตรงไปยังทิศทางของฉินเฟิง
ฉินเฟิงพาหลินเป้ยเป้ยมาที่แผนกสินค้าใหม่มีั้แ่แบบผู้ใหญ่เซ็กซี่จนไปถึงสวยบริสุทธิ์
“เป้ยเป้ยไปเดินดูสิ ถ้าชอบอันไหนก็ลองเลย”
หลินเป้ยเป้ยพยักหน้าเธอไม่มีความสุข เธอไม่ได้โกรธคำดูถูกของหวังอิ่งแต่เธอประหลาดใจเล็กน้อยที่ฉินเฟิงไม่เข้าข้างเธอ
จากนิสัยของฉินเฟิงในอดีตเขาจะต้องต่อยหน้าของทั้งสองคนหลินเป้ยเป้ยเหลือบมองฉินเฟิงและสังเกตว่าเขายังมีสีหน้าสงบนิ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
เมื่อได้ชอบใครสักคนเราจะใส่ใจทุกการกระทำนอกจากกำไรและขาดทุนทุกรายละเอียดทำให้หลินเป้ยเป้ยรำพึงและรู้สึกว่างเปล่าไปสักพัก
เธอมองไปรอบๆเป็ระยะเวลานาน แต่ในใจของหลินเป้ยเป้ยไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าเธอจึงไม่ได้ลองตัวไหนเลย
“ดูทำเข้าสิ เรารอมาเป็ชาติ และเธอก็ยังไม่ได้เลือกเสื้อผ้ามาลองสักตัวไม่ต้องมาฝันเฟื่องกับเสื้อผ้าเหล่านี้หรอก จากที่ฉันเห็นถ้าเธอไม่มีเงินก็รีบไสหัวไปซะอย่าทำให้อับอายขายขี้หน้าเลยเดิมทีร้านนี้เป็ร้านชั้นสูงแต่พอเห็นแมลงวันพวกนี้แล้วทำให้ฉันอยากจะอ้วก”หวังอิ่งตรวจสอบพวกเขามาตั้งนานและหาโอกาสยั่วยุ
ฉินเฟิงไม่ตอบหวังอิ่งและนั่งบนโซฟาในจุดนั่งพักเขาส่งข้อความบนโทรศัพท์
บัตรของเขาถูกพ่ออายัดทำให้เขาไม่มีเงินติดตัวแต่ลานจัตุรัสว่านเฉิงเป็ทรัพย์สินของหวงเจียกรุ๊ปฉินเฟิงจึงรู้จักผู้จัดการเสี่ยวเฉิงดี ครั้งนี้เขาส่งข้อความให้เขามาหาเดี๋ยวนี้
หลินเป้ยเป้ยกัดฟันและยืนอย่างเอียงอายต่อหน้าเสื้อผ้าสวยงามทั้งหลายเมื่อเธอมองดูราคาของเสื้อผ้า หัวใจของเธอก็อยากจะกระโจนออกมาจากอกเธอถูกหวังอิ่งเยาะเย้ยแต่ไม่มีทางโต้แย้งเพราะเธอจนจริงๆเธอไม่ควรจะมาร้านหรูหราอย่างนี้
ใบหน้างดงามของเธอค่อยๆแดงก่ำ ทั้งตัวเริ่มร้อนเธอรู้สึกอับอายจนอยากจะหารูมุดแอบความอายของเธอมีเสน่ห์มากเมื่อซุนเย่เห็นก็แทบสิ้นสติ เขาอยากจะพาหลินเป้ยเป้ยเข้าห้องลองชุดและข่มเหงเธอ
มือใหญ่คู่หนึ่งวางลงบนไหล่ของหลินเป้ยเป้ยทันทีกลิ่นอันคุ้นเคยโชยเข้าจมูกของเธอ สงบหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งฉินเฟิงกอดหลินเป้ยเป้ยและมองหวังอิ่งกับซุนเย่อย่างสงบ เขายิ้มน้อยๆ ให้“เธอพูดถูก ในสายตาของฉันเสื้อผ้าที่นี่ไม่ดีพอสำหรับเป้ยเป้ย เธอทั้งงดงามสละสลวย สุภาพ ไร้เดียงสาและใจดีจะวัสดุหรือเสื้อผ้าแบบไหนก็เทียบกับตัวตนภายในของเธอไม่ได้...ฉันคิดว่าเป้ยเป้ยสวยที่สุดถ้าไม่มีเสื้อผ้า”
