นับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ ทั้งคุณวาคิมและฉันก็ต่างทำงานของตัวเอง โดยที่เขายังคงทำตัวเหมือนปกติทุกอย่างกลับมาเป็ท่านประธานมาดสุขุมดังเดิม เสมือนว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็เพียงแค่ภาพความฝันเท่านั้น แต่สำหรับฉันมันช่างกลับตรงกันข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ว่าความเจ็บตรงจุดกึ่งกลางกายสาวจะเบาบางลงมากแล้วก็ตามหลังจากได้ยาของเขามาทาทุเลา แต่ทว่า...ความรู้สึกทุกอย่างกลับยังคงชัดเจนอยู่ข้างในใจ มันยังตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านั้นคือความจริง และฉันก็ไม่อาจจะทำใจลืมเลือนไม่สนใจมันได้ลงเหมือนอย่างที่เขาทำ
กระทั่งเมื่อนาฬิกาบ่งบอกว่าเวลาของการทำงานได้สิ้นสุดลงแล้ว ฉันที่กำลังยืนรอเขาเซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายอยู่ก็ถูกคำพูด คำพูดหนึ่งดึงสติที่เหม่อลอยให้กลับมา
“เลิกงานแล้วอยู่ก่อนนะ” คนตรงหน้าพูดหลังจากจรดปากกาลงบนกระดาษใบสุดท้ายเสร็จ
“ท่านประธานมีอะไรจะให้มนต์รับใช้เหรอคะ” ฉันรับเอกสารจากเข้าเขามาแนบอก ก่อนจะเอ่ยถามไปตามหน้าที่
“การที่ผมคืนของชิ้นนั้นให้คุณไปแล้วไม่ได้หมายความว่าผมได้ในสิ่งที่ผม้าแล้วนะ” คนตัวโตเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับตัวที่เอนพิงพนักเก้าอี้ขนาดใหญ่
“ตะ...แต่ว่าเมื่อเช้า” ฉันที่รู้สึกใเพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะยังคงไม่ลืมสิ่งที่เขาพูดเอาไว้เมื่อเช้านี้
“ผมบอกแล้วว่าการที่คุณนอนเป็ท่อนไม้มันไม่ได้ทำให้ผมพึงพอใจเลยสักนิด” ชายตรงหน้ายังคงย้ำคำเดิมด้วยแววตาที่ส่งออกมาว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว
“กะ...ก็แล้วท่านประธาน้าให้มนต์ทำยังไงล่ะคะ” ฉันก้มหน้านิ่งอกกระเพื่อมสั่นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกเจ็บที่ยังไม่จางหายไปจากจุดกึ่งกลางกายสาวที่พลันแทรกขึ้นมาในห้วงความรู้สึก และกลัวว่าเขาจะซ้ำรอยเดิมจนปวดร้าวอีกครั้ง
แต่แล้วเสียงเหี้ยมเยือกเย็นเอ่ยออกมาอย่างไม่ยี่หระอะไรเหมือนกับว่าคำสั่งนั้นเป็เพียงแค่สั่งให้ทำงานง่าย ๆ อย่างเช่นไปถ่ายเอกสารเท่านั้น
“ก็ไม่แล้วไง คุณก็แค่ต้องสนองจนกว่าผมจะพอใจก็เท่านั้นเอง”
“แต่ท่านประธานค่ะ” ฉันตอบรับด้วยความใ และในขณะที่ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค
“ไม่มีแต่...และนับั้แ่นี้เป็ต้นไปคุณต้องมาหาผมทุกครั้งที่ผม้า” คนตรงหน้าหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ฉันที่กำลังยืนหูอื้อหลังจากได้ยินคำพูดจากเขา ก่อนที่ฉันจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยพูดประโยคที่ฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าจะพูดมันออกมาเลยนับั้แ่ที่ทำงานกับเขา
