ั้แ่ออกจากตำหนังไป๋เหอเมื่อคืน เขาก็ไม่อาจหลับหลับตาลงได้ ดวงหน้าเคร่งขรึมจดจ้องม้วนกระดาษหนึ่งก่อนคลี่ออกช้า ๆ มันคือหนังสือคำสั่งที่ฮ่องเต้ทรงมอบให้แก่เขาเมื่อครั้งก่อนที่พบเป็การส่วนพระองค์
ฉินลู่อวิ๋นมองแผ่นกระดาษขนาดยาวเกือบศอก หนังสือสั่งปลดภรรยาเพียงแค่เขาประทับตราลง จ้าวซูหลินนางก็จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งฉินฮูหยินเฉกเช่นเดิม หากแต่แววตาคมมีแวววูบไหวอย่างลังเล กลิ่นกุ้ยเหมยฮวา[กุหลาบ] ลอยกรุ่นตามสายลมอ่อน พัดโชยผ่านช่องลมด้านหน้าประตูห้องหนังสือ ฉินลู่อวิ๋นวางหนังสือลงก่อนจะเดินออกมาด้านนอก แปลงดอกกุ้ยเหมยฮวาออกช่อดอกสีสดงดงาม ร่างสูงยืนจ้องนิ่งราวกับกำลังนึกถึงใครบางคน
“นายท่าน คุณหนูหลี่มาขอรับ" เสียงบ่าวในเื่เอ่ย ก่อนเผยให้เห็นสตรีร่างบางที่ดูอ่อนช้อย ในมือนางมีกล่องไม้หนึ่ง รอยยิ้มของนางดูอ่อนโยนอย่างเช่นทุกครั้ง
"พี่ลู่อวิ๋น ข้านำขนมมาให้ท่าน" ดวงตาใสจับจ้องผู้ที่กำลังยืนเหม่ออยู่ด้านหน้าประตูห้องหนังสือ ก่อนจะผินมองนางพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ มุมปาก ฉินลู่อวิ๋นมองกล่องไม้สองชั้นที่นางถือก่อนที่เขาจะรีบช่วยคว้าประคอง
"ขอบใจเ้ามากฮวาเอ๋อร์ แต่วันนี้ข้ามีเื่ต้องเข้าวังเ้ารีบกลับไปก่อน ใกล้งานพระราชสมภพแล้วข้าต้องไปช่วยงานฝ่าา"
"ฮวาเอ๋อร์ไปด้วยได้หรือไม่ นานแล้วที่ข้าไม่ได้เข้าวังหลวง" หลี่ชินฮวายกมือเรียวเกาะที่ลำแขนแกร่งของเขา
"ได้ซิ" ฉินลู่อวิ๋นนึกอยู่เพียงครู่จึงตอบตกลง
-ตำหนักไป่เหอ-
เสียงบรรเลงซอที่ดังทั่วทั้งตำหนัก เจียวอี้หลินซักซ้อมการแสดงที่ตนเองนั้นจะต้องแสดงต่อหน้าพระพักตร์ไม่ต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ ๆ โชคดีที่โลกที่เธอเคยอยู่ทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนรู้การสีซอประเภทนี้บ้าง เจียวอี้หลินก้มหน้าก้มตาในการฝึกซ้อมจนไม่ทันสังเกต ว่ามีคนผู้หนึ่งยืนมองจากชานเรือนด้านนอกตำหนัก เจียจื่อฮั่วยกยิ้มก่อนเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ จนเธอรีบหยุดชะงักลงด้วยความใเล็กน้อย
"ท่านอ๋อง....มาไม่ให้สุ้มให้เสียง หากหม่อมฉันโยนซอนี่ใส่พระองค์จะทำเช่นไรเพคะ" เจียวอี้หลินเอ่ยเสียงหลงด้วยความใไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาใกล้เธอขนาดที่ห่างกันเพียงศอกเห็นจะได้
"ข้าเดินมาได้ยินเสียงเพลงที่เ้าเล่น ข้าก็แค่อยากได้เข้ามานั่งฟังเสียงใกล้ ๆ " เจียจื่อฮั่วส่งแววตายิ้มกรุ้มกริ่ม
"ไม่ได้เพคะ...หม่อมฉันจะซ้อมไว้แสดงต่อหน้าพระพักตร์ หากท่านอ๋องได้ฟังบ่อย ๆ แล้วเกรงว่าคงจะเบื่อ"
