“ข้าไม่้าการรับปากจากเ้า! ข้าเพียงแค่บอกการตัดสินใจของข้าเท่านั้น!”
คำพูดที่ดูฮึกเหิมของเย่ชิงหานกลับไม่ได้ทำให้ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เกิดความรู้สึกหวั่นไหวด้วยแม้แต่น้อย ราวกับว่าอารมณ์ของนางผู้ยิ่งใหญ่คนนี้มีแค่เพียงความเ็าอยู่ตลอดกาล เป็คนไม่รับรู้อารมณ์ใดๆ ทั้งนั้น นางหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะโบกมือขึ้นแล้วพูดขึ้นต่อ “เรียกเสี่ยวเฮยออกมาแล้วเ้าออกไปก่อน ข้าอยากจะพูดคุยกับเสี่ยวเฮยสักหน่อย!”
“อืม! ขอรับ! ยังต้องขอบคุณท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เป็อย่างมากที่มอบผลึกเทวะที่ล้ำค่าเช่นนั้นให้น้องสาวของข้า” เย่ชิงหานโค้งตัวคำนับลงไปครั้งหนึ่ง สำหรับเขาแล้วเย่ชิงอวี่สำคัญมากที่สุด ไม่ว่าจะพูดอย่างไรท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ก็ถือว่าเป็ผู้มีพระคุณคนหนึ่ง มีบุญคุณย่อมต้องทดแทนสิ่งนี้เขาท่องจำไว้เป็อย่างดี
“นั่นถือเป็สิ่งแทนคำขอบคุณที่เ้าดูแลเสี่ยวเฮยมาตลอดหลายปี ข้าไม่เคยติดค้างผู้ใดมาก่อน! เรียกเสี่ยวเฮยออกมาเถอะ...” ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่โบกมือส่งสัญญาณขึ้นบอกให้เย่ชิงหานเรียกเสี่ยวเฮยออกมาแล้วให้เขาออกไปได้แล้ว
เย่ชิงหานเผชิญกับหญิงสาวที่แข็งแกร่งแต่อารมณ์เ็าเช่นนี้ภายในใจของเขาเองก็อับจนปัญญาที่จะทำอะไรได้ แม้เขาจะสงสัยอยู่ว่าเสี่ยวเฮยพูดไม่ได้แล้วท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จะสื่อสารกับเขาอย่างไร? แต่ถึงกระนั้นก็ไม่กล้าซักถามอะไรมากรีบทำการเรียกเสี่ยวเฮยออกมาจากมิติสัตว์อสูร จากนั้นทำการคำนับลงครั้งหนึ่งแล้วก็หันหลังเดินออกไป
“จี๊ดๆ!”
“ลูกพี่ ท่านออกไปก่อน อีกสักพักเดี๋ยวข้าจะตามออกไป ข้าไม่ยอมแยกจากท่านแน่นอน!”
เสี่ยวเฮยเมื่อถูกเรียกออกมา ถูกเย่ชิงหานวางไว้บนโต๊ะสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่ทำขึ้นมาจากหินผลึกนั้น สิ่งที่เย่ชิงหานพูดคุยกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เสี่ยวเฮยล้วนได้ยินทั้งหมด ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ปฏิบัติต่อเย่ชิงหานเช่นนี้ทำให้เสี่ยวเฮยโกรธไม่พอใจเป็อย่างมาก แต่เสี่ยวเฮยก็รู้ว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเป็อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีความเกี่ยวพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเขาอีกด้วย และที่สำคัญที่สุดคือเขาก็อยากที่จะรู้ถึงชาติกำเนิดความเป็มาของตนเองด้วยจึงไม่ได้แสดงความไม่พอใจอะไรออกมา ดังนั้นจึงร้องไปทางเย่ชิงหานสองครั้งพร้อมกับส่งกระแสเสียงบอกเขาไป จากนั้นจึงหันกลับมามองไปที่ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ที่เ็ามาตลอดมองดูร่างเล็กๆ ของเสี่ยวเฮยที่อยู่บนโต๊ะผลึกสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน สีหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเป็ครั้งแรก ยิ้มอย่างสนิทสนม ยิ้มอย่างเมตตาและอ่อนโยน นางเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเมตตา “เ้าหนู ไม่เจอหลายปี เ้า...โตขึ้นแล้ว!”