“ถ้าอย่างนั้นมนต์ขอลาออกค่ะ” น้ำเสียงหนักแน่นพูดพร้อมกับสายตามุ่งมั่น
“มั่นใจเหรอที่พูดออกมาแบบนี้ คุณรับผลกระทบที่จะตามได้แน่ใช่ไหม” ส่วนคนตัวโตที่หยุดเดินก่อนจะหย่อนกายลงนั่งยังมุมโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเขารู้อยู่แล้วว่าฉันจะตอบยังไง
“มะ...หมายความว่ายังไงคะ” ดวงตากลมโตสั่นระริกยามช้อนขึ้นไปมองใบหน้าเ้าเล่ห์ของคนตรงหน้า พร้อมกับเอ่ยถามด้วยหัวใจที่สั่นไหว
“ถ้าอยากรู้ก็แค่ลองดู” ก่อนที่คนใจร้ายจะยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระ เพราะเขาเองก็ไม่คิดจะพูดเล่นเหมือนกันในเมื่อเธอได้มาปลุกสัญชาตญาณดิบในกายเขาให้ลุกโชนขึ้นมาแบบนี้แล้ว เธอเองก็ต้องรับผิดชอบมันเหมือนกัน
และด้วยคำพูดของคนที่มีอำนาจในมืออย่างคนตรงหน้าแล้วนั้น ก็ทำให้ฉันได้แต่ก้มหน้าคิดทบทวนถึงผลกระทบที่จะตามมา เพราะไม่ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเ้านายของฉันเขานั้นมีอำนาจและคอนเนคชั่นมากขนาดไหน และคงไม่ต้องถามว่าถ้าหากฉันก้าวเท้าออกไปจากบริษัทนี้โดยมีคำขู่ของเขาพ่วงตามหลังมาด้วยแล้วนั้น อนาคตการทำงานของฉันคงดับสูญอย่างไม่มีชิ้นดีแน่นอน อีกทั้งไม่ต้องคิดถึงช่องทางทำมาหากินอื่นใด แม้แต่จะยืนอยู่ในประเทศนี้ได้อีกไหมก็ยังเป็เื่ที่ทำได้ยาก
“นานแค่ไหนคะ” ก่อนที่ฉันจะกลั้นใจถามออกไปหลังจากที่ใช้เวลาคิดทบทวนอย่างรวดเร็ว
“ไม่รู้...อาจจะจนกว่าผมจะพอใจล่ะมั้ง” คนตั้งเงื่อนไขตอบตามความจริง เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไรเขาจะเบื่อเธอหรือว่าเมื่อไรที่เขาจะเจอสิ่งใหม่ที่น่าสนใจมากกว่านี้
สิ้นคำตอบจากคนตรงหน้า หญิงสาวได้แต่ก้มหน้านึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปก่อนหน้านี้
“ตะ...แต่ว่าวันนี้มนต์ เอ่อ ยะ...ยังเจ็บ” ฉันที่ปลงตกกับชะตาชีวิตของตัวเองกับสิ่งที่ต้องเจอกลั้นใจพูดออกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายในขณะนี้ เพราะแม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตัวฉันเองจะไม่อาจหลีกเลี่ยงอะไรได้อีกแล้วเพราะฉะนั้นฉันก็คงต้องเซฟตัวเองเอาไว้บ้าง
“ผมรู้...” คนตัวโต้ตอบ
“ถะ...ถ้างั้นมนต์ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”
และในจังหวะที่ฉันกำลังหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองนั้น เสียงทุ้มต่ำของผู้เป็เ้านายและกลายมาเป็เ้าชีวิตก็เอ่ยขึ้น
“แต่ปากของคุณไม่ได้เจ็บนี่...!!”