"ฮ่า...ฮ่า..ฮา เสียงเพลงของเ้าข้าฟังไม่เบื่อหรอก เพียงแต่เ้าจะเบื่อข้าเสียก่อน"
"หากพระองค์ว่าไม่เบื่อ หม่อมฉันก็ยินดีเล่นให้พระองค์ฟังเพคะ" เจียวอี้หลินเริ่มสีซอเอ้อหูอีกครั้ง ท่วงทำนองแม้ไม่คุ้นหูเขานักแต่ก็ไพเราะไม่น้อย
เจียจื่อฮั่วหลับตาลงฟังเสียงเพลงที่เธอสีให้ฟังอย่างตั้งใจ ก่อนที่ทั้งคู่ก็ได้เปลี่ยนไปนั่งเอ่ยคุยรับลมเย็นที่ศาลาส่วนพระองค์ริมสระบัวหลวงด้านข้างอุทยานทางเข้า มู่ชิงชิงเทียวเดินยกขนมและน้ำชาให้คนทั้งคู่ ก่อนที่นางจะเดินสวนคนผู้หนึ่งที่กำลังเร่งฝีเท้าพุ่งตรงมายังศาลาส่วนพระองค์
มู่ชิงชิงหันกลับไปมองท่าทางเร่งรีบของฉินลู่อวิ๋นที่ไม่ได้ผินมองนางเสียสักนิด
"คารวะอ๋องสาม" ฉินลู่อวิ๋นโค้งคำนับ
"แม่ทัพใหญ่ ไฉน่นี้ข้าจึงเห็นเ้าเข้าวังหลวงบ่อยนัก ดูเ้าจะเป็ห่วงฉินฮูหยินไม่น้อย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ได้พบเ้าบ่อยเป็เช่นนี้แน่ " เจียจื่อฮั่วเอ่ยขึ้นทำให้หลี่ชินฮวารีบผินมองเขาก่อนเอ่ย
"คงเป็เพราะใกล้งานพระราชสมภพฮ่องเต้ ท่านแม่ทัพใหญ่เองก็คงมีการจัดเตรียมพร้อมความปลอดภัยให้ฝ่าา ไม่เกี่ยวกับหม่อมฉันหรอกเพคะ" เจียวอี้หลินตอบปฏิเสธทันที
ฉินลู่อวิ๋นจ้องแววตาใสของนางเขม้น หากแต่เธอกลับผินมองทางอื่นอย่างหลบหลีกสายตาเ็าคู่นั้น
“หน้าที่นั้นก็สำคัญ ฮูหยินกระหม่อมก็เช่นกัน” ฉินลู่อวิ๋นย้อนกลับ เจียวอี้หลินเห็นทีท่าแล้วน่าจะไม่จบง่ายเธอตัดสินใจลุก แต่กลับถูกเขาดึงแขนรั้งไว้
“ข้ามีเื่ต้องคุยกับเ้า” น้ำเสียงขึงดุขึ้นเมื่อเธอมีทีท่าไม่ใส่ใจเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ขออภัยท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าไม่มีสิ่งใดที่จะเจรจากับท่าน”
“เช่นนั้นข้าก็จะกล่าวตรงนี้เสีย”
“เสียมารยาท ข้ายังอยู่เ้ายังจะกล้ากระทำเช่นนี้อีก” เจียจื่อฮั่วเอ่ยเสียงดังจนสตรีที่อยู่ด้านหลังเขาต้องหยุดยืนนิ่งทันที
“พอทีท่านแม่ทัพใหญ่ ต่อไปข้ากับท่านต่างก็เป็คนแปลกหน้ากันแล้ว ท่านอย่าต้องมาทำเื่ที่ท่านไม่เคยทำมาก่อนเสียจะดีกว่า”
“เ้าหมายความว่าเช่นไรหลินหลิน” เจียจื่อฮั่วที่ยืนอยู่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หนังสือสั่งปลดภรรยา เพียงแค่ท่านแม่ทัพใหญ่ประทับตราลง ตำแหน่งฉินฮูหยินก็คงไม่ใช่ข้าแล้ว ตำแหน่งฉินฮูหยินท่านจะมอบให้ผู้ใดก็ไม่เกี่ยวกับข้า” เจียวอี้หลินเน้นย้ำคำว่าประทับตรา เพื่อให้เขารีบกระทำมันเสียตอนนี้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอถึงสามเดือน เช่นนั้นเขาก็จะได้ไปไหนมาไหนกับสตรีที่เขารัก และทะนุถนอมได้อย่างเชิดหน้าชูตา เจียวอี้หลินปรายตามองหลี่ชินฮวาที่ยืนรออยู่ด้านหลังเขา
"ฉินฮูหยินเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็เพียง....” หลี่ชินฮวาทำท่านึกเอ่ยคำต่อไม่ออกว่านางจะใช้คำว่าอย่างไร
“ในเมื่อข้ายอมถอยแล้ว หากเ้าไม่ก้าวต่ออย่าหาว่าข้าทำร้ายเ้าเลยคุณหนูหลี่” เจียวอี้หลินรู้ดีว่าระหว่างจ้าวซูหลิน และหลี่ชินฮวานั้นเป็เช่นไร ตระกูลจ้าวและตระกูลหลี่ต่างชิงอำนาจกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จ้าวซูหลินนางจึงถูกพร่ำสอนเสมอว่าไม่ให้ด้อยกว่าสตรีจวนตระกูลหลี่ นางจึงมักจะพยายามกระทำทุกสิ่งที่ดีกว่าหลี่ชินฮวา แต่แม้นางจะพยายามสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่เคยที่จะเอาชนะหลี่ชินฮวาได้เลย
"เอาล่ะ....ข้าว่าพวกท่านกลับไปเสียก่อนเถิดลู่อวิ๋น หลินหลินบรรยากาศเช่นนี้เราออกไปเที่ยวตลาดนอกวังกันดีหรือไม่" เจียจื่อฮั่วเอ่ยกับเขาที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันมาเอ่ยชวนเจียวอี้หลินเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่แสนจะน่าอึดอัด
แม้ภายในใจจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจสักเพียงใด แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกจ้าวซูหลินดี นางทุ่มเทให้กับฉินลู่อวิ๋นทุกอย่างไม่เคยปริปากบ่น นางยอมที่จะอยู่ที่เรือนเล็กท้ายจวนมาตั้งสองปี แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใดแม่ทัพใหญ่อย่างฉินลู่อวิ๋นจึงมีหนังสือสั่งปลดภรรยาอยู่ในมือได้
เจียจื่อฮั่วสั่งขันทีให้จัดเตรียมรถม้าเพื่อพานางออกตลาดนอกวังหลวงเพื่อเที่ยวชมผ่อนคลายอารมณ์ แม้ดูใบหน้าและแววตานางจะยังคงดูเศร้าหม่นนัก เสียงเรียกของพ่อค้าแม่ทั้งสองฝั่งถนนทำให้จิตใจเธอรู้สึกยกฟูขึ้นได้อีกครั้ง กลิ่นหอมของหมั่นโถวที่ลองโชยแตะปลายจมูกเรียกเสียงจากกระเพาะเล็ก ๆ ได้เป็อย่างดี
เจียวอี้หลินเหลือบมองตาเจียจื่อฮั่วด้วยยิ้มแสนเ้าเล่ห์ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปหน้าร้านหมั่นโถว ฉินลู่อวิ๋นไม่ได้กลับจวนดั่งที่เจียจื่อฮั่วแนะนำ แต่เขากลับเอาแต่เดินตามเงียบ ๆ เช่นเดียวกับหลี่ชินฮวาที่เทียวมองแววตาของเขา แม้ไม่เอ่ยถามแต่ความรู้สึกนี่นางย่อมรับรู้ได้
"เ้าก็เป็เช่นนี้ไม่เปลี่ยนเลยนะหลินหลิน" เจียจื่อฮั่วยกข้อนิ้วมือแตะปลายจมูกที่โด่งเชิดของนาง ฉินลู่อวิ๋นมองท่าทางของทั้งคู่แม้เขาจะรู้อยู่เต็มอกว่าคนทั้งคู่เป็เพื่อนเล่นกันมาั้แ่เยาว์วัยแต่บรรยากาศในยามนี้ดูแตกต่างยิ่งนัก
เขาไม่เคยรู้เลยว่านางจะยิ้มอย่างไร หัวเราะอย่างไร หรือร้องไห้อย่างไร แต่กลับบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้านางกลับได้รับสิ่งที่เขาสงสัยทั้งหมด มือหนารวบกำแน่นเพื่อสะกดกั้นความไม่พอใจไว้