.................................
“เ้าหนูหาน! ตามข้ามา!”
เย่ชิงหานเปิดประตูออกเดินมาเห็นภายในบันไดมีท่านจิ่วยืนอยู่ เมื่อนางมองเห็นเย่ชิงหานจึง “ยิ้ม” ออกมา แม้แต่คำเรียกขานก็เปลี่ยนไปเป็สนิทสนมมากขึ้น จากนั้นเดินนำเย่ชิงหานออกไป
เย่ชิงหานยิ้มออกมาเดินตามท่านจิ่วลงไป เดินผ่านระเบียงอยู่หลายแห่งจนสุดท้ายมาถึงยังตำหนักใหญ่สวยงามแห่งหนึ่ง
ตำหนักประดับตกแต่งอย่างหรูหราประณีตสวยงาม เมื่อเทียบกับหอเซียวเหยาแล้วดูหรูหราฟุ่มเฟือยยิ่งกว่า ภายในตำหนักมีคนอยู่ซึ่งก็คือเย่รั่วสุ่ยและเย่ชิงอวี่
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว!”
เย่ชิงอวี่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีทองดำตัวหนึ่งกำลังหมุนแก้วหยกเล่นไปมาอย่างเหม่อลอย แต่ดวงตาจ้องมองออกไปที่ประตูอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เมื่อเห็นเย่ชิงหานเดินเข้ามาจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับร้องขึ้นด้วยความยินดี
“คิกๆ! พวกเ้าทั้งสามคนพักผ่อนรออยู่ที่นี่ก่อน รอให้นายท่านและนายท่านเสี่ยวเฮยคุยกันเสร็จพวกเ้าก็สามารถกลับไปได้แล้ว!” ท่านจิ่วพูดออกมาอย่างสุภาพพร้อมกับโค้งตัวลงอย่างอ่อนช้อยอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงถอยจากไป
“เ้าหนูหาน?” เย่รั่วสุ่ยมองเห็นใบหน้าของเย่ชิงหานดูกลัดกลุ้มอมทุกข์อยู่หน่อยจึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาถามขึ้น
“ไม่มีอะไรมาก!” เย่ชิงหานนั่งลงยังเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างกายของเย่ชิงอวี่แล้วส่ายหน้าบอกเย่รั่วสุ่ยว่ากลับไปค่อยคุยกัน จากนั้นหยิบเอาผลไม้ทรงกลมสีชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากัดกินลงไป
“อืม...รสชาติไม่เลวเลย ทั้งสองคนกินสิ! นี่มันผลไม้อะไร? กินเข้าไปแล้วรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทั่วทั้งร่าง?”
เย่ชิงหานเมื่อกินลงไปพลันรู้สึกว่าอร่อยกว่าผลไม้ที่อยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพเสียอีก ดังนั้นจึงยื่นมือออกไปหยิบมาอีกอันอย่างไม่เกรงใจแล้วยื่นส่งไปให้เย่ชิงอวี่พร้อมกับร้องอุทานออกมา
ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เป็ถึงผู้แข็งแกร่งที่สุดของทวีปัเพลิง แม้กระทั่งท่านจิ่วที่เป็เทพอสูรก็ยังเป็ข้ารับใช้ติดตามของนาง ดังนั้นผลไม้ที่นำออกมาไว้ต้อนรับแขกจะธรรมดาได้อย่างไร? ไม่กินวางไว้ก็เสียของ กินลงไปของถึงจะไม่เสีย ยิ่งเย่ชิงหานกำลังกลัดกลุ้มอยู่เช่นนี้จึงทำการกินอย่างไม่เกรงใจไม่แต่น้อย
เย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่กินอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ส่วนเย่รั่วสุ่ยคำนึงถึงฐานะของตนเองจึงทำเพียงหยิบแก้วที่มีน้ำสีเขียวอยู่ภายในขึ้นมาดื่มเท่านั้น ดื่มไปพลางมองดูทั้งสองคนไปพลางด้วยความรู้สึกอยากจะหัวเราะและอยากจะดุด่า
.................................