ฝีเท้าที่กำลังจะเดินก้าวไปถึงกับหยุดชะงักทันที ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นมันหมายความว่าอะไร เพราะด้วยสารคดีทั้งแบบเอเชีย ยุโรป ที่เคยผ่านตาของฉันมาบ้างทำให้ฉันรู้ในสิ่งที่เขา้าจะสื่อเป็อย่างดี เพียงแต่...พวกสารคดีเ่าั้ฉันเคยแค่ดูเท่านั้น ฉันยังไม่เคยลงมือทำให้ผู้ชายคนไหนในชีวิตจริงมาก่อนเลยสักครั้งเดียว
และในขณะที่ฉันยังยืนตัวแข็งทื่ออึ้งกับคำพูดของคนด้านหลังอยู่นั้น เสียงรูดซิปลงช้า ๆ เฉกเช่นเดียวกับเสียงเมื่อเช้าที่ฉันได้ยิน ก่อนที่หลังจากนั้นฉันจะต้องมาปวดแสบตรงหว่างขาจนถึงเวลานี้ก็ได้ดังขึ้นแถมยังมาพร้อมกับเสียงเข้มที่เอ่ยปากออกคำสั่งอีกด้วย
“หันมาทางนี่สิ...” เสียงเข้มสั่ง
“...............” ส่วนฉันยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง ด้วยเพราะรู้ดีว่าถ้าหากหันไปฉันต้องเจอกับอะไร
“ผมบอกให้หันมาไงครับ...คุณมนต์” เสียงเดิมเอ่ยย้ำพร้อมกับเพิ่มความดุดันขึ้นเล็กน้อย
“ตะ...แต่มนต์ไม่เคยทำ” ฉันพูดตะกุกตะกักพร้อมกับหันหน้าไปเผชิญลำเอ็นสีน้ำตาลขนาดใหญ่ที่ยื่นยาวออกมาจากกางเกงท้าสายตากลมโตให้เห็นเต็มตาอีกครั้ง
“แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่เป็นี่ครับ ในฐานะเ้านายผมรู้ดีว่าคุณมนต์เป็คนเรียนรู้ไวขนาดไหน” เ้าของลำเอ็นขนาดใหญ่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะส่งสายตาเป็คำสั่งกลาย ๆ ว่าให้ฉันเดินเข้ามาจัดการตัวปัญหาที่อยู่ตรงหว่างขาของเขาเสีย
“ถ้าอย่างนั้นมนต์ขอไปเรียนรู้ก่อนได้ไหมคะ ละ...แล้วเดี๋ยวมนต์...” และในจังหวะที่ฉันกำลังต่อรอง
“การปฏิบัติจริงถือว่าเป็การเรียนรู้ที่ดีที่สุดครับ” คนตัวโตพูดดักคอ ด้วยสายตาแพรวพราว
“แต่ว่า...”
“หรือคุณจะใช้ตรงนั้นทำแทน ถ้างั้นผมเองก็ไม่ติดนะ” ชายหนุ่มที่ดูไม่แยแสในอาการหวาดหวั่นของหญิงสาวสักนิด พูดพร้อมกับปรายตามองไปยังจุดกึ่งกลางกายสาว จนคนถูกมองถึงกับขนลุกซู่
สิ้นคำขู่ร่างบางถึงกับรีบตรงเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคนใจร้ายทันที ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ หย่อนกายลงคุกเข่าแล้วจัดการเ้าเอ็นแข็งด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
“อ้าปากซิ...” คนตัวโตออกปากสั่ง โดยที่มือส่งมาเกลี่ยริมฝีปากนุ่มช้า ๆ
“กว้างกว่านี้ คุณก็รู้ดีว่าอ้าแค่นี้มันไม่พอกับ...” เขาออกคำสั่งย้ำอีกครั้ง ส่วนฉันก็ทำได้เพียงแค่ทำตาม
“ดีมาก จากนั้นก็ค่อย ๆ ครอบมันช้า ๆ ระวังฟันด้วยล่ะ” คำพูดที่คล้ายกับครูกำลังสอนลูกศิษย์ โดยที่ลูกศิษย์อย่างฉันก็ค่อย ๆ ครอบงำกลืนกินตัวตนของครูตรงหน้าเข้าไป
“อึก...อ่อก...อืออออ ~~ อ่อก ~~”
“อ่าาาาซ์ ~~ อย่างนั้นแหละ จากนั้นก็ดูด...ดูดให้เหมือนกับว่าคุณกำลังกินไอติมอยู่” ใบหน้าคมเข้มเชิดขึ้นร้องครางกระเส่า พร้อมกับปากที่ไม่หยุดสอนสั่ง
