“ดีจัง”
“อะไรรึ” เขาถามโดยไม่ได้หันมามองนาง
“ท่านแบกข้าไว้เช่นนี้” นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ท่านจะแบกข้าไปชั่วชีวิตได้หรือไม่”
“แน่นอน”
“ถ้าข้าอ้วนกว่านี้เล่า”
“ข้าแข็งแรงแบกเ้าไหว”
ซุนหลวนคุนหัวเราะในลำคอ หากนางกลายร่างเป็หญิงอวบอ้วนก็ช่างประไร
ของให้นางคือ ‘หรูซื่อ’ ของเขาก็พอ
แสงสว่างที่กระทบเปลือกตา ทำให้คนที่หลับใหลค่อยๆ ตื่นฟื้น มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงที่เข้ามากระทบใบหน้า ทว่าข้อมือกลับถูกจับไว้แน่น ไอร้อนจากฝ่ามือทำให้หญิงสาวได้สติ นางหลุดเสียงร้องบางเบา แต่กระนั้นกลับทำให้เ้าของฝ่ามือคลายมือลงอย่างรวดเร็ว
“เ้า...ฟื้นแล้ว”
ดวงตากลมจ้องมองเ้าของเสียงแหบพร่า น้ำเสียงเหนื่อยล้าระคนดีใจทำให้นางงุนงง หญิงสาวกะพริบตาปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงจ้องมองบุรุษเบื้องหน้า ยังไม่ทันตั้งสติได้ ร่างของนางถูกเขารวบขึ้นมากอดแแ่กับแผ่นอกกว้างของเขา
“ฟื้นเสียที”
ร่างของนางเกร็งขึ้นทันที สองมือพยายามดันแผ่นอกและดิ้นรนอย่างตื่นกลัว อาการต่อต้านทำให้ชายหนุ่มผ่อนวงแขนแล้วก้มมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ
“เป็อะไรไป”
“ข้า...”
“เจ็บตรงไหนหรือไม่ ข้า...ข้าจะให้คนตามหมอ”
“ข้าไม่เจ็บ”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาแต่ดวงตาจ้องมองเขานิ่งงัน หัวคิ้วของชายหนุ่มขมวดแน่น เลื่อนมือลูบไล้ท่อนแขนของหญิงสาว เพื่อสำรวจว่ามีตรงไหนที่าเ็หรือไม่ แต่นางกลับกระถดกายถอยหนี หางตาเหลือบเห็นผ้าห่มตกอยู่ข้างกาย จึงรีบคว้ามากอดไว้บดบังสายตาของเขาที่จับจ้องนางอยู่
“น้องหญิง...”
“น้องหญิง?”
คราวหน้าหญิงสาวทำงุนงงหนักกว่าเดิม นางยกนิ้วชี้ที่ตัวเองแล้วเป็เชิงถาม
“ท่านหมายถึงข้ารึ”
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ “ข้ารู้ว่าเ้าโกรธข้ามาก แต่เื่รับอนุนั้นเป็มารดาที่จัดการเองทั้งหมด แต่เ้าเองไม่ควรทำเช่นนี้ เ้าหมดสติไปสามวันสามคืน ทำให้ข้าทุกข์ใจยิ่ง”
“ประเดี๋ยวก่อน ข้าไม่เข้าใจ ท่านพูดเื่อันใดกัน” นางรีบเอ่ยขึ้นแล้วพยายามคิดตามที่เขาพูด “ท่านคือ...”
เสียงสูดลมหายใจลึกเหมือนข่มโทสะ ทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือกและกระถดตัวถอยหนี ท่าทางหวาดกลัวของนางทำให้เขาได้สติและเอ่ยตอบอย่างใจเย็น
“ข้าคือซุนหลวนคุน สามีของเ้า”
“สามี!” นางเบิกตากว้าง “ท่านเป็สามีข้า”
“ถูกต้อง” เขาหลุบตาลงเล็กน้อย “เ้าคือภรรยาของข้า เ้าจำไม่ได้หรือ?”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “ข้าจำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่...ชื่อของตัวเอง”
คราวนี้เป็ดวงตาของชายหนุ่มที่เบิกกว้างขึ้น เขายื่นมือไปคว้ามือเรียวเล็กมากุมไว้ รูปร่างของเขาสูงใหญ่รวมทั้งมือของเขากุมมือนางไว้มิด
“เ้าจำอะไรไม่ได้เลย?”
