เมื่อเห็นผู้ชายคนนี้ นางก็นึกขึ้นได้ เมื่อคืนยังคิดอยู่ว่าเขาอาจจะกลับมาแก้แค้น วันนี้ก็บุกมาหาถึงที่เสียแล้ว
ชายหนุ่มร่างกำยำราวกับม้าผู้นี้ชำเลืองมองเสิ่นม่าน เหมือนกำลังประเมินสิ่งของและเอ่ยถามอย่างดุดัน
“เ้าเองหรือที่แย่งเงินลูกน้องข้าเมื่อวาน?”
เสิ่นม่านกะพริบตาและพูดอย่างไร้เดียงสา “เขาขโมยเงินของคนอื่น ข้าเห็นจึงเอาไปคืนเ้าของ จะเรียกว่าข้าแย่งเงินของเขาได้อย่างไรกัน?”
“เ้าเลิกพูดพล่ามได้แล้ว!”
ชายร่างกำยำขัดนางด้วยความรำคาญใจ “ไม่อย่างนั้นวันนี้เ้าก็มอบเงินในตัวทั้งหมดออกมา หรือจะให้พี่น้องข้ารุมสั่งสอนเ้าที่นี่!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ชายร่างใหญ่หลายคนก็มาล้อมกักเสิ่นม่านไว้ในวงล้อม
เสิ่นม่านสูดลมหายใจลึกและแอบปรายตามองรอบบริเวณ ตรงนี้เป็ทางตัน ถ้าหนีก็คงจะหนีไม่รอด ส่วนเื่ะโให้ช่วย… แถวนี้ก็ไม่มีคน
แม้ว่าจะมีคน แต่ดูแล้วก็คงจะหนีเอาตัวรอดแทบไม่ทัน แล้วจะมีวีรบุรุษมาช่วยหญิงงามได้อย่างไร?
นางคิดอะไรอยู่? เสิ่นม่านยิ้ม “ขอโทษ ข้าไม่มีเงิน”
“เ้าขายเต้าฮวยที่ร้านบะหมี่อยู่ครึ่งวันยังจะบอกไม่มีเงิน! เ้าใช้ไปหมดแล้วหรือ? คิดจะหลอกใครกัน?! นางตัวดี ข้าขอเตือนเ้าให้ทำตัวว่าง่ายหน่อย อย่าบีบให้พวกข้าต้องลงมือ ไม่อย่างนั้นเ้าได้ลำบากแน่!”
ชายหน้าหนูกล่าวขึ้น ทำให้เสิ่นม่านอดไม่ได้ที่จะจ้องเขา
นี่มันเล็งเป้าไว้ั้แ่แรก มิน่า… ถึงได้มาดักนางที่นี่?
เห็นทีเื่วันนี้คงจัดการไม่ง่าย เดาว่าต่อไปคงมีเื่ลำบากแน่ เพียงแต่…
้าเงินหรือ? พวกเ้าคงได้แค่กำตด!
เสิ่นม่านวางมือทาบอก จากนั้นจ้องพวกเขารายคนและหัวเราะเยาะ “พวกหัวมังกุท้ายั ข้าล่ะสงสัยเหลือเกินว่าอย่างพวกเ้าจะสร้างเื่ลำบากอันใดให้ข้าได้”
ชายร่างกำยำสีหน้าเปลี่ยน เขายื่นมือปานกรงเล็บเหยี่ยวมาบีบหน้าของนาง
เสิ่นม่านสีหน้าไม่เปลี่ยนและคว้าคอเสื้อของเขาไว้ จากนั้นฟาดเข้าที่บ้องหู
“เพียะ!” เสียงดังคมชัด
ใบหน้าของชายกำยำบวมเป่งอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัด
ชายคนนั้นทั้งโมโหทั้งใในคราวเดียวกัน ขณะที่กำลังจะยื่นมือไปจับตัวนาง สตรีที่ดูอวบอ้วนกลับว่องไวกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ในชั่วพริบตา เสิ่นม่านเคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหลังเขา มืออวบอิ่มทว่ามีแรงบีบลำคอของเขาและขู่อย่างเ็า
“แน่ใจหรือว่าพวกเ้ามีปัญญารับมือข้าได้? วันนี้หากพวกเขาไม่หยุด ข้าจะหักคอเ้าเสีย!”
“อย่างเ้าน่ะหรือ?”
