“คุณชายเผยไม่ชอบหรือ?”
หวนนึกถึงชาติก่อน นางหมั้นหมายกับเซี่ยยู่จาง แล้วก็มาเยือนวัดอันเหรินเพื่อขอเครื่องรางคุ้มกันภัยให้เซี่ยยู่จาง
แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่ประจวบเหมาะนัก พระอาจารย์ใหญ่เจี้ยอู้ออกท่องพเนจรไม่ได้อยู่วัด นางจึงขอมาไม่ได้
บางทีนี่คงเป็วาสนา คงเป็กรรม ในเมื่อชาติก่อนขอให้เซี่ยยู่จางไม่สำเร็จ เช่นนั้นหากขอให้เผยฉางชิงในชาตินี้เล่า?
“ข้าน้อยเผยหาได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่เครื่องรางของพระอาจารย์ใหญ่เจี้ยอู้มิได้ขอมาง่ายดายขนาดนั้น คุณหนูจะขอมาได้จริงหรือขอรับ?”
เฉินจิ้งเจียหลุบดวงตาลง ปกปิดอารมณ์ในแววตา
หากนางจำไม่ผิด ่เวลานี้ในชาติที่แล้ว พระอาจารย์ใหญ่เจี้ยอู้กำลังแสดงเทศนาธรรม
เหล่านายหญิงชั้นสูงในเมืองหลวงล้วนเคยมาฟังเทศนาแล้ว เดิมทีนางก็จะมาเช่นกัน ทว่าจ้าวอี๋เหนียงบอกนางว่าท่านแม่เพิ่งล่วงลับไม่นาน หากนางออกข้างนอกเกรงว่าจะไม่ดีนัก นั่นจึงเป็เหตุให้นางมิได้ออกไป
และการไปฟังเทศนาธรรมที่วัดอันเหรินครานี้นี่เอง จ้าวอี๋เหนียงที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็ฮูหยินไม่นาน ก็กลายเป็ฮูหยินที่เหล่านายหญิงชั้นสูงทั้งหลายต่างพากันประจบประแจง เฉินจิ้งโหรวเองก็แทนที่นางไปเรียบร้อย กลายเป็คุณหนูผู้ดึงดูดสายตาฝูงชนที่สุดแห่งจวนป๋อชางโหว
ส่วนเครื่องราง ชาติก่อนก็เป็เฉินจิ้งโหรวที่ได้ไป เช่นนั้นในชาตินี้นางจะแย่งเครื่องรางของนางมา ่ชิงความสนใจที่ควรเป็ของนางคืนมา!
“ขอได้ถือเป็วาสนา ขอไม่ได้ก็เป็ชะตาเช่นกัน มิเช่นนั้นคุณชายเผยก็รออีกสักสองวันเถิด”
เผยฉางชิงไม่รู้ว่าเหตุใดเฉินจิ้งเจียถึงได้มั่นใจอย่างยิ่งยวดว่าต้องขอเครื่องรางจากพระอาจารย์ใหญ่เจี้ยอู้ได้ สำหรับคุณหนูจวนป๋อชางโหวผู้นี้ ยิ่งดูก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“กระนั้นยังมีอีกเื่หนึ่ง ที่ข้าจำต้องสัญญากับคุณชายให้เรียบร้อยก่อน” คำพูดของนางเคร่งขรึมจริงจัง ต่างไปจากท่าทางหยิ่งยโสเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
เผยฉางชิงกะพริบตาปริบๆ “คุณหนูกังวลเื่ใดโปรดบอกได้เลยขอรับ”
“ท่านเองก็รู้ว่าท่านแม่ข้าเพิ่งล่วงลับ ที่มาวัดอันเหรินก็เพื่อทำพิธีกรรมให้ท่านแม่ เพื่ออธิษฐานให้นางสู่สุคติ ข้าต้องไว้ทุกข์ให้ท่านแม่สามปีถึงจะแต่งงานได้อย่างสมบูรณ์ คงต้องรบกวนคุณชายรอข้าอีกสามปี”
ก็แค่สามปีเองนี่
เผยฉางชิงยกยิ้มมุมปาก “ขนาดคุณหนูยังรอได้ ไหนเลยข้าน้อยเผยจะรอมิได้ขอรับ?”
เฉินจิ้งเจียมองรอยยิ้มมุมปากของเผยฉางชิงก่อนยกยิ้มตาม เช่นนี้ก็ดีน่ะสิ
ป๋อชางโหวและเฉินอี้เหอยืนอยู่ด้านข้าง ดวงตาถลึงโตเท่าไข่ห่านกำลังจดจ้องแม่นางน้อยของจวนผู้นี้ หารือเื่แต่งงานด้วยตัวเองไม่พอ ยังหารือกับคนที่จะแต่งงานอีกด้วย...
