ซ่งอวี้ใช้เวลาหนึ่งวันในการอ่านนิยายนับสิบเล่ม ซึ่งเนื้อหาโดยมากล้วนเป็เื่ราวความรักระหว่างคุณหนูตระกูลใหญ่กับปัญญาชน
ส่วนนิยายอีกสองเล่มเป็เื่ราวความรักของมารสาวที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปัญญาชน ยอมปัญญาชนด้วยความสมัครใจ ให้ทั้งเงินทองและบ้านเรือน เมื่อถึงวันที่เขาประสบความสำเร็จ มารสาวก็หาผู้หญิงมาให้ แต่งตั้งผู้หญิงคนนั้นเป็ภรรยา ส่วนตนก็ถอนตัวออกจากความรักนี้
เนื้อเื่เช่นนี้ บ้าไปแล้วกระมัง?
ซ่งอวี้ที่ไม่อาจทนได้ คว้าพู่กันขึ้นมาเริ่มแต่งนิยาย เนื้อหาเช่นนี้นางเขียนได้วันละสิบเล่ม!
ทว่าหลังจากหยิบพู่กันขึ้นมา ซ่งอวี้กลับไม่รู้ว่าควรจะเขียนอย่างไร ทะลุมิติ? เกิดใหม่? พระเอกจอมเผด็จการ? คำศัพท์เหล่านี้แล่นเข้ามาในความคิดเพียงครู่หนึ่งก็ถูกปัดทิ้งไปจนหมดสิ้น
เขียนนิยายเช่นนี้เกรงว่าผู้อื่นคงจะคิดว่านางสติวิปลาสกระมัง หรือว่า...เขียนเื่ราวเกี่ยวกับจอมยุทธ์? ไม่ได้ๆ หากยุคสมัยนี้มีสำนักคล้ายกันขึ้นมาจริงๆ เกิดนางเขียนขึ้นมา สำนักเ่าั้อาจคิดว่านางกำลังดูแคลนพวกเขา เช่นนั้นจะถูกทำร้ายเอาได้ไม่ใช่หรือ?
ซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วก็ค้นพบเื่น่าเศร้าใจ ตนคิดไม่ออกว่าจะเขียนเื่อะไรเนี่ยนะ ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
เขียนเนื้อหาประมาณไหนดีเล่า? หลังจากนี้ไม่แน่อาจจะเข้าสู่่า หรือว่าเขียนเล่าถึงเื่ราวในาดี? อืม เทียบกับแม่ทัพหนุ่มแล้ว ซ่งอวี้หันเหไปทางแม่ทัพหญิงมากกว่า คนในใต้หล้าจะได้รู้ว่าสตรีก็ทำาได้ สตรีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษ
หลังจากตัดสินใจเื่หัวข้อได้แล้ว ซ่งอวี้เริ่มคิดเนื้อเื่ คิดตัวละครต่างๆ นางมีความสุขกับการจินตนาการเป็อย่างมาก
ยุคสมัยนี้ไม่มีคอมพิวเตอร์ ทุกตัวอักษรต้องเขียนลงบนกระดาษ ด้วยเหตุนี้นางจึงเขียนได้ช้ามาก หลังจากที่นางคิดเนื้อเื่และตัวละครต่างๆ เสร็จ ท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดลงแล้ว
จริงตามที่ว่าไว้ มีเพียงการทำให้ตนเองยุ่งเท่านั้นเวลาจึงจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเล่า เพียงครู่หนึ่งก็ค่ำแล้ว
ซ่งอวี้รู้สึกหิว จึงเดินออกไปจากห้องเพื่อหาอะไรกิน และเห็นลุงสือโถวนั่งอยู่ในลานกว้างพอดี
“ตลอด่เย็นที่ผ่านมาเ้าทำอะไรอยู่? ข้าเคาะประตูหลายครั้งไม่เห็นเ้าขานตอบ คิดว่าเ้าเป็อะไรไปเสียอีก” ลุงสือโถวพูดด้วยรอยยิ้ม
มีคนเคาะประตู? ซ่งอวี้ฉงนไปครู่หนึ่ง
นางมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง คือยามที่ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง นางจะอยู่ในโลกของตนเอง บางครั้งมีคนร้องเรียกก็ไม่ได้ยิน
มีคนมากมายตำหนิซ่งอวี้เื่นี้ แต่นางรู้สึกว่าการที่ตนเป็เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน จึงไม่ได้แก้นิสัยนี้
“เอ่อ ่บ่ายข้าอ่านตำราแพทย์ อาจจะเป็เพราะตั้งใจอ่านมากเกินไปเล็กน้อย จึงไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู ทำให้ลุงสือโถวมาตามเสียเที่ยวตั้งหลายรอบ”