"ขอบคุณท่านอ๋อง" เจียวอี้หลินยกสองมือรับก่อนกัดเข้าเต็มคำดูน่าอร่อยโดยไม่ได้สนใจอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ถ้าเ้าชอบ ข้าจะให้เด็ก ๆ นำกลับไปที่ตำหนักไป่เหอให้เ้า”
“อย่าเลย เพียงเท่านี้หม่อมฉันก็พอใจแล้ว อีกอย่างหม่อมฉันได้มีโอกาสมาเที่ยวตลาดทั้งทีหม่อมฉันอยากแวะชมโรงน้ำชาจะได้ไหมเพคะ” เจียวอี้หลินทำสายตาเว้าวอน
"ย่อมได้เสมอ ข้าจะแนะนำโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดให้เ้าได้รู้จัก" เจียจื่อฮั่วรีบจูงมือเธอเดินตรงไปไม่กี่ตรอกถนนก็พบโรงน้ำชาหลังใหญ่กลางตลาด ด้านหน้ามีสะพานข้ามแม่น้ำ
เจียวอี้หลินหยุดยืนมองสถานที่แห่งนี้ด้วยความสนใจ โรงน้ำชาร้านดังที่สุดในเมือง ต่างมีแขกมากหน้าหลายตา ั้แ่สามัญชนธรรมดาจนถึงระดับอ๋อง โดยแบ่งเป็สี่ชั้นโดยชั้นบนสุดจะเป็ที่รับรองสำหรับอ๋องและผู้ที่มีบรรดาศักดิ์ยศใหญ่ เธอไม่เคยเห็นโรงไม้ที่ใหญ่โตได้ขนาดนี้ และยังมีผู้คนพลุกพล่านเต็มไปหมด
"เ้าหิวหรือ ปากเ้าจึงค้างอยู่เช่นนั้น" เจียจื่อฮั่วเอ่ยถาม เพราะเผลอตัวไม่ทันระวังอ้าปากค้างจ้องมองกับความอลังการของโรงน้ำชานี่
"ปะ..เปล่าเพคะ หม่อมฉันแค่ไม่เคยเข้ามาที่นี่ ไม่คิดว่าจะยิ่งใหญ่เช่นนี้" เจียวอี้หลินรีบแก้ตัวกับความเปิ่นของตัวเอง แก้มนวล ๆ มีรอยแดงระเรื่อขึ้นด้วยความเขินอาย
"อย่างเ้าเนี่ยนะไม่เคยมาที่แห่งนี้" ฉินลู่อวิ๋นรีบเอ่ยประชด เพราะนางยามที่นางมีแผนที่จะทำร้ายหลี่ชินฮวาทีไร นางก็จะมาอาศัยหลบสายตาคนอยู่ที่โรงน้ำชานี้บ่อย ๆ เขาจึงจำเป็ต้องให้ฉางหรงเฝ้าติดตามนางอยู่พักใหญ่
"ข้าบอกไม่เคยก็ไม่เคยซิ ท่านจะไปรู้อะไร" เจียวอี้หลินรีบเถียง ฉินลู่อวิ๋นส่ายศีรษะเบา ๆ
/ข้าแค่คิดมากไปเอง นางก็เป็เช่นเดิมเ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยน/ ฉินลู่อวิ๋นยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปประคองหลี่ชินฮวา ขณะที่ใครบางคนชนเข้ากับนาง
เจียวอี้หลินผินมองคนทั้งสองก่อนจะถอนหายใจออกมาราวเอือมระอาที่เขาเอาแต่ทำท่าเหมือนไม่อยากปล่อยจ้าวซูหลินไป แต่ก็ยังคงห่วงใยและทะนุถนอมหลี่ชินฮวาเช่นเดิม เจียวอี้หลินรีบหันเดินหนีจากทั้งสองก่อนจะชนเข้ากับร่างสูงใหญ่เข้าก่อนจะถูกรั้งดึงข้อมือเขาไว้
“ฮ่ะ ฮา...พวกเ้าดูนี่ซิ ข้าเจอใครกัน” เสียงของบุรุษร่างสูงใหญ่ใบหน้าครามไปด้วยหนวดเครามากมายจนน่าขยะแขยง เจียวอี้หลินใวูบก่อนจะถูกอีกคนคว้าดึงกลับไว้ที่อก
"เ้ากล้าดียังไงถึงมากระทำกับนาง เ้าไม่รู้หรือว่านางเป็ผู้ใดกัน" ฉินลู่อวิ๋นสบถขึ้นจนใบหน้าแดง