ฉินเฟิงไม่ได้ล้อเล่นเขาจริงจัง นี่เป็ความคิดที่ซื่อตรงจากก้นบึ้งของหัวใจ เมื่อเขาไปที่ห้อง 888 ของสโมสรหวงเจียวันนี้ เขาเห็นเรือนร่างของหลินเป้ยเป้ยและรู้สึกแบบนี้
“ฮ่าๆๆ ขำแทบตาย นายนี่มันบ้านนอกคอกนาจริงๆที่พูดอะไรหยาบคายแบบนี้กลางสาธารณะ นี่นายถึงขนาดแกล้งเป็คนมีภาษิตเหรอ? ไร้ยางอายเสียจริง...จริงๆ ฉันก็อยากเห็นนะว่าเด็กโง่คนนี้จะสวยแค่ไหนเวลาไม่มีเสื้อผ้าทำไมไม่ถอดเสื้อผ้าเธอเดี๋ยวนี้เลยล่ะ?” ฉินเฟิงทำให้หวังอิ่งหัวเราะ
แม้แต่ั์ตาของซุนเย่ก็ส่องประกายอย่างเงียบๆพร้อมกับรอยยิ้มน่าขนลุก “ฉันก็สงสัยเหมือนกันขนาดเสื้อผ้าของชาแนลยังไม่ดีพอสำหรับสาวสวยคนนี้ฉันก็สงสัยว่าเธอจะสวยแค่ไหนเมื่อไม่มีเสื้อผ้า”
ขณะที่ซุนเย่กำลังพูดสายตาของเขาก็จับจ้องที่เรือนร่างของหลินเป้ยเป้ยสายตาของเขาเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่จะเห็นทะลุเสื้อผ้าของหลินเป้ยเป้ย
ฉินเฟิงคว้าหลินเป้ยเป้ยแน่นเขาหยิบชุดกี่เพ้าสีชมพูอ่อนลายดอกลิลลี่ออกมาจากชั้นวางอย่างลวกๆมันไม่ใช่กี่เพ้าจีนแบบคลาสสิกหลังถูกปรับเปลี่ยนจากดีไซเนอร์มันกลายเป็ชุดที่ทันสมัยและเซ็กซี่ที่ยังคงความประณีตและสง่างามฉินเฟิงชอบมันมาก
“เป้ยเป้ย ฉันจะเข้าไปข้างในกับเธอ ลองชุดนี้กัน”เขาไม่รอหลินเป้ยเป้ยตอบและดึงเธอเข้าไปในห้องลองชุดเขาหยุดข้างประตูและหันหน้าไปมองหวังอิ่งกับซุนเย่ “พวกนายสองคนอย่าฝันลมๆ แล้งๆมีฉันเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับร่างกายของเป้ยเป้ยได้”
ห้องลองชุดไม่ได้ใหญ่มากตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างใน หลินเป้ยเป้ยไม่สบายใจเล็กน้อย “เป้ยเป้ยไม่ต้องห่วงลองชุดเลยฉันจะไม่แอบดู” ฉินเฟิงกล่าวและหันหลังให้หลินเป้ยเป้ยหลินเป้ยเป้ยพยักหน้าด้วยความเอียงอาย เธอถอดเสื้อผ้าพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดไม่นานหลังจากนั้นหลินเป้ยเป้ยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและสะกิดฉินเฟิงเบาๆ
ฉินเฟิงหันกลับมาและดวงตาก็เปล่งประกาย
เขาคิดตลอดว่าหลินเป้ยเป้ยมีความสวยงามและอรชรแบบหลินไต้อวี้มีหลายครั้งที่เขาสงสัยว่าหลินเป้ยเป้ยจะดูเป็อย่างไรในชุดกี่เพ้า