ซ่งอวี้กระอักกระอ่วนใจที่จะบอกว่าเพราะตนตั้งหน้าตั้งตาแต่งนิยาย กำลังคิดตัวละครและเนื้อเื่ด้วยความตั้งใจ ดังนั้นจึงเอาตำราแพทย์มาอ้าง
ลุงสือโถวพยักหน้าด้วยความปลื้มปริ่ม
“การที่วิชาการแพทย์ของเ้าล้ำเลิศเช่นนี้ ย่อมเป็เพราะอุปนิสัยของเ้าที่รักในการศึกษาวิชาการแพทย์ แม้ผู้อื่นจะอิจฉาเ้า ก็ไม่อาจหาวิธีล้ำหน้าเ้าได้”
ซ่งอวี้ที่ถูกคนตรงหน้าชมกะทันหัน ได้แต่ลูบดวงหน้าที่ร้อนผ่าวของตนเอง “เอ่อ...ลุงสือโถว ข้าอ่านหนังสือตลอดทั้ง่เย็น ท้องว่างยิ่งนัก ว่าจะออกมาหาอะไรกินเล็กน้อย ข้าไม่รบกวนท่านลุงแล้ว”
รีบหนีก่อนดีกว่า มิเช่นนั้นหน้าจะแดงเป็ตูดลิงแล้ว
ลุงสือโถวยิ้มแล้วพยักหน้า “ไปเถอะ ข้าบอกโรงครัวแล้ว ให้พวกเขาเหลืออาหารให้เ้า เ้าไปที่โรงครัวได้เลย คราวหน้าอย่าปล่อยให้ตนเองหิวอีก”
ซ่งอวี้มาถึงโรงครัว มีอาหารเก็บเอาไว้ให้นางจริงๆ อาหารอยู่ในกระทะ ตอนเปิดฝายังมีไอร้อนระเหยขึ้นมา ซ่งอวี้ก็ไม่ใช่คนเลือกกิน หลังจากกินอย่างรวดเร็วจนอิ่มท้อง นางก็กลับเข้าไปในห้อง เริ่มแต่งนิยายต่อ
ในเมื่อคิดจะแต่งนิยายเกี่ยวกับแม่ทัพหญิง เช่นนั้นก็ไม่อาจเขียนให้แม่ทัพหญิงมีความเป็แม่บ้านแม่เรือนจนเกินไป ด้วยเหตุนี้นางจึงเขียนภูมิหลังของตัวละครตัวนี้ว่ามาจากตระกูลทหาร นางเอกของเื่หลงใหลศิลปะการต่อสู้ั้แ่เด็ก จึงหมั่นเรียนรู้ฝึกฝนแต่ด้านนี้ ทำอาหารและเย็บปักถักร้อยไม่เป็ ทว่ากลับใช้อาวุธได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังเป็คนที่แม้กระทั่งบิดาและพี่น้องผู้ชายในตระกูลไม่อาจเอาชนะได้
ด้านอุปนิสัย เขียนว่านางเอกเป็คนตรงไปตรงมา เด็ดเดี่ยว ทั้งที่เป็สตรี แต่บางครั้งกลับดื้อรั้นยิ่งกว่าพี่ชาย มักจะหนีไปประลองยุทธ์กับผู้อื่นอยู่บ่อยๆ หลายครั้งที่นางเกือบถูกขับไล่ออกจากตระกูล เพราะนิสัยของนางที่แตกต่างจากคนอื่น ทำให้ตระกูลอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง
ต่อจากนั้นก็เขียนถึงเนื้อเื่ เกิดาขึ้นในแถบชายแดน าดำเนินไม่หยุด ทั้งบิดาและพี่ชายต่างออกไปทำา นางเอกก็อยากไป ทว่านางเป็สตรีไม่อาจร่วมทำาได้ จึงทำได้เพียงรอฟังข่าวอยู่ในเรือนเท่านั้น
แม้นางเอกจะไม่เชื่อฟังบิดาและพี่ชายเท่าใดนัก ทว่าใจจริงนางเคารพและนับถือพวกเขามาก รู้สึกว่าพวกเขาเป็วีรบุรุษของแคว้น ไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อศัตรูอย่างแน่นอน
ทว่าความเป็จริงกลับตรงกันข้าม บิดาและพี่ชายของนางถูกรองแม่ทัพทรยศ ทั้งคู่ถูกสังหาร แล้วแขวนศีรษะเอาไว้ใต้ธงของแคว้นศัตรู ราวกับเป็เครื่องแสดงชัยชนะของศัตรู
ในขณะที่มารดาและพี่สะใภ้เสียใจร้องไห้ไม่หยุด คนในตระกูลกลับวางแผนการร้าย คิดจะแย่งชิงที่พึ่งพิงของพวกนาง ภายใต้ความเศร้าเสียใจนางเอกจึงสังหารทุกคน ฆ่าพวกคนละโมบโลภมากในตระกูลจนหมดสิ้น หลังจากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยนานถึงสามปี
สามปีต่อมานางเอกกลับมาอีกครั้งโดยปกปิดตัวตนที่แท้จริง หัวใจของหญิงสาวเสมือนถูกลบล้างไปจนหมดสิ้น กลายเป็ดั่งมารร้ายที่มาจากขุมนรก คอยเฝ้าชายแดน ทำให้แคว้นของศัตรูไม่กล้าย่างกายเข้ามาอีก ปกป้องแคว้นให้อยู่ในความสงบนานกว่าสิบปี