ชายร่างกำยำส่งเสียงฮึดฮัด อาศัยจังหวะที่เสิ่นม่านไม่ทันระวังพลิกตัวหมายจะจับนางทุ่มลงพื้น
ใครจะรู้ว่า เสิ่นม่านเหมือนเตรียมป้องกันไว้แต่แรก นางออกแรงไปที่ขาทันใด ชายร่างใหญ่ที่หนักมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบชั่งไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นภาพเบื้องหน้าหมุนคว้าง ร่างเขาก็ถูกจับโยนข้ามไหล่!!!
ฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ…
ขณะนี้พวกนักเลงที่เหลือจู่ๆ ก็ตื่นใกับภาพที่ได้เห็นจนปากอ้าตาค้าง!
เสิ่นม่านเหยียบหน้าอกของชายกำยำ ราวกับูเาสูงตระหง่าน นางเอามือเท้าสะเอวและเผยรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจภายใต้แสงอาทิตย์ แล้วเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“ข้าขอถามเพียงว่า ยอมหรือไม่?”
ชายกำยำราวกับคนซื่อบื้อที่ถูกล้มคว่ำ เขาดิ้นรนอยู่นาน แต่สตรีที่เหยียบเขาไว้กลับไม่ไหวติงแม้แต่น้อย เขาถึงกับอึ้ง จึงได้แต่หันไปมองบรรดาลูกน้องที่มองเขาด้วยอาการสั่นเทา
“ยังมัวตะลึงอะไรอยู่? ลุยสิ!”
ยังคิดจะลุยอีกหรือ? บรรดาลูกน้องสบตากันท่าทางลังเล แต่ไม่มีผู้ใดกล้าบุก
เสิ่นม่านยืดเส้นที่คอจนกระดูกลั่น จากนั้นนั่งย่อลงข้างกายชายกำยำ
“ยังกล้าสั่งให้คนลุยอีกหรือ? ยังไม่ยอมแพ้ใช่หรือไม่? ได้! วันนี้ข้าจะให้เ้ายอมแพ้ทั้งกายและใจ!”
พูดจบ เสิ่นม่านหิ้วคอเสื้อของชายร่างใหญ่ขึ้นมา นางสามารถหิ้วเขาขึ้นจนเท้าลอยกลางอากาศ!
บรรดาลูกน้อง “!”
สิ่งมีชีวิตนี้คือสตรีจริงหรือ?
เห็นเพียงเสิ่นม่านชูมือขึ้นอย่างเชื่องช้า จากนั้นฟาดใส่ใบหน้าของชายกำยำครั้งแล้วครั้งเล่า
“เ้าคือหัวหน้าสินะ? อายุแค่นี้มีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่ช่วยเลี้ยงดูที่บ้าน วันๆ เอาแต่ทำเื่ชั่ว ชอบทำตัวเป็นักเลงนักใช่หรือไม่? ริอ่านมีลูกน้อง คิดตั้งตนเป็หัวหน้าอันธพาลหรือ?”
หลังจากถูกฟาดหน้าไปหลายที ใบหน้าของชายกำยำบวมเป่งราวกับหัวหมู เขารีบอ้อนวอนขอไว้ชีวิต
“พี่สาว ข้าผิดไปแล้ว ท่านปล่อยข้าลงก่อนเถิด ข้า… ข้ากลัวแล้ว”
คิก... เสิ่นม่านกลั้นขำไม่อยู่
นางโยนชายร่างใหญ่ลงบนพื้น อีกฝ่ายนวดสะโพกที่เจ็บเพราะถูกกระแทกเมื่อครู่ เขาลุกขึ้นในสภาพน่าสมเพช แล้วเดินโซเซกลับไปหาพวกพ้องพร้อมกับใบหน้าบวมช้ำ
คนทั้งหมดพยุงหัวหน้า ชายคนที่ขโมยเงินยังกล้าถาม “หัวหน้า จะให้เราลุยอีกหรือไม่?”
ยังคิดจะลุย?