ครึ่งชั่วโมงต่อมาประตูของตำหนักพลันปรากฏเงาร่างสีดำสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยมันพุ่งเข้าไปยังอ้อมอกของเย่ชิงหานโดยตรงซึ่งก็คือเสี่ยวเฮยนั่นเอง
“คิกๆ เอาละ พวกเ้าสามารถไปได้แล้ว!”
ที่ติดตามเสี่ยวเฮยมาคือท่านจิ่วซึ่งสองมือที่เต็มไปด้วยขนอ่อนนุ่มน่ารักในตอนนี้ถือประคองกล่องหยกเล็กๆ ใบหนึ่งเดินเข้ามาพูดขึ้นต่อทั้งสามคน
“ถ้าอย่างนั้น...ท่านจิ่ว พวกข้าทั้งสามคนคงต้องขอตัวลาไปก่อน มีเวลาเชิญท่านไปเดินเล่นที่เมืองชางข้าจะรอคอยต้อนรับเป็อย่างดีแน่นอน!” เย่รั่วสุ่ยลุกขึ้นยืนประสานมือไปทางท่านจิ่ว
“คิกๆ มีโอกาสแน่ เ้าหนูหานกล่องหยกใบนี้เ้าเก็บเอาไว้!” ท่านจิ่วยิ้มขึ้นแล้วส่งกล่องหยกมาให้เย่ชิงหานแล้วพูดขึ้นต่อ “แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ได้ให้เ้า แต่เก็บไว้ให้นายท่านเสี่ยวเฮย ภายในมีผลกิเลนดำอยู่ห้าลูก ทุกๆ สิบปีให้เสี่ยวเฮยกินลงไปหนึ่งลูก นายท่านบอกมาว่าต่อไปพวกเนื้อย่าง ผลไม้วิเศษ ผลึกัของอะไรพวกนั้นไม่ให้เขากินได้ยิ่งดี เพราะมันจะทำให้เกิดสิ่งแปลกปลอมขึ้นภายในร่างของเสี่ยวเฮย ไม่เป็ผลดีต่อการเติบโตของเทพอสูร!”
“อืม...ท่านจิ่ว ข้าจะจำเอาไว้!” เย่ชิงหานหัวเราะแหะๆ ออกมาแล้วจึงนำกล่องหยกเก็บเอาไว้ภายในแหวนเซียวเหยา จากนั้นยื่นมือออกไปหยิบเอาผลไม้สีชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะอีกสองลูกมาแล้วเดินตามเย่รั่วสุ่ยออกไป
“ท่านจิ่ว โอกาสหน้าคงได้พบกันอีก!” เมื่อเดินออกมาจากวังโบราณดำมืด เย่รั่วสุ่ยหันไปพยักหน้าให้ท่านจิ่ว จากนั้นพาเย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่เหาะลอยออกไปทางด้านทิศใต้ทันที
ท่านจิ่วยื่นมือที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยขึ้นโบกให้เย่รั่วสุ่ยที่เหาะลอยออกไป สายตามองจนพวกเขาเหาะลอยจากไปไกลจึงได้ยิ้มและพูดพึมพำออกมาว่า “เหอะๆ แน่นอนว่าต้องมีโอกาสได้พบกันอีกแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกไม่นานเกินรอนี้แน่ คิกๆ เ้าหนูหานช่างเป็ผู้ที่มีวาสนาเหนือคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ มีวาสนามากเสียจนน่าอิจฉาตาร้อน...”
ในตอนนี้ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่บนดาดฟ้ายืนเหม่อมองเงาร่างของพวกเย่รั่วสุ่ยที่เหาะลอยจากไป ใบหน้าไม่ได้มีแววเ็าของเมื่อสักครู่หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีแววของความอับจนปัญญาและกลัดกลุ้ม สุดท้ายจึงถอนหายใจออกมาช้าๆ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พอได้ยินเพียงคนเดียว “เย่ชิงหาน อย่าโทษข้าว่าใจดำอำมหิตกับเ้า ข้าเองก็ถูกบีบบังคับอย่างไม่มีทางเลือก ของบางสิ่งบางอย่างในเมื่อเ้ามันแล้วเ้าก็ต้องเลือกที่จะแบกรับมันเอาไว้ หวังว่าเ้าจะสามารถทลายแผ่นฟ้าผืนนี้ไปให้ได้...”
