คำพูดนี้เหมือนจะเป็สิ่งที่ชีเหนียงพูดจริงๆ เขามองดูสิงเหล่าซื่อและถาม “เหตุใดจึงไม่เห็นเงาของชีเหนียง? ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?”
ไฟแห่งความคิดถึงในใจของเขาทะลักออกมาไม่หยุด เดิมทีคิดว่าจะได้เจอ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้เห็นแม้แต่เงา หากมิใช่เพราะยังสามารถได้กลิ่นหลงเหลือของชีเหนียงในเรือนไม้ไผ่ที่นางเคยอาศัย เกรงว่าตนเองคงะเิอารมณ์ไปนานแล้ว
สิงเหล่าซื่ออ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ เขาจึงเข้าไปหิ้วอีกฝ่ายขึ้นมาทันที “ชีเหนียงล่ะ? เกิดเื่ขึ้นหรือ?”
“ไม่ ไม่ใช่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของสิงเหล่าซื่อ เขาจึงวางคนลง สิงเหล่าซื่อรีบบอกเล่า
“สองวันก่อน มีสหายเก่ามาหาลั่วฮูหยิน ลั่วฮูหยินจึงเดินทางไปเมืองหลวงในอีกไม่กี่วันให้หลัง! อ้ะ แต่ลูกพี่จ้าวอย่าเพิ่งโมโห ข้ารู้ว่าข้าควรห้าม เพียงแต่ลั่วฮูหยินรู้จักกับท่านมานานกว่าข้า นางมีสติปัญญาหลักแหลมปานนั้น หากข้าพูดมาก นางต้องสงสัยแน่ ดังนั้นข้าจึงได้แต่ส่งเฉียงจื่อแอบตามไป”
“ท่านวางใจได้ เฉียงจื่อมีไหวพริบ จำต้องรับรองความปลอดภัยของลั่วฮูหยินได้แน่!”
เมื่อเห็นจ้าวจือชิงอารมณ์เย็นลง เขาจึงลากจ้าวจือชิงไปอีกทาง
“ตอนที่สร้างบ้านพักตากอากาศ ได้เจอสมุดบัญชีมากมาย เพียงแต่ข้าไม่รู้หนังสือ ดังนั้นจึงอ่านไม่ค่อยเข้าใจ” สิงเหล่าซื่อบอกเื่นี้กับเขาอย่างเรียบง่าย จ้าวจือชิงรับบันทึกที่เกี่ยวกับความชั่วที่สือเลี่ยหยางเคยทำไว้
ด้านในนั้นมีเขียนถึงกระทั่งว่าเื่ใดถูกผู้ใดบงการมา ผลลัพธ์เป็เช่นไร ทุกเื่ราวล้วนถูกบันทึกไว้เป็ลำดับ
เขาค้นข้อมูลที่เกี่ยวกับชีเหนียงอยู่นาน แต่กลับเห็นเพียงภาพวาดกับชื่อของชีเหนียง โดยไม่มีเื่ราวบันทึกไว้ เดาว่าคงไม่มีเวลา ดังนั้นเื่ของชีเหนียงจึงไม่ได้ถูกจดบันทึกไว้ ส่วนภาพวาดของชีเหนียงนี้ เขาเก็บมันไว้อย่างระมัดระวัง
ชีเหนียงบนภาพกับชีเหนียงตอนนี้ ไม่มีจุดใดที่เหมือนกันแม้แต่แห่งเดียว แต่ภาพวาดนี้ จะต้องถูกวาดโดยคนที่อยู่เื้ัแน่
สิงเหล่าซื่อเห็นเขาเก็บของเรียบร้อย ถึงกล้าเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเื่ของสือเลี่ยหยาง “ลูกพี่จ้าว สือเลี่ยหยางทางนั้น?”
“สำหรับคนผู้นี้ ต่อไปเ้าถือเสียว่าไม่เคยรู้อะไรทั้งนั้นก็พอ ทว่าภายถาคหน้า หากต้องให้เ้าเป็พยาน เ้าคงรู้ว่าควรทำอย่างไรสินะ?”
“รับ รับทราบ!”