เสิ่นม่านย่นคิ้วเข้าหากัน จากนั้นส่งสายตาพิฆาต คนเป็หัวหน้าตัวสั่นระริก
เขาตบศีรษะของหัวขโมยอย่างแรงและด่า “ยังกล้าลุยอีกหรือ? เ้าดูสถานการณ์เป็หรือไม่? ไม่มีตาหรือ? แยกย้ายเร็ว!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หนีไปกับพวกพ้อง
เสิ่นม่านปรบมือและจงใจลากเสียงยาว “วิ่งหนีทำไม? กลับมาลุยสิ ข้าล้มได้อีกเป็สิบคน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าสหายก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม
เสิ่นม่านเอามือเท้าสะเอว ก่อนจะถอนหายใจโล่งอก จับโจรต้องจับตัวหัวหน้าก่อน คำพูดนี้จริงแท้ยิ่งนัก
มิฉะนั้น หากคนมากมายลุยเข้ามาพร้อมกัน แม้นางจะมีโหมดแข็งแกร่ง แต่สองกำปั้นหรือจะสู้กับศัตรูมากมายไหว ไม่ว่าอย่างไรนางก็เสียเปรียบ เดาว่าเกิดเื่วันนี้ พวกอันธพาลกระจอกเ่าั้คงไม่กล้ามาหาเื่อีก
เสิ่นม่านอารมณ์ดีนางจึงฮัมเพลงขณะบังคับเกวียนวัวกลับหมู่บ้านโม๋ผาน ทว่ายังไม่ทันจะไปถึงประตูบ้าน นางก็เห็นชาวบ้านไม่น้อยมาล้อมบ้านของนางไว้
เมื่อนางแหวกฝูงชนเข้าไปดู ก็เห็นสตรีผู้หนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีฟ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบทั้งมีรอยเย็บปะไปทั่ว ในมือหิ้วเด็กน้อยไว้ข้างละคนและกำลังตะลุมบอนอยู่กับเด็กน้อย
ข้างกายผู้หญิงคนนั้นยังมีเด็กอ้วนที่ใบหน้าบวมเป่ง ดูแล้วน่าจะอายุราวเจ็ดถึงแปดขวบ ขณะนี้กำลังนั่งอยู่บนตัวต้าเป่าและหยิกแก้มต้าเป่าจนแดง
“กล้ารังแกลูกข้าหรือ?!” เสิ่นม่านะโเสียงดังและก้าวไปข้างหน้า จากนั้นผลักผู้หญิงและเด็กอ้วนออกไป
ผู้หญิงและเด็กอ้วนไม่ทันตั้งตัว จึงเซลงไปกองอยู่ในบ่อโคลนแฉะจนใบหน้าเปรอะเปื้อน
พวกนางสองแม่ลูกเห็นว่าเป็เสิ่นม่าน แวบแรกนั้นตกตะลึง จากนั้นนางหยางก็ไม่สนใจสิ่งใดพร้อมทั้งเริ่มร้องโอดครวญในบ่อโคลน
“ทุกคนมาดูเร็ว ครอบครัวนี้มันอย่างไรกันนะ! กลางวันแสกๆ กลับทำร้ายคน! ช่วยด้วย ชีวิตของข้าไม่อาจอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว...” เสียงโหยหวนที่ทั้งแหลมทั้งดังราวกับเสียงปี่
เสิ่นม่านอดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ จากนั้นปลอบโยนเด็กน้อยทั้งสามที่ถูกทำร้ายจนสภาพอนาถพอสมควร ถึงค่อยหันกลับไปดูอีกฝ่าย
เอ๊ะ! นี่มันเมียของคังต้าจ้วงที่ย้ายไปอยู่บ้านเดิมของนางไม่ใช่หรือ? บุกมาทะเลาะวิวาทที่บ้านใหม่นาง แล้วยังพาเด็กมาด้วย?
เมื่อเห็นว่านางร้องไห้ไม่หยุดหย่อน เสิ่นม่านจึงเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “ร้องพอหรือยัง? เ้ากับลูกชายมาทำร้ายคนบ้านข้า แล้วยังมีหน้ามาร้องไห้อีกหรือ?”
ทันทีที่นางหยางเห็นนาง ดวงตาก็ราวกับคมมีดอาบยาพิษ แทบอยากจะกรีดร่างของอีกฝ่ายสักหลายรอย
“นางเสิ่นม่านตัวดี ดูลูกที่เ้าสั่งสอนสิ! ทำร้ายลูกฟู่กุ้ยของข้าตอนเรียน สภาพลูกน้อยของข้ากลายเป็เช่นนี้ แล้วจะไม่ให้ข้ามาคิดบัญชีกับเ้าได้อย่างไร?”
------