.................................
เย่รั่วสุ่ยพาสองคนหนึ่งอสูรเหาะลอยไปทางด้านทิศใต้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากครั้งนี้เป็การเดินทางกลับเขาจึงไม่ได้รักษาระดับความเร็วและระดับความสูงเอาไว้แต่อย่างใด เหาะลอยด้วยความเร็วและในระดับความสูงอย่างเต็มที่มุ่งหน้ากลับเมืองชางทางด้านทิศใต้ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เหาะลอยออกมาจากเขตป่าดำมืดเป็ที่เรียบร้อย
“เสี่ยวเฮย! ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ฟังเสียงพูดของเ้าเข้าใจด้วยอย่างนั้นรึ?”
เย่ชิงหานที่อยู่กลางอากาศไม่มีอะไรทำจึงส่งกระแสเสียงพูดคุยซักถามเสี่ยวเฮยขึ้น เขารู้สึกแปลกใจว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่สื่อสารกับเสี่ยวเฮยอย่างไร?
“อืม...นางเก่งกาจเป็อย่างมากสามารถพูดคุยขึ้นภายในิญญาของข้าได้โดยตรง เหมือนกับพวกเราสองคนพูดคุยกันเลย ข้าไม่ต้องพูดแค่คิดขึ้นมาเพียงเท่านั้น นางก็รู้ได้ในทันที!” หลังจากพูดคุยกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่มาดูเหมือนเสี่ยวเฮยจะรู้สึกอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย น้ำเสียงที่ส่งมาััได้ถึงความตื่นเต้นดีใจ
“อืม เก่งกาจถึงเพียงนั้นเชียว?” เย่ชิงหานตกตะลึงขึ้นภายในใจเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง “นางพูดกับเ้าว่าอย่างไรบ้าง? ได้บอกถึงชาติกำเนิดภูมิหลังของเ้าหรือไม่?”
“ไม่ได้บอก นางบอกแค่ว่าพ่อแม่ของข้าไม่ได้อยู่ที่โลกจักรวาลภายนอกทวีปัเพลิงแห่งนี้ บอกว่าข้ายังอ่อนแอจนเกินไป รอจนกระทั่งข้าผ่านเข้าสู่ระยะเติบโตเต็มวัยถึงจะบอกทุกอย่างแก่ข้า อืม...นางบอกว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีข้าถึงจะก้าวเข้าสู่่ระยะเติบโตเต็มวัย บอกว่าระยะเวลาที่ใช้ในการเติบโตของเทพอสูรค่อนข้างยาวนานจึงไม่ต้องรีบร้อน ให้ข้าเล่นสนุกไปก่อนเื่อื่นๆ เดี๋ยวนางจะเตรียมการไว้ให้เอง” เสี่ยเฮยพูดออกมาด้วยความอับจนปัญญาเช่นเดียวกัน เหมือนว่าระยะเวลาสิบปีสำหรับมันนั้นยาวนานเป็อย่างมาก
“พ่อแม่ของเ้าไม่ได้อยู่ที่โลกจักรวาลภายนอกทวีปัเพลิงแห่งนี้? แล้วนางได้บอกหรือไม่ว่านางกับเ้าเกี่ยวข้องกันอย่างไร?” เย่ชิงหานรู้สึกประหลาดใจ เดิมทีเขาคิดว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จะต้องเป็แม่หรือย่าของเสี่ยวเฮยอะไรทำนองนั้น เป็เทพอสูรเช่นเดียวกันและแซ่ซื่อเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่บอกว่าเป็ผู้ที่พาเสี่ยวเฮยมายังโลกจักรวาลชั้นนอกทวีปัเพลิงแห่งนี้ด้วย
เสี่ยวเฮยนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่งกระแสเสียงมาอีกว่า “อืม...นางบอกว่าหากนับตามอายุแล้วนางเป็...อาของข้า! แต่ว่ากลับไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเืแต่อย่างใด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้