นางพยักหน้าแทนคำตอบ สิ่งรอบข้างล้วนกลายเป็สิ่งแปลกใหม่สำหรับนาง นางอ้าปากเหมือนจะเอ่ยถามแต่อีกฝ่ายกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เช่นนั้น เ้าก็เพียงจำไว้ว่าชื่อของเ้าคือหรูซื่อและข้าซุนหลวนคุนเป็สามีของเ้า”
บทที่1. ความทรงจำหล่นหาย
ห้าวันแล้วหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมา
หญิงสาวระบายลมหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นแตะศีรษะอย่างลืมตัวแล้วนึกได้ว่าไม่มีผ้าพันแผลรอบศีรษะอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ นางปวดศีรษะมาก โดยเฉพาะยามที่พยายามคิดว่าตนเองเป็ใคร เหตุใดจึงจำอะไรไม่ได้เช่นนี้ ชายที่บอกว่าเป็สามีของนาง เชิญหมอมาตรวจดูหลายครั้งแม้อาการเ็ปทุเลาลง แต่นางก็จำเื่ใดไม่ได้เลย
หลายวันมานี้นางจึงเอาแต่อยู่ในห้องนอน ครุ่นคิดและไม่อาจยอมรับว่าตนเองทำความทรงจำหล่นหายไป เมื่อยิ่งพยายามคิด นางยิ่งทรมานกับการปวดศีรษะ นางจึงเลิกคิดและยอมรับว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้เลย
“ฮูหยิน ท่านตื่นแล้วหรือเ้าคะ”
“ป้าหวงฝู”
หญิงสาวยิ้มให้หญิงวัยห้าสิบที่เข้ามาพร้อมอ่างใส่น้ำล้างหน้า นางตวัดเท้าลงจากเตียงลุกขึ้นเข้าไปช่วยประคองอ่างน้ำวางบนโต๊ะ
“ขาของป้าหวงฝูไม่ค่อยดี ให้ผู้อื่นยกมาไม่ดีกว่าหรือ” นางถามอย่างเป็กังวล แต่นางหวงฝูกลับหัวเราะออกมา
“ฮูหยิน...ท่านไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ในจวนท่านแม่ทัพไม่มีสตรี หญิงรับใช้ก็ไม่มี หากจะให้ผู้อื่นยกน้ำล้างหน้าให้ท่านก็ต้องเป็บุรุษ ซึ่งท่านแม่ทัพไม่ยอมเป็แน่”
“เช่นนั้น...” นางจ้องมองป้าหวงฝูอย่างงุนงง
‘อย่าบอกนะว่าป้าหวงฝูมิใช่สตรี’
ราวกับรู้ว่าความคิดของอีกฝ่าย นางหวงฝูหัวเราะออกมา นางมาดูแลฮูหยินท่านแม่ทัพได้สามสี่วันแล้ว แรกทีเดียวก็วิตกกังวลว่าหญิงชาวบ้านจะดูแลฮูหยินได้ไม่ดีนัก แต่เมื่อได้ใกล้ชิดจึงรู้ว่า ฮูหยินช่างน่าเอ็นดูนัก มิน่าเล่า ท่านแม่ทัพจึงได้ ‘หวง’ ฮูหยินดั่งประคองไว้ในอุ้งมือ
“บุตรชายข้านามหวงอี้ เป็ทหารที่ท่านแม่ทัพเมตตาให้รับใช้ข้างกาย ข้าเป็มารดาของเขา เป็หญิงหม้ายใช้ชีวิตโดดเดี่ยว หวงอี้มาปรึกษากับข้าว่า ฮูหยินท่านแม่ทัพเดินทางมาจากเมืองหลวง ไม่มีสาวใช้ข้างกาย ข้าจึงอาสามาดูแลท่านเอง”
“เป็เช่นนี้เอง” นางพยักหน้ารับ ั้แ่ฟื้นได้สติก็ไม่เคยออกไปจากห้องนี้จึงไม่รู้ว่าด้านนอกเป็อย่างไร “ข้าทำให้ท่านป้าลำบากแล้ว”
“พูดอะไรเช่นนั้น ได้ดูแลท่านก็นับว่าข้าได้ตอบแทนท่านแม่ทัพที่ดูแลลูกชายของข้าเช่นกัน”