ทั้งสองมองกันไปมา ดูเหมือนทั้งสองกลายเป็รูปปั้นเลยมิใช่หรือ?
“อะแฮ่ม ในเมื่อเจียเอ๋อร์พูดมาขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นสองวันนี้คุณชายเผยมาพักที่เรือนข้าชั่วคราวก่อนเถิด” เฉินอี้เหอบอกแผนจัดแจง นั่นถึงจะแสดงให้เห็นว่าตนยังมีประโยชน์
ป๋อชางโหวเอ่ยตาม “อี้เอ๋อร์จัดเวลาได้ประจวบเหมาะยิ่ง พรุ่งนี้ข้าจะให้พ่อบ้านส่งเด็กรับใช้มาบริการเ้า”
เผยฉางชิงที่เคยชินกับชีวิตยาจกแสนธรรมดานั้น แม้เฉินอี้เหอจะรู้สึกว่าทุกหนแห่งในวัดจะไม่เพียบพร้อม ทว่าในสายตาเผยฉางชิงกลับถือว่าดีมากแล้ว
เฉินอี้เหอเดินเข้าๆ ออกๆ ห้องพักแขก ประเดี๋ยวเพิ่มเครื่องนอน ประเดี๋ยวหยิบกระถางไฟเข้ามา
เขาคิดง่ายๆ ว่า คนผู้นี้คือคนที่เฉินจิ้งเจียโปรดปราน มิอาจทำให้ลำบากใจได้
กระนั้นต่อให้เขายอดเยี่ยมเพียงใด ก็ยังมิสู้ป๋อชางโหวบิดาเขาที่เป็จิ้งจอกเฒ่าเ้าเล่ห์ ภายนอกดูเอาใจใส่ความเป็อยู่ของเผยฉางชิงยิ่ง ซ้ำยังจัดแจงส่งเด็กรับใช้ไปให้ แต่มีใครรู้บ้างว่าเด็กรับใช้ผู้นั้นคือคนที่คอยจับตามองเขา?
ทางเฉินอี้เหอกระตือรือร้นเอาใจใส่เกินควร แต่ทางป๋อชางโหวกลับยังกังวลไม่คลาย ยิ่งตอนกินตอนนอน หัวคิ้วก็ยังเอาแต่ขมวดมุ่นเป็ปมไม่คลายเสียที
“วันนี้ท่านโหวคุยกับคุณชายเผยเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ? ข้าเห็นแล้วดูเหมือนท่านจะยังกังวลอยู่?”
จ้าวอี๋เหนียงนอนข้างป๋อชางโหว ก่อนถามไถ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
นางแสร้งแสดงบทเป็บุปผารู้ภาษา[1] นางรู้ดียิ่งว่าการจะคว้าบุรุษไว้สักคนนั้น มิอาจอาศัยแค่ความงามอย่างเดียว
มนุษย์นั้นต่อให้งดงามเพียงใด สักวันหนึ่งก็ต้องมีวันโรยรา มีเพียงการเปลี่ยนตนให้เข้าอกเข้าใจบุรุษเท่านั้น ร้อนรนไปกับเื่ที่เขาร้อนรน คิดไปกับเื่ที่เขาคิด เช่นนี้ถึงจะมัดใจเขาได้
ครั้นมัดใจได้แล้ว เช่นนั้นบุรุษดังกล่าวจะไม่เชื่อฟังตามคำนางได้หรือ? ก็เหมือนกับป๋อชางโหวในตอนนี้อย่างไรเล่า...
“เ้าถามไปเพื่ออันใด เผยฉางชิงนั่นจะเป็อย่างไรข้าตัดสินใจเอง เ้าไม่ต้องห่วงเื่นี้ไปหรอก”
ป๋อชางโหวพูดจบก็พลิกตัวหันไปอีกฝั่ง ทิ้งแผ่นหลังอันห่างเหินให้จ้าวอี๋เหนียงเพียงเท่านั้น
เมื่อได้ยินดังว่า จ้าวอี๋เหนียงเป็อันชะงักงันไปทั้งตัว เห็นชัดว่านางมัดใจเขาได้แล้ว ไฉน ไฉนถึงกลายเป็แบบนี้ไปได้?
หากนางไม่เอ่ยถึงเผยฉางชิงก็คงดี เพราะเมื่อเอ่ยแล้ว ป๋อชางโหวก็ยิ่งไม่วางใจ
พูดคุยกับเผยฉางชิงวันนี้ เขายังไม่ทันได้ถามไถ่มากมาย ก็ถูกเฉินจิ้งเจียรับบทต่อไปแล้ว เร่งรีบตกลงหมั้นหมายทั้งที่ยังไม่รู้สถานการณ์ด้านอื่นของเผยฉางชิงด้วยซ้ำ...
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งมิอาจสงบใจได้ ผุดกายลุกขึ้นทันใด
ครั้นเห็นเขากำลังสวมชุดคลุม จ้าวอี๋เหนียงพลันแตกตื่นขึ้น “ท่านโหว ดึกขนาดนี้ท่านจะไปไหนเ้าคะ?”
“เ้าหลับก่อนเถิด ข้าจะออกไปเดินสักพัก” พูดจบป๋อชางโหวก็เดินออกไปทันที ไม่หันมองนางแม้แต่น้อย
ป๋อชางโหวเดินมาถึงเรือนพักของเฉินอี้เหอ ครั้นเห็นเขามา เฉินอี้เหอก็ประหลาดใจเล็กน้อย
“ท่านพ่อ? ดึกดื่นป่านนี้ไฉนท่านถึงมากัน?”
มองภายในเรือนพักที่ยังคงสว่างไสวครู่หนึ่ง จากนั้นป๋อชางโหวถึงถาม “เขายังไม่พักผ่อนหรือ?”
เฉินอี้เหอมองตามปลายสายตาเขา ก่อนพยักหน้ารับ “เขาบอกว่ายังต้องอ่านหนังสืออีกสักพัก ข้าจึงไม่โน้มน้าวให้เขาพัก เพิ่มกระถางไฟให้เขาอีกอัน เพิ่มเครื่องนอนให้อีกชุด คงไม่หนาวเย็นแล้วล่ะขอรับ”
เขาเพิ่งพูดจบ ป๋อชางโหวพลันพ่นลมอย่างไม่สบอารมณ์ทันใด “เพิ่มอะไรนักหนา วัยหนุ่มควรเืร้อนพลุ่งพล่าน อากาศเย็นเท่านี้ยังทนไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรได้อีก!”
หลังจากถูกตำหนิอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เฉินอี้เหอถูจมูกท่าทีลำบากใจ “เช่นนั้น จะให้ข้าไปเก็บคืนหรือขอรับ?”
“เก็บคืนอะไรกันเล่า! หากเฉินจิ้งเจียรู้เข้า คงเห็นว่าพ่อและพี่ชายอย่างเราขี้งกจนไร้น้ำใจน่ะสิ!”
อ้าว...
เพิ่มให้ก็ผิด จะให้ริบคืนก็ไม่ใช่ เฉินอี้เหอรู้สึกว่าครานี้บิดาของตนเอาใจยากยิ่งนัก
ขณะเขากำลังครุ่นคิดว่าควรพูดอะไรเพื่อเปลี่ยนคืนภาพลักษณ์ของตนในใจป๋อชางโหว ทันใดนั้นป๋อชางโหวกลับถอนหายใจยาวเหยียด “ข้าไม่น่ามาหาเ้าที่นี่เสียเลย มาถึงก็ทำข้าโมโหแล้ว!”
นี่มัน...
เฉินอี้เหอเงยหน้ามองท้องฟ้าหมดคำจะพูด มิใช่ว่าท่านเป็ฝ่ายมาเยือนที่นี่เองหรอกหรือ ข้ามิได้เรียกท่านมาหาเสียหน่อยนี่!
แต่ประโยคนี้เขามิกล้าเอ่ยออกไป จึงทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น
เมื่อเห็นเท้าป๋อชางโหวมุ่งออกข้างนอก เขาจึงเร่งรีบตามติด “ท่านพ่อจะกลับแล้วใช่หรือไม่ขอรับ? ดึกแล้ว ท่านเองก็ควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
สิ้นคำพูดประจบประแจง ฝีเท้าป๋อชางโหวพลันหยุดชะงักทันตาเห็น เขาหันมามองเฉินอี้เหอ “กลับอะไรกันเล่า! ข้าจะไปหาเจียเอ๋อร์! อย่าปล่อยให้นางคิดว่าข้าเป็พ่อที่ลำเอียงหาพี่ชายเช่นเ้า ดึกดื่นขนาดนี้มาหาเ้าที่เรือน แต่ไม่ไปหานางอย่างนั้นหรือ?”
ประโยคนี้ทำเอาเฉินอี้เหอหมดคำพูดอีกครั้ง ครอบครัวของพวกเขานี่ ที่ผ่านมาเอาแต่ลำเอียงไปหาผู้หญิง เคยมีตอนไหนลำเอียงมาทางผู้ชายบ้าง?
ต่อให้เฉินจิ้งเจียรู้ว่าป๋อชางโหวมาหาเขาแต่ไม่ไปหานาง นางก็ไม่มีทางหวงพ่อกับพี่ชายคนนี้อยู่แล้ว
กระนั้นแม่ทัพเฉินกลับปอดแหก แค่คำพูดนี้กลับยังมิกล้าเอ่ยออกมา ทำได้เพียงมองป๋อชางโหวหายไปในความมืด
-------------------
[1] หมายถึง หญิงงามที่เฉลียวฉลาด รู้ใจคน