"อะ..เช่นนั้นท่านผู้นี้ก็คงเป็ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้ที่ทอดทิ้งให้ฮูหยินเ้าแอบมาหาข้าบ่อย ๆ ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านไม่รู้หรือว่าการที่ท่านปล่อยให้ภรรยาต้องเปล่าเปลี่ยวแล้วจะเป็เช่นไร” บุรุษนั้นยังเอ่ยตอบอย่างเสียงแข็ง ใบหน้ายกยิ้มอย่างเยาะเย้ย เจียวอี้หลินรู้สึกหวั่นกลัว เพราะนางไม่รู้ว่าจ้าวซูหลินไปคบค้าคนผู้นี้ได้อย่างไรกัน
"พวกเ้าเป็ใคร เหตุใดไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าพวกข้าเป็ผู้ใดกัน" เจียจื่อฮั่วเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเกือบอยู่กลางวง แต่แววตาของบุรุษร่างสูงใหญ่หาได้ดูเกรงกลัวไม่
“พวกข้าย่อมรู้ดี แต่ลองถามแม่นางซูหลินดูก่อนว่าข้าคือผู้ใด ข้าคือสามีนาง สามีที่ได้ร่วมเตียงกับนาง ไม่ใช่เ้า” น้ำเสียงสบถดังราวคมมีดที่ตัดเส้นความอดทนเขาให้ขาดออก ฉินลู่อวิ๋นยกเท้าถีบยอดอกคนตัวใหญ่นั้นจนล้มลงก่อนชักดึงดาบข้างเอวออกมาจดจ่ออยู่ที่ลำคอเขาผู้นั้น
“มันจะมากเกินไปแล้ว ถ้าไม่อยากหัวหลุดจากบ่าก็จงออกไปจากที่นี่เสีย” ฉินลู่อวิ๋นตะคอกเสียงใส่ ใบหน้าถมึงทึงดูน่ากลัว เจียจื่อฮั่วโอบไหล่ปลอบเมื่อใบหน้าของนางดูซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
"ปานแดงกลีบดอกเหมยมันช่างยั่วอารมณ์ข้าเสียจริง เ้าว่าไหมฉินฮูหยิน!!" เจียวอี้หลินแทบทรุดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาจ้าวซูหลินก็กำลังถูกโจรป่าข่มขืน หากแต่มู่ชิงชิงบอกเธอว่านางเข้ามาช่วยไว้ทันเสียก่อน ยามนี้เธอไม่แน่ใจแล้วว่าเื่ที่มู่ชิงชิงเอ่ยจะเป็เื่จริงหรือไม่
ในเมื่อโจรป่าผู้นี้กลับเห็นรอยปานสีแดงที่ดูคล้ายกลีบดอกเหมยข้างใต้ชายโครงซ้ายของอกเธอ ฉินลู่อวิ๋นทำตาขวางใส่เธออย่างไม่สบอารมณ์ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นสนิทเหมือนฝาหอย ในตัวของเขาตอนนี้กลับมีกลิ่นอายของความกระหายเืและรังสีเข่นฆ่าอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา
มือหนาง้างดาบหมายฟาดลงหากแต่กลุ่มจำนวนคนของพวกมันนั้นนับได้เกือบสิบพุ่งเข้ามา เจียจื่อฮั่วจึงจำเป็ต้องพาสตรีทั้งสองหลบออกมาจากตรงนั้นเสียก่อน ก่อนที่ฉางหลงได้เข้ามาช่วยฉินลู่อวิ๋นไว้อีกแรง
“ข้ามาช่วยท่านแล้ว” ฉางหลงเอ่ยะโบอก ก่อนจะมีทหารติดตามอีกสามสี่คนตามมาจัดการกลุ่มโจรพวกนั้น ฉินลู่อวิ๋นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็ต่อเขาจึงมองหาผู้ที่เป็ต้นเหตุ เจียวอี้หลินถูกดึงมาหลบอยู่ทางใกล้ฝั่งประตูทางออก ฉินลู่อวิ๋นสั่งฉางหลงก่อนจะพุ่งตรงมาคว้าร่างบางก่อนอุ้มโยนขึ้นหลังม้าตัวใหญ่ด้านหน้าโรงน้ำชา