นางหวงฝูหยิบหวีขึ้นมาแล้วสางผมให้นาง เส้นผมยาวสลวยนุ่มมือราวกับเส้นไหม ใบหน้าอ่อนหวานยามแย้มยิ้มชวนมอง ดวงตากลมเป็ประกายงดงาม ริมฝีปากเป็สีแดงชาด ผิวพรรณเนียนละเอียดดุจหยกใส นางอายุห้าสิบแล้ว เพิ่งได้พบสตรีที่งดงามมากขนาดนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ท่านแม่ทัพไม่รับอนุ ไม่สนใจหญิงใด ใครเลยจะเหลือสายตาไว้มองผู้อื่นได้เล่า ในเมื่อมีภรรยางดงามถึงเพียงนี้
“ข้าดูแลตัวเองได้ ป้าหวงฝูไม่ต้องปรนนิบัติรับใช้ข้าหรอก” นางเอ่ยจากใจจริง “วันนี้ข้าออกไปเดินเล่นข้างนอกห้องได้หรือไม่”
“ได้สิเ้าค่ะ” หวงฝูยิ้มกว้าง “หากฮูหยินแข็งแรงดี ออกไปเดินเล่นรับแดดอ่อนๆ หน่อยก็ดีนะเ้าค่ะ”
“ข้าแข็งแรงดีแล้ว” หรูซื่อยืนยัน “ป้าหวงไปเตรียมอาหารเช้าให้ข้าเถิด ข้าจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง”
“ได้เ้าค่ะ” เห็นนางร่าเริงไม่เอาแต่นั่งเหม่อลอย นางหวงฝูพลอยดีใจไปด้วย จึงรีบเดินกะโผลกกะเผลกออกไปโดยเร็ว
หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่า จะไม่ฝืนครุ่นคิดถึงความทรงจำที่หายไป จะค่อยๆ เรียนรู้ว่าตนเป็ใครและดำเนินชีวิตต่อ ในเมื่อคนผู้นั้นเรียกนางว่า ‘หรูซื่อ’ เช่นนั้นนางก็คือ ‘หรูซื่อ’ ก็แล้วกัน
หรูซื่อล้างหน้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย นางหวงฝูก็กลับเข้าพร้อมอาหารเช้า หญิงสาวหน้าเจือนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชามยาสีเข้มมาพร้อมกัน
“ข้าแข็งแรงดีแล้ว ยังต้องกินยาอีกหรือ?”
“ต้องกินเ้าค่ะ ท่านหมอกำชับไว้”
หรูซื่อทำหน้างอแงแต่ไม่ดื้อดึง นางกินโจ๊กเห็ดหอมได้ครึ่งชามแล้วกินยา ท่าทางกินอาหารคำน้อยๆ ช่างน่ามองนัก คงเป็คุณหนูที่ถูกอบรมมาอย่างดี กิริยามารยาทอ่อนช้อยเหลือเกิน นางหวงฝูมีบุตรชายเพียงคนเดียว สามีของนางตายไปนานแล้ว นางไม่ได้แต่งงานใหม่ ใช้ชีวิตหญิงหม้ายเงียบๆ เมื่อได้พบกับหรูซื่อที่นิสัยน่ารักจึงอดเอ็นดูมิได้ หากมีบุตรสาวน่ารักเช่นนี้ ก็คงรักและถนอมสุดหัวใจเป็แน่
“ข้าออกไปเดินเล่นได้แน่นะ” หรูซื่อถามย้ำอีกครั้ง
“ท่านแม่ทัพไม่ได้ห้ามเ้าค่ะ” นางหวงฝูหัวเราะออกมา
“ข้ากลัวจะทำให้ผู้อื่นลำบาก”
เหตุใดนางรู้สึกราวกับว่า ไม่ว่านางจะทำอะไรต้องคอยมองสีหน้าผู้อื่นเสมอ แต่ช่างเถอะ นางอยู่ในห้องนานเกินไปแล้ว ออกไปเดินดูอะไรบ้าง จะได้ไม่ปวดหัวขึ้นมาเพราะคิดมากอีก
นางหวงฝูประคองฮูหยินน้อยเดินออกมาจากห้อง แดดอ่อนๆ ยามเช้ากระทบใบหน้าของนาง สายลมโชยผ่าน เสียงนกร้อง และกลิ่นหอมของดอกไม้ผลิบาน ใบหน้าหวานระบายยิ้มสดใส คิดถูกแล้วที่ออกจากห้องนอนเสียที หรูซื่อปล่อยมือจากท่อนแขนของนางหวงฝู เดินตรงไปที่ดอกโบตั๋นที่ผลิดอกอวดโฉมงามสะพรั่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้