เมื่อเห็นจ้าวจือชิงไม่อยากบอกรายละเอียดกับเขา จึงรู้ว่าในนี้คงไม่ได้ราบรื่นถึงเพียงนั้น ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่ได้สงสัยใคร่รู้ในเื่เหล่านี้นัก ตอนนี้เขามีความสุขอิ่มเอมใจนัก จึงไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย ขอเพียงต่อไปสือเลี่ยหยางไม่โผล่มาระรานตนเองก็พอ
ระหว่างนั้น เขาก็บอกเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของชาวบ้านพักตากอากาศที่นำโดยชีเหนียง ระหว่างเล่าก็มีความเลื่อมใสและซาบซึ้งที่มีต่อชีเหนียงปะปนอยู่
“ลูกพี่จ้าว ไม่ทราบว่าคุณชายรองนิสัยเป็เช่นไรหรือ ท่านเองก็รู้ว่าคุณชายใหญ่สติปัญญาหลักแหลม มีบางครั้งที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนกลัว” ความกลัวที่สิงเหล่าซื่อหมายถึงไม่ได้หมายถึงว่า ลั่วจิ่งเฉินทุบตีด่าทอคน หากแต่เป็สภาวะจิตใจภายใน เพียงสายตาเดียวของเขาก็ทำให้ตนเองรู้สึกถูกอ่านความคิดจนทะลุปรุโปร่ง ความรู้สึกนี้เหมือนกับจ้าวจือชิงยิ่งนัก
เขาพึมพำอย่างไม่ใส่ใจ “ช่างเหมือนกับท่านยิ่งนัก หวังว่าคุณชายรองจะดีกว่าหน่อย อย่ารับมือยากขนาดนั้นเลย!”
ภายใต้เงามืด มุมปากของจ้าวจือชิงโค้งขึ้นเล็กน้อย เหมือนพอใจกับคำพูดของสิงเหล่าซื่ออย่างมาก
“จิ่งซีน่ะหรือ ไม่เหมือนพี่ชายเขา นิสัยร่าเริงกว่า ทว่าเ้าอย่าคิดว่าเขาหลอกง่ายเชียว”
ลั่วจิ่งเฉินสติปัญหาเฉียบคม แม้ลั่วจิ่งซีจะเทียบเขาไม่ได้ แต่หลายวันมานี้ หลังจากเขาติดตามเรียนรู้และฝึกฝนข้างกายชีเหนียงกับโจวย่าอวิ๋น นิสัยก็สุขุมมากขึ้น บวกกับรูปร่างสูงใหญ่ของเขา บางครั้งเวลาข่มขู่คน จึงได้ผลกว่าลั่วจิ่งเฉินนัก
“ดูท่านพูดเข้าสิ ข้าอยู่ดีๆ จะไปหลอกเขาทำไม คุณชายรองมาเพื่อพาพวกข้าพุ่งทะยานสู่ข้างหน้า ข้าก็แค่อยากสืบรู้ก่อน จะได้ไม่ล่วงเกินเขาอย่างไรล่ะ”
สิงเหล่าซื่อไม่มีทางบอกหรอกว่าเขาอยากสืบข้อมูลของคุณชายรองก็เพื่อเอาใจอีกฝ่าย จะได้ช่วยตนเองรีบหาภรรยาสักคนล่วงหน้า
ทั้งบ้านพักตากอากาศเฝ้ารอการมาถึงของลั่วจิ่งซีอย่างเต็มเปี่ยม แต่จ้าวจือชิงกลับทนรอลั่วจิ่งซีไม่ไหว วันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางไปเมืองหลวงทันที
ในเมืองหลวง พวกชีเหนียงพักแรมที่โรงเตี๊ยมชั่วคราว เมื่อวานนางเริ่มหาบ้านในละแวกใกล้เคียง ดั่งที่คาด เมืองหลวงพื้นที่แพงดั่งทองคำ บ้านที่ดีหน่อยก็ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตำลึง ส่วนครอบครัวของนางมีคนมาก แม้ไม่คิดจะปักหลักอยู่ในเมืองหลวงยาว แต่บ้านจะเล็กเกินไปคงไม่ได้
หาอยู่สองวัน ก็ยังไม่เจอที่เหมาะสม
“ข้าว่าตอนนี้เ้าอยู่ที่บ้านข้าดีกว่า ในบ้านมีเรือนว่างมากมาย เราสองคนก็สนิทสนมกันมานาน อีกทั้งนายท่านข้าก็อยู่ ให้เขากับพี่เฉินได้แลกเปลี่ยนความรู้กันก็ดีงามนัก”
ตู้ิเจวียนเชื้อเชิญนางอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกชีเหนียงปฏิเสธ นับั้แ่ก้าวแรกที่ชีเหนียงเหยียบเข้าสู่เมืองหลวงก็เหมือนจะห่างเหินกับตู้ิเจวียน ใช่ว่านางไม่อยากสนิทสนมกับตู้ิเจวียน หากแต่นางมักจะลางสังหรณ์เสมอว่าการที่นางใกล้ชิดกับตู้ิเจวียนเกินไป บางทีอาจจะเป็การทำร้ายพวกนางก็เป็ได้ แต่ตู้ิเจวียนดีกับนางจากใจ นางเองก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายมากนัก
“ไม่ดีกว่า ต่อไปเราก็ต้องอยู่ที่นี่ จะอยู่บ้านเ้าไปตลอดคงไม่ได้ อีกอย่างแล้ว ต่อไปจิ่งเฉินก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว ในเมื่อเป็เื่ที่ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเกิด เช่นนั้นก็ไม่จำเป็ต้องทำให้มันซ้ำซ้อน”
“เอาล่ะ” ชีเหนียงมองนาง “ข้ารับรู้ความหวังดีของเ้า เ้าวางใจได้ เมื่อใดที่ข้า้าความช่วยเหลือจากเ้า ข้าจะไม่มีทางเกรงใจแน่”
ตู้ิเจวียนรู้ว่าชีเหนียงเป็คนยืนหยัดในความคิด เมื่อนางปฏิเสธชัดแจ้งแบบนี้ ไม่ว่าตนจะพูดอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดชีเหนียงได้แน่ ดังนั้นนางจึงได้แต่กำชับชีเหนียงว่า หากเกิดเื่ต้องมาหานาง!
