ยิ่งจ้าวซื่อคิดถึงเื่นี้มากเท่าไร นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จ้าวซื่อขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
รูปร่างหน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่บุคลิกและอุปนิสัยของหลินกู๋หยู่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมากเกินไป และนางแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“ป้าจ้าวอยู่บ้านหรือไม่?”
ในขณะที่จ้าวซื่อกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเื่นี้ด้วยความสับสน นางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยลอดดังจากข้างนอก
จ้าวซื่อลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก เห็นฟางซื่อยืนอยู่ที่ประตู
"ป้าจ้าว" ฟางซื่อหรี่ตายิ้มขณะเดินไปหาจ้าวซื่อ และรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็เป็ประกายสดใสมากขึ้น "เมื่อวานนี้ ข้าเห็นว่าท่านไปหาน้องสะใภ้ แต่ทำไมถัดจากนั้นข้าก็ไม่เห็นท่านแล้ว?"
สีหน้าของจ้าวซื่อจางเรียบนิ่ง "ข้าจำได้ว่าข้าลืมสิ่งหนึ่ง ข้าจึงกลับมาก่อน"
“ก็ใช่ ป้าจ้าว ท่านสอนลูกได้ดีมาก น้องสะใภ้เก่งน่าทึ่งมาก คนในหมู่บ้านติดเชื้อไข้ทรพิษ และคนไข้ที่หายดีทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็น้องสะใภ้ที่รักษา” ฟางซื่อยิ้มอย่างสดใสมากขึ้น แล้วพูดต่อว่า “เมื่อวาน ข้าได้ยินมาว่ามีท่านหนึ่งเป็ขุนนาง และเป็ไข้ทรพิษ จึงเชิญน้องสะใภ้ไปตรวจรักษา เป็เพราะว่ารักษาหายดีแล้ว พวกเขาจึงมาส่งเงินให้นาง”
จ้าวซื่อรู้สึกแปลกเล็กน้อยในใจ ขมวดคิ้วแน่น รู้สึกว่าสิ่งนี้เหมือนกับลูกสาวของนางน้อยลงเรื่อยๆ
“คนเขามอบธนบัตรให้ตั้งปึกหนึ่ง ซึ่งธนบัตรหนึ่งใบในนั้นมีมูลค่าถึงหนึ่งร้อยตำลึงเชียว แต่น้องสะใภ้กลับไม่้ามัน ไม่เช่นนั้นครอบครัวก็คงร่ำร่วยอู้ฟู่แล้ว” ฟางซื่อเม้มริมฝีปากเล็กน้อย มองไปยังรอบๆ แล้วเปล่งเสียงจุ๊ๆ “ไม่เช่นนั้น น้องสะใภ้ก็จะสามารถช่วยท่านซ่อมแซมบ้านของท่านได้”
จ้าวซื่อยิ้มและเงยหน้าขึ้นมองฟางซื่อ พร้อมพูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ของนางมาทำอะไรที่นี่?"
ฟางซื่อตบมือทันทีที่ได้ยินสิ่งที่จ้าวซื่อกล่าว และหลังจากเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ นางจึงย่องไปข้างหน้าโจวซื่อโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของจ้าวซื่อและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ข้าเห็นว่าตอนนี้น้องสะใภ้มีความสนิทสนมชิดใกล้กับนายน้อยลู่แห่งโรงหมอสกุลลู่ และทั้งสองคนก็มีความสัมพันธ์ชิดใกล้กันมาก และคนอื่นๆ ก็กระจายข่าวออกไปทั่วแล้ว”
ใบหน้าของจ้าวซื่อไม่น่าดูนัก และทันใดนั้นนางก็หันศีรษะไปจ้องฟางซื่อ ขณะพูดอย่างเฉียบขาดว่า "อย่าพูดเหลวไหล"
เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวซื่อพูด ฟางซื่อหน้าซีดขาวด้วยความใ นางส่ายศีรษะแรงๆ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ข้าจะพูดเื่เช่นนี้ตรงๆ ได้อย่างไร เดิมทีข้า้าจะตักเตือนอยู่ แต่ข้าก็เข้าใจด้วยว่าน้องสะใภ้ย่อมไม่รับฟังข้า และนั่นคือเหตุผลที่ข้ามาหาท่าน"
เมื่อเห็นใบหน้าที่แปรเปลี่ยนไปของจ้าวซื่อ ฟางซื่อก็พูดอย่างเคร่งขรึมต่อว่า "ท้ายที่สุดแล้ว นางก็เป็น้องสะใภ้เช่นกัน หากสิ่งเหล่านี้ถูกกล่าวเล่าลือให้เซ็งแซ่ มันจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของน้องสะใภ้เท่าใดนัก"
เมื่อจ้าวซื่อได้ฟังดังนั้น สีหน้าของนางก็อ่อนคลายลง จากนั้นนางก็พูดกับฟางซื่ออย่างจริงใจ "ขอบคุณเ้ามาก และขอเ้าโปรดอย่าบอกคนอื่นเกี่ยวกับเื่นี้"
"เื่เช่นนี้ ข้าจะพูดกับคนอื่นได้อย่างไร?" ฟางซื่อกล่าวอย่างจริงใจ
หลังจากส่งฟางซื่อ ใบหน้าของจ้าวซื่อก็ยิ่งน่าเกลียด
สตรีผู้นั้นเป็บุตรสาวของนางหรือ?