ไม่มีผู้ใดรู้อดีตของนาง แม้กระทั่งมารดาและพี่สะใภ้นางก็ปิดบังเื่นี้เอาไว้ไม่ให้รู้ ทุกคนต่างดีใจที่แคว้นของตนมีเทพาเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง แม้กระทั่งตอนเผชิญหน้ากับผู้เป็แม่ ผู้เป็แม่ก็ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของนางเอกเป็ใคร
หลังจากนั้น นางเอกรับบุตรชายเพียงคนเดียวของพี่ชายมาอยู่ข้างกาย สอนศิลปะการต่อสู้ให้เขา สอนยุทธศาสตร์การทหารให้เขา สอนให้เขาซื่อสัตย์ต่อจักรพรรดิ จงรักภักดีต่อแคว้น
ใครกันที่กล่าวว่าสตรีไม่อาจเทียบบุรุษได้ นางเฝ้าปกป้องชายแดนในฐานะสตรี ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกายเข้ามาแม้เพียงก้าวหนึ่ง ทว่าสิบปีต่อมาความลับของนางถูกเปิดเผย มีคนเขียนฎีกาให้ฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้เรียกตัวเข้าเฝ้า
นางเอกถูกคุมตัวเข้าเมืองหลวง อยู่ในตำหนักจินหลวน นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ด้วยรอยยิ้ม พูดเสียงหนักแน่น “หม่อมฉันรับราชการเป็ทหารมานานสิบกว่าปี ปกป้องดูแลความสงบของชายแดน ไม่เคยทำผิดต่อฝ่าา ไม่เคยทำผิดต่อบิดาและพี่ชายที่ล่วงลับ แม้ต้องตายหม่อมฉันก็ไม่มีอะไรให้เสียใจเพคะ” พูดจบ นางก็ดื่มสุราพิษ ตายด้วยรอยยิ้ม
บางที สำหรับนางเอกแล้ว ความเสียใจเพียงหนึ่งเดียวของนาง คงจะเป็การที่ไม่ได้ตายในา เหมือนบิดาและพี่ชาย
นิยายเื่นี้ ซ่งอวี้ไม่คิดจะเขียนเยอะเท่าใดนัก ประมาณไม่กี่หมื่นตัวอักษรเท่านั้น
เพราะการเขียนเกี่ยวกับแม่ทัพหญิงไม่ใช่เื่ง่าย นอกจากนี้การบรรยายเหตุการณ์ในาก็ไม่ใช่เื่ง่ายเช่นเดียวกัน ไม่แน่ อาจจะถูกปัญญาชนนำไปตีความหมายเป็อื่น นางไม่กลัวโลกอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบัน แต่พวกปัญญาชนใจแคบในยุคนี้ นางกลัวจริงๆ
เพื่อนิยายเล่มนี้ ซ่งอวี้ไม่ออกจากเรือนอยู่หลายวันกว่าจะเขียนเสร็จ ทว่าหมึกยังไม่ทันแห้งก็ถูกจังซื่อิเห็นเข้า แล้วแย่งไปอ่าน
จังซื่อิเป็คนหยุกหยิกอยู่ไม่นิ่งเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว ่นี้เพราะต้องรักษาาแ ไม่อาจขยับเขยื้อนมากได้ ก็ทำให้เขาอึดอัดมากแล้ว
ลุงสือโถวเป็ห่วงลูกชายมาก แค่อ่านตำรายังต้องได้รับอนุญาตก่อน ด้วยเหตุนี้่นี้เขาจึงต้องนอนนิ่งเป็ปลาเค็มตากแห้งอยู่บนเตียง ทั้งยังเป็ปลาเค็มที่ไม่อาจทำอะไรได้ เมื่อได้รับอนุญาตให้ลุกออกจากเตียงได้ ย่อมเดินไปทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งเรือนของซ่งอวี้
“โชคดีที่ข้ามา มิเช่นนั้นข้าคงไม่รู้ว่าพี่ซ่งอวี้แต่งนิยายเป็ด้วย ข้าต้องมองท่านใหม่แล้วจริงๆ!” หลังจากซ่งอวี้รักษาาแของเขา ทั้งสองก็สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว เวลานี้จังซื่อิเรียกซ่งอวี้ใหม่แล้ว เขาเรียกนางว่าพี่
ซ่งอวี้เม้มปาก “เป็เพราะ่นี้ข้าเบื่อหน่ายยิ่งนัก จึงเขียนเรื่อยเปื่อย เ้าหยุดอ่านได้แล้ว รีบคืนข้าเถอะ”
นางไม่รู้ว่าคนในยุคสมัยนี้มีความชอบอย่างไร จึงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย กลัวจะถูกผู้อื่นด่าทอ