รอจนนางรับประกันหลายรอบ ตู้ิเจวียนถึงจากไปอย่างวางใจ อันที่จริงเมื่อวาน นางตั้งใจมาเชิญชีเหนียงไปดูโรงชานมกับสถานความงามในเมืองหลวงกับนาง แต่ใครจะรู้ว่าชีเหนียงกลับพูดออกมาโดยตรงว่า ตอนนี้นางจดจ่อกับบ้านพักตากอากาศ ต่อไปกิจการสองแห่งในเมืองหลวงนี้ นางจะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว
แน่นอนว่าหากมีความ้าช่วยเหลือจากนาง นางจะไม่มีทางบ่ายเบี่ยง
“เหตุใดท่านแม่จึงห่างเหินกับท่านน้าตู้?” อันที่จริงตู้ิเจวียนเองก็รับรู้ถึงความห่างเหินจากนาง เพียงแต่คิดว่าชีเหนียงเพิ่งมาเมืองหลวง คงยังปรับตัวไม่ได้ จึงไม่ได้คิดมาก แต่ลั่วจิ่งเฉินไม่เหมือนกัน เขามักจะสังเกตชีเหนียงบ่อยครั้ง จึงค่อนข้างเข้าใจชีเหนียง
หากไม่ใช่เพราะเหตุผลพิเศษ ขอเพียงคนที่ดีต่อนาง นางมีแต่จะตอบแทนกลับไปมากกว่า ไม่มีทางทำตัวแย่กับคนผู้นั้น สำหรับสกุลลั่วแล้ว ตู้ิเจวียนมีบุญคุณกับพวกเขามากมาย ดังนั้นท่าทีของลั่วชีเหนียงต่อตู้ิเจวียน จึงทำให้ลั่วจิ่งเฉินเกิดความสงสัย
หากเป็เพราะตัวตนฐานะที่ต่างกัน เขาสามารถเติมเต็มได้ในภายหลัง อีกทั้งแม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของเขาจะเป็ตระกูลที่ทำการค้า แต่ก็ใช่ว่าจะทำการค้าขายอย่างเดียว เขามียศถาบรรดาศักดิ์จากการศึกษา ซึ่งไม่ได้ด้อยกว่าผู้อื่น ท่านแม่ไม่มีเหตุผลต้องทำเช่นนี้
มือของชีเหนียงที่ปิดประตูชะงัก จากนั้นปกปิดความซับซ้อนในแววตา แล้วกล่าวอย่างสบายใจ “ห่างเหินที่ไหนกัน แม่พูดความจริง จะปล่อยให้ตอนที่คนมายินดีกับงานมงคล แล้วต้องมาบ้านสกุลตู้คงไม่ได้หรอกนะ”
“แม่หวังว่าความภาคภูมิใจจะเป็เป็ของเ้า เพียงเพราะเ้าคือเ้า หากแต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แม้ว่าตระกูลหยางเข้ารับตำแหน่งใหม่จะเป็เื่ปกติ แต่ครอบครัวน้าตู้ไม่เหมือนกัน แม่ไม่หวังให้ถึงเวลานั้นจะได้ยินคนบอกว่าเ้าประจบสอพลอผู้อื่น จึงได้ขึ้นตำแหน่ง”
ลั่วจิ่งเฉินกระจ่างในทันใด เื่เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ผู้ที่มากความสามารถมากมาย เพียงเพราะความน่าเกรงขามของตระกูล จึงมักจะถูกกล่าวหาว่าพึ่งพาอาศัยความสัมพันธ์จึงได้มาซึ่งตำแหน่ง ท่านแม่พินิจได้ละเอียดลึกซึ้งจริงๆ
-----