“อึก...อึก...จ๊วบๆๆ”
“อย่างนั้นแหละ อืมมมมม ~~ เก่งมาก”
และด้วยคำชมแสนแ่เบาที่ฟังดูอ่อนหวาน บวกกับช่องปากที่เหมือนจะปรับตัวเข้ากับลำเอ็นของเขาได้แล้ว ทำให้ฉันนึกครึ้มออกแรงขยับริมฝีปากกดเม้มไปยังหนังหุ้มปลอกขึ้นลงพร้อมกับดูดท่อนเอ็นนั้นเป็จังหวะไปมา
จ๊วบๆๆ แผล็บๆๆ
“อ๊าาาา...ซี๊ดดดดด ~~ ดีมากอย่างนั้นแหละ อืมมมม ~~” เสียงครวญครางร้องคำรามออกมาไม่เป็ศัพท์ด้วยความรู้สึกเสียววาบไปทั่วเอ็นอุ่นทำให้เ้านายหนุ่มได้แต่ประคองหัวทุยเล็กให้โยกเข้าออกเป็จังหวะ
“อึก...อ่อก ~~” ดวงตากลมสวยถึงกับมีน้ำใสไหลคลอหลังจากถูกปลายหัวมนของท่อนเนื้อยาวที่คับปากแน่นทิ่มทะลวงไปถึงคอหอย
“เม้มปากซิมนต์...ซี๊ดดดดด ~~ ผมจะไม่ไหวแล้ว ปากคุณมันโอบรัดตัวตนผมไว้แน่นไปหมด...” คำชมระคนคำสั่งถูกป้อนใส่หญิงสาวที่ตอนนี้น้ำตาไหลเป็ทางเนื่องจากสิ่งที่อยู่ในปากคับแน่นเกินจนแทบหายใจไม่ออก
จากนั้นหัวทุยเล็กสั่นคลอนได้ไม่นาน ภายในริมฝีปากอวบก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกตอดที่ส่งมาเป็จังหวะจากลำเอ็นเนื้อ และด้วยความหัวเร็วในการเรียนรู้ของเธอดั่งที่เ้านายของเธอเอ่ยปากชมเอาไว้ นั่นจึงทำให้เธอไม่รอช้ารีบขยับเรียวปากให้เร็วขึ้นพร้อมกับเม้มเนื้อหยุ่นที่เป็เสมือนปลอกครอบดุ้นเนื้อเอาไว้ เพื่อรูดเอาน้ำสีขาวขุ่นให้พวยพุ่งผ่านลำคอลงไป
“อ๊ะ...อ๊ะ...อืม...อ่าาาาส์” มือหนาที่ประคองหัวทุยของหญิงสาวเอาไว้ได้แต่รวบเรือนผมขยุ้มแน่นอย่าง้าระบายความเสียว พร้อมกับคำรามลั่นออกมาหลังจากที่ปลายหัวมนที่อยู่ในปากหญิงสาวได้ปลดปล่อยลาวาขุ่นพุ่งออกมา
“อึก...อึก...อึก” ลำคอระหงกระดกดื่มกินน้ำรักที่ล้นอยู่เต็มปากด้วยความจำใจเพราะด้วยขนาดที่ใหญ่โตคับปากทำให้เธอไม่อาจคายน้ำคาวออกมาได้ แต่ทว่า...การกระทำของเธอนั้นกลับทำให้เ้าของน้ำสีขาวขุ่นรู้สึกพึงพอใจในเสียงกลืนน้ำรักของหญิงสาวที่เขาฟังแล้วช่างแสนจะไพเราะเสนาะหู
“หึ...เก่งพอตัวเลยนี่หน่าแล้วบอกว่าครั้งแรก คุณมนต์คุณช่างทำให้ผมประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนะ” คนตัวโตเอ่ยปากชมก่อนจะถอดไอ้ตัวเ้าปัญหาออกจากปากอุ่นชื้นแล้วจัดการจับมันเก็บกลับไปอยู่ในรังตามเดิม
“เฮือก ~~ แฮ่กๆๆ มนต์กลับได้แล้วใช่ไหมคะ แค่ก...แค่ก...” หลังจากที่ในโพรงปากสาวของฉันไร้ซึ่งของแปลกปลอมแล้วเสียงหอบเอาอากาศเข้าหายใจก็ดังสวนออกไปจนฉันไม่ได้ฟังคำพูดเหน็บแนมจากคนตรงหน้าเลยสักนิด ก่อนที่ตัวเองจะหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเตรียมตัวจะหันหลังกลับไป
และในจังหวะที่ฉันหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองนั้น เสียงที่ดังตามหลังมาก็ทำให้ฉันรู้สึกฉงนใจเม้มปากแน่นในทันที...