หลินกู๋หยู่มักจะรู้สึกอึดอัดในใจเสมอ และนางก็ปวดท้องเล็กน้อย ทันใดนั้นเองนางเพิ่งจะตระหนักได้ว่านางอาจมีประจำเดือนใน่เวลาสองสามวันนี้
ในที่สุดหลังจากรอจนถึงยามเย็น หลินกู๋หยู่มองไปข้างนอก และรอเป็เวลานาน แต่อย่างไรก็ตามนางก็ไม่เห็นฉือหางจะมารับนาง
ในใจรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลินกู๋หยู่เก็บข้าวของและเตรียมตัวกลับหลังจากเห็นคนในโรงหมอต่างทยอยออกไป
"ให้ข้าส่งเ้ากลับบ้านดีหรือไม่?" วันนี้ลู่จื่อยู่แสร้งทำเป็ยุ่งมากทั้งวัน และไม่ได้พูดคุยกับหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ นางก็ส่ายศีรษะ สวมผ้าพันคอและถุงมือที่นางทำเอง หลังจากพร้อมแล้ว นางก็กล่าวว่า "ข้ากลับก่อน"
ลู่จื่อยู่เข้าใจถึงสิ่งที่หลินกู๋หยู่หมายความถึง ขมวดคิ้วแวบหนึ่ง ขณะมองนางเดินจากไป ก่อนที่จะคว้าแขนของหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่แข็งอยู่กับที่และหันกลับไปอย่างสงสัย
“ข้ามีเื่จะบอกเ้า” ลู่จื่อยู่พูดด้วยเสียงต่ำ
เอื้อมมือไปผลักมือของลู่จื่อยู่ออกไป หลินกู๋หยู่ลดศีรษะลงและมองไปที่ปลายเท้าของตนเอง
“ข้ารู้ว่าเ้าแต่งงานแล้ว” ลู่จื่อยู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “แค่มีบางอย่างมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า”
หลินกู๋หยู่มองไปที่ลู่จื่อยู่ด้วยความประหลาดใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย "เ้า้าพูดอะไร?"
ไม่มีใครอยู่รอบๆ มีเพียงพวกเขาสองคนที่เหลืออยู่ในโรงหมอ
"เ้าเต็มใจที่จะออกจากบ้านสกุลฉือและมาที่บ้านสกุลลู่หรือไม่?" ลู่จื่อยู่มองที่หลินกู๋หยู่ด้วยสายตาจริงจัง มือถือใบพัดกระดาษอย่างไม่สบายใจ
“คุณชายลู่” หลินกู๋หยู่ก้าวเท้าถอยหลังเล็กน้อย ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้ายังไม่ได้คิดเกี่ยวกับเื่นี้ และข้าหวังว่าในวันข้างหน้าเ้าจะไม่พูดถึงเื่นี้กับข้าอีก”
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลู่จื่อยู่ในวันนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้กับนาง
หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าจะเป็การดีกว่าที่จะกลับจากโรงหมอให้เร็วที่สุด ดังนั้น นางจึงยกเท้าขึ้นและกำลังจะเดินออกไปข้างนอก
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ลู่จื่อยู่ก็รีบไปข้างหน้า "ข้าจะให้ตำแหน่งภรรยาเอกให้กับเ้าได้"
ร่างของหลินกู๋หยู่หยุดลงเล็กน้อย และหันศีรษะไปมองที่ลู่จื่อยู่ ระหว่างคิ้วและดวงตาของนางฉายแววผิดหวัง ยกเท้าและเดินออกไปข้างนอก
“เขาไม่มีเ้าอยู่ในใจ” ลู่จื่อยู่พูดเสียงต่ำ “ถ้าเขามีเ้าในใจ เขาจะปล่อยให้เ้าเดินไกลขนาดนี้ได้อย่างไร?”