ตอนนี้เธอยืนอยู่ต่อหน้าเขาใส่ชุดกี่เพ้าสีชมพูอ่อนลายดอกลิลลี่
ชุดกี่เพ้าเป็ชุดที่เผยไหล่ครึ่งหนึ่งมันเผยไหล่หอมหวนและหลังของหลินเป้ยเป้ยแขนเรียวยาวของเธอเหมือนรากดอกบัวตูมมีสีขาวเนียนกี่เพ้ารัดแน่นทำให้มองเห็นความโค้งเว้าได้มากขึ้น เธอไม่ได้ร้อนแรงแต่เป็ความรื่นรมย์สดใหม่
เธอดูเหมือนนางฟ้าที่ออกมาจากภาพวาดทั้งประณีต บริสุทธิ์ สละสลวย และงดงามอย่างยิ่ง ภายในภาพของความสงบคลาสสิกนี้เธอก็ได้แสดงเศษเสี้ยวของความเซ็กซี่ด้วย
เนื่องจากฉินเฟิงไม่ได้พูดอะไรหลินเป้ยเป้ยจึงเงยหน้าขึ้นอย่างเอียงอายเธอเห็นสายตาของฉินเฟิงจับจ้องมาที่เรือนร่างของเธอแต่เธอไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรกลับตื่นเต้นแทน
“ฉินเฟิง ดูดีหรือเปล่า?” หลินเป้ยเป้ยอดไม่ได้นอกจากถาม
ฉินเฟิงพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไรเขาไม่มีคำพูดที่จะแสดงความสวยของหลินเป้ยเป้ยในตอนนี้ มันไม่พอที่จะพูดแค่ว่าดูดี
“เป้ยเป้ย ไปเลือกชุดอีกสักสองสามชุดที่ชอบ รองเท้ากับเครื่องประดับด้วยซื้อทุกอย่างไม่ต้องไปสนราคาเธอก็รู้จักฉันนี่ฉันคือลูกชายคนเดียวของคนที่รวยที่สุด ฉันมีเงิน”
คำพูดของฉินเฟิงทำให้อารมณ์ของหลินเป้ยเป้ยดีมากจริงๆเธอไม่อยากให้ฉินเฟิงซื้อของให้ เธอแค่้าให้ปฏิบัติแบบนี้
“โอเค งั้นฉันจะไปเลือก” ในที่สุดหลินเป้ยเป้ยก็ไม่เกรงใจเธอคิดว่าความเกรงใจเหล่านี้จำเป็ต่อหน้าคนอื่นแต่ไม่จำเป็ต่อหน้าฉินเฟิงทั้งคู่เดินออกจากห้องลองชุด เมื่อพวกเขาเดินออกมาสายตาของทุกคนรอบๆก็จับจ้องไปที่เรือนร่างของหลินเป้ยเป้ย ทุกคนหลงเสน่ห์นางฟ้าที่เดินออกจากภาพวาดนางนี้
“โอ้ ช่างเป็สาวจีนที่สวยอะไรอย่างนี้!” ไม่ต้องพูดถึงคำชมเชยจากชาวจีนหลังจากคู่รักต่างชาติในกลุ่มคนเห็นหลินเป้ยเป้ย พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะชมเธอ
เมื่อหลินเป้ยเป้ยออกมาเธอก็ตระหนักว่าตนเองกลายเป็จุดสนใจของผู้คนลูกค้าทุกคนที่อยู่ในร้านชาแนลจับจ้องมาที่เธอเธอแอบหลังฉินเฟิงและจับมือของเขาด้วยความเขินอาย
ความสวยของหลินเป้ยเป้ยรับรู้โดยทั่วกันแม้ภายนอกหวังอิ่งจะเม้มปากด้วยความดูถูกแต่ภายในเธอตะลึงกับความสวยของหลินเป้ยเป้ย ไม่ต้องกล่าวถึงซุนเย่ที่อยู่ข้างๆั์ตาของเขาเรืองแสงสีเขียวและไม่สามารถละสายตาจากเรือนร่างของหลินเป้ยเป้ยได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้