หลินกู๋หยู่หยุดฝีเท้าและหันไปมองที่ลู่จื่อยู่อย่างสงสัย
"ถ้าเขามีเ้าอยู่ในใจจริงๆ เวลาสายมากขนาดนี้แล้ว เป็ไปได้อย่างไรที่เขาไม่มารับเ้า?" ลู่จื่อยู่มองที่ดวงตาที่ลุกลนเล็กน้อยของหลินกู๋หยู แล้วพูดต่อว่า "ถ้าเขามีเ้าอยู่ในใจ เขาคงจะเป็ห่วงเ้าตั้งนานมาแล้ว”
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าของนางน่าเกลียดเล็กน้อย มือกำหมัดแน่น เล็บฝังลึกอยู่ในฝ่ามือ "เ้ากำลังพูดจาเหลวไหล"
"ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล" ลู่จื่อยู่มองสีหน้าของหลินกู๋หยู่ พูดอย่างเรียบนิ่ง "เขาก็แค่ขอบคุณเ้า ถึงได้ปฏิบัติต่อเ้าเป็อย่างดี ทว่าตอนนี้เขาหายเป็ปกติแล้วและไม่้าเ้าอีกต่อไปแล้ว"
หลินกู๋หยู่หรี่ตาลงเล็กน้อย และเม้มริมฝีปากแน่นถึงกับปรากฏให้เห็นความซีดจาง
"แต่ข้าไม่ได้ต้องขอบคุณเ้า ข้าชอบเ้าเพียงเพราะคนๆ นั้นคือเ้า" ลู่จื่อยู่จ้องมองไปที่ร่างของหลินกู๋หยู่ด้วยแววตาอ่อนโยน
ทันใดนั้นหลินกู๋หยู่ก็หัวเราะและเงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ "เ้ามองได้อย่างกระจ่างแจ้งจริงๆ งั้นให้ข้าถามเ้า เ้าบอกว่าเ้าชอบข้า เ้าชอบอะไรเกี่ยวกับข้า?"
ก่อนที่ลู่จื่อยู่จะทันได้พูด หลินกู๋หยู่ก็ยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง "ถ้าเช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเคยทะเลาะตบตีกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างอุกอาจหรือไม่ ผู้หญิงเช่นนี้ เ้าจะทนได้หรือไม่?"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ลู่จื่อยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "ั้แ่ไหนแต่มาข้าไม่เคยปฏิบัติต่อเ้าในฐานะสตรีธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว"
"ปฏิบัติต่อข้าในฐานะผู้ชายงั้นหรือ?” หลินกู๋หยู่พูดด้วยรอยยิ้ม "เ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็คนอย่างไร คุณชายลู่ได้โปรดหยุดพูดถ้อยคำเ่าั้ได้แล้ว ข้ารู้ว่าเ้ามองข้าเป็คนพิเศษก็เพียงเพราะข้ารู้ทักษะทางการแพทย์บางอย่างก็เท่านั้น"
"ข้าเป็คนที่ตระหนักรู้ตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร และข้าก็ไม่เคยคิดมากด้วย” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ด้วยใบหน้าที่จริงจัง "ข้ารู้ว่าอะไรที่ข้าควรทำ และรู้ด้วยว่าอะไรไม่ควรทำ"
การแสดงออกบนใบหน้าของลู่จื่อยู่เผยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
"อันที่จริงข้า..." ดวงตาของลู่จื่อยู่เหม่อลอย และเขาก็หยุดชั่วคราว "เมื่อก่อนข้าก็เคยคิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ต่อมาข้าก็ไม่คิดเช่นนั้นอีก"
"เวลาสายมากแล้ว ข้าควรจะกลับไปแล้ว" หลินกู๋หยู่พูด ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไปทันที
นั่นก็เพียงเพราะเ้ารู้ดีว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เ้าไม่เคยเป็เหมือนผู้หญิงที่โลภเงินเ่าั้ นั่นจึงทำให้หัวใจที่เดิมทีสงบของเขาวนเวียนอยู่กับนาง
หลินกู๋หยู่เดินออกมาข้างนอก ลมกระโชกแรงพัดผ่าน หนาวเย็นถึงกับกัดเข้าที่กระดูก
หลินกู๋หยู่หดคอแล้วเดินออกไปข้างนอก
มีชายคนหนึ่งกำลังเดินมาหานาง ใบหน้าของเขาเป็สีเผือดด้วยความหนาวเย็น
หลินกู๋หยู่หยุดฝีเท้าช้าๆ หันหน้าไปมอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "พี่ฉือหาง!"
นางก็คิดอยู่ว่าฉือหางจะไม่มารับนางได้อย่างไร?
“วันนี้มารับสายแล้ว” ฉือหางพูดเสียงเบา “ข้าไปรับโต้ซามา”
หลินกู๋หยู่ขยับตัวเข้าไปใกล้ด้านข้างฉือหางจับแขนของเขาอย่างสนิทสนม และพูดอย่างพึงพอใจ "การไปรับโต้ซานั้นสำคัญกว่า ข้ากลับไปคนเดียวได้"
ผู้หญิงเป็สัตว์พูดไม่ตรงกับใจ เห็นๆ อยู่ว่านางหวังว่าเขาจะมารับนาง แต่นางกลับพูดขัดกับความหวังของตนเองเสียอย่างนั้น
ฉือหางยิ้มจางๆ และกลับบ้านพร้อมกับหลินกู๋หยู่
เมื่อเข้านอนตอนกลางคืน ท้องของหลินกู๋หยู่เจ็บราวกับตกนรก และไม่ว่าจะนอนอย่างไร นางก็นอนไม่หลับ
หลินกู๋หยู่พลิกตัวไปพลิกตัวมา ใบหน้าของนางน่าเกลียดมาก มือคว้าผ้าปูที่นอนบีบด้วยแรงทั้งหมดที่มี
นางไม่ได้ทานอะไรเย็นๆ แต่ทำไมนางถึงได้ปวดท้องอย่างรุนแรงเช่นนี้?
หลินกู๋หยู่เอื้อมมือไปดึงเสื้อผ้าของฉือหาง
"เกิดอะไรขึ้น?” ฉือหางลืมตาด้วยความงุนงงและเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ
“ปวดท้อง” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหางและพูดเสียงเบา “ไปต้มน้ำร้อนให้ข้า ข้าอยากดื่ม”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางก็ลุกขึ้นเดินไปด้านข้างและจุดเทียน
“เจ็บมากไหม?” ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเป็กังวล ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “ไปหาหมอดีหรือไม่?”
"ไม่ต้อง แค่ดื่มน้ำร้อนก็เพียงพอแล้ว” หลินกู๋หยู่พลิกตัวไปมา คิ้วของนางกลายเป็รอยย่น ใบหน้าของนางไม่น่าดูนัก และขดตัวเป็วงกลม
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เช่นนี้ ฉือหางก็รีบไปช่วยหลินกู๋หยู่ต้มน้ำ
โชคดีที่ไฟในเตาไม่ดับ และเขาก็สามารถต้มน้ำได้โดยตรง
หลังจากต้มน้ำแล้ว ฉือหางก็ยื่นถ้วยให้หลินกู๋หยู่และพูดอย่างเป็ห่วงว่า "เจ็บมากไหม?"
หลังจากดื่มน้ำร้อน อาการปวดท้องก็ทุเลาลงเล็กน้อย หลินกู๋หยู่ยื่นถ้วยให้ฉือหางและถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ไม่เป็ไรแล้ว อาจเป็เพราะร่างกายของข้าโดนอากาศเย็นเกินไป"
เช้าวันต่อมา ท้องของนางไม่เจ็บมากขนาดนั้นอีกต่อไป หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หลินกู๋หยู่ก็เดินตามฉือหางไปส่งโต้ซาที่โรงเรียนเอกชน จากนั้นฉือหางก็ไปส่งนางที่ตัวเมือง
ทันทีที่หลินกู๋หยู่มาถึงโรงหมอสกุลลู่ นางเห็นจ้าวซื่อเดินเข้ามาจากด้านนอก
"ท่านแม่" เอ่ยด้วยสีหน้าไม่สบายใจ หลินกู๋หยู่เดินช้าๆ ไปหาจ้าวซื่อ พูดด้วยรอยยิ้ม "ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ?"
จ้าวซื่อเหลือบมองผู้คนรอบตัวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เมื่อเห็นว่าหลินกู๋หยู่กำลังจะเข้ามาช่วยประคองนาง นางก็หลีกตัวไปด้านข้าง ไม่ให้หลินกู๋หยู่แตะต้องตัวนางเลยแม้แต่น้อย
การแสดงออกบนใบหน้าของหลินกู๋หยู่ฉายแววกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แล้วก็หันไปมองฉือหางที่อยู่ด้านข้าง
ฉือหางเดินไปหาจ้าวซื่อและพูดอย่างสุภาพว่า "ท่านแม่ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรหรือ?"
จ้าวซื่อดึงฉือหางออกไปด้านข้าง แววตามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเฉยเมย
ใจเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้ หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก